Author: Khanenphan Chueanuam

KinlakeStars.com พาไปลองชิม Sunday Brunch ที่ห้องอาหาร Atelier โรมแรมPullman Bangkok Grande Sukhumvit ว่ากันว่ามีเมนูที่หลากหลายและจัดเต็ม หลาย ๆ ท่านคงจะได้มีโอกาสไปชิม Sunday Brunch จากโรงแรมหลาย ๆ แห่งกันมาบ้างแล้ว ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ทางห้องอาหาร Atelier ก็เช่นกันครับ ที่นี่เน้นอาหารที่หลากหลาย คุณภาพที่ดี รสชาติเยี่ยม และนั่งได้จุใจกับเที่ยงถึงบ่ายวันอาทิตย์ ตั้งแต่ 12.00 – 15.00 รวม 3 ชั่วโมงในราคา 1,899.- ++ รวมเครื่องดื่ม Soft Drink ต่าง ๆ เรียบร้อยครับ ภายในห้องอาหารกว้างขวางมีโซนให้นั่งหลายจุดครับ ใครชอบแบบรับแสงสว่าง ๆ มุมส่วนตัว มุมครอบครัว หรือนั่งใกล้บาร์เครื่องดื่มก็สามารถเลือกนั่งได้ทั้งหมด วันนี้ KinlakeStars.com ก็ได้จุดที่อยู่ใจกลางห้องอาหารเลย ก็สะดวกดีครับ สามารถเดินไปตักอาหารได้สะดวก ส่วนความน่าสนใจของที่นี่มีอะไรบ้างเราไปดูกันเลยครับ เริ่มด้วย Welcome Drink เป็น แชงเกรีย รสเข้มข้น เสิร์ฟมาในขวดแก้วใส ส่วนผสมหลัก ๆ ก็มีน้ำผลไม้ ไวน์แดง แอลกอฮอล์ และผลไม้สดหั่นชิ้นเล็กๆ รสชาติโดยรวมเปรี้ยวนำ หวานตามเล็ก ๆ ช่วยเพิ่มความอยากอาหารได้ดีนะครับ หากท่านใดอยากดื่มเครื่องดื่มจำพวกแชมเปญ ไวน์ขาว ไวน์แดง ก็สามารถเพิ่มเงิน 400 บาทจากราคาบุปเฟต์ได้ครับ คุ้มสุด ๆ ทีนี้เรามาดูในส่วนของอาหารกันบ้างดีกว่าครับว่าจะจัดเต็มแค่ไหน โซน Seafood on Ice ถือว่าเป็นพระเอกของงานเลยครับ กับโซนนี้ วันที่ผมไปกินนั้นลูกค้าเยอะมากแต่ไลน์อาหารไม่ขาดเลย โดยจุดเด่นจะอยู่ที่ King Crab, Red Crab, Snow Crab รวมถึงหอยนางรมทั้ง นอร์มานดี ฟินเดอแคลร์ ใครที่ชอบกุ้งขาว หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยหลอด หมึก ไข่กุ้ง และแซลมอน…

