Author: Nopmanee

วันนี้ Kinlakestars.com ขอพาไปนั่งจิบชา ทานขนมอยู่ในคาเฟ่เล็กๆ แสนสงบ พร้อมด้วยบรรยากาศอันอบอุ่นแบบไทยโบราณผสมตะวันตกทางยุโรปกันอย่างลงตัว ที่โรงแรม The Siam ซึ่งหลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อกันนัก ไม่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไม่ได้มีรถไฟฟ้าเข้าถึง มีเพียงเรือที่จะพาคุณล่องมาทางแม่น้ำเจ้าพระยามาขึ้นที่ท่า หรือถ้ามาทางรถยนต์ก็แนะนำค่ะ ซึ่งทั้งสองทางที่ว่านี้ คุณจะพาคุณไปพบกับบรรยากาศโดยรวมของโรงแรมที่แตกต่างกันออกไป “หากคุณอยากหาคาเฟ่เล็กๆ สงบๆ พร้อมสรรพไปด้วยขนมและชา ปลีกตัวจากความวุ่นวายทั้งหลายของเมือง ที่นี่คุ้มค่าที่จะมาค่ะ” ส่วนวันนี้เรามาทางรถยนต์ค่ะ ได้เดินมาในโถงบันไดที่ปูด้วยหินอ่อน สีขาวปนเทาที่ได้เลือกลายมาเป็นอย่างดีแล้วถึงได้ดูสวยงามเข้ากันดี เจอโถงทางเดินให้เลี้ยวไปทางซ้าย พบกับคอร์ทยาร์ดที่มีน้ำพุและต้นไม้สีเขียวดูสบายตาอยู่ตรงกลาง เท่านี้เราก็เริ่มคิดแล้วว่า นี่เราหลุดมาอยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย? ยิ่งเดินผ่านเฟอร์นิเจอร์โบราณที่เป็นของสะสมของเจ้าของโรงแรมหลายๆชิ้นเข้า ก็ยิ่งรู้สึกถึงความพิถีพิถันในรายละเอียด การจัดวางที่เหมาะสมของที่นี่เข้าไปทุกที เมื่อเดินถึงร้าน Café Cha เปิดประตูกระจกเป็นบานเฟี้ยมที่มีรางเลื่อนอยู่ด้านล่างเข้าไป ยืนอยู่บนพื้นไม้ท่ามกลางโต๊ะและเก้าอี้ไม้แบบโบราณที่น่านั่งสบายด้วยตัวของเนื้อไม้จริง เราได้สั่งชุดน้ำชา สำหรับ 2 คนมาพร้อมกับชา Ronnefeldt กันคนละกา (ชุดละ 1,350++ บาท) เชฟดำริผู้สร้างสรรค์ชุดนี้ขึ้นมาได้แนะนำให้ลองทาน Scone จากชั้นล่างก่อนเป็นอันดับแรก เราจึงลองแบบ plain กัน ซึ่งเค้าก็ได้ออกตัวไว้ก่อนเลยว่าของที่นี่จะเป็นแบบสไตล์อังกฤษนะ มันจะไม่นิ่ม ซึ่งก็จริงค่ะ ส่วนตัวว่าเนื้อแน่นดี แต่ก็ร่วน หั่นออกมาแล้วมีหลายชิ้นไปหน่อย อันนี้มาพร้อมกับแยมสตรอเบอร์รี ครีมเลมอน ที่หวานๆเปรี้ยวเล็กๆจากเลมอน หอมเลมอน และเนยที่ผ่านการตีมาเล็กน้อยแล้วจึงดูพองฟูขึ้น นอกจากนี้ชั้นนี้ยังมีผลไม้สำรับเล็กๆให้ได้ทานคั่นรายการกันก่อนด้วย ส่วนดอกอัญชันผู้มีสารพัดประโยชน์นั้นมาจากในสวนที่ ที่นี่ปลูกเอง จึงไม่มีสารพิษใดๆ ช่วยประดับสวยงามและลองทานได้ด้วย          แล้วมาต่อกันที่ชั้นที่ 2 ที่เป็นเหล่าแซนด์วิชและแฮมเบอร์เกอร์จิ๋ว โดยที่นี่จะทำทุกอย่างเองตั้งแต่ขนมปังเลย ขนมปังจึงนุ่ม ผิวเป็นสีส้มสวย แฮมเบอร์เกอร์ไส้แซลมอนที่นำแซลมอนสดมาหมักข้ามวันกับ 2 คืน แล้วสไลด์มา รสชาติของแซลมอนที่นี่จึงไม่จำเป็นต้องเค็ม ความเป็นแซลมอนและกลิ่นหอมยังอยู่ครบ โดยชิ้นนี้จะเค็มนิดๆด้วยเนยกระเทียมบางๆซะมากกว่า แฮมเบอร์เกอร์ไส้แฮม ที่ใช้ชีสรสเค็มช่วยตัดรสชาติ ต่อด้วยแฮมเบอร์เกอร์ไส้ไข่กับมายองเนสและผักสลัดรสเบาๆให้ไม่เลี่ยน          มาถึงขนมปังสีขาวนุ่มฟูเป็นไส้มายองเนสและแตงกวาที่ช่วยเติมความหวานฉ่ำ สดชื่น และชิ้นสุดท้ายของชั้นนี้เป็นพายถ้วยเล็กไส้แฮม…

