Author: Nopmanee

ดิลมา (Dilmah) ถูกก่อตั้งโดย เมอร์ริล เจ. เฟอร์นันโด ซึ่งเป็นผู้ปลูกชาที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโลก เป็นเลิศในด้านคุณภาพ, รสชาติ และความหลากหลายของใบชา ดิลมาเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดของ Single Origin Tea หรือชาจากแหล่งกำเนิดเดียวในปี 1988  เมื่อบริษัทต้องต่อสู้กับแนวโน้มของอุตสาหกรรม แต่ยังคงมีความมุ่งมั่นในความบริสุทธิ์, ชาที่สดจากไร่และไม่ผสม ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของดิลมาที่มอบรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของชาซีลอนแท้ๆผลิตและบรรจุจากไร่ ดิลมาเป็นชาที่มีจริยธรรม ผลกำไรที่ได้จะถูกปันให้แก่มูลนิธิการกุศล MJF และ Dilmah Conservation  เพราะเราเชื่อว่าความสำคัญของธุรกิจคือการดูแลผู้คน การดื่มชานับเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลกมาเป็นเวลานานเพราะด้วยรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมดื่มง่ายอีกทั้งยังมีสรรพคุณในการต่อต้านอนุมูลอิสระและป้องกันโรคได้อย่างหลากหลายชนิดโดยคนส่วนใหญ่มักคุ้นเคยกับการดื่มชาในรูปแบบของน้ำชาที่ชงร้อนเพลงอย่างเดียวและดื่มคู่กับอาหารหรือเซตขนาดยาง Afternoon Tea แต่หารู้ไม่ว่าชาซีลอนนั้นสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการวางสารอาหารขนมหวานและเครื่องดื่มให้เกิดเป็นเมนูสุดพิเศษได้อย่างมากมายโดยล่าสุดทัศนีย์อัศวโกวิทวงศ์ผู้จัดการทั่วไปและผู้ก่อตั้งบริษัท Global Premium Wine จำกัดผู้นำเข้าชาดิลม่า ได้จัดการแข่งขันนิ้วมาที่ inspirational เพื่อทีมเชฟและ Mix มากฝีมือที่สามารถคิดค้นสูตรอาหารและเมนูเครื่องดื่มรสเลิศที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์จากชาซีลอนพร้อมการปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยเทคนิคเหนือชั้นและเปิดการ ใช้ประสบการณ์ใหม่ในการลิ้มรสให้แก่เหล่าผู้รักชาได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยการแข่งขันดังกล่าวได้ถูกจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคมและในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมานี้และพร้อมประกาศรายชื่อผู้ชนะเลิศ ทีมงานเอสซีวินเนอร์ในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคมที่โรงแรมบางกอกบริเวณห้องอาหาร pavilion โดยในงานได้รับเกียรติจากเราซื้อแบบที่ผู้ชื่นชอบด้านการดื่มชา เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง รวมทั้ง ผู้แทน Kinlakestars.com ร้อยตำรวจเอก กฤติน อัศววิชัย ผู้เชี่ยววชาญในด้านการดื่มชาและอาหาร เยี่ยวมากแฟนชั้นนำระดับโลกจากประเทศศรีลังกาที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1988 โดยมิสเตอร์ผู้ปลูกชาที่ได้รับการขนานนามว่ามีประสบการณ์มากคนหนึ่งในโลกภายใต้แนวคิดที่ต้องการจะมอบชาชั้นเลิศและชาคุณภาพดีแก่นั่งดื่มชาทั่วโลกซึ่งคำนึงถึงความสมบูรณ์แบบของใบชาเป็นอันดับแรกโดยใบชาต้องมีความสดใหม่ไร้สารเจือปนซึ่งนับเป็นจุดเด่นของเร็วมากที่สามารถมอบรสชาติชาอันแสนอร่อยและมีกลิ่นหอมดีเยี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาซีลอนขนานแท้ที่ผลิตและบรรจุจากไร่อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดการปลูกแบบ Single Origin ชาที่มาจากแหล่งปลูกเดียวอีกด้วย ทัศนีย์อัศวโกวิทวงศ์ผู้จัดการทั่วไปและผู้ก่อตั้งบริษัท Global Premium Wine จำกัดผู้นำเข้าช้าเร็วมากได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ว่าเราอยากปลูกฝังค่านิยมใหม่ๆให้กับคนไทยว่าช้าเป็นสิ่งที่สามารถสอดแทรกอยู่กับชีวิตของทุกคนได้ในทุกโอกาสโดยชาสามารถสร้างสรรค์ให้อยู่ในรูปแบบทั้งเครื่องดื่มร้อนเครื่องดื่มเย็นไปจนถึงค็อกเทลและอาหารคาวหวานประเภทต่างๆดังนั้นทางแบบดิวมากจึงริเริ่มแนวคิดการปรุงชาในรูปแบบใหม่ๆเพื่อให้เราต่างๆนั้นได้ประสบกับการลิ้มรส ของชาที่แตกต่างออกไปจากเดิมซึ่งมาถูกลุงออกมาให้เป็นเมนูใหม่ๆก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการรับประทานและเข้าถึงกลุ่มอาหารสำหรับผู้คนที่หลากหลายขึ้น โดยในปีนี้มีการจัดการแข่งขันหาเชฟและไม่โชว์ชีวิตหน้าใหม่ที่มีคุณสมบัติในการสร้างสรรค์เมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชาดิลม่ามาบประชันฝีมือกันเพื่อให้ได้จากพิเศษสูตรใหม่สำหรับนักชิมทั่วโลก โดยการแข่งขันในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากเชฟและมีธุระของโรงแรมชั้นนำทั่วประเทศที่เข้าร่วมโชว์ฝีมือสุดพิเศษทั้งหมด 18 ทีมได้แก่โรงแรมโซฟิเทลกรุงเทพสุขุมวิทโรงแรมฮิลตันสุขุมวิทโรงแรมพูลแมนกรุงเทพคิงพาวเวอร์โรงแรมอนันตราริเวอร์ไซด์โรงแรม Pullman G โรงแรม Royal Orchid Sheraton โรงแรมบางกอกแมริออทมาร์คีส์ควีนส์ปาร์คโรงแรมเรเนซองกรุงเทพราชประสงค์โรงแรมอนันตราสาทรโรงแรมอวานีริเวอร์ไซด์กรุงเทพฯโรงแรมเซ็นทราบูติครีสอร์ทแอนด์สปาโรงแรมอวานีหัวหินแอนด์วิลล่า โรงแรมอนันตราไม้ขาวภูเก็ตวิลล่าโรงแรมเดอะริชคาร์ตันเกาะสมุยโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์รีสอร์ทเกาะสมุยโรงแรม anantara Golden Triangle Elephant Camp & Resort โรงแรมบันยันทรี ภูเก็ตโรงแรม Hilton Phuket arcadia Resort & Spa และในครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก เจ. เฟอร์นันโด…

