Author: Kittin Assavavichai

โฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมกับพันธมิตร Left Hand Roasters ขอมอบประสบการณ์อาฟเตอร์นูนทีเพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืน ความหลากหลายทางชีวภาพ เกษตรกรรมเชิงปฏิรูปในภาคเหนือของไทย ไปกับเมล็ดกาแฟและชาท้องถิ่นที่คัดสรรอย่างประณีต ลิ้มลองเมนูอาหารคาวและหวานที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีโดยเชฟออยล์ ปติวรัตา ชูติวัทก์และเชฟขนมหวานมือฉมัง Andrea Bonaffini เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 Left Hand Roasters คือกลุ่มคนของชุมชนที่ทำงานใกล้ชิดกับชุมชนในภาคเหนือของประเทศไทย โดยเรื่องราวของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางป่าปางแปก ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ซึ่งพวกเขาได้ทดลองวิธีการคั่วเมล็ดกาแฟแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นที่จุดประกายความหลงใหลของกลุ่มคนที่ชอบกาแฟอาราบิก้าของไทย ตลอด 19 ปีที่ผ่านมา พวกเขาได้กลายเป็นตัวแทนของชุมชนต่างๆ ที่คิดค้นแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนของการขับเคลื่อนโดยกลุ่มเกษตรกรที่แท้จริง ในการเพิ่มศักยภาพให้กับชุมชนผ่านทางการศึกษาและการค้าขายทางตรง ด้วยแรงบันดาลใจจากการเล่นแร่แปรธาตุของเมล็ดกาแฟ การใช้เครื่องคั่วแบบทำมือทำให้เมล็ดกาแฟมีรสชาติที่ซับซ้อนและพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น รับชมคลิปวีดีโอเกี่ยวกับการร่วมงานของเราได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=SXPqxbEo2SQ เครื่องดื่มกาแฟพิเศษสัมผัสประสบการณ์เมล็ดกาแฟชนิดพิเศษของ Left Hand Roasters ในสภาพที่บริสุทธิ์ที่สุดหรือผสมลงในการคัดเลือกด้วยมือของเรากาแฟทรอปิคอล : น้ำลิ้นจี่, น้ำสับปะรด, น้ำเชื่อมโกโก้ขาว, เอสเพรสโซชาที่เลิอกได้มีดังนี้KAREN OOLONG : ชาอูหลงที่ผลิตขึ้นโดยช่างฝีมือโดยใช้กรรมวิธีที่มีมายาวนานหลายศตวรรษ แบ่งปันรสชาติผลไม้สุกอ่อนสมุนไพร จากแม่ฮ่องสอน.LAHU GOLDEN TIPS : ชาดำที่ทำด้วยมือนั้นถูกสร้างขึ้นโดยใช้ยอดชาที่มีอายุน้อยกว่า รสไม้หวานของน้ำผึ้งและแอปริคอทพร้อมการเติมสีอำพันCOFFEE BLOSSOM BLEND : การผสมผสานของชาดำที่เติบโตตามธรรมชาติท่ามกลางต้นชาอายุนับพันปีในป่าของเชียงใหม่พร้อมดอกกาแฟ ของกินในชุดWatermelon skin, lychee sorbet, coffee blossom tea foam SAVORY DELICACIES :Balik of salmon, lemon fennel coulis, blackcurrant powder. Foie gras, rhubarb-strawberry, burgundy wood sorrel.White asparagus tart, parmigiano crisps serrano ham, cascara sabayon.Oscietra caviar toast, classic condiment, chia and amaranth seeds cracker.SURPRISEPurple potato canele, lobster cocktail,…