Read More

หากคุณมองหาร้านเบอเกอร์ดีๆซักร้าน 25 Degrees เป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้ามเลย เพราะด้วยคุณภาพวัตถุดิบที่นำมาใช้อีกทั้งรสชาติ สัมผัสที่น่าจดจำเป็นเอกลักษณ์ และด้วยที่ร้านนี้เปิด 24 ชม ไม่มีปิด! ร้าน 25 Degrees แต่เดิมนั้นมีสาขาแรกที่โรงแรม Roosevelt เมือง Los Angeles ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่สาขาที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้ ตั้งอยู่ที่โรงแรมพูลแมน จี สีลม ประเทศไทยนี้เอง โดยชื่อ 25 อาศา (ฟาเรนไฮต์) นั้นมาจากอุณหภูมิระหว่าง สุกดีแล้ว กับ ดิบ ของเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ โดยร้านนี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่ Hamberger  และมีทั้ง All day breakfast ,ของหวาน, Hotdog, Salad, Craft your own (คือครีเอทและสร้างสูตรเบอเกอร์ของคุณขึ้นมาเองได้) และของแกล้มอื่นๆ อีกทั้งเครื่องดื่มขึ้นชื่อ เช่น มิลเชครสต่างๆและดราฟเบียร์ ภายในร้านตกแต่งด้วยสีดำแดงเป็นหลัก มีลักษณะให้กลิ่นอายแบบอเมริกันสไตล์ มีที่นั่งทั้งแบบเข้ามุมส่วนตัว โต๊ะธรรมดา และบาร์ ซึ่งสามารถเลือกสรรได้ตามสไตล์ผู้กินเลย บรรยากาศสบายๆเป็นกันเองไม่เป็นทางการครับ มาถึงเบอเกอร์ตัวเเรกกันเลยครับ Number 1 เป็นเบอร์เกอร์คุณภาพสูงครับโดยใช้ US Beef มีรสชาติของบลูชีสเด่นออกมาถ้าคนชอบบลูชีสอยู่แล้วจะชอบทั้งกลิ่นและรสมากแต่ถึงไม่ชอบก็ไม่เป็นไรเพราะกลิ่นไม่ได้แรงมากนักและจากการที่ผสมผสานกับส่วนผสมอื่นๆทำให้กลิ่นที่ออกมานั้น  หอม กลมกล่อม เพิ่มความมันหอมสโมคและเค็มอีกนิดๆด้วยเบคอนย่างกรอบหน่อยๆ ควบคู่มากับสลัดผักสดๆจากโครงการหลวง ที่สดกรอบฉ่ำสดชื่นอร่อย เข้ากันได้ดีกับนำ้สลัดเทาซันไอส์แลนด์ที่มีรสมันเค็มหวานเปรี้ยวนิดๆ เบอร์เกอร์ชิ้นนี้อร่อยลงตัวมากครับเรียกได้ว่าให้ 10 เต็ม 10 เลยทีเดียว มาที่นี้ต้องลองอันนี้ครับ มาถึงตัวที่ 2 กันครับ Thai Burger หรือเบอเกอร์ลาบนั้นเองครับ เบอเกอร์ตัวนี้ทางร้านต้องการแสดงออกถึงความเป็นไทยทั้งจากส่วนผสมและรสชาติครับ แน่นอนว่าพูดถึงอาหารไทย นอกจากต้มยำกุ้ง ส้มตำ ลาบก็เป็นอีกสิ่งที่ขึ้นชื่อในอาหารไทย สำหรับเบอเกอร์ตัวนี้ ส่วนประกอบหลักๆประกอบด้วยกะหล่ำขาวสดๆรสชาติจึงจะออกจืดๆกรอบๆครับให้ความสดชื่นเล็กน้อย เข้าใจว่าเลือกกะหล่ำขาวมาเพื่อเป็นเบสให้กับลาบหมู เรามาดูตัวเนื้อเบอเกอร์กันครับ ลาบหมูที่ผสมเครื่องเทศไว้เรียบร้อยแล้วเนื้อหมูนิ่มดีแต่ในเรื่องรสชาติผมว่ามันยังไม่ถึง เหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง คาดว่ารสชาติจะอ่อนไปหน่อยครับน่าจะใส่เครื่องเทศให้รสชาติมันเด้งออกมาหรือชัดกว่านี้หน่อยครับ นอกจากนี้ในเบอเกอร์นี้ก็ยังใส่ใบกระเพราและมะเขือซึ่งช่วยดึงรสให้ความรู้สึกเหมือนกินลาบหมูจริงๆ สำหรับเบอเกอร์ชิ้นนี้ผมว่าน่าจะเพิ่มส่วนของรสชาติลาบหมูอีกนิดจะดีมากครับ Truffle Fries ที่มาในรูปแบบของเฟรนฟรายด์สีเหลืองทอง คลุกน้ำมันเห็ดทรัพเฟิลและผงเห็ดทรัฟเฟิล จนมีกลิ่นที่หอมชวนน้ำลายสอกว่าปกติ เพราะเพียงยกมาตั้งสิ่งที่สะดุดผมเป็นอย่างแรกไม่ใช่หน้าตาแต่เป็นกลิ่นทรัฟเฟิลที่ลอยมาเตะจมูกอย่างจังเลย ด้วยความที่ชอบกลิ่นทรัฟเฟิลอยู่แล้วด้วย เลยยิ่งชอบมากเลยครับ เฟรนฟรายด์ทอดได้กรอบและไม่มีนำ้มันเลย กรอบหอมทรัฟเฟิล เป็นเฟรนฟรายด์ที่น่าประทับใจมากครับ โดย…

