ตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามา ณ โรงแรมอันสวยงาม เดินผ่านสระบัว ต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงา โดยบรรยากาศแล้วช่างแสนสงบต่างกับภายนอกเสียเหลือเกิน เหมือนอยู่ๆก็ได้พบเพชรที่ถูกเจียระไนมาอย่างดี อยู่บนตัวเรือนอย่างเหมาะสม เปรียบเสมือนโรงแรมที่ตั้งอยู่ในทำเลที่สำคัญยิ่ง อย่างย่านสาธร นั่นคือโรงแรมสุโขทัยนั่นเอง วันนี้ Kinlakestars.com จะพามารับประทานอาหารไทยอันแสนอร่อย New Tasting menu ณ ห้องอาหารศิลาดล ที่ตั้งอยู่ในเรือนไทยประยุกต์กลางสระบัว โดยเชฟรินผู้มากฝีมือ จานแรกของอาหารชุดนี้ เป็นผลไม้ตามฤดูกาล ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่รัชกาลที่ 9 ท่านทรงโปรด โดยทำเป็นชิ้นมะม่วงแกะสลักมาอย่างสวยงาม โรยพริกเกลืออยู่ด้านบน ชิ้นมะม่วงอมเปรี้ยวชิ้นใหญ่ แอบหอมมันด้วยรสของมะพร้าวคั่วแซมๆมาในพริกเกลือแบบโบราณขนานแท้ วางบนใบมะม่วงใบใหญ่ทับบนผ้าขาวม้าสีสันต์สดใสมาอีกที โดยผลไม้ตามฤดูกาลนี้ จะถูกสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามแต่ละเดือนด้วยค่ะ จานต่อไปที่ยกมา ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่ายกมาทั้งเตากันเลย เป็นขนมครกวางอยู่ในหลุมที่รองด้วยมะพร้าวคั่วสีขาวบริสุทธิ์ บนเตาทองเหลืองขนาดเล็กตั้งไฟมาพออุ่นๆ เป็นขนมครก ที่ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่มาโม่พักไว้ 1 คืน แล้วจึ่งนำมาหยอดในเตาร้อนๆ โรยด้วยปูเส้นเล็กๆและขมิ้นที่หอมเป็นอันมาก โดยรวมแล้วรสออกหวานเล็กๆ แป้งกรอบๆ อร่อยและหาทานได้ยากยิ่งนัก สะดุดตามาแต่ไกลด้วยแผ่นถั่วทอดที่เชฟแอบกระซิบไว้ว่าได้คัดถั่วมาจากจังหวัดอุตรดิตถ์เลยทีเดียว เพราะลองดูแล้วว่านี่เป็นถั่วที่ดีที่สุดในประเทศไทย! นำมาทำเป็นถั่วทอดของกินเล่นที่เชฟชอบให้พวกเราได้มากินกันบ้าง มันๆกรอบๆทานคู่กับเมี่ยงรสเปรี้ยวสดชื่น เผลอแป๊บเดียวหมดไปทั้ง 2 แผ่นเสียแล้ว เห็นใส่พริกแซมมานิดๆแบบนี้ แต่ไม่เผ็ดนะคะขอบอก หากคุณเคยทานล็อบสเตอร์กันมา ก็คงมักจะเคยเห็นแต่ปรุงแบบอาหารฝรั่งเป็นแน่ มาคราวนี้มาลอง ยำกุ้งล็อบสเตอร์มะขามเทศกันบ้างค่ะ แค่ชื่อก็บ่งบอกถึงพระเอก พระรอง ตัวประกอบกันครบแล้ว โดยเชฟได้นำเอามะเขือเทศเชอรี่ไปลวก เอาเม็ดและเปลือกออก นำไปปั่น พักไว้แล้วกรองผ้าขาวบางทิ้งไว้ 1 คืน จึ่งได้ส่วนประกอบสำคัญของน้ำยำนี้มา นำเนื้อล็อบสเตอร์ทั้งหมดไปคลุกน้ำยำจนเราทานแล้วรู้สึกได้ถึงรสที่เข้าเนื้อ เปรี้ยวๆหวานๆเผ็ดที่ปลายเล็กน้อย ช่วยกล่อมรสของน้ำยำจานนี้ลงได้ด้วยเนื้อมะขามเทศสีทองในจานใบเล็ก ส่งตรงจากจังหวัดเพชรบูรณ์อันมัน หวาน สดชื่น ชามนี้ยังคงทำให้เราตื่นเต้นได้อยู่ไม่เสื่อมคลาย ด้วยการจับตัวแทนแห่งท้องทะเลที่เราคุ้ยเคยกันดีมาไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะตัวหอยแครงที่เราเห็นนั้นทำมาจากหัวกะทิ เมื่อกาน้ำซุปได้ถูกเทลงไปใส่หอยแครงนี้จะมลายหายไปผสมเป็นต้มยำน้ำข้น ซึ่งมีรสชาติเปรี้ยวหอมเครื่องต้มยำ เผ็ดอ่อนๆเพียงเท่านั้น ในชามนี้ที่ขาดไม่ได้อีกคือหอยเชลล์ที่หวานมาก เนื้อปลาหมึก หอยแมลงภู่ และกุ้ง จากความชื่นชอบในการเดินทางของเชฟ ที่ชอบไปเที่ยวทางภาคเหนือ จนได้แรงบันดาลใจมาสู่จานนี้ ข้าวซอยคั่ว สิบสองปันนา โดยการนำชิ้นหมูไปทำกับมะเขือเทศ เติมพริกกะเหรี่ยง (ที่ได้ยินชื่อก็แอบหนาวแล้วค่ะ เพราะพริกชนิดนี้ขึ้นชื่อว่า…