Read More

ได้เวลาแล้วสำหรับการเฉลิมฉลองสำหรับเหล่านักสะสมไวน์ และ ผู้ที่หลงไหลในการดื่มไวน์ เมื่อบริษัทเดอะไวน์ เมอร์ซานส์ จำกัด (TWM) เปิดร้านสาขาใหม่ในทำเลทองย่านสีลม หรือที่เป็นที่รู้จักว่า ‘ถนนวอลล์สตรีทของประเทศไทย’ ซึ่งนับเป็นสาขาที่สี่ในกรุงเทพฯและที่สาขาที่ห้าในประเทศไทย ได้เวลาแวหบการเฉมฉลองหบเหากสะสมไว และ หลงไหลในการมไว เอ บทเดอะไว เมอชาน ด (TWM) เดานสาขาใหในเลทองานลม หอเน กา ‘ถนนวอลสตทของประเทศไทย’ งบเนสาขาในกงเทพฯและสาขาาใน ประเทศไทย เดอะไว เมอชาน เมองโดยณทรา (แนน) พฤกษะน และ ณอาน จจเด น เอ 2012 โดยวใจหกของบทเอจะเนหงในานการดหายและ เสนอ ไวนในราคาเาง และ บองไ กงงอเยงในานการเนหาไวหายากใ บเหากสะสมไวในประเทศไทยมาอางอเอง โดยเมจากานโรงแรมแมนดานออ เยนเล กงเทพเนแงแรก ใน 2021 ทาง TWM ไขยายสาขาไปในเลนางๆ รวม งบนถนนมท หงสวน และงหดเต นอกจากงเนเาของานอาหารตาอง “La Casa Nostra Italian Restaurant & Wine Bar” และ “Maison du Vin” ในกมหานคร กวย หบ เดอะ ไว เมอชาน สาขาลม ไไเนเยงแานหายไวเาน แงไเม ‘Beccheria at The Wine Merchant by Maurizio Menconi’ คอนเปองอาหารในาน ไว งหลากหลายวยแนวดสย นตกรรมปแบบให ผสมผสานความวมสย งสรรออกมาในปแบบของอาหารสไต minimal อาหารจานเก สนเยม โดยผต ขนาดเก มาของา ‘Beccheria’ “Beccheria” เนองหบ…

Read More

Keller Bangkok ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ตั้งอยู่บนถนนจันทน์เก่าอันร่มรื่น สถานที่ที่เราต้องการสร้างความพึงพอใจและสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่มารับประทานอาหารด้วยประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำอย่างแท้จริง Tasting menu ของเราประกอบด้วยอาหารเอเชียผสมผสานยุโรปที่สร้างสรรค์โดยใช้เทคนิคยุโรป ซึ่งมีรากฐานมาจากประเพณีการปรุงอย่างดั่งเดิม แต่ทั้งเบาและสนุกสนาน เข้าใจง่าย ร้านอาหารที่สะดวกสบายของ Keller Bangkok มีที่นั่งเคาน์เตอร์ 7 ที่นั่งและที่นั่งโต๊ะ 6 ที่นั่ง ทุกห้องมองเห็นวิวครัวแบบเปิด ช่วยให้ผู้ที่มารับประทานอาหารมองเห็นทีม Keller จากมุมสูงขณะที่พวกเขาเตรียมอาหารของคุณอย่างชำนาญและพิถีพิถัน สำหรับฉัน การทำอาหารไม่เคยเป็นการแข่งขัน ฉันปรุงอาหารเพื่อที่ฉันจะสามารถทำให้ผู้คนมีความสุขและเชื่อมต่อกับพวกเขา ในตอนท้ายของวัน ฉันแค่อยากถูกมองว่าเป็นพ่อครัวที่ดี” Micro Keller Opening hours:Dinner: Thursday – Monday from 18:00 – lateWeekend Lunch – Saturday and Sunday at 12:00Closed on Tuesday and Wednesday

Read More

จิบเครื่องดื่มพร้อมของว่างและวิวสวยของกรุงเทพฯ จากมุมสูงกับ “Afternoon Tea at the Library” โรงแรม คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ โรงแรมที่แฮปเพนนิ่งที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เปิดตัว Afternoon Tea เซ็ทใหม่สองรายการเพื่อยกระดับการจิบน้ำชายามบ่ายที่ Maa-Lai Library บนชั้น 30 ของโรงแรม ซึ่ง Afternoon Tea at the Library จะนำเสนอการจิบชายามบ่ายที่สูงที่สุดของกรุงเทพฯ และมาพร้อมทิวทัศน์อันร่มรื่นของย่านหลังสวน นอกจากนี้ในช่วงท้องฟ้าเปลี่ยนสียังสามารถดื่มด่ำวิวพระอาทิตย์ตกกับเครื่องดื่มแก้วโปรดและของว่างนานาชนิดได้จนถึงเวลา 20.00 น. ด้วย The Signature Set ประกอบไปด้วยของว่างแสนอร่อยมากมาย ที่รวมไปถึงไฮไลต์อย่างแซลมอนบนโทสต์บีทรู้ทสลัดล็อบสเตอร์บนครอสตินี ฟัวกราส์ซัมเมอร์โรล เอแคลร์ตรีมราสเบอร์รี และช็อคโกแลตคาราเมลลาวาเค้กเนื้อฉ่ำละมุน เสิร์ฟในราคาชุดละ 1,400 บาทสำหรับสองท่าน นอกจากนี้ยังมีตัวเลือก The Vegetarian Signature Set สำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ เมนูประกอบได้ด้วยของว่างอย่างพาสต้าคอนคิญียัดไส้ (conchiglie) โทสต์อะโวคาโด ทาร์ตแมคคาเดเมียและน้ำผึ้ง ชีสเค้กมะม่วง ชูส์ออคราเคอลีนสตรอว์เบอร์รี เสิร์ฟในราคา 1,190 บาทสำหรับสองท่าน ทั้งสองเซ็ทมาพร้อมชา Monteaco 2 กา ที่มีเบลนด์ให้เลือกมากมาย รวมไปถึงชาเบลนด์สุดพิเศษที่แบรนด์สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อ โรงแรม คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ โดยเฉพาะ คือเบลนด์ Marigold กรุ่นกลิ่นดอกไม้ อบอวลไปด้วยกลิ่นมะลิ ดาวเรือง กุหลาบ และผลไม้ และเบลนด์ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นอย่าง Peach ที่เพิ่มความสมดุลด้วยกลิ่นกุหลาบและมะลิ หรือสามารถเลือกอร่อยกับของว่างในชุดกับกาแฟได้อีกด้วย ในช่วงหัวค่ำยังมีกิจกรรม Sundowner at the Library ที่แขกสามารถดื่มด่ำบรรยากาศท้องฟ้าเปลี่ยนสี หรือ “โกลเด้นอาวเวอร์” ของกรุงเทพฯ ในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. – 20.00 น. พร้อมเพลิดเพลินกับของว่างรสเลิศ ไม่ว่าจะเป็น หอยนางรมย่างถ่าน…