Read More

ซูชิอร่อยสุโก้ยที่เดอะรูฟ แกสโตร ตลอดเดือนพฤษภาคมนี้ เดอะรูฟ แกสโตร ชั้น 25 สยาม แอ็ท สยาม ดีไซน์ โฮเต็ล กรุงเทพนอกจากอาหารชั้นเลิศในสไตล์กัสโตร กรูเม่ต์และวิวแบบพาโนรามาอันสวยงามของเมืองเก่าและเมืองใหม่แล้ว หากอยากมานั่งชิลแบบเพลินๆ กับเครื่องดื่มแก้วโปรด และไม่อยากทานอาหารหนักท้องจนเกินไปที่เดอะรูฟมีบริการเมนูซูชิให้ทานแบบเบาๆ ได้แก่ ถั่วแระญี่ปุ่น (100 บาท), ซาชิมิรวม 3 อย่าง (980 บาท)หรือซาชิมิรวม 5 อย่าง (1,500 บาท) ประเภทนิงิริซูชิหน้าต่างๆ 5 ชิ้น (700 บาท) และ 10 ชิ้น (1,250 บาท) รวมทั้งซาชิมิ และซูชิโรลหน้าต่างๆ รวมกว่า 20 เมนูที่ล้วนคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ทุกวัน และราคาคุ้มค่าแน่นอนสำรองที่นั่งล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติมที่ 0 2217 3000 หรืออีเมล [email protected] Sensational Sushi This May, chill-out and enjoy a sensational Japanese meal experience at Siam@Siam DesignHotel B angkok’s The Roof Gastro. Our creative chefs have put their heads together toprepare for you the Sushi Menu that reflects the best of the Japanese culinary tradition. The delicacy embodies the world-renowned and…

Read More

จิบชาแกล้มขนมดูความเป็นไปของเมืองจากมุมสูง 360 องศาใจกลางสาธร @ Vertigo Too, Banyan Tree Bangkok วันนี้  Kinlakestars.com – กินแหลกแจกดาว ขอพาทุกท่านสวมวิญญานเป็นผู้ดีอังกฤษจิบชา แกล้มขนม และของว่าง ซึ่งยังเลือกได้ว่าจะจิบชาหรือเพิ่มเป็นแชมเปญของ Moët & Chandon Brut Imperial บนชั้น 60 กับวิวจากยอดตึกสูง 360 องศา ใจกลางสาธร ที่สามารถมองเห็นความเป็นไปของเมือง สถานที่ สวนลุมพินี สนามม้าราชดำริ ถนนวิทยุ โค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา สะพานพระราม 9 และสถานที่อื่นๆได้ อีกทั้งที่นั่งก็มีให้เลือกตั้งแต่ โต๊ะเก้าอี้ และโซฟาเบดที่ทำให้คุณเอนหลังแล้วเหยียดขายาวๆได้ พร้อมกับรับฟังดนตรีสดตั้งแต่บ่าย 2 เป็นต้นไป ซึ่งนับว่าเป็นการจิบชาที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ชุดน้ำชาชุดนี้ 1 ชุด นอกจากขนมปัง ขนมเค้ก แล้วยังรวมชา Ronnefeldt ที่มีหลายกลิ่นให้เลือก 9 ตัว ทั้ง Red Roses, Mango Dream, Earl Grey, Classic English Tea เป็นต้น ในราคา 880++ บาท หรือ เพิ่ม Moët & Chandon Brut Imperial  1 แก้ว ราคาแก้วละ 1299+ เสิร์ฟระหว่าง บ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น เฉพาะวันสุดสัปดาห์เท่านั้น  หากจะกล่าวในส่วนของชานั้น ที่นี่ใช้ชาของ Ronnefeldl ซึ่งนับว่าเป็นชาเกรดสูง คุณภาพดีมากเลยทีเดียว มีให้เลือกหลากหลายชนิด ซึ่งก็จะต่างรส ต่างกลิ่น ต่างอารมณ์กันไป ในครั้งนี้เราได้ลองเป็น Rosé Tea หรือชากุหลาบนั่นเองค่ะ ซึ่งสีชมพูออกแดงระเรื่อ…

