Author: Kittin Assavavichai

ห้องอาหาร เอเลเมนท์ (Elements) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) ขอเชิญท่านมาลิ้มรสเมนูอาหารพิเศษที่ปรุงจากหน่อไม้ฝรั่งขาว (White Asparagus) ซึ่งถือเป็นราชินีหน่อไม้เป็นผักที่มีประโยชน์และมีรสอร่อย ให้บริการระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2559 เท่านั้น หน่อไม้ฝรั่งขาว เป็นพืชพื้นเมืองแถบยุโรปและแอฟริกา มีสารอาหารและประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก อาทิ ช่วยลดกรดในลำไส้ ช่วยขับปัสสาวะ บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดชื่น อุดมไปด้วยไฟเบอร์ กรดโฟลิค แคลเซี่ยม ธาตุเหล็ก วิตามินเค และประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย เชฟ แอนโทนี ชอลท์ไมเยอร์ (Antony Scholtmeyer) หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ (Executive Chef) ประจำโรงแรมฯ ได้นำหน่อไม้ฝรั่งขาว มารังสรรค์เป็นเมนูอาหารฝรั่งเศสที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่น (French Cuisine with Japanese Influences) ให้ได้ลิ้มรสกันตลอดช่วงฤดูกาลที่หน่อไม้ฝรั่งขาวมีคุณภาพและรสชาติที่ดีที่สุดในรอบปี เมนูอาทิ ซุปข้นหน่อไม้ฝรั่งขาวและตับห่านโรยด้วยผงชาเขียวหอมอร่อยกลมกล่อมเข้ากันเป็นอย่างดี (Soup of White Asparagus with Foie Gras Royale and Matcha) หน่อไม้ฝรั่งขาวนึ่งทานคู่กับซอสส้มยุซุ สาหร่ายญี่ปุ่น ซอสเห็ดชิเมะจิ และโรยด้วยมิซูบะหรือผักชีญี่ปุ่นสด (Steamed White Asparagus with Yuzu Beurre Blanc, Toasted Nori, Shimeji Puree and Mitsuba) หรือเนื้อลูกวัวย่างเสิร์ฟพร้อมหน่อไม้ฝรั่งขาว เห็ดโมเรล แก่นตะวัน หอมแดงและงาบด (Roast Dutch Veal, White Asparagus, Morels, Jerusalem เมนูอาหารพิเศษที่ปรุงจากหน่อไม้ฝรั่งขาว ราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท ให้บริการระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2559 เท่านั้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์คู่กับอาหาร ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องดื่มของโรงแรมฯ แนะนำสปาร์คกลิ้งไวน์จากออสเตรีย (Austrian Grüner Veltliner) เป็นเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มรสชาติอาหารเมนูพิเศษจากหน่อไม้ฝรั่งขาว ให้บริการ แก้วละ 400 บาท และขวดละ 1,900 บาท ห้องอาหาร…

Read More

ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน เชิญคนรักสุขภาพมาอร่อยกับเนื้อออร์แกนิกและซีฟู้ดที่กริลล์บนหินร้อนที่เดอะรู๊ฟ แกสโตร ชั้น 25 สยาม แอ็ท สยาม ดีไซน์ โฮเต็ล กรุงเทพ การรับประทานอาหารที่กริลล์บนหินร้อนจะไม่ใช้น้ำมัน เพราะหินร้อนเป็น Volcano Stone หินคืนสภาพหลังการระเบิดของภูเขาไฟลาวา ซึ่งสามารถเก็บความร้อนและปรุงอาหารได้นานถึง 20 นาที ด้วยอุณหภูมิความร้อนในหินสูงกว่า 400 องศาเซลเซียส จึงสามารถย่างได้ทั้งเนื้อต่างๆ และซีฟู้ดได้สุกพร้อมทานทันที ยิ่งได้เนื้อแบบออร์แกนิกจากผลิตภัณฑ์ S-Pure ของเบทาโกร ทั้งเนื้ออกไก่ (399 บาท/240กรัม) และเนื้อหมูสันใน(499 บาท/240กรัม) รวมทั้งเนื้อวัวออร์แกนิกชั้นดีนำเข้าจากนิวซีแลนด์ (999 บาท/240กรัม) และแซลมอนจากนอร์เวย์(699 บาท/240กรัม) อีกทั้งซีฟู้ดสดจากทะเลจ.ประจวบคีรีขันธ์ รับรองว่ามื้อนี้ทั้งอร่อยและได้สุขภาพและดื่มด่ำกับไวน์ชั้นเยี่ยมในบรรยากาศอันสวยงามยามค่ำคืน เปิดให้บริการทุกวัน 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน สอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งที่ 0 2217 3000 หรือ [email protected] Kinlakestars.com Team ——————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A A B A B A…