Read More

ในปีหนึ่งจะมีช่วงเวลาที่ดิฉัน สายขนมรอคอยเป็นพิเศษ คือ ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ เพราะจะเป็นช่วงที่เราจะได้ลองทานขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายไส้กันอย่างจุใจ ซึ่งในปัจจุบันนี้เราคงจะปฏิเสธกันไม่ได้เลยทีเดียวว่ามีทั้งไส้แปลกใหม่ ไส้รสชาติดั้งเดิมแสนอร่อย และไส้ที่ต้องยกนิ้วให้กับไอเดีย ประกอบกับแพคเกจจิ้งของกล่องที่สวยแตกต่างกันไปของแต่ละที่ก็ช่วยดึงเงินออกจากกระเป๋าของดิฉันได้อย่างง่ายดายเสียจริงค่ะ! ในวันนี้ Kinlakestars.com จะขอพามาลองชิมขนมไหว้พระจันทร์ซักหนึ่งที่ จากโรงแรมชื่อดังแถวถนนวิทยุกันบ้าง นั่นก็คือ The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok กล่องที่เราจะเปิดมาลองทานกันในวันนี้ The Athenee Luxury Box ราคาสุทธิ 1,988 บาท เป็นกล่องใหญ่สีชมพูลายดอกไม้สีขาวประดับช่องหน้าต่างสไตล์จีน เปิดได้ทั้งซ้ายและขวาเหมือนตู้เก็บขนมใบย่อมๆเลยทีเดียวค่ะ เปิดมาจะพบลิ้นชักใบน้อยที่เก็บขนมไหว้พระจันทร์ขนาดเล็ก ขนาด 60 กรัม จำนวน 8 ชิ้น มี ขนมไหว้พระจันทร์ ไส้ช็อกโกแลต คัสตาร์ดทุเรียน ที่ฟังชื่อแล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่านี่จะไปด้วยกันได้อย่างไร แต่กลับกลายเป็นว่าไส้นี้เป็นเหมือนส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกันค่ะ ทุเรียนกวนรสชาติหอมหวานตามเอกลักษณ์เฉพาะตัวถูกตัดความมันเลี่ยนให้ขมหน่อยๆได้ด้วยช็อกโกแลตนี่ล่ะค่ะ ขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นสีเหลืองทองนี้เป็นไส้คัสตาร์ด อันหอมหวานยิ่งกว่าใคร รสคัสตาร์ดนวลๆนมๆนิ่มๆคู่ไปกับแป้งที่ไม่หนาไปและไม่บางไป เหมาะจะทานคู่กับชาดีๆไปด้วยมากๆค่ะ ขนมไหว้พระจันทร์ ไส้หมอนทองไข่แดง สำหรับคนชอบทานทุเรียนกวนแล้วละก็ของที่นี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ ด้วยทุเรียนกวนหอมหวานอย่างดีกับการตัดเลี่ยนด้วยไข่เค็ม ขนมไหว้พระจันทร์ ไส้โหงวยิ้งไข่แดง ของที่นี่จะเต็มไปด้วยเหล่าถั่วกรุบกรอบ มีความหอมสดชื่นด้วยมะกรูดเป็นหลัก ชิ้นนี้เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเครื่องเทศมากมาย แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบโหงวยิ้งแบบเครื่องเทศจัดเต็มแล้วล่ะก็ ชิ้นนี้คงจะไม่ถูกใจนักค่ะ ทั้งนี้ขนมไหว้พระจันทร์ของที่นี่ได้ผ่านการผลิตอย่างพิถีพิถัน ไม่ใส่สารกันบูด มีให้เลือก 2 ดีไซน์ อีกดีไซน์หนึ่งคือ Spanish Cherry Box (ขนาด 170 กรัม จำนวน 4 ชิ้น) ราคาสุทธิ 988 บาท หรือจะซื้อแบบชิ้นเดียวก็ย่อมได้ ขนาด 170 กรัม 1 ชิ้น ราคาสุทธิ 190 บาท (พร้อมกล่อง) มีไส้ให้เลือกทั้งหมด คือ ไส้ลูกบัวไข่เดี่ยว ไส้คัสตาร์ด ไส้โหงวยิ้งไข่เดี่ยว ไส้ทุเรียนหมอนทองไข่เดี่ยว และ ไส้ช็อกโกแลต ครีมคัสตาร์ด ทุเรียน สมาชิกดิ แอทธินี คลับ…