Author: Nopmanee
ทุกวันนี้อาหารนั้นถูกผลิตขึ้นมาอย่างหลากหลายและมีการผลิตขึ้นมาจำนวนมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า ทั้งยังใช้วัตถุดิบเป็นจำนวนมากเช่นกัน วัตถุดิบบางตัวนำเข้ามาจากอีกซีกหนึ่งของโลก วัตถุดิบบางตัวมีอยู่ในท้องถิ่นอยู่แล้ว ซึ่งวัตถุดิบสำหรับอาหารบางจานขึ้นอยู่กับความนิยมของคนกินเช่นกัน เทรนด์ในช่วงนั้น สิ่งเหล่านี้ทำให้มีอาหารมากขึ้นก็จริง แต่ก็ทำให้วัตถุดิบพันธุ์พื้นถิ่นบางตัวพลอยสูญหายไปตามกาลเวลาด้วยเช่นกัน ยังไม่นับถึงว่าวัตถุดิบนั้นมีตำหนิก็คัดออก ทิ้งลงถังขยะไปเลยก็มี นอกจากนั้นยังมีบรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับห่อหุ้มอาหาร วัตถุดิบที่ย่อยสลายยาก ซึ่งถูกใช้ห่อหุ้มเพื่อความสะอาด ห่อไว้หลายชั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดขยะ มลภาวะให้แก่โลกโดยที่เราอาจไม่ได้ตระหนักถึงกันมาก่อน ทีนี้ทำอย่างไรล่ะ ถึงจะเรียกว่าการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบเพื่อความยั่งยืน ที่เรา ลูกหลานของเราในอนาคตก็มีความสุข และโลกก็มีความสุขอย่างยั่งยืนเช่นกัน จากซ้ายไปขวา คุณแชมป์ ศิรเดช โทณวณิก, เซฟ โบ-ดวงพร ทรงวิศวะ, คุณลิซ่า ไทเลอร์, คุณกิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา {Re} Food Forum เป็นงานเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับการคุยถกเถียงและแบ่งปันเรื่องราวของอาหารจากมุมมองที่มีความหลากหลาย ไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่การทำและการกินอาหาร แต่มองย้อนไปถึงระบบการผลิตอาหารของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จัดขึ้นในวันที่ ๑๙ – ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ นำโดยเชฟโบ ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดิลลัน โจนส์ (Dylan Jones) สองเชฟจากร้านอาหารไทยโบลาน และ ลิซ่า ไทเลอร์ (Leisa Tyler) นักเขียนและเกษตรกรที่จับมือร่วมกันจัดงาน {Re} เพื่อพูดคุยภายใต้หัวข้อสนทนาหลักในงานคือ “เรื่องการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบเพื่อความยั่งยืนในเอเชีย” “ความตั้งใจแรกที่อยากจะจัดงาน {Re} Food Forum นั้น เพราะเราอยากสร้างความตระหนักรู้ให้คนกลับมาฉุกคิดและหันมาใส่ใจกระบวนการบริโภคอย่างรับผิดชอบ” เชฟโบ ดวงพรกล่าว “งานนี้จึงเป็นการพูดคุยที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของการบริโภค ตั้งแต่สิ่งแวดล้อมของวัตถุดิบและเทคนิคการเกษตรกรรมและการประมงแบบยั่งยืน การใช้วัตถุดิบและผลิตผลท้องถิ่น ไปจนถึงการจัดการกับขยะจากทุกกิจกรรมภายในงาน เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ของทรัพยากรนั้นอย่างสูงสุด” {Re} ชวนพูดคุยร่วมกับนักเล่าเรื่องในวงการที่เกี่ยวข้องกับอาหารจากไทยและต่างประเทศ ทั้งนักวิทยาศาสตร์ เชฟ เกษตรกรนักประวัติศาสตร์อาหารและนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม คุยกันถึงถึงเรื่องความยั่งยืนที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอาหารและวิถีชีวิตของผู้คนตลอดห่วงโซ่ จะเล่า พูดคุย ถกเถียง อภิปรายและร่วมกันค้นหาคำตอบในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์พื้นถิ่นที่เริ่มเลือนลางจางหายไปจากสังคมบริโภคยุคนี้ ทั้งเรื่องของขยะที่เกิดขึ้นทุกห้วงขณะของการบริโภคจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมไปถึงการส่งผ่านภูมิปัญญาด้านศาสตร์และศิลป์ของการบริโภคอย่างยั่งยืน โดยใช้เวลาประมาณ ๑๐ –…
สำหรับสาวกนักดื่ม สายชิล สายแข็ง สายปาร์ตี้ไม่ควรพลาด เพราะวันนี้ผมจะพาทุกๆคนไป พบกับ Cocktail สูตรพิเศษจากบาร์เทนเดอร์ที่ import มาจาก Italy โดยคุณ Mr.Roberto Cuda ที่จะมารังสรรค์เครื่องดื่มให้กับเราที่ Zuk Bar ของโรงแรมกลางเมืองที่มีเอกลักษณ์ความโดดเด่นของความเป็นไทยอยู่มาก และที่นี่ก็คือโรงแรมสุโขทัยนั่นเองครับ ซึ่งบาร์แห่งนี้ก็เปิดให้บริการทุกวัน จันทร์ถึงเสาร์ ห้าโมงเย็นถึงตีหนึ่ง ส่วนวันอาทิตย์เที่ยงวันถึงเที่ยงคืน ซึ่งที่Zuk Bar เครื่องดื่มหลายๆตัวก็ถูกคิดขึ้นเองโดยคุณ Roberto อย่างเช่นแก้วต่อไปนี้ นี่คือ Americano with foam เครื่องดื่มตัวนี้ใช้ส่วนประกอบน้อยอยู่พอตัว แต่รสชาติถือว่าดีงามมาก นี่ขนาดผมไม่ค่อยชอบดื่มยังรู้สึกเลยว่า เออมันอร่อย ตัวเครื่องดื่มรสชาติจะออก วานิลลา กาแฟ ตัดกับโฟมด้านบนที่มีกลิ่นส้มอ่อนๆ แก้วนี้ถ้ามา Zuk Bar จะบอกว่าเป็น recommended เลยก็ว่าได้ แก้วต่อมาจะเป็น Grandma feet ชื่อและสูตรก็มาจากคุณ Roberto จะบอกว่าแก้วนี้ หอมมาก หอมน้ำผึ้ง หอมมะนาว เพราะเค้าใช้ น้ำผึ้ง มะนาว ดอกคาโมมายด้วยวิธีการละเหย แก้วนี้ก็ใส่ Ice ball กลิ่นหอมเหมาะแก่คนคออ่อนเพราะแอลกอฮอล์ไม่แรงครับ มาที่แก้วเกือบสุดท้าย Basic but famous Gin tonic คือถ้าพูดถึงจินมันก็สามารถเอามาทำเครื่องดื่มได้หลายอย่างเลยอะ แล้วก็ง่ายมากๆด้วย ใส่หวาน เปรี้ยว เค็ม ตามใจทำง่าย และเป็นที่นิยม โดยสูตรของที่ Zuk bar คือ การนำจินไประเหยกับโสม หรืออะไรก็ได้ เราสามารถสั่งได้ตามใจชอบเรา และเค้าก็จะพักให้มันเย็นลงสักนิด ตามด้วย sparking water และมะนาว หรือเลม่อน ตามความถนัดของเราเลยครับ แต่ที่พีคคือแก้วสุดท้าย เพราะทาง Zuk bar กำลังจะเปิดคอร์สสอนทำ Cocktail แบบละเอียดเรียนทั้งทฤษฎีเรียนทั้งปฏิบัติ โดยวันนี้ เราก็จะทำเมนูแบบมั่วๆ ตามใจทำคนทำ…