Read More

Chef : Arboo  Date : 6 2024 Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A สวัสดีท่านผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารทุกท่านอีกเช่นเคยครับ วันนี้ ทาง Kinandleisure มีห้องอาหารคุณภาพมาเสนออย่างภาคภูมิใจอีกเช่นเคย ในครานี้เป็นอาหารอินเดีย สุดยอดอาหารที่เป็นดั่งมนต์เสน่ห์แห่งทวีปเอเชียของเรา ซึ่งอาหารไทยของบ้านเราเองก็มีบางส่วนบางเมนูที่ได้รับอิทธิพล หรือมีการใช้เครื่องเทศแห่งดินแดนแคว้นถิ่นสุดน่าค้นหาแห่งนี้ ซึ่งคราวนี้ไม่ต้องไปที่ไหนไกล เพราะทางห้องอาหาร นิลา (NILA) แห่งโรงแรมอมารี กรุงเทพ พร้อมที่จะนำเสนอประสบการณ์ทางอาหารที่น่าตระการตา ให้ทุกท่านได้สัมผัสอย่างเต็มเปี่ยมและตราตรึงใจครับ Location โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ เดิมคือโรงแรมอมารี ประตูน้ำ ตั้งอยู่ในโซนใจกลางกรุง สามารถเดินทางมาได้โดยสะดวก ทั้งจากการโดยสารรถยนต์ (ทางโรงแรมมีที่จอดรถให้อย่างเหลือเฟือ) หรือเดินทางมาจากระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพมหานครก็สะดวกเช่นกัน เพราะทางโรงแรม อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ทำให้การเดินทางไปกลับ หรือการเดินทางเพื่อไปทำธุระที่อื่นต่อสามารถทำได้ง่ายมาก เพราะอยู่ใจกลางเขตเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ โดยห้องอาหาร Nila ตั้งอยู่ไม่ไกลจากห้องอาหารชมสินธุ์ ที่เป็นหนึ่งในห้องอาหารที่น่าประทับใจที่มาพร้อมแนวคิด Sustainable Eating ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่า โรงแรมแห่งนี้ มีร้านอาหารแทบจะทุกแบบทุกสไตล์ให้ท่านได้ลองลิ้มชิมรสกัน ทั้งอาหารอิตาเลียน (Prego) ห้องอาหารไทย (ชมสินธุ์) หรือห้องอาหารอินเดีย หรือก็คือห้องอาหาร Nila แห่งนี้นั่นเองครับ Decoration เมื่อแรกเริ่มเดินเข้ามาในร้าน ท่านจะได้สัมผัสกับศิลปะการตกแต่งที่ทำให้นึกถึงอินเดียในแถบชายฝั่ง ซึ่งคำว่า Nila มีความหมายคือคำว่า Blue ซึ่งเป็นการสื่อถึงบรรยากาศชายทะเล การตกแต่งภายในร้านได้ทั้งกลิ่นอายความเป็นอินเดีย ทั้งบรรยากาศ วัสดุที่ใช้ในการตกแต่ง รวมถึงสัมผัสได้ถึงศิลปะแบบโปรตุเกส เป็นการสื่อถึงประวัติศาสตร์ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์สากล และประวัติศาสตร์การเดินเรือ ลักษณะการตกแต่งภายในห้องอาหาร ค่อนข้างมีความเป็นกันเอง เรียบหรูแต่อยู่สบาย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านแถบชายฝั่ง พร้อมการตกแต่งที่ทำให้นึกถึงการเดินเรือ และบันทึกการเดินเรือของนักเดินทางผู้ชำนาญ  เมื่อลองมองดูด้านนอก ท่านจะได้เห็นบรรยากาศด้านนอกโรงแรมได้อย่างชัดเจน ซึ่งจุดนี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยในการสร้างความแตกต่าง ระหว่างตอนกลางวันและยามกลางคืน ที่ทั้งสองช่วงเวลาในห้องอาหาร จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ห้องอาหารเริ่มสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยโซนที่เป็นบาร์ในด้านนอก และโซนที่เป็นห้องอาหารในด้านใน จะถ่ายรูปก็สวยได้ทุกมุม รวมถึงอาหารทุกจานล้วนแฝงความน่าประทับใจผ่านการนำเสนออัตลักษณ์ของดินแดนแห่งเครื่องเทศให้ทุกท่านได้เฟ้นหา ซึ่ง Welcome Drink ที่ได้ทดลองในรอบนี้ก็น่าแปลกตาแปลกใจ…