Read More

สาวกอาหารเกาหลี ห้ามพลาด กับอาหารเกาหลี จากเชฟมากประสบการณ์บินตรงมาจากกรุงโซล ตั้งแต่วันที่ 9-18 สิงหาคม 2562 ทางโรงแรม สวิสโฮเต็ล รัชดา มีเชฟพิเศษบินตรงมาจากเกาหลีเพื่อทำอาหารสไตล์เกาหลีแท้ๆ ให้ทุกท่านได้ลองชิมกัน โดยเชฟ จองมัน คิม บินตรงมาจาก โรงแรมโนโวเทล แอมบาสเดอร์ โซล กังนัม ช่วงเวลาสั้นๆนี้ ทุกๆท่าน จะได้ชิมอาหารเกาหลี อาทิ ไก่ตุ๋นโสม บิบิมบับ พิซซ่าเกาหลี ซุปกิมจิ และ ต็อกบกกี๋ เป็นต้น อาหารเกาหลีอีกมากมาย รอพร้อมเสิร์ฟ ที่ไลน์บุฟเฟต์ของทางห้องอาหาร 204 บิสโทร ชั้น G โรงแรม Swissotel Bangkok Ratchada ห้องอาหารนี้ เป็นห้องอาหารสำหรับบุฟเฟต์นานาชาติ ที่มีอาหารหลากหลายชนิด แต่ที่พิเศษคือ ช่วงสั้นๆที่เชฟบินมาจากเกาหลี ทางโรงแรมได้เพิ่มอาหารเกาหลีมาในบุฟเฟต์ด้วย ทุกท่านสามารถมาทานได้ตลอดทุกวัน วันนี้ ทางเรามาชิมในรอบประชาสัมพันธ์ เนื่องด้วยอาหารจำนวนมากทานไม่ไหว ขอรีวิวเท่าที่เราได้ลองชิมมา ให้เป็นบทความเรียกน้ำย่อย ให้ทุกท่านไปลองกันต่อนะคะ เริ่มด้วยอาหารจานแรก คือ บิบิมบับ เมนูสุดโปรดของใครหลายๆคน เนื่องจาก รสชาติจะไม่เผ็ด เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ดาว และ ซอสของเกาหลี ให้เราได้คลุก ตามความเข้มข้นที่พอใจ ทานเพลินๆ แต่อย่าลืมเผื่อท้องไว้ให้อาหารจานอื่นด้วยนะคะ จานที่สอง ต็อกบกกี๋ อาหารพื้นบ้านของเกาหลี ที่ได้รับความนิยมจนแพร่หลาย แป้งจะหนึบๆนุ่มๆ เคี้ยวมัน ซอสเผ็ดขึ้นนิดนึง ติดหวานปลายลิ้นเล็กน้อย ทานคู่กันกับ white kimchi กิมจิ ที่มีสีขาวแปลกตา ไม่ค่อยเห็นทั่วไป เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของตำรับชาววัง รสชาติจะเบากว่ากิมจิทั่วไปที่เราทานกัน ผักที่นำมาทำยังคงความกรุบกรอบเอาไว้ และสามารถซดน้ำกิมจิได้ด้วย ซุปไก่ตุ๋นราชสำนัก อย่างที่บอกไปว่าสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของตำรับชาววัง อาหารชาววังมักต้องทำออกมาเป็นสีขาว ซุปนี้ก็เช่นกัน ใช้ไก่ตุ๋นโสมกับสารพัดเครื่องยาตุ๋นสูตรเฉพาะอันได้แก่ ไก่ทั้งตัว กระเทียมบด ข้าวเหนียว ขิงหั่น โสมเกาหลีหั่น ต้นหอมญี่ปุ่นซอย พุทรา แปะก๊วย และเครื่องปรุงอื่นๆ…