Read More

เกษรวิลเลจ (GAYSORN VILLAGE) ไลฟ์สไตล์ เออร์บัน วิลเลจ ใจกลางกรุงแห่งแรกของไทยที่นำเสนอประสบการณ์ช้อปปิ้งอันเปี่ยมด้วยรสนิยมทั้งด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ จัดงาน แกรนด์โอเพนนิ่ง “Gaysorn Food Village” สัมผัสคอนเซ็ปต์การกินดื่มและประสบการณ์ชิมอาหาร ที่มีสีสันรูปแบบใหม่ กับที่สุดของการคัดสรร 13 เรสเตอร์รองดังไว้กลางใจเมืองเป็นครั้งแรกของเกษร พร้อมไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้กับการแนะนำร้านอาหารฮอตฮิตจากลอนดอนอย่าง “Burger & Lobster” (เบอร์เกอร์ แอนด์ ล็อบสเตอร์) ที่กำลังจะบินข้ามทวีปมาสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้กับหนุ่มสาว เออร์บันนิสต์และเหล่ากูร์เมต์เลิฟเวอร์เป็นครั้งแรกในไทย เสริมทัพด้วยความอร่อยจากร้านดังอย่าง DUKE (ดุ๊ก), Paste (เพสต์), Riedel Wine Bar & Cellar (รีเดล ไวน์ บาร์ แอนด์ เซลลาร์), 1823 Tea Lounge by Ronnefeldt (1823 ที เลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์) เป็นต้น ที่เตรียมซีเคร็ตเมนู ใหม่ล่าสุดมาให้ได้ชิมกันก่อนใคร อีกทั้งร่วมเผยไลฟ์สไตล์การกินดื่มแบบเจาะลึกจากสามกูรู สมพง คงกระพัน พอง จริยะเวเว้  และ กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ โดยมีเซเลบริตี้แถวหน้าของเมืองไทยตบเท้าร่วมงานคับคั่ง อาทิ นภมณี ศรีสุดาราม, พิมพิศา – พิชามญช์ ชมะนันทน์, อภินรา ศรีกาญจนา, จารุจิต ใบหยก, อริยะ พนมยงค์, นันทินี อัมระนันทน์, แพรวปรียา ชุมสาย ณ อยุธยา, อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ, มนตร์ลดา พงษ์พานิช, สมรศรี ชินวัตร, ศรินญา มหาดำรงค์กุล, ทั่วฟ้า หล้าท้วมท้น, คล้ายเดือน พานิชชีวะ, รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา, ปริญญา – เพลินจันทร์ รุ่นประพันธ์, ศักดา บุญโนนแต้, สรัญทร เตชะไพบูลย์ เป็นต้น เมื่อค่ำวันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2560 ณ ชั้นจี…

Read More

kinlakestars.com ขอแนะนำบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำรูปแบบใหม่ที่รวบรวมหลากหลายเมนูความอร่อยปรุงสดใหม่ทุกวันจากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมเสิร์ฟเพื่อเอาใจลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยจะเปิดให้บริการทุกค่ำคืนตั้งแต่เวลา 18:30 น. ถึง 22:30 น.   “การที่เราปรับให้ห้องอาหารบราสเซอรี ยูโรป้า เป็นห้องอาหารที่เสิร์ฟอาหารค่ำในรูปแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาตินั้น ทางทีมห้องอาหารของเรามั่นใจว่าจะสามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าที่มารับประทานอาหารกับทางโรงแรมฯ เป็นประจำได้มากขึ้น นอกจากนี้ผมมองว่ายังเป็นการดึงดูดลูกค้าท่านอื่นๆที่กำลังมองหาห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่ให้ความสำคัญทั้งในเรื่องของคุณภาพวัตถุดิบและความหลากหลายของเมนู”  “ความแตกต่างของบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำที่ห้องอาหารบราสเซอรี ยูโรป้า ก็คือเมนูจานเด่นประจำวันที่เราคัดสรรวัตถุดิบจากทั้งพื้นดิน (earth) และวัตถุดิบจากท้องทะเล (sea) คุณภาพเยี่ยมปรุงสดใหม่และเสิร์ฟให้กับลูกค้าถึงโต๊ะอาหาร วัตถุดิบจากเมนูเด่นประจำวันจะถูกสลับสับเปลี่ยนทุกวันเพื่อให้มั่นใจในเรื่องของความหลากหลาย โดยที่ทุกวันในแต่ละอาทิตย์เราจะนำเสนอเมนูจากวัตถุดิบประจำวันเพื่อให้แขกที่มากิน ดื่ม สามารถจดจำเมนูจานเด่นประจำวันนั้นๆได้ และแน่นอนว่าการบริการที่แขกที่มากิน ดื่ม จะได้รับเมื่อมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารบราสเซอรี ยูโรป้า ก็คือการบริการในระดับห้าดาวในบรรยากาศที่แสนอบอุ่นและเป็นกันเอง” เจมส์ นอร์แมน พ่อครัวใหญ่ กล่าวเพิ่มเติมโดยบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยครับ อาหารทะเลสดใหม่ซีฟู๊ดออนไอซ์ อาหารทะเลสดใหม่ ไม่อั้นเติมตลอดเรื่อยๆ นานาชนิด เสิร์ฟบนน้ำแข็ง ได้แก่ ปูอลาสก้า กุ้ง หอยแมลงภู่ หอยนางรม ถ้าพูดถึงอาหารทะเลออนไอซ์ของที่นี่ก็วางใจได้เรื่องความสด และอร่อย เพราะใช้เกรดเดียวกับ Buffet Sunday Brunch ซึ่งล้วนแต่เป็นวัตถุดิบที่คัดสรรค์มาแล้วครับ โซนปลาดิบและอาหารญี่ปุ่น ในส่วนของซูชิ ซาชิมิหลากหลายชนิด ทั้งโรลต่าง ๆ ดับเบิลซูชิ ซาชิมิ เซ็ทซาชิมิแบบนี้เราก็สามารถสั่งได้เช่นกันครับ ใครรักปลาดิบต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง อีกทั้งพบกับเมนูอาหารที่มีให้เลือกสรรหลากหลายสไตล์ทั้งในแบบเอเชียและยุโรปไม่ว่าจะเป็น โซนสลัด ผักสดหลากหลายชนิด และ หลากหลายซอสและน้ำสลัด อีกทั้งสลัดสำเร็จรูปที่เชฟรังสรรค์มาแล้วมากมาย อาทิ… ผักกาด ผักสลัด มะเขือเทศเชอร์รี่ แครอท ถั่วลันเตา และผักอื่น ๆ อีกมากมาย บรรดาสลัดและยำต่าง ๆ ก็มีให้เลือกมากมาย เช่น สลัดพาสทรามี่ สลัดวาลดอฟ ทูน่าสลัด โซบะไก่ซอสงาดำ กรีกสลัด เป้นต้น เดรสซิ่งและเครื่องทำน้ำสลัดก็มีให้มิกซ์เองด้วยครับ ชีสและโคลคัท ก็เต็มไปด้วยชีสต่าง ๆ มากมาย เช่น พาร์เมซาน มอสซาเรลล่า แมนเชโก้ บลูชีส แคเมมเบิร์ท เป็นต้น ผลไม้แห้งพวกพลัม…