Read More

ด้วยแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของพ่อค้า ห้องอาหารนิลา (NILA) เชิญชวนทุกท่านพบกับประสบการณ์แห่งอาหารที่รุ่มรวยลึกล้ำไปด้วยรสชาติและเรื่องราวแห่งวัฒนธรรมของอาหารอินเดียริมชายฝั่ง “นิลา” ในภาษามาลายาลัมแปลว่าสีน้ำเงิน ที่สื่อถึงสีของน้ำทะเลตามแนวชายฝั่ง ซึ่งจากสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการค้าขาย ในยุคที่รุ่งเรืองไปด้วยการค้า และจากการที่เคยเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส ทั้งสถาปัตยกรรมและอาหารอินเดียตามแนวชายฝั่งนี้จึงได้รับอิทธิพลและมีกลิ่นอายของโปรตุเกสด้วยเช่นกัน บรรยากาศ นิลา ผสมผสานอิทธิพลของโปรตุเกสด้วยสีสันสดใสซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของเมืองกัวและมนต์เสน่ห์แห่งชายฝั่งมะละบาร์ (Malabar) ของอินเดีย การตกแต่งสไตล์อินเดียคลาสสิกถูกหลอมรวมเข้ากับวัสดุที่เลือกใช้อย่างแนบเนียน สร้างประสบการณ์ที่โดดเด่นเสมือนอยู่ในยุคนั้นจริง ๆ นิลา ได้แนวคิดการออกแบบมาจากเรื่องราวของพ่อค้าผู้รักการผจญภัย ทุกพื้นที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทาง ประดับประดาด้วยของหายาก และของที่ระลึกอันล้ำค่า เชฟ เชฟบารัธ ชรินดาร์ บัต (Bharath S Bhat) หัวหน้าเชฟประจำห้องอาหารนิลา ผู้อุทิศตนให้กับการรังสรรค์อาหารอินเดียร่วมสมัยมาตลอดชีวิตการทำงาน พร้อมแล้วที่จะพาทุกท่านก้าวออกจากอาหารอินเดียแบบเดิม ๆ บารัธมีประสบการณ์มากมายกว่า 10 ปีในการทำอาหารอินเดีย ทั้งในประเทศอินเดียและต่างประเทศ นอกจากนี้ เชฟบารัธยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการอบรมทีมเชฟที่ห้องอาหารปันจาบ กริลล์ (Punjab Grill) ในกรุงเทพฯ เขามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในเมนูที่เขารังสรรค์ขึ้นให้กับนิลา และตั้งเป้าที่จะสร้างให้นิลา เป็นร้านอาหารอินเดียแนวชายฝั่งของอินเดียชั้นนำทั้งในประเทศไทย และทั่วประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยให้ได้ อาหาร นิลา นำเสนอวัฒนธรรมการกินอันหลากหลายตามแถบชายฝั่งทะเลของอินเดียอย่างมีเอกลักษณ์ ครอบคลุมตั้งแต่อินเดียตะวันออกไปจนถึงอินเดียตะวันตก วัตดุดิบสำคัญของร้าน คืออาหารทะเลสด โดยเน้นรสชาติที่แตกต่างของแต่ละรัฐตามแนวชายฝั่ง และมะพร้าว ที่เชฟนำมาใช้รังสรรค์เมนูที่มีลักษณะเฉพาะอันโดดเด่น เติมเต็มด้วยเครื่องเทศรสชาติจัดจ้านและกลิ่นอายจากอิทธิพลของโปรตุเกส เมนูซิกเนเจอร์ของห้องอาหารนิลา ได้แก่ ซาร์ (saar) พริกแดงรมควันย่างถ่าน, ซปกระเทียมและมะเขือเทศสด จับคู่กับสลัดกุ้ง (prawn salad), เมนูจากพื้นที่ชายฝั่งทะเลของรัฐมหาราษฏระ ส่วนหนึ่งของมณฑลโกนกัน, เมนูยอดนิยมจากกัว พิริพิริกุ้งย่างไฟ (Peri Peri Jheenga) เสิร์ฟพร้อมมะเขือเทศรมควันและชัทนีย์พริกหวาน เมนูจากชายฝั่งมะละบาร์ ได้แก่ Kozhi Chuttathu คือไก่อ่อนหมักด้วยโยเกิร์ตนำมาย่างถ่านและรมควันด้วยเครื่องเทศและพริกแดง, Truffle Madras Curry Chop แกงซี่โครงแกะใส่น้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล, Daab Chingri ประกอบด้วยกุ้งกุลาดำจากเบงกอลปรุงและเสิร์ฟในมะพร้าวสด, ล็อบสเตอร์ย่างและคลุกกับเนยใสรสเผ็ด สำหรับเมนูแกะ ที่นิลา มีให้คุณเลือกสองแบบ: สไตล์โกลกาตาจะเสิร์ฟกับน้ำมันมัสตาร์ด หรือสไตล์ไฮเดอราบัด ที่ปรุงด้วยวิธีเฟลมเบ้ จุดไฟลุกท่วม เสิร์ฟพร้อมเกลือสีชมพู เครื่องดื่ม เพื่อเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับอาหาร…