Read More

ชุดอาหารไทยมหาสงกรานต์ เต็มอิ่มจากตัวแทนอาหารทั้งสี่ภาคของประเทศไทย ในรสต้นตำหรับถูกปากคนไทย ถูกใจชาวต่างชาติ วันนี้ kinlakestars.com ขอพาไปทานอาหารไทย 4 ภาค จากการรังสรรค์ของเชฟเรณูกันอีกครั้ง (ที่คราวที่แล้วเป็นข้าวแช่ชาววังในชุดเชี่ยนหมากเงิน ติดตามต่อได้ที่นี่) อาหารชุดนี้เป็นอาหารชุดที่มี เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ไล่สลับจับเรียงกันไป จากทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ อีกทั้งยังมาในคำเล็กๆน่ารักๆจนกระทั่งกลายเป็นข้าวและกับ ของหวาน ไปจนอิ่มกำลังดี กินอาหารไทย 4 ภาค ต้อนรับมหาสงกรานต์ ชมพระอาทิตย์ตกดินไปกับทัศนียภาพเส้นขอบฟ้ากรุงเทพมหานครทั้งเมือง หนึ่งเดียวในประเทศไทย ข้าวแช่ชาววังครบเครื่องที่เสิร์ฟมาในเครื่องเชี่ยนหมากขันเงิน โดยเชฟเรณู และมีการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบเพื่อความเหมาะสม กับการบริการและต้อนรับที่จะทำให้ทุกคนประทับใจและไม่รู้ลืม เริ่มตั้งแต่การล้างมือให้แขกทุกท่านด้วยน้ำสมุนไพรถึงโต๊ะ เช็ดมือ และดอกไม้ทัดหูสำหรับแขกผู้หญิงทุกคน” +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เริ่มกันจากของทานเล่นอย่างข้าวตังกันก่อนเลย ด้วยข้าวตังแผ่นไม่หนามากวางสลับกับแผ่นขนมทองม้วนผสมสมุนไพรชิ้นเล็กๆประปรายไปตลอดแผ่นพร้อมกับน้ำจิ้มให้เลือกทานถึง 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกหนุ่มแบบชาวเหนือ น้ำจิ้มสีขาวรสเหมือนหลน และถ้วยสุดท้ายที่เป็นสีแดงๆ คือหมูสับกับน้ำพริกแกง เค็มนิดและมีเผ็ดลอยขึ้นมาจางๆให้ช่วยสร้างสีสันต์ปิดท้ายจานนี้ จานถัดไปเป็นเหมือนบทนำของการพาเราไปเที่ยวเมืองไทยให้ครบทั้ง 4 ภาคกัน อย่างมินิขันโตกที่มาในรูปชิ้นเล็กๆ 4 อย่างด้วยกัน ที่ให้ทานเรียงจากซ้ายไปขวา มีไม้ปลายแหลมปักกลางไว้เห็นสีและรูปร่างเผินๆคล้ายทอดมัน แต่มิใช่ นี่คือไก่ทอดที่มีความกรอบอยู่ที่ผิว ตัวเนื้อนิ่มด้วยเนื้อไก่ผสมมันเล็กน้อย มีรสชาติเป็นของตัวเองอยู่ในตัว โดยไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มไก่อย่างทั่วไป วางมาบนใบมะกรูดที่มีกลิ่นหอมและสรรพคุณเฉพาะตัว ทั้งยังมีสีเขียวเข้มช่วยส่งให้สีของไก่ได้ตัดกันมากขึ้นด้วย ถัดไปเป็นเนื้อชิ้นเล็ก (อันนี้ถ้าไม่ทานเนื้อขอเปลี่ยนเป็นหมูแทนได้ค่ะ) รสหวานๆหน่อย นึกถึงเนื้อสวรรค์ ราดงา แต่ไม่แข็งจนทำให้เคี้ยวยาก กลัดมาน่ารักในทรงสามเหลี่ยมด้วยใบเตย ซึ่งอันนี้ทานหลายๆชิ้น (จากคนข้างๆด้วย กลายเป็น 6 ชิ้น) ก็ยังไม่ทำให้รู้สึกว่าหวานไป ชิ้นที่ 3 เป็นไส้อั่ว ที่มีรสของสมุนไพรต่างๆมาเต็ม ไม่มีความเผ็ดดี พร้อมใบมิ้นท์และผักกาดขาว ดูคนที่มาด้วยติดใจมากเลย ชิ้นที่ 4 เป็นแตงกวาคว้านเหมือนถ้วยจิ๋วใส่หมูสับปรุงรสเผ็ดนิดๆ พร้อมแค๊บหมู และมีรสหวานฉ่ำสดชื่นจากแตงกวา จานต่อไปเป็นส้มตำและลาบเป็ด (ถ้าคนไม่ทานเผ็ดควรรีบบอกเค้าก่อน) ส้มตำนั้นรสจัดจ้าน เผ็ดด้วยพริกสดและพริกแห้ง เข้มข้นคนไทยทาน มีปนหวานด้วย ส่วนลาบเป็ดนั้นมีเปรี้ยว หวาน เค็ม มาครบ แบบนี้แหละที่ชอบกิน…