Read More

ผ่านมาครึ่งปีกันแล้ว ทุกคนเป็นอย่างไรกันบ้างคะ อะไรที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นปี สำเร็จไปแค่ไหนแล้วคะ เรายังมีเวลาอีกครึ่งปีในการทำสิ่งที่เราตั้งใจไว้ให้คืบหน้าค่ะ ใครที่ยังไม่ได้เริ่ม ขึ้น เดือนกรกฏานี้ มาเริ่มกันเลยนะคะ เดือน กรกฏานี้ ในสายงานบางสายงาน จะเริ่มเรียนจบ มีการย้ายไปทำงานที่ใหม่ หรือเรียนต่อ เพื่อนๆที่รู้จักก็จะสอบถามกันเข้ามาเยอะมาก เรื่องของการพาน้องไปเลี้ยง หรือเลี้ยงภาควิชาของตนที่ไหนดี ที่อยู่ในงบ ราคาไม่แพงจนเกินไป ดิฉันจึงแนะนำไปว่าที่ อมารีวอเตอร์เกท มีห้องอาหารนานาชาติ เป็นบุฟเฟต์ โดดเด่น ด้านซีฟู้ด ราคาไม่แรง ซีฟู้ดมีทั้ง กุ้ง กั้ง ล็อบสเตอร์ หอยแมลงภู่ หอยนางรม สารพัดหอย และ ปู สารพัดชนิด ทั้ง ปูม้า ปูทะเล ปูนิ่ม ปูอลาสก้า เรียกได้ว่า เอามาเยอะมาก ทั้งทะเลก็ว่าได้ สถานที่ก็สะดวก เพราะอยู่ใจกลางเมือง ตรงประตูน้ำ สาวๆคนไหน ไปช็อปต้นเดือน เงินเดือนออก ก็ข้ามฝั่งมาง่ายๆ เดินเข้าโรงแรมไปเลย ชั้น 4 ห้องอาหารชื่ออมาญ่า ฟู้ด แกลเลอรี่ เรียกได้ว่า ช็อปเสร็จ กินเสร็จ มีเงินเหลือกลับบ้านแน่นอน ห้องอาหารแห่งนี้กินพื้นที่ทั้งชั้นของโรงแรม ชั้น 4 จึงทำให้บรรยากาศสบายๆ โปร่งโล่ง ไม่เดินชนกัน มีหลายมุมให้เลือกนั่ง แถมกว้างขวาง มีทั้ง โซนสลัด และ ชีส หลายชนิด ทานคู่กับถั่วต่างๆ ผลไม้อบแห้ง โซนอาหารซีฟู้ดกินพื้นที่ไปมากทีเดียว เนื่องจาก มีทั้ง กั้ง กุ้ง ปู หอย ที่มีทั้งปรุงแบบร้อน และเย็นให้เลือกทาน ไฮไลท์อยู่ที่ล็อบสเตอร์ที่ให้ฟรีๆ คนละครึ่งตัว เลือกเอาเลยว่าจะ นึ่ง อบชีส หรือย่าง ปรุงสดๆใหม่ๆ เลือกซอสที่ทานคู่ได้เช่นกัน โดยซอสที่ให้เลือกมี 4 ชนิดคือ ซีฟู้ด เอ็กซ์โอซอส ซอสเนยกระเทียม…

Read More

ทำไมเราถึงต้องไปทานอาหารไทยในโรงแรม แล้วมันจะคุ้มหรอ? ต่างจากอาหารไทยทั่วๆไปอย่างไร? ในคอลัมน์นี้เรามีคำตอบค่ะ คำถามที่ดิฉันสงสัย ก่อนที่จะได้ไปทดลองทานเมนูใหม่ของทางห้องอาหารศิลาดล โรงแรมสุโขทัย แต่หลังจากที่ดิฉันได้ลองชิมเมนูใหม่ ทั้งหมด 9 เมนูแล้วนั้น ต้องบอกว่ามันคุ้มมากค่ะที่จะมาทาน แม้ว่าเราจะเป็นคนไทยที่หาซื้ออาหารไทย หรือไปทานตามห้างได้สบายๆ แต่มันไม่ใช่แค่รสชาติอาหารเท่านั้นที่ถูกปาก แต่การสร้างสรรค์นำวัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุงให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัว บวกกับ การนำเสนอที่ละเอียดอ่อน ทำให้อาหารแต่ละจานที่ออกมานั้น มีค่ามากขึ้นทวีคูณ ทุกท่านอาจจะคิดว่าดิฉันอวยเยอะไปรึเปล่า…งั้นเราจะพาไปชมกันค่ะว่า เมนูที่ดิฉันได้ลองชิมนั้น มันพิเศษอย่างไร เมนูแรก ปลาแห้งแตงโม เมนูนี้ เค้านำปลาน้ำดอกไม้ ของดีจังหวัดสมุทรสงคราม นำมาห่อสมุนไพรย่าง โรยด้วยหอมเจียวจากจังหวัดเชียงราย เสิร์ฟมาในแตงโมไร้เมล็ด จากฟาร์มออแกนิก ครอบมาในถ้วยแก้ว ที่ทำให้มีการรมควันของควันเทียนและดอกไม้ไทย เช่น ดอกพยอม กระดังงา แค่การนำเสนอก็น่าสนใจไม่น้อยแล้ว พอเราเปิดถ้วยแก้วออกมา ควันที่รมไว้ภายในจะหอมฟุ้งขึ้นมาเตะจมูก ที่ไม่ใช่แค่ความสวยในการนำเสนอ ปลาแห้งแตงโม : เนื้อแตงโมมีความพิเศษ คือจะกรอบๆ หวานฉ่ำ เข้ากันได้ดีกับเนื้อปลาแห้งและหอมเจียวที่โรยมา จนกระทั่งทานหมดแล้ว กลิ่นควันเทียนและดอกไม้ที่อยู่ในถ้วยแก้ว ยังคงหอมอบอวล ไม่น่าเชื่อว่าวิธีการนำเสนออาหารแบบรมควันมา จะทำให้เมนูนี้อร่อยขึ้นอย่างแตกต่างจากร้านอื่น ไม่เชื่อท่านผู้อ่าน ลองไปตามร้านที่มีเมนูนี้ ปกติจะเสิร์ฟมาบนจานตกแต่งสวยงามธรรมดา ไม่ได้มีการอบรมควันอย่างที่นี่นะคะ เพราะฉะนั้นคุณผู้อ่านจะได้รับรสความอร่อย จากการทานอย่างเดียว ไม่ได้จากกลิ่นค่ะ เมนูเรียกน้ำย่อยต่อมาคือ ข้าวเกรียบปากหม้อโบราณ เนื้อปูม้าเป็นก้อนๆ จาก คลองวาน จังหวัดประจวบฯ คลุกมากับ เห็ดชิเมจิ และออรินจิ หั่นเต๋าเล็กๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสรสเปรี้ยวเค็ม ที่หมักมาจากน้ำตาลมะพร้าว ของจังหวัดสมุทรสงคราม นานถึง 6 เดือน จนได้เป็นน้ำส้มสายชู จานนี้จะมีรสเผ็ดเล็กๆ จากพริกสดที่หั่นบางๆ มาช่วยดึงความจัดจ้าน เห็ดที่หั่นเต๋า ทำให้มีลูกเล่นมากขึ้นเวลาที่เราทานคู่กับ ปูก้อน และตัวแป้ง กินๆไปจะเห็นเลยค่ะว่าเนื้อปูเป็นก้อนๆใหญ่และแน่นมาก จานต่อมา แสร้งว่าหอยเชลล์ญี่ปุ่นใบชะคราม หอยเชลล์จากฮอกไกโด ที่ผ่านการซูวี (sous vide) ที่อุณหภูมิ 55 องศา นาน 30 นาที ส่งผลให้ด้านในเนื้อหอยเชลล์ยังมีความหนึบ และยังคงความหวานฉ่ำไว้ได้อย่างดี เสิร์ฟมาบน ใบชะครามน้ำกร่อย…