Read More

โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯเชิญคุณมาจิบน้ำชายามบ่ายกับ New Verdant Afternoon Tea 2024ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราโอ่โถงของล็อบบี้ ที่ได้รับรางวัล Best HotelLobby Interior of Thailand and Best International Hotel LobbyInterior จาก International Property Awards ลิ้มลองรสชาติอันละเมียดของเมนูชุดชายามบ่าย New VerdantAfternoon Tea 2024 ที่เชฟพอล เคลลี่ เอ็กเซ็กคูทีพ พาสทรี้เชฟได้รังสรรค์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชุด Classis Afternoon Teaสำหรับผู้ที่ชอบความเรียบหรูอร่อยในสไตล์ต้นตำรับ หรือจะเป็นชุดGuilt Free Afternoon Tea สำหรับผู้ที่ห่วงใยสุขภาพทุกชุดเสิร์ฟคู่กับชาระดับพรีเมี่ยมหลากหลายชนิดให้คุณได้เลือกตามความชอบ รวมทั้งชาสมุนไพรออร์แกนิก ชงโดยทีมาสเตอร์หรือพนักงานผู้เชี่ยวชาญด้านชาของโรงแรมฯที่จัดเตรียมมาเสิร์ฟให้คุณได้ผ่อนคลาย เริ่มต้นด้วย Jasmine Coco Granita เมนูเพิ่มความสดชื่นก่อนจิบชาที่รังสรรค์จากกะทิคั้นสดผสมผสานกลิ่นดอกมะลินำไปแช่เย็นและนำมาปั่นเป็นเกล็ดน้ำแข็งสีฟ้าอ่อนละมุ่นเสิร์ฟในดาร์กช็อกโกแลตที่ถูกดีไซน์ให้ดูละม้ายคลายกะลามะพร้าวขนาดกระทัดรัด อิ่มอร่อยกับสโคนสูตรต้นตำรับสุดคลาสสิค และสโคนบีทรูทผสมลูกเกด เสิร์ฟพร้อมโฮมเมดเจลลี่ชาเอิร์ลเกรย์,ซีทรัสเคิร์ด และ คล็อตเต็ดครีม กรุ่นกลิ่นความหอมกับเมนูของว่างยามบ่าย ไม่ว่าจะเป็นแซลม่อนและผักดอง –แซลม่อนทาร์ทาร์เสิร์ฟบนขนมปังโทสพร้อมเจลลี่หอมแดงดองและไข่ปลาคาร์เวียร์, วาฟเฟิ้ลสลัดเนื้อปู – วาฟเฟิ้ลกรอบสอดไส้ด้วยสลัดปูยักษ์เจลลี่ไซเดอร์ และไข่ปลาแซลม่อน, ทาร์ตไก่สูตรพิเศษ –ทาร์ตโฮมเมดสูตรพิเศษหอมกรุ่นสอดไส้ด้วยเนื้อไก่ผสมเครื่องเทศ,ฟัวกราพาร์เฟ่ต์ –ฟัวร์การ์เทอร์รีนสูตรพิเศษเสิร์ฟบนขนมปังชอร์ตเบรดและเจลลี่ส้มปิดท้ายเมนูของคาวด้วย อกเป็ดรมควันและขนมปังบียอช–ขนมปังบียอชสอดไส้ด้วยเนื้ออกเป็ดรมควันและมูสเป็ดโรยด้วยเจลสตรอว์เบอร์รี่ ลิ้มลองเมนูของหวานและเบเกอรี่เพื่อเพิ่มความสดชื่น ไม่ว่าจะเป็นทาร์โก้ –แผ่นทาโก้ทำจากไวท์ช็อกโกแลตสอดได้ด้วยครีมช็อกโกแลตคาราเมลโรยด้วยซอสซอล์ทคาราเมลและพิต้า คริปปี้ (ข้าวพองเคลือบคาราเมล),บอนตี้ บาร์ –ช็อกโกแลตบาร์สอดไส้ด้วยมะพร้าวผสมผลราสเบอร์รี่สดและเมเปิ้ลไซรัปเคลือบด้วยช็อกโกแลตมันจารีเข้มข้น, ชีสเค้กมะม่วง –ชีสเค้กมะม่วงสอดไส้ด้วยเจลลี่แพชชั่นฟรุ๊ตและครีมวานิลลาสูตรพิเศษ,เค้กโอเปร่า –เค้กโอเปร่าพร้อมบัตเตอร์ครีมและช็อกโกแลตกานาชสูตรพิเศษ เมนูแห่งความอร่อยนี้จะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับชุดชาที่ได้รับแรงบันดาลใจในการดีไซน์มาจาก Sustainability Concept ของทางโรงแรมฯที่ตระหนักถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติและมุ่งมั่นที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการนำวัสดุเหลือใช้อย่าง ใยมะพร้าวและแกลบข้าวมาสร้างสรรค์เป็นชุดชายามบ่ายดีไซน์เก๋ประดับด้วยต้นไม้ขนาดพอเหมาะที่ได้มาจากรากของต้นสารภีซึ่งถือเป็นไม้มงคลของไทย เพิ่มความตระการตาด้วยดรายไอซ์บริเวณฐานของชุดชา พบกับชุดชายามบ่าย New Verdant Afternoon Tea 2024พร้อมเสิร์ฟคุณทุกวัน ตั้งแต่เวลา 13:00 – 17:00 น. ณ ล็อบบี้ เลานจ์โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ในราคาชุดละ 2,300++ บาทสำหรับ…