Read More

 Vertigo TOO ชื่อเดิม แต่เพิ่มเติมเมนูใหม่ วันนี้ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปสัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่มรสชาติเลอเลิศ บนห้องอาหารที่สูงที่สุดใจกลางกรุงเทพมหานครกันอีกครั้งครับ หลาย ๆ ท่านคงจะมีประสบการณ์สุดพิเศษกับห้องอาหาร Vertigo TOO แห่งโรงแรม บันยันทรี กับไปบ้างแล้วนะครับ ซึ่งผมคงไม่ต้องบรรยายถึงวิวทิวทัศน์และความสวยงามที่สุดแสนจะอลังการและเป็นที่หนึ่งอีกต่อไป แต่วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปชิมเมนูใหม่ของที่นี่กัน เป็นอย่างไรบ้างไปดูกันเลยครับ เครื่องดื่มแก้วแรก : รสชาติ : เครื่องดื่มแก้วแรกเป็นค็อกเทลสีสวยที่มีกลิ่นกุหลาบ รสชาติเปรี้ยวหวาน ด้านบนท็อปด้วยโฟมไข่ขาวเนื้อเนียนรสชาติหวานอ่อนๆ ประดับปิดท้ายด้วยกลีบกุหลาบเข้ากันกับสีค็อกเทล แก้วนี้รสชาติไม่แรงเหมาะกับสุภาพสตรี เครื่องดื่มแก้วสอง : รสชาติ : อีกแก้วที่เหมาะสำหรับสุภาพสตรีกับค็อกเทลที่เสิร์ฟมาในเหยือกสีแดงวางบนแท่นน้ำแข็ง ส่วนผสมหลักคือน้ำแตงโมหลังจากชิมจะได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์และรสหวานติดปลายลิ้น จิบได้ยาว ๆ จิบไปจิบมาก็มีมึนนิด ๆ เหมือนกันครับ เครื่องดื่มแก้วที่สาม : รสชาติ : ชื่อเมนูนี้เหมาะสมกับรสชาติมากครับ คนที่จะสามารถกินแก้วนี้ได้หมดต้องแกร่งราวกับราชสีห์ เพราะว่าเป็นค็อกเทลที่มีรสชาติแรงมาก เนื่องจากตัวค็อกเทลมีส่วนผสมของว็อดก้าเข้มๆ ให้รสเปรี้ยวนิดๆ ด้วยมะนาว เผ็ดปลายลิ้นด้วยจินขิง เวลาดื่มให้ผสมเบียร์ในขวดแก้วลงไปด้วย จะได้กลิ่นของขิง มะนาวและข้าวบาร์เล่ย์อ่อนๆ หอมดีครับ แต่นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมแก้วนี้ถึงมีรสชาติที่รุนแรงครับ เครื่องดื่มแก้วที่สี่ : รสชาติ : ค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการจิบชายามบ่ายเสิร์ฟมาบนถาดน้ำแข็งที่ใส่เหยือกหินข้างในบรรจุชาที่เป็นค็อกเทลรสชาติอ่อน หอมหวานมากครับ เวลาดื่มให้เทใส่จอกหินที่วางอยู่คู่กับและกินพร้อมกับทาร์ตสตรอว์เบอร์รี่เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ กรอบนอกนุ่มในชิ้นพอดีคำ ให้อารมณ์เหมือนกับกำลังกิน Afternoon Tea ยังไงยังงั้น อาหารจานที่หนึ่ง : รสชาติ : ออร์เดิร์ฟของโปรดของผมและใครอีกหลาย ๆ คนที่มาถึงต้องสั่งกัน หนวดหมึกคลุกเคล้าเครื่องเทศสูตรเฉพาะกรอบนอกหนึบใน รสชาติเค็มนิด ๆ เผ็ดหน่อย ๆ กินคู่กับซอสมายองเนสสูตรพิเศษของ Vertigo TOO อร่อยมาก ๆ ที่สำคัญเชฟมีวิธีการทอดที่ดีมากเพราะทิ้งไว้นาน ๆ ก็ยังคงกรอบอยู่ กินได้ยาว ๆ ถือเป็นออเดิร์ฟที่ดีมากเลยสั่งมาสองจานเลยครับ อาหารจานที่สอง : รสชาติ : แลมป์บาร์บีคิวเสียบไม้เล็ก ๆ น่ารัก…