Read More

กลับมาอีกครั้งกับรีวิวบุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch กับคอนเซปที่ฉีกแนวออกไปที่คุณจะไม่เคยเจอที่ไหน ณ Millennium Hilton กับห้องอาหาร Flow ห้องอาหารบุฟเฟต์นานาชาติที่มีการตกแต่งในแนวคิดการไหลไปกับแม่นำ้เจ้าพระยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรีซึ่งสามารถเข้ามาทางถนนเจริญนครหรือลง BTS และนั่งเรือของโรงแรมจากท่าเรือตากสินมาก็ได้ครับ โดยความแปลกคือที่นี่เป็น Lazy Sunday Brunch หากคุณมากินมื้อนี้คุณจะไม่ต้องกินอะไรไปทั้งวันเลย ไม่เว่อร์แต่มันเป็นความจริง! เพราะด้วยแนวคิดวันอาทิตย์แสนชิว อาหารจะเริ่มตั้งแต่ 11.00 และจบลงที่ 16.00 โดยเริ่มต้นจาก 360 ซึ่งอยู่บนชั้น 33 ของโรงแรม (คลิกที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่) เริ่มต้น “Lazy Sunday Brunch” ที่ Three Sixty Lounge  ชั้น 33 ซึ่งมีวิวแบบ Birdeye view ขนาดใหญ่  ตลอด 360 องศา สามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่องของกรุงเทพมหานครฯ  รวมถึงแม่น้ำเจ้าพระยาสายใยชีวิตของเรา  ได้อย่างสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ ระหว่างนั้นเรามาลองจิบน้ำ และอาหารว่าง ขณะชมวิวกันซักนิด  ชีวิตคงจะรื่นรมย์ขึ้นได้อีก ซึ่งเครื่องดื่มเป็น Free Flow สั่งได้เท่าตามที่ต้องการเลยค่ะ Mocktail 1. Apple Sider เป็นน้ำแอปเปิล ผสม Ginger ale และแอปเปิลหั่นชิ้นเล็กๆขนาดพอดีๆคำมีความซ่าความหวานแอปเปิลลงตัวดีค่ะ 2. Fruitpunch เป็นน้ำมะนาว + น้ำสัปปะรด + น้ำส้ม และน้ำเชื่อมทับทิม เป็นเครื่องดื่มที่รวบรวมความเปรี้ยวกันไว้อย่างลงตัว  ไม่มีอะไรโดดเด่น เปรี๊ยวจี๊ดไปกว่าใคร แต่ก็หอมหวานกันอย่างพอดี Cocktail 3. Bahama เป็นเครื่องดื่มคล้ายๆกับ Fruitpunch แต่ใส่ Spirit (เหล้ารัม) ลงไปด้วย ริเคียว  (เหล้าหวาน) มีให้เลือก 2 กลิ่น คือ กลิ่นมะพร้าว กับกลิ่นกล้วย 4. Guava Fizz เป็น Spirit Gin + น้ำฝรั่ง + น้ำมะนาว + น้ำเชื่อม อร่อยดีค่ะเครื่องดื่มอื่นๆยังมีเป็น  Fresh…