Read More

เชิญคุณร่วมฉลองครบรอบ 1 ปีห้องอาหาร Bistrot De La Mer (บิสโทร เดอ ลา แมร์) ชั้น 19  โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ  สัมผัสกลิ่นอายการตกแต่งสไตล์ French Mediterranean ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ และวิวสวยของกรุงเทพมหานคร จากมุมมองบนชั้น 19 พร้อมลิ้มลองหลากหลายเมนูอาหารฝรั่งเศสสุดคลาสสิค ไม่ว่าจะเป็น ซุปทะเลบูยาเบส (Bouillabaisse) สลัดปูริเวียร่า (Riviera Crab Salad) ซุปหัวหอมสไตล์ฝรั่งเศส ออนท็อปด้วยชีสแบบเข้มข้น (French Onion Soup) หอยทากทะเลอบเนย (Escargot Provencal) และอื่นๆ อีกมากมาย พบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 1 ปี ของห้องอาหารบิสโทร เดอ ลา แมร์ “Buy a Tower, Get a Bottle” สั่ง Royale Seafood Tower 1 ที่รับฟรีทันที ไวน์ขาว หรือ โรเซ่ หรือ สปาร์คคลิ่งไวน์ 1 ขวด ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 มิถุนายนนี้ ห้องอาหาร Bistrot De La Mer (บิสโทร เดอ ลา แมร์) เปิดบริการทุกวัน มื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 12.00 – 15.00 น. และมื้อค่ำ ตั้งแต่เวลา 17.00 – 22.00 น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. +66 2 095 9999…