Read More

KinlakeStars.com พาทุกท่านไปชิมอาหารรสเลิศในบรรยากาศบ้านหรูสไตล์คลาสสิค ใจกลางเมืองกับ Fine Dining จาก Chef Fatih สุดยอดเชฟที่ชื่นชอบการรังสรรค์เมนูจากประสบการณ์การเดินทาง กับร้านอาหารลำดับที่ 36 จาก 50 Best 2017 วันนี้เราจะพาทุกท่านไปชิม เทสติ้งเมนู เจอร์นีย์ (Journey) 9 คอร์ส กับเชฟ Fatih ในราคา 3,800++ ต่อท่าน (ราคายังไม่รวมค่าบริการ 10% และค่าภาษี 7%) แต่ต้องบอกเลยครับว่านี่ถือเป็นอีกครั้งที่ผมนั้นประทับใจกับรสชาติและบรรยากาศทุก ๆ อย่างนั้นลงตัวแทบหาที่ติไม่ได้เลยครับ   เรามาเริ่มที่เมนูแรกจากเก้าคอร์สกันเลยครับ SNACKS OF THE DAY :  MEZZES  – เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยซึ่งมีทั้งหมด 4 เมนู ได้แก่ 1. เมลอนญี่ปุ่นกรอบ ๆ แช่เย็นเนื้อโปร่งแสงแทบมองเห็นอีกด้านอินฟิวส์ในเหล้า Sambuca และมินต์ให้กลิ่นหอมสดชื่น โรยด้วยราสเบอร์รี่ และ Pink Pepper Power ประดับปิดท้ายด้วยใบเปเปอร์มิ้นต์ส่งกลิ่นหอมเวลาเคี้ยว ฉ่ำสุด ๆ ไปเลยครับ 2. หอยแมลงภู่ทอดกรอบสไตล์เทมปุระ เสิร์ฟมาพร้อมแครกเกอร์รูปเปลือกหอยแมลงภู่ ซึ่งทำจากแป้งพาสต้าผสมหมึกดำ ดูภายนอกเหมือนว่าเชฟเอาเปลือกหอยไปเผาไปให้เกรียม แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่ กัดเข้าไปอร่อยมาก ด้านล่างเป็นซอสวอลนัทแซฟฟรอน รสชาติหอม กรอบ มัน เค็ม เมนูนี้อร่อยสุด ๆ ครับ 3. ฟัวกราส์บดผสมบีตรูทเจลลี่สีแดงเข้ม โรยทับด้วยบีตรูตพาวเดอร์รสชาติเปรี้ยวหวาน เสิร์ฟมาบนทาร์ตพาร์เมซานชีส ความเปรี้ยวหวานตัดกับความมันของฟรัวกราส์ช่วยเรียกน้ำย่อยได้ดีครับ 4. ไข่แดง (slow cooked egg yolk)  และครีมเห็ดมอเรล เมนูนี้เสิร์ฟมาในภาชนะเปลือกไข่ดูแปลกตา เชฟจะนำไข่แดงและครีมเห็ดมอเรลมาสโลวคุกกิ้งให้ได้เนื้อครีมเนียนนุ่ม รสชาติหอมมันกำลังดี BREAKFAST AT HOME tomato / turkish pomegranate / white cheese / parsley อาหารเช้าจานโปรดของเชฟ ในสไตล์อาหารตุรกี มะเขือเทศหั่นชิ้นเย็น ๆ…