Read More

_____________________________ ” ข้าวแช่เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากชาวมอญ เดิมทีนั้นจากเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา กษัตริย์มอญผู้ซึ่งยังไม่มีบุตรเพื่อสืบ บัลลังก์เสียที จนกระทั่งได้ทำการบนบานกับศาลเทวดาแห่งหนึ่งอันศักดิ์สิทธิ์จนสมหวัง จึงได้ทำเรื่องเซ่นมาไหว้ถวาย เครื่องเส้นเหล่านั้นก็ได้แก่ หมูเส้น ลูกกะปิ หอมยัดไส้ และไช้โป๊วหวาน อันเป็นของที่เก็บได้นาน ทำแล้วเก็บใส่ไหดินเผาไว้ ทำให้เก็บได้นานไม่บูดเน่าเสีย ต่อมา ชาวมอญถือเอาข้าวแช่เป็นอาหารสำคัญในประเพณีวันสงกรานต์ จะต้องจัดข้าวแช่ครบชุดไปถวายพระ และถวายแด่เทพีสงกรานต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล และเมื่อชาวมอญอพยพเข้ามายังประเทศไทย ประเพณีข้าวแช่ในวันสงกรานต์จึงตามติดชาวมอญมายังประเทศไทยด้วย ทำให้ชาวไทยเริ่มรู้จักข้าวแช่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่อมาข้าวแช่เริ่มกลายมาเป็นอาหารชาววัง หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าทรงเสด็จเมืองเพชรบ่อย และได้พบกับข้าวแช่ของชาวมอญ เมื่อได้เสวยแล้วก็ทรงปิติ แต่ข้าวแช่ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็คือ ข้าวแช่เสวย อาหารชาววังที่ถูกจัดถวายให้กับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ก็ทรงโปรดเมนูข้าวแช่เสวยมาก แต่ในช่วงนั้นข้าวแช่ยังเป็นอาหารชาววังที่ชาวบ้านยังไม่รู้จักกันนัก แต่ไม่นานนักข้าวแช่ชาววังจึงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในสังคมทุกชนชั้น นี่เป็นส่วนหนึ่งจากการสัมภาษณ์จากเชฟชำนาญ เชฟผู้มากประสบการ์ณแห่งห้องอาหารทิพย์ธารา โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ และในวันนี้ทาง กินแหลกแจกดาว KinlakeStars.com จะขอนำเสนอข้าวแช่ทั้ง 9 ที่ ซึ่งมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไปจะเด็ดและแปลก ต่าง สร้างสรรค์ อร่อย สวยงามแค่ไหน มาติดตามชมกันเลย 1. ศิลาดล Sukhothai Bangkok (1,250++) KinlakeStars.com ขอแนะนำสุดยอดข้าวแช่ที่แสนวิจิตร เป็นทั้งอาหารตา อาหารจมูก อาหารปาก อาหารใจ ข้าวแช่ชาววังนั้นเริ่มเข้ามาเป็นเป็นที่รู้จักแก่ชาววังในช่วงรัชกาลที่ 4 แต่เป็นอาหารของชาวมอญมาตั้งแต่รัชกาลที่ 2 ซึ่งในชุดนี้ท่านจะได้พบกับข้าวแช่สูตรโบราณผสมผสานสไตล์ชาววัง ซึ่งหากินได้ยาก ทั้งขนมหวานในชุดได้แก่ มะกรูดลอยแก้ว อันหาทานไม่ได้ง่ายๆเป็นต้น และถ้วยที่วิจิตรที่สุดที่เคยมีมา แกะสลักจากฟักทองทั้งลูก อ่านต่อ>> 2. ทิพย์ธารา The Peninsula Bangkok (490 ++) อากาศอันร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน หากจะหาอะไรดับร้อนเสียหน่อยก็คงต้องหาสถานที่เย็นๆ และอะไรเย็นๆกินไปด้วย “ข้าวเเช่ ” อาหารประจำฤดูร้อน ที่สวยงาม หอมหวน และกินแล้วเย็นสดชื่น  ส่วนที่ ” ริมน้ำ ” ก็เป็นสถานที่ที่นั่งแล้วเย็นกาย สบายใจ และจะดีแค่ไหนถ้าได้นั่งกินข้าวแช่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา…