Read More

สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านค่ะ ต้นเดือนทั้งทีเรา Kinlakestars.com มีงานดีๆมาฝากกันเช่นเคย บางคนทำงานหนักมาทั้งเดือน เงินเดือนออกแล้ว เราไปหาอะไรอร่อยๆทานกันดีกว่าค่ะ ส่วนดิฉัน มื้อนี้เป็นการให้รางวัลตัวเองที่อดทนลดน้ำหนักมาในเดือนที่ผ่านมา วันนี้มีความพิเศษกว่าครั้งอื่นๆเพราะเราจะพาไปลองทานอาหารจากเชฟชาวอิตาเลียน บินตรงมาจากมิลาน เชฟสุดหล่อที่ได้รับมิชลินสตาร์ หนึ่งดาว Luigi Taglienti เราไม่ต้องบินไปไกลถึงมิลาน เราก็ได้ทานอาหารจากเชฟได้ เพราะฉะนั้น ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง วันนี้เชฟจะทำหลายเมนู จากหลายๆคอร์ส เพื่อให้มารีวิวให้ทุกท่านค่ะ เริ่มที่จานเรียกน้ำย่อย เป็นกุ้งตัวใหญ่ ที่ใช้การ ย่าง บนสมุนไพร กลิ่นหอมไหม้ของสมุนไพร ที่ขึ้นมาบนตัวกุ้ง ทำให้เวลาทานนั้น ได้ทั้งรสชาติ และอโรม่า ไปพร้อมๆกัน จานนี้เสิร์ฟพร้อม chilli oil ซอส 1st course ของจริงเริ่มตั้งแต่ scrambled oyster หอยนางรมสด ที่เชฟนำไปปรุงแล้วเสิร์ฟบน brioche หอมเนย กรอบๆ ด้านบน มี pork cheek เค็มๆ ช่วยเสริมรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น 2nd course จานต่อมาเป็นเหมือนตัวแทนแห่งท้องทะเล ชื่อ Squid black and white วัตถุดิบนั้น ประกอบไปด้วย เม่นทะเล ที่ปกติเราชอบทานกันในอาหารญี่ปุ่น แต่จานนี้มีความพิเศษคือ เชฟนำมาทำเป็นฐาน ของวัตถุดิบหลัก นั่นก็คือ ปลาหมึก ที่เชฟนำไปปั่นกับเจลาติน ทำให้ออกมาเป็นแผ่นคล้ายเยลลี่ ตกแต่งด้วย หมึกดำ และเส้นสปาเก็ตตี้ทอดกรอบ ช่วยเพิ่มความแตกต่างของรสสัมผัส ให้มีทั้งนุ่มและกรอบ รสชาติจานนี้จะเบาๆ เน้นความสดหวานของปลาหมึกที่นำมาปรุง ตัดกับฐานที่มาจากเม่นทะเลรสเค็มกลมกล่อม เป็นการผสมผสานที่ลงตัวทีเดียว ยิ่งทานคู่กับไวน์อิตาเลียนที่เสิร์ฟมาวันนี้นั้นยิ่งเจริญอาหาร 3rd course เป็น ริซอตโตแบบพิเศษ ขอสารภาพว่าไม่เคยทานที่ไหนมาก่อน เพราะเป็นการปรุงริซอตโตพร้อมกับน้ำขมิ้น ทำให้ข้าวมีสีเหลืองเสริมความเป็นเอกลักษณ์ของเชฟท่านนี้ซึ่งมีความโดดเด่นในการใช้เลมอนมาประกอบการปรุง โดยเชฟนำเลมอนผสมครีม และพาร์เมซานชีส ตบท้ายด้านบนด้วยสมุนไพรหอมๆอย่าง แซฟฟรอนและอื่นๆ เพิ่มความหอม ดาเมจทำลายล้างจานนี้รุนแรงมากค่ะ ขอบอก รสชาตินั้นเราอาจจะไม่คุ้นเพราะปกติ ริซอตโตจะเน้นหนักชีส ครีม ทรัฟเฟิล…