Read More

ห้องอาหารยามาซาโตะ (Yamazato) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฉลองเทศกาลวันเด็กผู้ชาย หรือ ทังโกะ โนะ เซ็กกุ (Tango No Sekku) ในภาษาญี่ปุ่น ด้วยเมนูพิเศษให้บริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 8 พฤษภาคม 2559 วันเด็กผู้ชายของประเทศญี่ปุ่นตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปี ในปัจจุบันถือว่าเป็นวันเด็กแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า โคโดโมะโนะฮิ (Kodomonohi) วันเด็กผู้ชายของประเทศญี่ปุ่นมีความเป็นมายาวนานกว่าพันปี ครอบครัวที่มีบุตรชายจะประดับโต๊ะตุ๊กตาใส่ชุดนักรบ หรือชุดซามูไร และจะตั้งเสาธงปลาคาร์ฟไว้ภายในบริเวณบ้าน โดยธงปลาคาร์ฟจะมีปลาคาร์ฟอย่างน้อยสามตัว คือ พ่อปลา แม่ปลา และลูกปลา ให้ขึ้นไปแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า เพื่อแสดงความยินดี และขอให้บุตรชายมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ ไร้โรคภัยไข้เจ็บ เป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย โตวันโตคืน โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลวันเด็กผู้ชายด้วยการประดับธงรูปปลาคาร์ฟที่บริเวณหน้าโรงแรม และประดับโต๊ะตุ๊กตาใส่ชุดนักรบ หรือชุดซามูไร ไว้บริเวณหน้าห้องอาหารญี่ปุ่นยามาซาโตะ นอกจากนั้นเชฟชิเงรุ ฮางิวาระ (Shigeru Hagiwara) หัวหน้าพ่อครัวประจำห้องอาหารยามาซาโตะ ยังได้ตระเตรียมเมนูอาหารชุดพิเศษสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำ เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ร่วมเฉลิมฉลองวันเด็กผู้ชายกันอย่างพร้อมหน้า และถือเป็นการร่วมสืบสานเทศกาลวันเด็กผู้ชายของประเทศญี่ปุ่น เมนูอาหารชุดมื้อกลางวัน ประกอบไปด้วยอาหารน่ารับประทานหลากหลายรายการ อาทิ เต้าหู้งาโรยด้วยกระเจี๊ยบและเก๋ากี้ ซุปปลาชาเขียว และเห็ดชิเมะจิย่าง ปลาดิบชั้นดี (ปลาทูน่า และปลาทรายแดง) ปลาหางเหลืองย่าง เทมปุระ และเมนูน่ารับประทานอีกหลายรายการ ที่พลาดไม่ได้คือเมนูขนมหวานประจำเทศกาลวันเด็กผู้ชาย คาชิวะโมจิ ซึ่งเป็นขนมแป้งข้าวเหนียวไส้ถั่วแดงห่อด้วยใบคาชิวะ หรือใบโอ๊ค ซึ่งใบคาชิวะนี้เป็นใบไม้ที่แข็งแรงและอดทนกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี จึงมีความหมายเพื่ออวยพรให้เด็กผู้ชายมีความอดทน แข็งแกร่ง และมีชีวิตยืนยาว เหมือนใบคาชิวะ เมนูอาหารชุดมื้อกลางวัน ส่วนเมนูอาหารชุดมื้อค่ำ “ไคเซกิ” ประกอบไปด้วย ซุปใสร้อนใส่ปลาทรายแดงและเห็ดชิเมะจิ ปลาดิบชั้นดี (ท้องปลาทูน่า กุ้งหวาน ปลาหางเหลือง และหอยแครงญี่ปุ่น) ตับห่านกับปลาย่าง หัวปลาทรายแดงตุ๋นซีอิ๊วญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นเมนูสำคัญสำหรับวันเด็กผู้ชายเนื่องจากหัวปลาทรายแดงมีรูปร่างเหมือนหมวกนักรบญี่ปุ่นที่เป็นสัญลักษณ์ของวันเด็กผู้ชายนั่นเอง นอกจากนั้นยังมีเมนูน่ารับประทานอื่น ๆ อีก ปิดท้ายเมนูอาหารค่ำชุดพิเศษนี้ด้วย คาชิวะโมจิ ขนมหวานพิเศษสำหรับวันเด็กผู้ชาย อาหารค่ำชุดพิเศษสำหรับเทศกาลเด็กผู้ชายนี้ราคาชุดละ 3,000++ บาท นอกจากนั้น เชฟ ฮางิวาระ ยังได้เตรียมอาหารชุดพิเศษสำหรับให้บริการเด็กอายุไม่เกิน 12 ปีในช่วงเทศกาลวันเด็กผู้ชายทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำในราคาเพียงชุดละ 350++ บาทเท่านั้น อาหารชุดพิเศษสำหรับเทศกาลวันเด็กผู้ชาย มีให้บริการระหว่างวันที่ 29 เมษายน…