Read More

ในปัจจุบันข้าวแช่เริ่มกลับมาได้รับความนิยม และมีการทำขาย ให้บริการแก่ท่านที่อยากลิ้มลองในหลายที่มากขึ้น ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีจุดขายและความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป สำหรับข้าวแช่ชาววังที่โอชานั้นบอกได้เลยว่าเด็ดที่กลิ่นอันหอมหวลจากน้ำอบควันเทียนที่ใช้ทั้งมะลิ กุหลาบมอญ และดอกชมนาด ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน อีกทั้งการเสิร์ฟอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะเป็นอย่างไรมาชมกันเลย หากท่านได้เข้ามาในร้านอาหารแห่งนี้ ท่านจะสะดุดตาแปลกใจตั้งแต่แรกเข้า การนำศิลปและองค์ประกอบงานปฎิมากรรม วิจิตรศิลป์แบบไทยมาประยุกต์เข้ากับการออกแบบภายในที่นำสมัย ในพื้นที่และรูปทรงที่ชวนตื่นตา พื้นที่นั่งถูกจัดแต่งออกมาในหลายรูปแบบและมีความเป็นส่วนตัว สวยงม น่านั่ง และมีบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละส่วน ข้าวเม็ดงามความแข็งกำลังดีในน้ำลอยดอกไม้กลิ่นหอมเย็นชื่นใจพร้อมเครื่องเคียงตามตำรับดั้งเดิม อาทิ ลูกกะปิผัด หอมแดงจุกยัดไส้ ปลายี่สนผัดหวานพริกหยวกสอดไส้หุ้มไข่ หมูผัดน้ำพริกมะขาม และหัวผักกาดเค็มผัด ทั้งหมดในราคาเพียง 550 บาท ++ ต้อนรับคิมหันต์ฤดูที่เวียนมาถึงด้วยเมนูข้าวแช่ตำรับชาววังจากสูตรเฉพาะของอาจารย์ กอบแก้ว นาจพินิจ ปูชนียบุคคลด้านอาหารไทยโบราณ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความเย็นฉ่ำอย่างละเมียดละไมลงบนจานโดยเชฟปูริดา ธีระพงษ์ *************************************************************************** ข้าวแช่ตำรับชาววัง (The Royal Recipe of Kao-Chae inspired by Professor Kobkaew Najpinij, expert in authentic Thai culinary)  ด้วยรูปแบบถ้วยและภาชนะที่แปลกตาออกไป และที่ทำให้ตื่นตาประทับใจนั้นคือ ควันขาวพริ้วสะบัดจากน้ำแข็งแห้งเมื่อต้องน้ำ ทำให้เกิดภาพอันน่าประทับใจตามคลิปและรูปด้านบน น้ำอบควันเทียนของที่นี้มีกลิ่นหอมที่ชัดเจนแต่ซับซ้อนกลิ่นของควันเทียนจะลอยเด็นชัดเจน ตามด้วยกลิ่นอันนวลเนียนเบาๆของมะลิ กลิ่นหวานหอมเบาๆจากดอกชมนาดซึ่งหาได้ยากในปัจจุบันแทบจะไม่มีที่ใดใช้อบแล้ว และกุหลาบมอญที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์และชัดเจน ซึ่งรูปด้านบนเป็นดอกไม้ทั้งสามชนิดที่นำมาลอยอบในน้ำอบ นอกจากน้ำที่มีกลิ่นหอมสดชื่นแล้ว ข้าวนั้นใช้ข้าวเสาไห้เรียงเม็ดสวย ตัวข้าวเองก็มีความแข็งอยู่ในระดับกำลังดี มีความหนึบและไม่นิ่มไปแต่ก็ไม่แข็งไป ลูกกะปิผัด (Shrimps Paste Ball) กะปิชั้นเลิศคลุกเคล้าด้วยปลาช่อนย่างและสมุนไพรไทยที่คุ้นเคย อาทิ กระชาย ตะไคร้ หอมแดง ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ผัดให้สุกได้ที่ นำไปปั้น และนำไปชุบแป้งทอด เสิร์ฟเป็นลูกกลมๆ รสชาติจะออกเค็มนำ มันตาม และมีกลิ่นกระชายเบาๆพอให้สดชื่น หอมแดงจุกยัดไส้ (Stuffed Thai Shallots) เนื้อปลาช่อนย่างบดละเอียด ปรุงรสชาติด้วยน้ำตาลทรายและหอมเจียวผัด  รสชาติกำลังดี พอเหมาะ ใส่ในหอมแดงชุบแป้งทอด กลิ่นหอมเย้ายวนชวนน่ารับประทาน แต่ควรรีบกินทันทีเพราะหากทิ้งไว้นานแป้งที่ชุบอาจจะเเข็งตัวไป ปลายี่สนผัดหวาน (Stir Fried Sweet Yee-Son Fish) เนื้อปลายี่สนย่างฉีกเป็นเส้น ผัดและปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลปี๊บ ตกแต่งด้วยหอมเจียว เป็นเมนูโบราณที่มีรสชาติหวานกลมกล่อม…

Read More

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) เชิญท่านมาลิ้มลองหอยนางรมนำเข้าระดับพรีเมี่ยม และจิบบลัดดี้แมร์รี่ค็อกเทล ชมวิวเมืองกรุงเทพฯ ยามเย็นขณะพระอาทิตย์กำลังตกดิน กับโปรโมชั่นหอยนางรมและบลัดดี้แมร์รี่ (Oysters & Bloody Mary) ให้บริการทุกวันพฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ เวลา 17.00 น. – 19.00 น. ตั้งแต่ วันที่ 7 เมษายน – 30 มิถุนายน 2559 ที่อัพแอนด์อะบัฟ บาร์ (Up & Above Bar) เชฟ แอนโทนี ชอลท์ไมเยอร์ (Antony Scholtmeyer) หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ (Executive Chef ) คัดสรรหอยนางรมคุณภาพระดับพรีเมี่ยม นำเข้าจากหลากหลายประเทศ อาทิ ฟินเดอแคลร์ (Fin de Claire) จากประเทศฝรั่งเศส อีเกิล ร็อค (Eagle rock) จากประเทศสหรัฐอเมริกา และแปซิกฟิก (Pacific) จากประเทศออสเตรเลีย มาให้เลือกรับประทานตามชอบ กะเทาะเปลือกกันแบบสด ๆ ที่บริเวณอัพแอนด์อะบัฟ บาร์ ให้บริการพร้อมน้ำจิ้มสูตรพิเศษที่มีให้เลือกถึง 6 ชนิด ได้แก่ ซอสพอนซึ (Ponzu) ซอสเปรี้ยวแบบญี่ปุ่น ซอสค็อกเทล (cocktail sauce) เป็นซอสมีส่วนผสมของมายองเนส บรั่นดีและซอสมะเขือเทศ มิกโนเนท (mignonette) ซอสรสเปรี้ยวแบบอิตตาเลี่ยนที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู ไวน์แดง และหอมแดง หากชอบน้ำจิ้มรสจัด เชฟก็ได้เตรียมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดแบบไทย (Thai Spicy seafood) น้ำจิ้มส้มยูซุรสเผ็ด (spicy yuzu) หรือ วาซาบิขูดสด (Grated Wasabi) ไว้คอยให้บริการ หอยนางรม 4 ตัว พร้อมน้ำจิ้มราคาชุดละ 410 บาท ส่วนมุมบลัดดี้แมร์รี่ บาร์เทนเดอร์ของเราจะเตรียมส่วนประกอบต่าง ๆ ของบลัดดี้แมร์รี่ไว้ที่อัพแอนด์อะบัฟ บาร์ เพื่อให้คุณ ปรุงบลัดดี้แมร์รี่แก้วโปรดในแบบของคุณ หรือ จะสั่ง “แบล็กเมจิกวูเมน” (Black Magic Woman)…