มีอยู่หลายครั้งหลายคราที่เราจะเลือกรับประทานอาหารซักมื้อหนึ่งจากประเภท เช่น อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารไทย อาหารฝรั่ง ซึ่งใช้วัตถุดิบและขั้นตอนกรรมวิธีในการทำ การพรีเซนต์ที่แตกต่างกันออกไป มีวัตถุดิบหลักๆอยู่บางอย่างที่มักจะปรากฏอยู่ในอาหารประเภทนึงอยู่อย่างเป็นเอกลักษณ์ แล้วเราก็มักจะไม่เห็นปรากฏอยู่ในประเภทอื่นอีก อาทิเช่น ปลาหิมะ ที่ส่วนใหญ่เราจะพบเจอในอาหารจีน มีน้อยครั้งนักที่จะถูกนำมาปรุง นำเสนอในรูปแบบอาหารฝรั่ง จนเป็นความท้าทายของเชฟอย่างหนึ่งที่จะนำวัตถุดิบหลักตัวเดียวกันแล้วนำมาปรุงด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างกัน ซึ่งคราวนี้เราจะแยกเป็นแบบ Asian และ Non-Asian กันค่ะ วันนี้ Kinlakestars.com จะขอพามาลองทานอาหารเมนูใหม่ สัมผัสความเป็น Asian และ Non-Asian ภายใต้การรังสรรค์ของเชฟคาร์โล วาเลนเซียโน Executive Sous Chef ผู้มากประสบการณ์ ที่ห้องอาหาร Niche ชั้น G โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ในบรรยากาศสบายๆที่ชานระเบียงล้อมรอบไปด้วยสวนสวยและสระน้ำ Gin Mare Tonic ที่ถูกเสิร์ฟมาในแก้วมีก้านทรงสูงเย็นๆ ช่วยคลายอารมณ์ได้ดีจาก Gin Mare, blueberries, lemon, rosemary, crispy orange และ premium tonic water ขนมปังเนื้อแน่นและนิ่มมากจากการใช้แป้งตัวเดียวกันกับหมั่นโถว มีความชุ่มชื่นอยู่ในตัวของขนมปังเอง ทานคู่กับคาร์จูนบัตเตอร์ถ้วยนี้เพลินๆดีค่ะ มาถึงจาน Appetizer กันบ้าง Foie Gras / Asian ฟัวกราส์เกรดพรีเมียมเนื้อนิ่ม ถูกทอดมาอย่างดีจนเราจะไม่รู้สึกถึงความมันเลย ผลที่ได้คือรสของฟัวกราส์แท้ๆ แอบซ่อนความเปรี้ยวอยู่จางๆจากซอสน้ำมะขามที่ราดมาให้ เติมเปรี้ยวหวานอีกนิดด้วย roasted pineapple compote สีเหลืองส้มในถ้วยพร้อมฝาปิดข้างๆได้ และยังมี peanut brittle แผ่นบางที่ช่วยเติมเทกซเจอร์ความกรุบกรอบขนาดเล็กให้จานนี้อีกด้วย Hamachi / Asian จานนี้น่าจะมีรสถูกปากคนไทยดี เพราะเป็นรสที่เราคุ้นเคยกันดี ที่มีทั้งรสหวาน รสเปรี้ยว รสมันหน่อยๆ คลุกเคล้ากันมากับปลาฮามาจิหั่นเป็นชิ้นเล็กๆให้สัมผัสที่เป็นชิ้น รสนุ่มนวลกว่าหมูสับเป็นไหนๆ King Prawn / Non-Asian ชิ้นผักเซเลอรีชุ่มฉ่ำกรอบๆ …
ขึ้นชื่อว่าเทศกาลตรุษจีนแล้ว ก็ต้องหาอาหารตามเทศกาลทานกันสิครับ วันนี้ดิฉันจะพาทุกท่านไปดูเมนูตรุษจีนจากห้องอาหารไชน่าเฮ้าส์ โรงแรม Mandarin oriental เริ่มต้นด้วยการเชิดสิงโตอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่ห้องอาหาร เดอะ ไชน่า เฮ้าส์ และทุกห้องอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาของโรงแรม พร้อมรับอั่งเปาแห่งความโชคดี ห้องอาหารจีนกวางตุ้ง เดอะ ไชน่า เฮ้าส์ (The China House) ขอเชิญทุกท่านมาสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหาร แบบชุด “Yu Sheng” (หยูซาง) หรือเมนูสลัดปลาดิบ ตามตำนานความเชื่อเป็นเมนูมงคลสำคัญฉลองเเฉพาะในช่วงเทศกาลนี้ อาทิ เมนูสลัดปลาแซลมอนและปลาทอดกรอบ (Golden DOG ‘Yu Sheng’) สลัดกุ้งลายเสือและแมงกระพรุน (Ha-ha-ha ‘Loh Hey’) สลัดกุ้งมังกร ปลาแซลมอนและเป๋าฮื้อ (Superior Prosperity’ Yu Sheng) สลัดเป๋าฮื้อและแมงกระพรุน (Superior Abalone and Jelly Fish) ราคาเริ่มต้นที่ 1,838 ++ บาท (ราคา 2,164 บาทสุทธิ) สำหรับ 2-4 ท่าน หรือ ราคา 1,988++ บาท (ราคา 2,340 บาทสุทธิ) สำหรับ 5-8 ท่าน พร้อมบริการเมนูอาหารตามสั่ง และติ่มซำเลิศรสมากมาย ตั้งแต่วันที่ 15 – 18 กุมภาพันธ์ 2561 และภาพที่ทุกท่านเห็นนี่คือ เมนูหยูซาง หรือเรียกว่าเมนูสลัดปลาดิบนั่นเองครับ โดยกรรมวิธีในการรับประทานเมนูนี้คือการโยน อาหารขึ้นสูงเหนืออากาศและตะโกนว่า “โละเฮ้” ซ้ำๆไปเรื่อยๆ ซึ่งหมายถึงความเจริญก้าวหน้า โดยเมนูหยูซาง นี่สำหรับแฟนๆปลาดิบห้ามเลยครับ รสชาติจะจัดจ้าน เ็ดนิดๆ ออกแนวอาหารฟิวชั่น เมนูนี่ก็จะเป็นกุ้งชุบักโขมทอด ถือว่าอร่อยเลยดีครับ เมนูซาลาเปาก็จะมีสองไส้ด้วยกันคือ ไส้หมูแดงอบ และ ไส้เห็ดกับผักรวม…
ในบรรดาผู้ที่ชื่นชอบนิยมการกิน ดื่ม เที่ยว ทำอาหาร หลายๆท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงของโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร LE CORDON BLEU กันมานาน ขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันสอนการทำอาหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีต้นกำเนิดมาจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี 1895 จนกระทั่งเมื่อปี 2007 Le Cordon Bleu Dusit Culinary School ก็ได้เปิดทำการเรียนการสอนที่กรุงเทพฯภายใต้การสอนของเชฟผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียง โดยวิธีดั้งเดิมของสถาบัน ที่สามารถเข้าใจได้ด้วยคำ 3 คำ ” Watch – Learn – Do ” จัดสอนเป็นภาษาอังกฤษ แปลเป็นภาษาไทย ซึ่งจะมีคลาสแบ่งเป็นระดับต่างๆให้กับนักเรียนได้เรียนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงขั้นสูงสุดต่อไป ในวันนี้ Kinlakestars.com ได้มีโอกาสไปลองเรียนทำเค้ก กับเชฟ Marc Razurel – Pâtissier Chef Instructor ผู้คิดค้นเค้กที่เราจะเรียนในวันนี้เอง ซึ่งใช้เวลาคิดค้นร่วม 3 เดือน จึงลงตัวเป็นเค้ก Nuage de fraise ที่เรากำลังจะเรียนกัน นับเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เราจะนำมาแบ่งปันกันค่ะ ในคลาสนี้เชฟจะสาธิตให้ดูและอธิบายถึงวัตถุดิบ ขั้นตอน เทคนิคต่างๆไปทีละขั้น แล้วให้เราทำตาม เสร็จแล้วเชฟจะอธิบายขั้นตอนต่อไป เราทำตาม วนไปแบบนี้จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นเค้กนี้ วัตถุดิบที่เราจะใช้กันคร่าวๆในวันนี้ จุดเด่นของเค้กตัวนี้คือด้านในเค้ก ที่เราต้องทำทีละเลเยอร์แล้วนำมาประกอบกัน ผสมผสานกันด้วยเทคนิคชั้นสูงอันหลากหลาย 1 สูตรสามารถทำเค้กได้ขนาด 2 ปอนด์ 2 ก้อน โดยเราจะเร่ิมทำ Chocolate strawberry crisp กันก่อน Dark chocolate 64% 20 g Cocoa butter 10 g Rice crispy …