Read More

วันนี้ Kinlakestats.com จะพาทุกท่านไปพบกับสุดยอดคอเลคชั่นอาหารระดับมาสเตอร์จาก VIU  ศิลปะการรับประทานอาหารที่เกินความคาดหมายที่มีให้เลือกถึง 5 โปรโมชั่น วันจันทร์ถึงวันเสาร์ – ตั้งแต่เวลา 18.00 น วันจันทร์: CRACK A CRAB   18.00 น. – 21.00 น THB 1,850 ++ ต่อคน The St.Regis เอาใจคนรักปูด้วยเมนูพิเศษจากสุดยอดเชฟอาหารจีน คาซซิดี เซน ที่บรรจงนำปูทะเลก้ามโตปรุงรสด้วยสุดยอดซอส 3 แบบ 3 สไตล์ ทั้งผัดไข่เค็ม พริกไทยดำ และ ซอสพริกสไตล์สิงคโปร์ กับเครี่องเคียงที่เติมได้เรื่อยๆให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง มาถึงโต๊ะที่จองไว้แล้วครับ ก่อนจะไปกินปูกัน ผมต้องขอบอกก่อนว่าหากทุกท่านจะมาหากสะดวกก็สามารถโทรมาจองโต๊ะก่อนก็ดีนะครับ เพราะด้วยความที่อาหารที่นี่ดีงามมาก หลายๆ เทศกาลลูกค้าจะแน่นเลยครับ ลองมาดูอาวุธที่ใช้ในการกินปูครั้งนี้กันก่อน มีครบเลยไม่ว่าจะเป็นที่แกะเนื้อ ค้อนทุบเปลือก มีดและช้อนส้อม ตอนนี้ท้องร้องแล้ว ไม่พูดมากเรามาลุยกันเลยครับ ทีนี้เราลองมาดูเมนูที่เราจะชิมในวันนี้กันครับ โดยปูทะเลจะถูกเชฟนำมาผัดกับซอส 3 แบบ 3 สไตล์ เสิร์ฟมาพร้อมกับส้มตำไทยและข้าวผัดปูครับ เมนูแรกในเซ็ท Crack a Crab จะเป็น ปูผัดซอสพริกไทยดำ เมนูนี้รสชาติเค็ม หวาน และออกไปทางเผ็ดร้อนนิดๆ ของพริกไทยดำ ซึ่งผัดออกมามีความหอมของเครื่องเทศครับ เชฟผัดซอสเข้าเนื้อ และหอมมาก ซอสคลุกเคล้าชุ่มฉ่ำกินคู่กับข้าวผัดปูเบรครสชาติได้ดีครับ มาต่อกันที่ถึงที่สองกันเลย คือ ปูผัดซอสพริกสไตล์สิงคโปร์ จานนี้เป็นจานที่มีรสชาติกลมกล่อมที่สุดครับ แม้จะผัดซอสพริก แต่รสชาติออกไปทาง เปรี้ยวหวาน ตัดเผ็ดปลายลิ้นนิดหน่อย น่าจะถูกใจหลายๆ ท่านและเด็กๆ กินคู่กับข้าวผัดปูและส้มตำไทย เข้ากันดี ถังที่สาม ปูผัดซอสไข่เค็ม ถังนี้เป็นถังที่ผมชอบมากที่สุดครับ ด้วยความที่เป็นคนชอบไข่แดงเค็มอยู่แล้วเลยชอบมากเป็นพิเศษ ไข่แดงที่เชฟใช้รสชาติดี มันและเข้าเนื้อปูมาก รสชาติเค็มนิดๆ มันหน่อยๆ กินเพลินที่สุดครับ ที่สำคัญถังนี้แกะเนื้อง่ายมาก เพราะเชฟจะผัดแห้งๆ ทำให้เนื้อปูล่อนจากเปลือกง่าย เครื่องเคียงแบบที่กล่าวมาข้างต้นจานแรกคือ ข้าวผัดปู ข้าวผัดเนยหอมๆ โดยเชฟจะผัดมาแบบรสชาติกลางๆ ค่อนไปทางจืด เพื่อที่จะทำกินกับปู 3 ถังข้างต้นแล้วไม่เลี่ยนจนเกินไป ข้าวผัดเม็ดเรียงสวยผัดแห้งกำลังดี เนื้อปูชิ้นใหญ่ๆ หวานๆ ใส่มาแบบไม่หวงของเลยครับ…