Read More

อากาศร้อนๆยามบ่าย แดดแรงๆเช่นนี้ ย่อมทำให้อยากกินอะไรที่ทำให้รู้สึกเย็น สดชื่น และเพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ใช่แล้ว “ข้าวแช่” เมนูอาหารไทยนี้แหละที่จะตอบโจทย์คุณ กลิ่นน้ำอบควันเทียนหอมๆ เครื่องเคียงรสชาติดี สมุนไพรอันเป็นเครื่องเคียงในชุดที่จะทำให้ร่างกายคุณนั้น สดชื่นจากภายในในวันนี้กินแหลกแจกดาวจะขอนำเสนอข้าวแช่ของห้องอาหาร Erawan Tea Room, Grand Hyatt Erawan Bangkokซึ่งนอกเหนือจากคุณภาพที่สูง ราคายังเป็นมิตรสมเหตุสมผลอีกด้วย เพราะขายเพียงชุดละ 280++ Erawan Tea Room เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นห้องอาหารที่เสิร์ฟอาหารไทยรสชาติดี ราคาไม่แพง และอีกหนึ่งเมนูที่ทางกินแหลกแจกดาวอยากนำเสนอนั้นคือ ข้าวแช่ชาววังที่ราคาเบาๆ รสชาติดี และนำเสนออกมาอย่างสวยงาม สำหรับสูตรข้าวแช่ชาววังที่ให้บริการ ณ ห้องอาหารแห่งนี้ เชฟหนึ่ง ซึ่งเป็นเชฟใหญ่แห่งห้องอาหาร Erawan Tea room ได้กล่าวว่าเป็นสูตรที่ตกทอดกันมาอย่างยาวนาน เป็นสูตรของวังร่วมฤดี ดังนั้นจึงสามารถมั่นใจในรสชาติได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว และวัตถุดิบที่ใช้ยังคงแนวคิดหลักของ Grand Hyattที่ต้องการให้เป็น Sustainable Seafood อย่างเช่น ปลาที่ใช้ก็ได้เปลี่ยนจากปลาดุก ปลาช่อนเป็นปลากะพงที่จับแบบธรรมชาติ และหาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ มิใช่ปลากะพงเลี้ยง เครื่องเคียงของข้าวแช่ที่นี่ตามตำรับข้าวแช่ชาววัง ซึ่งประกอบไปด้วย ลูกกะปิทอด ไชโป๊ผัดหวาน เนื้อฝอย/หมูฝอยหอมยัดไส้ พริกหยวกสอดไส้ และสมุนไพรต่างๆ เริ่มต้นกันด้วยข้าวและน้ำอบควันเทียน ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของข้าวแช่ สำหรับข้าวที่นี่จะใช้เป็นข้าวหอมมะลินำไปแช่น้ำค้างคืน พอเช้าแล้วจึงนำข้าวไปหุงให้สุกแค่ 60% จากนั้นจึงนำมาล้างในน้ำสะอาดเพื่อล้างยางข้าวออก จนกระทั่งเม็ดข้าวขาว ใส ถึงนำไปนึ่งอีกครั้ง และชั้นตอนสุดท้ายจึงนำข้าวไปอบควันเทียน ในส่วนของน้ำอบนั้น เป็นน้ำพร้อมดอกมะลินำไปอบควันเทียนข้ามคืน สำหรับที่นี่จะไม่นำกุหลาบไปอบรวมด้วย แต่จะนำกุหลาบมาลอยน้ำให้พอสวยงามเพราะเชฟไม่ต้องการให้มีกลิ่นที่ตีผสมกันมากจนเกินไป ลูกกะปิทอด นำกระชาย กะปิ หอมแดง ใบมะกรูด และเนื้อปลากะพงจากแหล่งน้ำธรรมชาติมาบดให้ละเอียด และนำไปผัด ปั้นเป็นก้อนและชุบแป้งทอด รสชาติกำลังดีเหมาะสำหรับกินกับข้าวและน้ำอบควันเทียน กลิ่นกระชายหอมพอให้ได้กลิ่นและสดชื่นไชโป๊ผัดหวานของที่นี้ใช้ไชโป๊อย่างดีนำมาผัดกับน้ำตาลปี๊ปซึ่งเป็นน้ำตาลมะพร้าวอย่างดี จึงทำให้มีรสที่หวาน ไม่แหล และกลิ่นหอม เนื้อฝอย/หมูฝอย  รสหวานนำมันตาม ไม่เหนียวจนเกินไป  กินง่าย เคี้ยวง่าย …