Read More

“1823 ที เลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์” ทีเลานจ์สุดหรูแห่งแรกและแห่งเดียวของโลกโดยรอนเนอเฟลด์ นำเสนอเมนูเครื่องดื่มดับร้อนต้อนรับซัมเมอร์นี้ ซึ่งใช้ชาเบลนด์ของทางร้านเป็นองค์ประกอบหลัก เริ่มที่ Melon Splash(เมล่อนแสปลช) (190++) ที่ใช้ชา Pai MuTan(รสเมล่อน) เป็นองค์ประกอบหลักผสมด้วยน้ำมะนาว, น้ำสับประรด เติมความหอมหวานด้วยวานิลลาไซรัปแล้วออนท๊อปด้วยแพร์ซอร์เบ็ทสูตรเฉพาะของทางร้าน ต่อด้วย Lost in Paradise (ลอสท์อินพาราไดซ์)(190++) ที่ใช้ชา Vanille Tea(กลิ่นวานิลลา) เพิ่มความหอมด้วยวานิลลาแท้สกัดเข้มข้น เติมรสชาติด้วยน้ำมะนาวและน้ำองุ่น เพิ่มความซ่าด้วยไสปรท์และออนท๊อปด้วยไอศกรีมวานิลลา, Mango Nojito (แมงโก้โนจิโต้)(190++) Mango Dream Tea(ชากลิ่นมะม่วง) ผสมกับน้ำตาลบราวน์ชูการ์ที่ให้รสหวานแบบกลมกล่อมกับใบสะระแหน่เพิ่มความสดชื่นและออนท๊อปด้วยมะม่วงควั่นเพื่อเสริมบ รรยากาศความเป็นซัมเมอร์ ตบท้ายด้วย Mango and Peppermint Slush (แมงโก้แอนด์เปปเปอร์มินต์สลัช)(190++) Pepper Mint Tea(ชาเปปเปอร์มินต์) ผสมกับน้ำมะม่วงและเนื้อมะม่วงเพิ่มรสเข้มข้น ตัดความหวานด้วยน้ำมะนาวแล้วออนท๊อปด้วย 1823 Tea Lounge by Ronnefeldt มะม่วงซอร์เบ็ท มอบความพิเศษในช่วงหน้าร้อนนี้กับโปรโมชั่น ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง เฉพาะชามะนาวหวานเย็นชื่นใจถูกปากคอชาชาวไทยด้วยชามะนาว Milima Gold Kenya Lemon(190++) ชา Milima Gold Kenya ชาดำรสละมุนจากบริเวณที่สูงของประเทศเคนย่าที่ปลูกด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมให้กลิ่นหอมอ่อนๆของไซตรัส(พืชตระกูลมะนาว และส้ม)ผสมกับกลิ่นเครื่องเทศหอมอบอวล พร้อมเสิร์ฟความพิเศษด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษในช่วงหน้าร้อนนี้ เมนูเครื่องดื่มต้อนรับซัมเมอร์เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 1 เมษายน 2559 ถึง 31 พฤษภาคม 2559 นี้ พิเศษส่วนลด 10% สำหรับผู้ที่ถือบัตรวีซ่าเท่านั้น สัมผัสสุนทรียรสแห่งชาชั้นสูงจากทวีปยุโรปได้แล้ววันนี้ที่ “1823 Tea Lounge by Ronnefeldt” (1823 ทีเลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์) ชั้น 1 ศูนย์การค้าเกษร เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-656-1086 หรือ [email protected] KIn Promo&Event KinlakeStars.com —————————————————————————————————————————————— A B A B A B…

Read More

พาเรดสารพัดเมนูปูม้า กินปูม้าที่ไม่ต้องไปไกลถึงทะเล กับบุฟเฟ่ต์นานาชาติ หน้า BTS เพลินจิต @ Novotel Bangkok Ploenchit Sukhumvit วันนี้ Kinlakestars.com ขอพาไปทานบุฟเฟ่ต์ปูม้า ที่หน้าสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิตกัน นั่นก็คือ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ เพลินจิต สุขุมวิท นั่นเอง มาถึงแล้วกดลิฟต์ตรงดิ่งไปที่ชั้น 8 ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร The Square กันเลย เดินเข้ามาแล้วโต๊ะแรกของไลน์บุฟเฟ่ต์ที่รอต้อนรับอยู่นั้นคือ ปูม้า  กุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่สีดำ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์  ในเรือน้ำแข็งที่สามารถนำไปรับประทานได้เลยหรือนำไปปรุง แกล้มกับเมนูนั้น ใส่กับจานนี้ได้ แถมน้ำจิ้มเครื่องเคียง มะนาว กระเทียมเจียว ก็มีให้มากมายอยู่ทางซ้าย นอกจากนั้นด้านหลังของเรือน้ำแข็ง ที่โต๊ะเดียวกันนั้นยังมียำวุ้นเส้นทะเลที่เปรี้ยวนำ เค็มตามและหวานน้อย พร้อมปลาหมึก กุ้ง เยอะแยะ หมี่กรอบที่มีความกรอบกำลังดี หวานหน่อยๆเท่านั้นซึ่งเป็นเมนูที่หายากในไลน์บุฟเฟ่ต์เสียหน่อย คงเพราะหมี่กรอบนี้ทำได้ยากนี่เอง ยำหัวปลีกับเนื้อปูก็ฉ่ำๆดี รสมันๆหน่อย ชวนให้นึกถึงไส้ของขนมเบื้องญวน ยำเนื้อปลากับมะม่วงสับให้เปรี้ยวจี๊ด แล้วมีรสเผ็ดของพริกลอยขึ้นมาปิดท้าย ถัดมาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของไลน์บุฟเฟ่ต์นานาชาติคือ มุมซูชิ ด้วยไข่กุ้งหลากสี ปลาทูน่า แซลมอน(ไม่เลี้ยง) ดิบที่หั่นมาบางกำลังดี พร้อมซูชิหน้าปลา ข้าวปั้นไข่กุ้ง ข้าวหน้าปูอัด และอย่าลืมหยิบสลัดปูอัดในถ้วยแก้วทรงสูงสีสันต์สดใสนั้นมาทานด้วย อีกทั้งพวกผักดอง กิมจิ ขิงดองนั้นก็มีอยู่ข้างๆกัน ที่ใกล้ๆกันนั้นมีหม้อเปิดหม้อ เจอปูนึ่งตะไคร้และพรรคพวก ที่แค่เปิดก็หอมแล้ว เนื้อปูนั้นชุ่มฉ่ำกำลังดี เจือกลิ่นและรสชาติของตะไคร้และพรรคพวกมาด้วย บอกได้เลยว่าอย่าพลาดหม้อนี้ ข้างๆกันนั้นยังมีจาน Tacos ไส้ปูนิ่มที่มันแบบมันปู พร้อมสลัดผักสด ในแป้งห่อที่กรอบดี มีรสมันในตัวเองถ้ากินเปล่าๆจะจืดไป ต้องใส่วาซาบิครีมซอส ที่จะให้รสเผ็ดฉุนขึ้นจมูกซักหน่อย มีไหเปิดไหเป็นอาหารอินเดีย Soft Crab Tandori ทานคู่กับแป้งนาน อีกอย่างหนึ่งเป็น Vegetable Korma เป็นอีกจุดที่แนะนำให้ลอง แป้งนานเหนียวนุ่มกินคู่กับ Soft Crab Tandori จะเข้ากันได้ดีมาก แกงทันดูรีหอมกลิ่นกะหรี่อินเดียกับปูนิ่มมันกรุบ แต่จานนี้จะมีรสของเค็มเยอะไป ควรลดความเค็มลงซักนิด…

Read More

Review Riedel wine bar and cellar @Gaysorn Grand Opening event of Riedel Wine Bar & Cellar ร่วมเปิดประสบการณ์แห่งสุนทรียรสไลฟ์สไตล์ชั้นสูง ณ Riedel wine bar and cellar ในห้างหรูกลางแยกราชประสงค์ “เกษร ” งานนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ ที่ชั้นสองของห้าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน นับเป็นครั้งแรกของโลกที่ Riedel wine bar ทำการเปิดทั้งไวน์บาร์และร้านอาหารในแห่งเดียว ร้านนี้ตกแต่งแบบโทนสีไม้ธรรมชาติ มีสีทอง สร้างความรู้สึกหรูหรา และอบอุ่นผสมผสานกัน ตัวผนัง เป็นสีชมพูแดงเรื่อๆ แสดงถึงไวน์ ภายในร้านมีไวน์ให้เลือกมากมายซึ่งแน่นอนว่าดื่มกับแก้ว Riedel แล้ว จะยิ่งช่วย “ปลดล็อก” เอกลักษณ์ของไวน์ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ทีนี่มีเมนูไวน์ให้เลือกสรรมากมาย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ (sommelier) ได้คัดสรรมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเมนู ไวน์แบบเก้ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยีแบบ “wine dispenser” ทำให้สามารถลองชิมไวน์ได้หลากหลาย ซึ่งให้บริการปริมาณไวน์ที่แตกต่างกันตั้งแต่ ปริมาณน้อยที่สุดที่ให้ลองชิม จนถึง ปริมาณที่ มากกว่าปกติ สำหรับผู้ที่ถูกใจเป็นพิเศษ และแน่นอนว่า ร้านอาหารนี้ มีเมนูแนว modern mediterranean ไว้ให้บริการอีกด้วย ซึ่งทำให้สุนทรียภาพในการดื่มไวน์เป็นไปอย่างเหนือชั้นยิ่งขึ้น งานในวันเปิดตัว มีวงดนตรีบรรเลงจาก Bangkok symphony orchestra ซึ่งบรรเลงได้อย่างสนุกสนาน ตรงกลางมีพื้นที่ว่าง สำหรับให้ทุกคนมาสนุกสนาน เต้นรำกันได้ นอกจากนี้ ที่ร้านยังมีห้องรับรองส่วนตัว ที่สามารถจองได้ และมีโซนที่อยุ่ด้านนอกร้าน เป็น outdoor ติดถนนราชประสงค์ อากาศไม่ร้อนเนื่องจากมีเครื่องทำความเย็นอยู่ทุกโต๊ะ บรรยากาศภายนอก เหมาะแก่การสูบซิการ์ ร่วมกับดื่มไวน์และ ชื่นชมบรรยากาศค่ำคืนของกรุงเทพเป็นอย่างมาก Riedel wine bar and cellar เปิดบริการตั้งแต่เวลา 11.00-24.00 ณ…