นักชิมอาหารญี่ปุ่นหลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อร้านอาหารญี่ปุ่น Takumi แห่งนี้กันดี ที่มีบุฟเฟต์อร่อยสมราคา คุ้มค่า ควรค่าแก่การมากิน อยู่ย่านรัชดา ที่โรงแรม Swissôtel Bangkok Ratchada และได้ปิดปรับปรุงตกแต่งใหม่จนบัดนี้ได้เปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่งแล้ว ภายในห้องอาหารมีที่นั่งหลากหลายแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ชุด เก้าอี้หน้าเคาเตอร์ หรือถ้ามากันหลายๆคนอยากได้บรรยากาศเป็นส่วนตัวซักหน่อย ก็มีห้องส่วนตัวให้เลือกนั่งได้หลายห้อง ห้องอาหารตกแต่งด้วยไม้เป็นวัสดุหลัก ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ ผนัง ฉาก ในโทนไม้อบอุ่น มีการจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจนด้วยแผ่นไม้หลากหลายแบบ เสาขนาดใหญ่ เล่นไฟที่ฝ้าเพดาน พื้นเป็นสีเทาหลากหลายโทนช่วยขับเน้นให้เวลาปรากฏในรูปภาพเหมือนมีเงาช่วยขับเน้นในรูปภาพมากขึ้น ในห้องส่วนตัวมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นใบต้นไผ่ ได้บรรยากาศญี่ปุ่นเป็นอย่างดี ส่วนในวันนี้ Kinlakestars.com ขอหยุดมื้อบุฟเฟต์ซักมื้อหนึ่ง มาเปลี่ยนบรรยากาศลองทานเมนู a la carte ที่ห้องอาหารแห่งนี้กันบ้าง ซึ่งจะมีความพิเศษแตกต่างกับการทานบุฟเฟต์ยังไง มาดูกันค่ะ เริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยกันก่อน Kaki batayaki (xxx บาท) หอยนางรมราดชีส ชีสเยิ้มเยอะแยะจุใจ ชิ้นนี้ก็ออกจะครีมมี่อยู่ซักหน่อย ส่วนซูชิ เราได้สั่งแต่ตัวเด็ดๆมา Wagyu (420 บาท) คนรักเนื้อจะชอบชิ้นนี้มาก ตัวเนื้อวากิวเนื้อดี หวานฉ่ำประกบกับข้าว อร่อยมากค่ะ ต้องมีสั่งซ้ำ Unagi (xxx บาท) เนื้อปลาไหลชิ้นขนาดกำลังดี หวานๆไปกับซอสเทอริยากิ คนชอบทานปลาไหลขอให้สั่งค่ะ Engawa (xxx บาท) ครีมปลาตาเดียวชิ้นนี้ก็อร่อยไม่แพ้ใครเลย หากอยากทานฟัวกราส์ ที่นี่ก็มี Foie gras don (790 บาท) ฟัวกราส์ชิ้นหนา นิ่มจนออกเหลวซักหน่อย ทอดมากำลังดี ไม่ไหม้ ทานคู่กับข้าวจะช่วยลดความมันลงได้ Ebi Tempura (290 บาท) เป็นกุ้งเทมปุระที่ทอดออกมาได้ดี แป้งกับกุ้งก็ติดกันดี รีบทานตอนกำลังร้อนๆ Philly Roll (250 บาท) เป็นการผสมผสานกันของเนื้อปลาแซลม่อน เติมหวานด้วยชิ้นอโวคาโดด้านบน สอดไส้ตรงกลางด้วยชีส ที่น่าจะเป็น Bocconcini จานนี้ก็ถือว่าแปลกใหม่น่าลองดีค่ะ Spicy maguro Roll (250 บาท) ชิ้นปลาทูน่าสีชมพูเข้มรสหวาน ราดซอสเข้มข้น…
ถ้าเบื่ออะไรเดิมๆ มาเพิ่มเติมที่นี่ดีกว่าครับ ห้องอาหารเมดิชี่ คิทเช่น แอนด์บาร์ห้องอาหารสไตล์อิตาเลียน ที่คุณจะบอกว่า”แปลก” นี่ยังว่าแปลกเลย แต่มันคือความโดดเด่น และความ DIY ที่อยากให้ทุกคนได้มาลองกันจริงๆ วันนี้ผมก็จะพาทุกคนมาดูเมนูอาหารช่วงคริสต์มาส บอกไว้ก่อนเลยว่า ลืมธีมเขียวแดงไปได้เลย เพราะนี่คือธีมใหม่ only at Hotel Muse เท่านั้น ดูจากการจัดโต๊ะ เป็นตัวอย่าง เก๋ซะไม่มี เริ่มแรกก็ประเดิมด้วย