Read More

วันนี้กินแหลกแจกดาวจะพาทุกท่านไปพบกับห้องอาหารไทยและหนึ่งในข้าวแช่ชาววังที่ไม่เหมือนใครในกรุงเทพฯและประเทศไทย ณ Saffron @ Banyan Tree Bangkok ” กินข้าวแช่ ชมพระอาทิตย์ตกดินไปกับทัศนียภาพเส้นขอบฟ้ากรุงเทพมหานครทั้งเมือง หนึ่งเดียวในประเทศไทย ช้าวแช่ชาววังครบเครื่องที่เสิรฟมาในเครื่องเชี่ยนหมากขันเงิน โดยเชฟเรณู และมีการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบเพื่อความเหมาะสม กับการบริการและต้อนรับที่จะทำให้ทุกคนประทับใจและไม่รู้ลืม เริ่มตั้งแต่การล้างมือให้แขกทุกท่านด้วยน้ำสมุนไพรถึงโต๊ะ เช็ดมือ และดอกไม้ทัดหูสำหรับแขกผู้หญิงทุกคน” บรรยากาศตั้งแต่ออกมาจากลิฟท์ ทุกท่านจะเหมือนหลุดออกมาอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว ความเป็นไทยที่พบเห็นได้ตั้งแต่ประตูลิฟท์ และทางเข้าห้องอาหารที่ตกแต่งในรูปแบบไทยประยุกต์ ทั้งแสง สี และกลิ่น กับบรรยากาศที่ผ่อนคลายและให้ความเป็นไทย ก่อนเริ่มมื้ออาหารอันแสนจะน่าประทับใจและแสนวิเศษ จะเริ่มจากการล้างมือด้วยน้ำสมุนไพร จากพนักงาน ณ ที่โต๊ะอาหาร พร้อมการเช็ดมือ และหากเป็นแขกผู้หญิงก็จะมีช่อดอกไม้มาทัดหูให้ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการอันน่าประทับใจและเอกลักษณ์ความเป็นไทย ข้าวแช่ชาววังเครื่องครบ ซึ่งเสิรฟมาในภาชนะแปลกตา ชุดเชี่ยนหมากขันเงิน สำหรับเครื่องประกอบไปด้วย ลูกกะปิทอด หอมยัดไส้ ไข่ชุปแป้งทอด พริกหยวกสอดไส้ หมูเส้น/เนื้อส้น ไช้โป๊วผัดหวาน ปลายี่สนผัดหวาน เครื่องเคียงผต่างๆ และปลาแห้งแตงโม และในส่วนของข้าวและน้ำอบควันเทียน จะแยกกันมาให้ใส่เติมไปรวมกันในภายหลัง ข้าวและน้ำอบควันเทียนของที่นี้แยกข้าวไว้ในถ้วย ซึ่งมาพร้อมกับน้ำอบควันเทียนในขวดแก้ว  สำหรับข้าวนั้นนำมาหุงขัดและแช่ได้ระดับความแข็งของข้าวแข็งกำลังดี ไม่แข็งจนเกินไปหรือนุ่มนิ่มจนเกินไป น้ำอบก็หอมกลิ่นมะลิและกุหลาบดีเพราะเชฟเรณูได้ปรับสูตรไม่ให้กลิ่นควันเทียนแรงจนเกินไป เพราะในบางครั้งลูกค้าต่างชาติจะตกใจกับกลิ่นควันเทียน จึงทำให้กลิ่นน้ำอบมีกลิ่นมะลิที่ชัดเจนขึ้น ความเย็นของน้ำก็เย็นกำลังดี ไม่ใช้น้ำแข็งตามตำหรับชาววัง กินแล้วนั้นหอมสดชื่น ไข่เค็มชุปแป้งทอด สำหรับไข่เค็มที่ที่ใช้ไข่เค็มไชยาอย่างดี และใช้แค่ไข่แดงทั้งนั้น และชุบแป้งทอด รสชาติ มันเค็มกำลังดี ไม่เค็มจนเกินไปและไม่จืดหรือเบาจนเกินไปเมื่อกินคู่กับข้าวแช่อบควันเทียน ปลายี่สนผัดหวาน สำหรับปลายี่สนที่นี้ใช้ปลาช่อนทุบและฉีก จากนั้นนำมาผัดกับน้ำตาล ปั้นเป็นก้อนและชุบไข่เล็กน้อย รสหวานำมันตาม สัมผัสหนึบหนุบ เมื่อกินกับข้าวแช่แล้ว รสกำลังดีลงตัว สำหรับลูกกะปิที่นี้เครื่องครบดี เชฟเรณูกล่าวว่าสำหรับลูกกะปิที่ใช้ปลาช่อนบด กระชาย ใบมะกรูด หอมแดง และกะปิอย่างดีมาบดรวมกันให้ละเอียด นำไปผัด ปั้นเป็นก้อนชุปแป้งและไข่เล็กน้อย จากนั้นก็นำไปทอด รสชาติกะปิจะนำเด่นสุดและมีสัมผัสเนื้อปลาบดชัดเจน แต่กลิ่นกระชายอาจจะเจือจางและเบาไปเล็กน้อย หอมยัดไส้ สำหรับไส้ที่นี้จะมาแปลกกว่าหลายที่เพราะไม่ใช้ปลาแต่ใช้เป็นไส้กุ้งแทน ทอดมาร้อนๆไม่อบน้ำมันแห้งกำลังดี หอมยังฉ่ำชุ่มและร้อนๆอยู่เลย ไส้กุ้งเองก็เช้นกัน สำหรับไส้กุ้งปรุงด้วย…