Read More

ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ ทู ภูมิใจนำเสนอมื้อดินเนอร์สุดพิเศษ ซึ่งได้รับเกียรติจากเชฟเอเบล (Abel Ortiz Alvarez) เชฟชาวเปรู เจ้าของร้านอาหาร Chullschick ที่จะบินลัดฟ้ามาเสิร์ฟความอร่อยและมาพาแขกผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่สุดประทับใจสู่ความจัดจ้านหลากหลายของรสชาติอาหารสไตล์เปรู ร้านอาหาร Chullschick เปิดกิจการ ณ ฮ่องกง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ซึ่งชื่อร้านได้ลูกเล่นมาจากการผสมคำว่า “ชุล (Chulls)” ซึ่งเป็นคำแสลงในภาษาเปรูมีความหมายว่า “เพื่อน” เข้ากับคำว่า “ชิค (Chick)” ในภาษาอังกฤษซึ่งแปลว่าไก่ ด้วยจุดประสงค์ที่จะแสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นเป็นกันเองผสานกับวัฒนธรรมด้านอาหารตามแบบฉบับเปรู เชฟเอเบล (Abel) พร้อมแล้วที่จะยกระดับมื้อดินเนอร์ของทุกท่านด้วย 6 เมนูเลิศรสที่จะแต่งแต้มสีสันให้กับค่ำคืนของคุณ ทุกเมนูรังสรรค์ด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นจากเปรู ไม่ว่าจะเป็น เซบิเช่ สูตรดั้งเดิม (Classic Peruvian Ceviche) หมึกย่างหอมกรุ่น (Grilled Octopus) ไก่ย่างสไตล์เปรูรสเด็ด (Pollo a la Brasa) โดยแต่ละเมนูต่างสอดแทรกเรื่องราวของเชฟเอเบลไว้ อาทิ เมนูประจำชาติเปรูอย่าง เซบิเช่ ซึ่งเป็นเมนูที่เชฟเอเบลคุ้นเคยมาตั้งแต่เยาว์วัย โดยได้มีการนำเนื้อปลาสดมาหั่นเต๋าก่อนจะหมักเข้ากับน้ำมะนาวและเครื่องปรุงต่างๆเพื่อเพิ่มรสชาติให้จัดจ้าน นอกจากนี้ยังมีเมนูไก่ย่างสไตล์เปรู (Pollo a la Brasa)  ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองลิมา ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งจานโปรดของเชฟเอเบล โดยจุดเด่นของเมนูนี้คือเนื้อไก่นุ่มๆที่หมักเข้ากับเครื่องเทศ ย่างด้วยอุณหภูมิพอเหมาะ เนื้อไก่จานนี้จึงเต็มไปความชุ่มฉ่ำและรสชาติเข้มข้น เพิ่มอรรถรสให้กับมื้ออาหารด้วยเครื่องดื่มสุดพิเศษที่ทุกท่านสามารถเลือกสรร ไม่ว่าจะเป็น ไวน์แพริ่ง จับคู่ไวน์ชั้นเลิศกับเมนูอาหารได้อย่างลงตัว หรือดื่มด่ำไปกับปิสโก้ ซาวร์ ค็อกเทลยอดนิยมจากเปรู พร้อมเพลิดเพลินไปกับดนตรีสดและทิวทัศน์ใจกลางเมืองจากห้องอาหารเวอร์ทิโก้ ทู บนชั้น 60 ร่วมเปิดประสบการณ์อาหารสไตล์เปรูรังสรรค์โดยเชฟเอเบลได้ตั้งแต่วันที่ 28 – 29 มิถุนายน 2567 ในราคาเพียงราคา 1,399 บาท ต่อท่าน หรือ 1,699 บาท พร้อมไวน์แพริ่ง ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ 02 679 1200 ดาวน์โหลดรูปภาพได้ที่: Peruvian Cuisine Takeover Kinandleisure.com Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง…

Read More

“เฮยยิน” ที่สุดของร้านอาหารจีนต้นตำรับสไตล์กวางตุ้งขนานแท้ บริหารงานโดย อิมแพ็ค เมืองทองธานี ก้าวสู่ปีที่ 3 ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาการบริการและความอร่อย พร้อมเปิดตัว “ชุดเมนูมงคลเฮยยิน” หรือ “HEI YIN Celebration Set Menu” โดยคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน รังสรรค์เป็น 9 เมนูเลิศรส ที่มาพร้อมความหมายมงคล ให้อิ่มเอมความสุขและความอร่อยกับมื้อพิเศษตลอดปี ในราคาชุดละ 28,888++ บาท สำหรับ 10 ท่าน (ราคาไม่รวมค่าบริการ 10% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) ชื่อร้านอาหาร “เฮยยิน” ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานจีนกวางตุ้งโบราณ เพื่อเฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์และความเป็นเลิศของอาหารกวางตุ้ง ที่กำเนิดมาจากเมืองกวางโจว ซึ่งเป็นเมืองที่มีความเพรียบพร้อมอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและการเกษตร ซึ่งมีส่วนทำให้เมืองกวางโจว เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางอาหาร และอาหารกวางตุ้ง เป็นหนึ่งในประเภทอาหารที่มีความหลากหลายทางด้านรสชาติ ภัตตาคาร เฮยยิน ต้องการที่จะประกอบสร้างความน่าประทับใจของอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งแท้ๆ ร่วมกับการปรับปรุงให้สอดคล้องและพัฒนาให้เข้ากับปัจจุบันมากขึ้น ด้วยฝีมือเชฟฮ่องกงคุณภาพ เชฟ แจ็คกี้ชาน และทีมเชฟที่มีประสบการณ์ด้านอาหารจีนอย่างโชกโชน ที่พร้อมรังสรรเมนูอาหารมากมายหลากหลายสไตล์ อันอุดมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และรสชาติที่ตราตรึงใจ ไว้พร้อมให้บริการมากกว่า 100 เมนู เริ่มต้นกับเมนู “สลัดกุ้งนิ่มผักโอชุน”  ที่มีความหมายสื่อถึงการแสดงความยินดี วัตถุดิบหลักเป็นกุ้งนิ่มที่สามารถรับประทานได้ทั้งตัว พันด้วยเส้นหมี่แล้วนำไปทอดกรอบ ราดด้วยน้ำสลัดเทาซันด์ไอแลนด์ เสิร์ฟพร้อมสลัดก้านผักโอชุนแบบเส้นฝอย เพิ่มความเลอค่าด้วยไข่ปลาคาเวียร์สีดำคลับเค็มนิดๆและไข่กุ้ง  เมนูนี้เชฟแนะนำให้กินคู่กับสปาร์คกิ้งระดับเซมิดรายจะเข้ากันได้อย่างดี “ซุปกระเพาะปลาเนื้อปูเห็ดชิเมจิ”  เมนูนี้ให้ความมงคลโดยมีความหมายถึงความราบรื่นในชีวิต สมความปรารถนา ซุปกระเพาะปลารสชาติกลมกล่อม พร้อมเนื้อปูและเห็ดชิเมจิที่ดีต่อสุขภาพโดยใช้กระเพาะปลาสดชิ้นตัดมาพอดีคำ นุ่มหนึบอร่อย ซุปมีความทะเลมากทั้งจากปู กุ้ง และกระดูกปลา กลิ่นหอมทะเลชัดเจน ต่อด้วยเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้าน  “เป็ดปักกิ่งย่างไม้ลิ้นจี่”  เมนูนี้มีความหมายมงคลมากโดยที่มีความหมายมงคลเปรียบดังชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เมนูนี้ใช้เป็ดเชอรี่ตัวโต เป็ดเชอรี่หนัก 3 กิโลกรัม มีเนื้อเยอะ นำมาย่างด้วยไม้ลิ้นจี่ทำให้ได้ความหอมเฉพาะตัว  ทานพร้อมผักและแป้งที่ใช้ห่อ โดยชุดผักมีความพิเศษคือให้แคนตาลูปมาด้วย ทำให้เมื่อห่อทุกอย่างทานแล้วจะได้ความสดชื่นจากผลไม้เพิ่มขึ้นมา ร่วมกับการลิ้มรสหนังเป็ดและผักที่กรอบและหอมมากๆ ไปพร้อมกัน “เป๋าฮื้อญี่ปุ่นซอสตับห่านไข่ปลาคาร์เวียร์”  เป็นเมนูที่มีความเชื่อว่าเมื่อได้รับประทานแล้วจะมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิต ซึ่งเป๋าฮื้อเปรียบดั่งความมั่งคั่งเหลือกินเหลือใช้ ราดด้วยซอสตับห่านและไข่ปลาคาเวียร์ เสิร์ฟคู่กับผักฉ่อยลวกปรุงรส ให้รสชาติอร่อยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประดับด้วยทองคำเปลว กินคู่เคียงไปกับผักบ๊อกฉ่อย และหน่อไม้ฝรั่ง เมนูต่อมา “ซี่โครงเนื้อวัวแองกัสหมักข้าวแดงหมั่นโถว”  เมนูนี้มีความหมายมงคลคือ ขอให้มีความสุขในวันพิเศษ ใช้เนื้อแองกัสส่วนซี่โครงนำไปหมักกับข้าวแดงจนนุ่มและมีรสกลิ่นเฉพาะตัวเข้าเนื้อ จากนั้นจึงนำไปตุ๋นจนนุ่มหอมถึงเนื้อในราดด้วยซอสสูตรเฉพาะ กินคู่กับหมั่นโถวที่ทำออกมาอย่างวิจัตรเป็นลายดอกไม้มงคล ก่อนเข้าสู่จานปลามาล้างปากกันด้วย…

Read More