Read More

KinlakeStars.com พาทุกท่านไปสัมผัสกลิ่นอายของวิสกี้ระดับโลกจากโรงกลั่นริมชายทะเลตอนเหนือของสก็อตแลนด์กับ OLD PULTENEY (โอลด์ พุลท์นีย์) เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2560 ที่ผ่านมานี้ โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ ได้จัดงานเปิดตัวพรีเมี่ยมวิสกี้ ‘โอลด์ พุลท์นีย์ ซิงเกิ้ล มอลต์ สก๊อตช์ วิสกี้’ ที่ห้องอาหาร MONDO โดยดึงเอาบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘ไทยเบฟ’ ผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำในประเทศไทยและผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในเอเชียเข้าร่วมเป็นพันธมิตร นำเอาแบรนด์พรีเมียมวิสกี้ในเขตไฮแลนด์ทางตอนเหนือของสก็อตแลนด์ การันตีคุณภาพด้วยรางวัลระดับโลกมาให้ลูกค้าได้ลิ้มลองประกอบไปด้วย โอลด์ พุลท์นีย์ รุ่น 12 ปี โอลด์ พุลท์นีย์ รุ่น 17 ปีและโอลด์ พุลท์นีย์ รุ่น 21 ปี ในงานจัดให้มีการจิบวิสกี้พร้อมชิมอาหารตัวอย่างในเมนูใหม่ของห้องอาหารมอนโดที่รังสรรค์ขึ้นโดยเชฟ สุพจน์ สุวรรณวงศ์ นอกจากนี้โอลด์ พุลท์นีย์ ซิงเกิ้ล มอลต์ สก๊อตช์ วิสกี้แต่ละรุ่นยังได้รับการแนะนำให้รู้จักโดย มิสเตอร์ โรวัน เดอ อาร์โกตซา แมคเคนซี แบรนด์กูรูและรองประธานกรรมการสายงานขายภูมิภาคเอเชีย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘ไทยเบฟ’ อีกด้วย โดยที่ท่านสามารถเลือกสั่งโอลด์ พุลท์นีย์ไฟลท์ประกอบด้วย โอลด์ พุลท์นีย์ รุ่น 12 ปี โอลด์ พุลท์นีย์ รุ่น 17 ปีและโอลด์ พุลท์นีย์ รุ่น 21 ปีอย่างละ 1 แก้วขนาดแก้วละ 30 มิลลิกรัม ราคาสุทธิเพียง 1,650 บาทต่อท่าน นอกจากนี้ลูกค้าสามารถเลือกสั่งเป็นแบบแก้วหรือแบบขวดก็ได้ในราคาสุดพิเศษได้แก่ 2,990.- , 5,490.- และ 9,500.- ตามลำดับ เริ่มที่ Welcome Drink ค็อกเทลเบาๆ…