Read More

สำหรับข้าวแช่ที่นี้นั้นรังสรรค์ขึ้นโดยเชฟ เจษฏณรงค์ ทักษาปกรณ์ หัวหน้าพ่อครัว ประจำห้องอาหาร อัพแอนด์อะบัฟ เครื่องในชุดก็จะมีข้าวและน้ำอบควันเทียน ลูกกะปิทอด หอมทอดยัดไส้ เนื้อเส้น/หมูเส้น ไช้โป๊วผัด พริกหยวกสอดไส้ และ เครื่องเคียงอันได้แก่ หอม มะม่วง แครอตและแตงกวาที่แกะสลักออกมาเป็นลวดลายที่ปราณีต ชดช้อย ตามตำหรับไทย ข้าวและน้ำอบควันเทียน สำหรับข้าวกับน้ำอบควันเทียนที่นี้นั้น น้ำอบควันเทียนหอมควันเทียนและมะลิดี มีมะลิลอยอยู่ในน้ำอบ เย็นสดชื่น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและกระปรี้กระเปร่า ส่วนตัวข้าวนั้นเม็ดข้าวของข้าวแช่ต้องแข็งกว่าข้าวทั่วไม่ไม่เหมือนข้าวสวย แต่สำหรับที่นี้ออกจะแข็งเกินไปหน่อย ควรจะแข็งน้อยลงอีกนิด ลูกกะปิทอด  มีกลิ่นกระชายหอมทำให้พอสดชื่น รสชาติดีไม่เค็มหรือเบาจนเกินไป ใช้กะปิ ปลาดุก หอมแดง กระชาย ใบมะกรูด สับและบดรวมกัน ปั้นเป็นก้อนและชุปแป้งทอด หอมทอดยัดไส้  หอมแดงรสหวาน ยัดไส้ด้วยปลาช่อนบด และนำมาชุปแป้งทอนผิวนอก แป้งกรอบนิดๆกำลังดี ไส้ปลาข้องในรสหวานหนึบ หมูเส้น เนื้อเส้น ไช้โป้วหวาน รสชาติหวานในระดับที่พอเหมาะกับการกินข้าวแช่และน้ำอบควันเทียน พริกหยวกสอดไส้  ยัดไส้ด้วยหมูและกุ้งสับรวมกัน ปรุงด้วย เกลือ พริกไทย และรากผักชี เนื้อพริกนุ่มดี เอาเม็ดพริกออกจนหมด ห่อด้วยไข่แบบบหลุ่ม นิ่มเป็นแพ รสชาติกำลังดี เครื่องเคียง ประกอบไปด้วยต้นหอม มะม่วงดิบแกะสลัก แตงกว่าแกะสลัก และแครอตดิบแกะสลักในรูปใบไม้ สไตล์ไทยที่ยังคงความวิติรอันเป็นเอกลักษณ์อย่างไทย แต่ขาดกระชาไปซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องเคียงหลักของข้าวแช่ ห้องอาหาร อัพแอนด์อะบัฟ และห้องอาหาร ยามาซาโตะ อยู่ชั้น 24 โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.okurabangkok.com สนใจสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ 02 687 9000 By KinlakeStars.com ——————————————————————————————————————————————– AA BB AA BB AA BB AA BB AA BB AA BB AA BB AA…