Read More

อาหารอิตาเลียนสร้างสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพสูงเคล้าเพลงโอเปร่าร้องสด ยามรัตติกาลที่เหมือนนั่งทานในห้องเก็บไวน์ที่อิตาลี Kinlakestars.com จะพาท่านเดินลงบันไดเวียน ลงไปที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมแห่งหนึ่ง ณ ถนนหลังสวน ที่ๆเป็นบูทีคโฮเทลที่หรูเริ่ดชิคๆที่สุดแห่งหนึ่ง คือ Hotel Muse นั่นเอง ณ ชั้นใต้ดินแห่งนี้เหมือนได้เดินลงไปที่ห้องเก็บไวน์ในอิตาลี ในหมู่บ้านอันห่างไกลแห่งหนึ่ง ที่ๆคุณๆอาจจะคุ้นกับชื่อของห้องอาหาร Medici อย่างน้อยก็มาจากประวัติของเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งทุกท่านเองน่าจะเคยได้พอรู้มากันบ้าง ชื่อจากแรงบันดาลใจจากตระกูลผู้ทรงอิทธิพลในฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในแวดวงการเมือง การธนาคารหรือแม้กระทั้งศาสนานับเป็นตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลเป็นลำดับต้น ๆ ของยุโรปในสมัยนั้น แสดงออกถึงที่มาของสไตล์อาหารแบบทัสกันและการออกแบบตกแต่งอย่างหรูหราในแบบผู้ดี ออกแบบในสไตล์ “นีโออินดัสเทรียล” ที่ผสมผสานวัฒนธรรมไทยให้เข้ากับกลิ่นอายในแบบฉบับทัสกานี สะท้อนผ่านการใช้องค์ประกอบที่เรียบง่ายอย่าง กำแพงอิฐ ถังไม้โอ๊ค ประตูเหล็กพับและโครงเหล็กใหญสีดำ ซึ่งให้ความรู้สึก เคร่งขรึม สร้างความโดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจอย่างเบาะหนังและโต๊ะไม้ให้กลิ่นอายของรสนิยมชั้นสูง การเดินทางมาที่นี่จึงเปรียบเสมือนการย้อนเวลาสู่อดีตเพื่อไขความลับที่ชวนสัมผัสและเก็บเกี่ยวห้วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น สำหรับเชฟนั้น Nicolino Lalla, หรือ “Chef Nic” เป็นเชฟชาวอิตาเลียนมากฝีมือที่สร้างสรรค์อาหารทุกจานให้สวยงามดั่งงานศิลป์บนจานจากวัตถุดิบคุณภาพสูง ซึ่งทุกจานนั้นล้วนมาจากความใส่ใจและบรรจงตั้งใจ ก่อนเข้าสู่มื้อ จะมีขนมปังตามธรรมเนียมอาหารอิตาเลี่ยน ขนมปังที่นี่นั้นแนะนำให้ลิ้มลองจริงๆ โดยเฉพาะตัวที่เป็นสี่เหลี่ยมและมีมะเขือเทศสดอยู่ตรงกลาง เนื้อขนมปังนุ่มหอม ยิ่งกินคู่กับน้ำมันมะกอกและบัลซามิกยิ่งได้รสและสัมผัสที่ดีมาก มาเริ่มกันที่อาหารกันเลย โดยเริ่มกันจากจานเรียกน้ำย่อย – Scallop 3 ways (Mash Broad beans, pumpkin and beetroot) with micro salad and balsamic pearl สวยงามดั่งงานศิลป์บนจาน ถือเป็นจานเริ่มต้นที่ดีทีเดียว สแกลอปตัวใหญ่ที่นำไปย่างให้มีความเกรียมตรงผิวนิดๆและกลิ่นออกหน่อยๆ แต่ยังคงความสดหวานและฉ่ำของเนื้อตรงกลางและด้านในไว้ได้ดี ทั้งสามตัวถูกทำให้ออกมาสามรส สามอารมณ์ โดยตรงฐานแต่ละตัวทำจากฟักทองบด ซึ่งให้สีเหลืองทอง รสหวานหอมนุ่มอร่อย ชิ้นต่อมาฐานทำจากบีทรูทบดซึ่งให้รสหวานนิดๆออกฉ่ำสดชื่นและที่ขาดไม่ได้เสน่ห์ของบีทรูทคือกลิ่นดินนิดๆให้ชวนนึงถึงความสดชื่นเหมือนยืนเท้าเปล่าบนดินท่ามกลางท้องทุ่งธรรมชาติ และตัวสุดท้ายฐานทำจากถั่วปากอ้าบด ให้สีเขียวอ่อน รสหวานมันอร่อย ความมันของถั่วทำให้ชิ้นนี้เป็นอีกชิ้นที่น่าประทับใจ จะเห็นว่าทั้งสามชิ้น สามสี สวยงาม อร่อยและมีรสที่ต่างกันไป โดยรสมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ และตกแต่งด้วยผักเล็กๆกับบัลซามิก รสเปรี้ยว โดยรวมนับเป็นจานเริ่มต้นที่ดี รสอ่อนๆเบาๆไม่แรงไปแต่ในสามชิ้นของจานมีรสและเอกลักษณ์ที่ต่างกันดีโดยทุกตัวดึงรสจากวัตถุดิบธรรมชาติออกมาได้ดีมาก – Jerusalem artichoke soup and potato with black truffle from Norcia (420 บาท) มาต่อกันด้วยซุปกันบ้าง…

Read More