welcome drink กันก่อนเลย ให้ดื่มพร้อมซึมซับบรรยกาศดีๆ ก่อนที่เราจะไปกินมื้อหลักของเรากัน ตามมาด้วยขนมปังครับ กินขำๆพอเดี๋ยวอิ่ม ฮ่าๆ มาแล้วววววว จานแรกของเรา เมนูนี้คือ ราวิโอลี สดรูปดาวสอดไส้เห็ดพอรช์นีผัดหอมกรุ่น กับเนยโรยด้วยอัลมอลด์สไลด์ เอาเข้าจริงๆจานนี้หอมเนยมากเลยนะ เพิ่มเติมคือโรยชีสลงไปครับคุณ อร่อยกว่าเดิมอีก สำหรับจานนี้ถือว่าดีงามครับ เปิดได้ดี ต่อมาก็จะเป็น นูสเต็กเนื้อซี่โครงแกะราดด้วยซอสมาร์จอรัมและ ถั่วเลนทิล ซึ่งถ้าไม่ทานก็มีสเต็กเนื้อสันในให้เลือกทานนะครับ เอาตรงๆนะ จานนี้รสชาติเบาไป พูดถึงเนื้อ คุณภาพคือดี โอเค แต่ตัวของซอสจะอ่อนๆ ทำให้รสชาติจานนี้เบาไปเลย มาที่จานที่สามนะครับ จะบอกว่าอร่อย และเป็นความลงตัวของรสชาติมาก ข้าวริซอตโตผัดหอมกรุ่น กับเห็ดทรัฟเฟิลขาว ไส้กรอก นมและหญ้าฝรั่น ทรัฟเฟิลที่รอคอย คือจานนี้จะบอกหอม อร่อย กลิ่นทรัฟเฟิลขาวทำให้ประทับใจสุดๆ แต่เห็นเค้าว่าปีนี้ราคาทรัฟเฟิลขาวจะสูงนะครับ จานนี้ขอ Recommend! มาที่เมนูปลาบ้าง มันคือสเต็กเนื้อปลาหิมะจากประเทศนิวซีแลนด์พันด้วยแพนเชตต้าอบพร้อมใบเสจ ราดด้วยซอสมะเขือเทศ รสชาติจานนี้คือดีเพราะว่าเชฟได้เคี่ยวซอสมะเขือเทศเอง โดยใช้วิธีเคี่ยวและผสมกับผัก หัวหอมทำให้ได้รสชาติที่ดีและแปลกใหม่ โดยจานนี้ถือว่าเนื้อปลานี่อร่อยแน่นอน เพราะเป็นปลาหิมะจากทะเลน้ำเย็น ตัดรสชาติด้วยแพนเซตต้า คือดีงาม และนี่ก็คือโฉมหน้าของเชฟจากอิตาลี สุดท้ายด้วยเมนูของหวาน ที่ประทับใจมากๆ คือไอศครีมทับทิมราดด้วยซอสส้มแกรนด์มาเนีย จะบอกว่าไฮครีมนี่ดีมาก รักมาก อร่อยมาก ไม่ได้เว่อ คือแปลก ไม่เคยกินมาก่อนอะ โดยจานนี้จะมีวุ้นใสๆรอบ กินด้วยนะ อร่อยเว่อร์ ในส่วนของ พุดดิ้งถั่วเฮเซลนัท ไม่ค่อยจะได้กลิ่นของเฮเซลนัทเท่าไหร่ แต่ถ้ากินรวมกันทุก layer ก็คืออร่อยเลยแหละ โดยสรุปก็คือดี เก๋ แปลก แตกต่าง มีความเป็นปีใหม่และคริสต์มาสที่ไม่เหมือนที่อื่นมากๆ ซึ่งวันที่…
เชื่อว่าแฟนสเต็กทุกคน คงจะเคยได้ยินชื่อของร้านสเต็กเฮาส์แห่งนี้มาบ้าง ด้วยความนำเข้า ความมีคุณภาพ และอีกหลายๆความ ที่ทำให้ New York Steakhouse เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เอาเป็นว่าที่นี่ของเค้าดีจริง ซึ่งวันนี้ผมก็มีโอกาสได้ลิ้มลอง เนื้อที่ทาง New York steakhouse อิมพอร์ตเข้ามาใหม่ มีสามส่วนด้วยกัน ได้แก่ ที-โบน ริปอายส์ และพอร์ตเตอร์เฮาส์ ส่วนนี้คือ ที-โบน นี่ก็คือ พอร์ตเตอร์เฮาส์ อันนี้จะเป็นส่วนของริปอายส์ ซึ่งส่วนแรกที่เราจะได้ชิมกัน นั่นก็คือ Rib Eye โดยเนื้อส่วนนี้จะมาจาก Rib หรือเรียกว่า เนื้อส่วนซี่โครงนั่นเอง โดยเนื้อส่วน Rib eye จะเป็นเนื้อล้วนๆไม่มีซี่โครงติดมาด้วย โดยความสุกของจานนี้ก็จะอยู่ที่ Medium rare นะครับ ซอสเกรวี่ที่ราดด้านบน คือการเคี่ยวน้ำที่ออกมาจากเนื้อให้ข้น น้ำเกรวี่นี้เลยอร่อยและเข้มมาก ส่วนซอสสีขาวด้านล่างมันจะอารมณ์ ครีมซอส ถ้าถามถึงรสชาติ คือมันจะนุ่มๆ ละมุนลิ้น หอมเนย แต่ไม่เลี่ยน และที่ดีงามมากๆคือ White truffle เชฟก็จะทำการสไลด์ truffle บนเนื้ออีกครั้งหนึ่ง คือจะต้องบอกเลยว่า white truffle เนี่ยราคาสูงกว่า black truffle ถึง 20 เท่า เห็นเค้าว่าปีนี้ White truffle จะเก็บยากกว่าปีที่แล้ว ราคาก็จะสูงขึ้นมาอีก แต่ก็หอมกว่าและรสชาติอลังกว่า 20 เท่าเช่นกัน ต่อไปจะเป็นในส่วนของ Porterhouse นะครับ ในส่วนนี้เชฟได้บอกว่าเนื้อที่ติดกระดูกจะอร่อยที่สุด เห็นเค้าว่าอย่างนั้นนะครับ ซึ่งจานนี้เนี่ยหลังจากที่นำไปย่างเสร็จแล้ว เราก็จะพักเนื้อไว้ห้านาที เพราะถ้าเราไม่พักเนื้อ ย่างเสร็จและหั่นเลย น้ำของเนื้อก็จะไหลออกมาหมด ทำให้เวลากินเราไม่ได้กินความฉ่ำและรสชาติที่เต็มรูปแบบของเนื้อ ซึ่งเนื้อที่ดีจะไม่ต้องใส่ซอสก็อร่อยได้ เราก็เลยลองทานเปล่าๆดู และแบบ เห้ย! อร่อยมาก คือไม่ต้องราดอะไรเลย คือเนื้อหอมมาก นุ่ม และได้กลิ่นของเนย เนื้อส่วนนี้จะมีความเหนียวไม่สู้…
สำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปลิ้มลองรสชาติความเป็นฮอกไกโด ที่ส่งตรงจากญี่ปุ่นมาพร้อมทีมเสิร์ฟให้คุณที่ 22 kitchen and bar โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในช่วงเดือน November มันก็คือช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีหรือที่เราเรียกว่า Autumn ซึ่งญี่ปุ่นช่วงนี้ก็จะเป็นสีแดง เหลือง ส้ม เต็มไปหมด ฉะนั้นแล้ววันนี้ทาง 22 kitchen and bar ก็ได้ import เชฟจากฮอกไกโด มาสร้างสรรค์เมนูต่างๆให้คุณได้ลิ้มลองกัน โดยอาหารทั้งหมดจะมาเป็น set dinner ใน theme Hokkaido Autumn Fest เริ่มที่เมนูแรก Amuse เมนูนี้มีชื่อว่า Hokkaido cold hairy crab topped steamed egg custard มันคือไข่ตุ๋นอัดไปด้วยปูหิมะจากฮอกไกโด และก็มีเนื้อปูโปะมาให้อีกด้านบนพร้อม ก้อนวาซาบิเล็กๆให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัว ในส่วนของของเนื้อปูนั้นแน่นอยู่พอตัว จานต่อมาจะเป็น Appetizer 5 อย่างด้วยกันนะครับ ก็จะมี cheese sandwich with Hokkaido Scallops ถ้าดูในภาพมันจะอยู่ในช้อนนะครับ มันก็คือหอยสแกลลอบและก็มีชีสอยู่ด้านในครับ กินไปคำแรกก็จะได้กลิ่นของหอม สักพักพอเคี้ยวถึงชีสก็จะได้กลิ่นอ่อนๆของชีส ไม่แรงมากครับกำลังดี ต่อมาจะเป็น Herring roe on kelp from Hokkaido with amber jelly มันคือปลาซาร์ดีนกับสาหร่ายทะเลอะนะครับอยู่ในเจลลี่สีเหลือง ในแก้วใสๆที่คุณเห็นนั่นเอง แก้วนี้ถือว่ารสชาติจะค่อนข้างเข้ม และออกเค็มจากปลาทะเลนะครับ ทานพร้อมกับเจลลี่ในถ้วยเพื่อให้รสชาติเข้ากัน ต่อมาคือ Boiled Hokkai shrimp มันก็คือกุ้งต้มที่ดูหน้าตาธรรมดา แต่มันอิมพอร์ตมานั่นเอง เนื้อกุ้งจะละเอียดจากการนึ่งที่นานครับ ถือว่าใช้ได้ ต่อมาก็คือ fried ginkgo nuts แปะก๊วยนั่นเอง มันก็จะมันๆเพลินๆคมๆ และสุดท้ายสำหรับ Appetizer Steamed duck tosa-style มันคือเนื้อเป็ด ที่อร่อยมาก ถือว่าชอบสุดในจานนี้เลยก็ว่าได้…