Read More

ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนแล้ว อากาศอบอุ่น เย็นสบาย สายลมเย็นๆที่มาพร้อมกับความสดชื่น ดอกไม้ผลิบาน สีขาว ชมพู จากกลีบซากุระ สิ่งที่เติมเต็มและเป็นสัญลักษณ์การเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่น ใช่แล้วในวันนี้ กินแหลกแจกดาว Kinlakestars.com จะพาทุกท่านไปพบกับชุดน้ำชา Sakura Afternoon Tea  เซตน้ำชาชุดพิเศษกุ๊กกิ๊ก สไตล์ญี่ปุ่นต้อนรับเทศกาลดอกซากุระ ใช้โทนสีชมพูหวานๆของกลีบดอกซากุระเป็นแรงบันดาลใจและองค์ประกอบ ในเซตประกอบด้วยของหวานและของคาวหน้าตาน่ารับประทานมากมายหลากหลายชนิด อาทิเช่น โมจิ ช็อคโกแลต สโคน มาการอง แซนด์วิช เซตนี้มีถึง 31 มิถุนายนนี้เท่านั้น ราคาเซตละ 990++ บาท รวมเครื่องดื่มชาหรือกาแฟสำหรับ 2 ท่าน ของหวาน Sakura macaroons raspberry & yuzu มาการอง รูปลักษณ์หน้าตาภายนอกสีสันหวานแหวว น่ารับประทานเลยทีเดียวปริ้นท์ลายดอกซากุระด้านบน เนื้อแป้งด้านนอกกรอบ หนึบ นุ่ม สอดไส้ราสเบอร์รี่และส้ม Yuzu รสชาติออกหวานอมเปรี้ยวนิดๆ Sakura mochi strawberry and cheese filling โมจิสีชมพูอ่อนด้านบนใช้น้ำตาลทำเป็นรูปดอกซากุระ เนื้อแป้งเหนียว นุ่มกำลังดีสอดไส้สตรอเบอร์รี่เนื้อละเอียดรสค่อนข้างหวานแต่ถ้าทานคู่กับชาแล้วจะพอดี ไม่เลี่ยนและชั้นในสุดเป็นชีสสีขาวเนื้อเนียนละเอียดมีรสจืดๆ Sakura financier ขนมปังอบสีน้ำตาลคล้ายกับสโคนชิ้นเล็กแต่ด้านบนเป็นครีมสีชมพูขดเป็นเส้นละมีติดทองเล็กๆด้านบนสุดเพื่อความหรูหรา เนื้อขนมปังมีรสหวานนิดๆด้านในสอดไส้ราสเบอร์รี่ Sakura swiss roll เค้กแยมโรล สีชมพูสลับเหลือง ฟู นุ่ม เนื้อครีมสีขาวเนียนนุ่ม ละมุนลิ้น รสหวานกำลังดีครับ Sakura panna cotta พานาคอตต้า ขนมหวานสัญชาติอิตาเลียน เนื้อเนียน นิ่มสีขาว พร้อมเพิ่มกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วยด้านบนเป็นเจลเหลวสีชมพูบางๆพร้อมดอก ซากุระดองซึ่งมีรสเค็มนิดๆ ทานด้วยกันกับพานาคอตต้าแล้วรสชาติหอม หวานเข้ากันดีครับ Sakura strawberry and yuzu chocolate pralines เป็น White Chocolate ทรงกลมเล็กๆพอดีคำ เคลือบสีชมพูด้านนอก ส่วนด้านในเป็นไส้ white chocolate กลิ่นสตรอเบอร์รี่และส้มเนื้อเหลวๆและมีเกล็ดสตรอเบอร์รี่เล็กๆเหมือนเม็ดทรายเปาะแป๊ะในปาก รสชาติค่อนข้างหวานสมเป็นช็อคโกแลต ทานคู่กับชาเพื่อลดความหวานได้ครับ Sakura scones เนื้อขนมปังแข็ง แน่น ไม่แตกง่าย ด้านบนมีติดดอกซากุระดองรสออกเค็มนิดๆ สามารถทานคุ่กับเนย แยมสตรอเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่หรือแอพริคอต แล้วแต่ความชอบเลยครับ…

Read More