Read More

ในครั้งนี้ Kinlakestars.com จะพาไปแอบดูการทำอาหารของเชฟก่อนวันจริง ที่ร้าน R.HAAN ทองหล่อซอย 9 อันเป็นถิ่นของเชฟชุมพล แจ้งไพร ที่หลายคนรู้จักกันดีกันค่ะ มื้อนี้เปิดตัวกันด้วย cold appetizer จานนี้ จากเชฟเฮนดริก อูล แอนเดอร์เซน แห่งร้าน Kiin Kiinโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารพื้นเมืองของเปรู “ยำปลาแฮลิบัต” ลักษณะเด่นของจานนี้คือการปรุงน้ำยำของเชฟ ที่มีทั้งความหวาน เปรี้ยว เค็ม อยู่ในตัว จานนี้แนะนำให้ใส่สายไหม(ใช่ค่ะ ตัวสายไหมฟูฟ่องนั่นล่ะค่ะ) ตัวสายไหมจะค่อยๆละลายเพิ่มความหวานลงตัว และเนื้อปลาฮาลิบัดชิ้นสีขาวที่ถูกซุกซ่อนอยู่ด้านล่างก็จะปรากฏออกมาด้วย เสิร์ฟมาในผลเสาวรสที่มากมายไปด้วยคุณประโยชน์และรสเฉพาะตัวมาผ่าครึ่งควักเนื้อออก และแล้วก็ถึงตาเจ้าถิ่น เชฟชุมพล แจ้งไพร ผู้นำพาร้าน R.HAAN คว้ารางวัลมิชลินสตาร์ ระดับ 1 ดาว ประจำปี 2562 หรือร้านอาหารคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การ แวะชิม เป็น 1 ใน 10 ร้านใหม่ที่เพิ่งจะได้รับดาวมิชลินครั้งแรกในปีนี้ โดยเชฟได้เริ่มจากการนำภูเก็ตล็อบสเตอร์ของดีของเด็ดจากเมืองภูเก็ต มาเป็นพระเอกของจานนี้ “ต้มยำภูเก็ตล็อบสเตอร์น้ำใส” นำส่วนเนื้อ และส่วนที่เด็ดที่สุด คือมันจากหัวมาใส่ในต้มยำ น้ำซุปใสที่ว่านี้จะใช้ไก่แก่ต้มนานถึง 3 ชั่วโมง เผาหัวล็อบสเตอร์ไว้ประดับจาน ตัวส่วนผสมอื่นๆก็จะใส่ไซฟร่อนนิด ผักชีหน่อย ให้ตะไคร้ออกรสมากกว่าหอมแดง ตำในครกให้ได้รสชาติมากขึ้น ตักน้ำปลาอีกตัก ใส่ไซฟร่อน เสิร์ฟด้วยชุดจานเชิงลายเทพพนมแบบไทยโบราณตกแต่งด้วยหัวล็อบสเตอร์เผาจนสุก และผักพริกต่างๆ ที่ให้ภาพโดยรวมดูแล้วนี่แหละ ต้มยำกุ้งของไทย โดยต้มยำจานนี้นั้น มีรสเค็มนำ เปรี้ยวตาม หวาน ขมเล็กน้อยซ่อนอยู่จากรสของมะนาว และความเผ็ดขึ้นมาตบท้ายค่ะ และเชฟคนที่ 3 เชฟเบิ้ม หัวหน้าพ่อครัวห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการได้รับดาวมิชลิน ที่คราวนี้ได้หยิบยกขาปูอลาสก้าของโปรดของใครหลายคนมาเป็นพระเอกของจานนี้กันค่ะ ก่อนอื่นเชฟนำขาปูอลาสก้าไปจี่กับเนยในกระทะ (pan roasted) จนได้ที่ และจี่เนยกับถั่วลันเตา นำน้ำแกงเหลืองที่ใช้เครื่องหลักเป็นกระชายกับขมิ้น โดยคราวนี้เชฟได้เตรียมไว้แล้ว นำไปตีให้เกิดฟอง ทำให้น้ำแกงนี้มีรสชาติที่นุ่มนวลมากขึ้นด้วย จานนี้น้ำแกงเหลืองคือดี รสนุ่มละมุนลง เผ็ดร้อนอยู่ลึกๆ สีเหลืองนวล ทำให้มาทานกับเนื้อปูอลาสก้าที่ชุ่มไปด้วยรสเนย…

Read More

หากคุณเป็นคนนึงที่รักขนมหวานตัวจริงเสียงจริงแล้ว เคยมาลองทานบุฟเฟต์ช็อกโกแลตที่นี่ดูแล้ว เราชาว Kinlakestars จะขอบอกให้มาใหม่ค่ะ เพราะตอนนี้เค้าได้เปลี่ยนไลน์บุฟเฟต์ใหม่ ไอเท่มใหม่ไฉไลกว่าเดิมเยอะแยะเลย จะเป็นยังไง เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ เดินผ่านโถงล็อบบี้ที่มีแม่นางคนสวยกำลังนั่งบรรเลงขิมให้ฟัง อยู่ตลอดเวลาที่เราจะรับประทานมื้อนี้กัน เดินมาเข้าสู่ส่วน Lobby Salons อันเป็นจุดมุ่งหมายของเราในวันนี้ มีการแบ่งโซนที่นั่งเป็น 2 ฝั่ง คั่นด้วยโถงทางเดินตรงกลาง จะมีวิวสวนและสระเจดีย์อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของโรงแรมนี้ให้ดูกัน ก่อนที่เราจะไปเริ่มของหวานกัน เราดูฝั่งนี้กันก่อนนะคะ เพราะที่นี่บอกว่าเป็นบุฟเฟต์ช็อกโกแลตแล้ว ไม่ได้มีเพียงแต่ช็อกโกแลตและขนมหวานให้ลิ้มลองเท่านั้น ยังมีของว่างอื่นๆที่น่ารักน่าทานให้ลิ้มลองกันด้วย ขอบอกก่อนว่าที่นี่เริ่ดมากค่ะ ลองนึกว่าคุณเป็นอลิซอินวันเดอร์แลนด์เวอร์ชั่นท่องโลกขนมคาวหวานดูสิคะ และที่จะไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้เลย ก็คงเป็นซูชินี่แหละค่ะ ที่คุณภาพคับแก้ว แบบว่าร้านอาหารญี่ปุ่นบางร้านยังต้องชิดซ้ายหลบขวาให้ที่นี่เลย ซูชิชิ้นพอดีคำหน้าปลาแซลม่อนที่ใครๆก็ชอบ จานนี้จะหมดเร็วเป็นพิเศษค่ะ รอเติมใหม่อีกทีก็กลายเป็นชิ้นนี้ที่แอบโรยเกร็ดแป้งกรอบแบบพวกเทมปุระมาด้วย ก็ได้อร่อยอีกอารมณ์ดีค่ะ ของว่างอารมณ์ฝรั่งก็มา ตัวนั้นเป็นแบบแป้งเอแคล์ มีไส้ตรงกลางเป็นเนื้อปูเยอะแยะสมใจ กับมายองเนสและผักชิ้นเล็กๆ Duck rillettes, figs, brioche toast BBQ Chicken wings Bake cheesy อารมณ์ไทยก็มี มังคุดทรงเครื่อง หรือยำมังคุดนั่นเอง NEW! คนชอบทานไข่ปลาต้องมามุมนี้ค่ะ มุมใหม่ที่เพิ่งเพิ่มมาสดๆร้อนๆเลย ที่ดีอีกอย่างคือเค้าจะทำแผ่นแพนเค้กให้สดๆร้อนๆเลย ไม่ได้วางชืดๆไว้ แล้วก็ตักโน่นนี่นั่นเพิ่มได้ตามอำเภอใจอีกด้วย อย่าเพิ่งรับของว่างอิ่มนะคะ เรามาดูทางฝั่งของหวานกันค่ะ ที่คุณจะละลานตาไปกับเหล่าขนมช็อกโกแลต Sticky toffee pudding fudge sauce ที่ขอบอกว่ามาที่นี่เห็นที่ห้องไหน ก็ห้ามพลาดเด็ดขาด ของเค้าอร่อยจริงค่ะ ด้วยตัวเนื้อพุดดิ้งเนื้อนิ่ม ซอสทอฟฟี่หวานๆ และแนะนำให้ทานกับไอศกรีมค่ะ Apple chocolate sconesสโคนเนื้อแน่นแห้ง ผ่ากลางเนื้อไม่แตก ความเข้มข้นของช็อกโกแลตจากชิ้นนี้นั้นระดับอ่อนๆค่ะ ไอศกรีมและซอร์เบทที่มีให้เลือกถึง 4 รส โดยไอศกรีมรสที่ห้ามพลาดเลยก็คือ ช็อกโกแลต x วาซาบิ ใช่ค่ะ ท่านผู้อ่านอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ไอศกรีมที่นี่เค้าผสมวาซาบิจริงๆ ในแบบที่น่าชื่นชมด้วย เพราะทั้งรสช็อกโกแลตกับวาซาบินั้นมารวมกันด้วยความพอดี รสนุ่มนวลกันทั้ง 2 ฝ่าย ขมหอมช็อกโกแลตและออกเผ็ดซ่าขึ้นมาเล็กน้อยตามแบบฉบับของวาซาบิ NEW! Churros สูตรเด็ดของเชฟ ที่ทุกคนล้วนชมเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อยมากๆ ผิวกรอบๆ ทานกับช็อกโกแลตจากถ้วยข้างๆ…

Read More

February 21-24, 2019 วันนี้นะครับ เราจะพาไปชิมเมนูสุด exclusive ที่ Jojo ร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูประจำโรงแรม The St. Regis bangkok ที่รังสรรค์เป็นพิเศษโดยเชฟสุดหล่อที่ได้รับรางวัล 1 Michelin – Starred ซึ่งโดยปกติเชฟ Nicola จะประจำอยู่ที่ Tosca restaurant Hong Kong แต่ในโอกาสที่หายากนี้ เชฟจะมา present tasting menu และแบบ a la carte ของ Italian fine dining ตำหรับ Tuscan โดยเมนูจะมีทั้งแบบที่เป็น 4-Course Lunch Menu และ 6-Course Dinner Menu ทั้งนี้ สำรับที่เราได้ลิ้มลองในวันนี้จะเป็นแบบ 6-Course Dinner Menu พร้อมกับ Wine Paring ครับ เอาล่ะครับ เราไปดูกันดีกว่าครับว่า Italian fine dining ทั้ง 6 เมนูนั้นจะมีหน้าตาและรสชาติเป็นยังไงบ้าง Light Bites pair with Pitars, Prosecco Brut D.O.C. Veneto NV, Italy สำหรับจานแรกนะครับ เริ่มด้วยมะเขือเทศกินคู่กับ pesto sauce และ mozzarella cheese เมนูเบาๆ พร้อมกับจิบ Pitars ไปด้วย Sea Cappuccino Sea urchin, prawn tartare and seawater ทานกรุบกริบคู่กับ ขนมปังกรอบและ cavier ถัดจาก light…

Read More

โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา นำโดยบรูโน รอทเชเดิล ผู้จัดการทั่วไปร่วมมือกับ Festival du Féminin นำโดยซิลวี บาราเดล จัดงานแถลงข่าวเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงาน Festival du Féminin® ครั้งที่ 4  ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมานี้ เพื่อกล่าวถึงรายละเอียดและไฮไลท์ของงานในปีนี้ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 15 และวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2019  ซึ่งเป็นงานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติสำหรับผู้หญิงจากทุกวัฒนธรรม เพื่อให้เข้ามาสัมผัสและได้รับการกระตุ้นเพื่อเสริมสร้างพลังอำนาจร่วมกันกับกลุ่มผู้หญิงด้วยกันเท่านั้นในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและใกล้ชิด Festival du Féminin คือกิจกรรมเวิร์คชอปจากผู้หญิงถึงผู้หญิง ที่เปรียบเสมือนการเดินทางเพื่อการค้นพบตัวเองที่จะช่วยให้เรารู้สึกเข้าถึงและเชื่อมโยงเข้าได้ดีกับส่วนที่อยู่ลึกๆ ของตัวเราเอง เพื่อช่วยให้เราไม่ต้องตกอยู่เพียงแค่ภายใต้ความคาดหวังของสังคม เป็นกิจกรรมที่สร้างพลังให้แก่กัน เมื่อผู้หญิงได้เชื่อมโยงเข้ากับส่วนลึกของตัวเองและกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในกรุงปารีส และถูกพัฒนาขึ้นในกว่า 10 ประเทศ ทั้งใน แคนาดา อินเดีย สิงคโปร์ ไปจนถึงโคลัมเบีย โมร็อกโก ฮ่องกง สหรัฐฯ เม็กซิโก และจะมาถึงมาเลเซีย ญี่ปุ่น และอิหร่าน วิสัยทัศน์ของ Festival du Féminin คือการรวมกลุ่มผู้หญิงจำนวนมากเข้าด้วยกันและมอบโอกาสในการพบปะเพื่อแบ่งปันและเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งชีวิตอันมีค่าของพวกเขา ให้พวกเขาค้นพบพลังและมิตรภาพที่เชื่อมต่อกัน เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงแสงสว่างภายในตัวเอง และรักษาปมในจิตใจของกันและกัน การสำรวจแง่มุมที่หลากหลายของความเป็นอิสตรี —————————————————————————- ผ่านเวิร์คช็อปที่เน้นกิจกรรมโต้ตอบกัน เตรียมตัวให้พร้อมกับงานเวิร์คชอปในสองวันนี้ ที่จะได้เรียนรู้ถึงร่างกายและจิตใจ และการเติบโตของเราเอง ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่มาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งที่เป็นแพทย์ผดุงครรภ์ ผู้ใช้ศาสตร์พลังงานในการรักษาโรค ศิลปิน นักจิตวิทยา นักวิทยาศาสตร์ โค้ช นักบำบัด นักบริหารธุรกิจ นักเขียน และอื่น ๆ โดยในปีนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญที่มาไทยถึง 6 ท่าน อาทิ คุณ Angeli Jagota ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์ทางด้านโยคะ และเป็นผู้เขียนหนังสือระดับ best selling ที่มีชื่อว่า The Intimacy Protocol  เวิร์คชอปของเธอมีชื่อว่า Celebrate Womandhood เธอมีความเชื่อว่าเมื่อผู้หญิงมาอยู่รวมกัน…

Read More