Read More

แสงแดดและความร้อนในช่วงนี้ แผดเผาและทำเอาผิวของหนุ่มสาวชาวกรุงฯไหม้ เสีย กันไปตามๆกัน แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะในครั้งนี้ kinlakestars.com จะพาทุกท่านไปพบกับโปรแกรมฟื้นฟูสภาพผิว ผ่อนคลายกาย และใจไปกับการ สครับผิวด้วยน้ำตาลมะพร้าว ที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมา สว่าง ขาว ใส เปล่งปลั่ง เป็นที่รู้กันดีว่า มะพร้าวนั้นเป็นพืชสารพัดประโยชน์และอุดมไปด้วยคุณค่ามากมาย นอกจากเอามาใช้กิน ดื่มแล้วนั้น ยังมีประโยชน์ต่อผิวอีกด้วย น้ำตาลจากมะพร้าวก็เช่นกัน หลายคนอาจทำหน้างง และแปลกใจกันทีเดียวเมื่อกล่าวว่านำน้ำตาลมะพร้าวมาขัดผิว แต่เราลองมาดูปรุโยชน์ของมันกันก่อนดีกว่าครับ ประโยนช์จากน้ำตาลมะพร้าวเมื่อนำมาขัดผิว น้ำตาลคือแหล่งความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ สามารถดึงและเก็บความชุ่มชื้นมาสู่ผิวได้ เสมือนผิวเราได้อุ้มน้ำไว้ตลอดเวลา ถ้าใช้สครับที่ทำจากน้ำตาลทรายก็มั่นใจได้เลยว่าผิวของคุณมีความอ่อนนุ่มและไม่แห้งกร้านแน่นอน น้ำตาลมะพร้าวมีกรดไกลโคลิกที่ได้มาจากมะพร้าว เป็นหนึ่งในกรด AHA ที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ โดย AHA จะแทรกซึมเข้าไปในผิวหนัง กระตุ้นการผลัดเซลผิวใหม่เพิ่มความสดชื่นแก่ผิวหนัง นอกจากนี้กรดไกลโคลิกยังถูกใช้เพื่อรักษาอาการไหม้แดด และความชราของผิวหนัง เกล็ดเล็กๆของน้ำตาลที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ขัดผิวทั้งหลายจะไปช่วยขจัดเซลผิวที่ตายแล้ว และผลัดเซลผิวใหม่ ให้สดใส เปร่งปรั่งขึ้นได้ เมื่อเปรียบเทียบสครับที่ทำจากน้ำตาลกับสครับที่ทำจากเกลือ จะเห็นว่ามีข้อดีอยู่หลายอย่างเช่น เกล็ดของน้ำตาลจะมีความอ่อนนุ่มกว่าเม็ดเกลือ เพราะเกลืออาจจะทำให้เนื้อเยื่อของผิวหนังฉีกขาดได้ และคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บความชื้นได้ของน้ำตาล ในขณะที่เกลือจะดึงน้ำมันธรรมชาติจากผิวหนังของเราออกไป ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวแห้งนั่นเอง เห็นหรือยังว่าประโยชน์มากมายขนาดนี้แล้วยังจะรอช้าอะไรกันอยู่ พลาดไม่ได้ทีเดียวจริงๆ ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่าในโปรแกรมขัดผิวด้วยน้ำตาลมะพร้าวนี้มีอะไร ทำอะไรกันบ้าง เริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลาย เมื่อย่างก้าวเข้าสู่ชั้นที่ 2 ของ โรงแรม Shangri-la Bangkok ฝั่งอาคาร กรุงเทพฯวิงค์ก็จะพบกับ Chi, The spa  ซึ่งเป็นสปาชั้นนำระดับพรีเมียม ทั้งการตกแต่ง แสง สี ให้ความรู้สึกสงบ นิ่ง และผ่อนคลาย เมื่อเขามาพนักงานจะเชิญให้ท่านไปนั่งรอระหว่างจัดห้อง …..พนักงานจะเสิร์ฟ น้ำมะตูมเย็นๆ มาในถาดไม้ พร้อมกับดอกบัว .พร้อมทั้งกรอกเอกสารว่าต้องการให้ผ่อนคลายจุดไหนเป็นพิเศษ มีอาการแพ้อะไรบ้าง เป็นต้น.และเมื่อเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พน้กงานจะเชิญเราเข้าสู่ห้องนวด ซึ่งในห้องนวดนั้น ใหญ่โต โอ่โถง และแบ่งออกเป็นหลายส่วนด้วยกัน ..ซึ่งในขั้งตอนแรก จะเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนชุดที่ห้องเปลี่ยนชุด บริเวณห้องเปลี่ยนชุดนั้น จะมีห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า โต๊ะสำหรับวางของและจัดทรงผม รวมไปถึงอ่างล้างหน้า … . .เมื่อเสร็จเรียบรอยให้เราสั่นกระดิ่งทองเหลืองสไตล์ธิเบต และจากนั้นพนักงานก็จะเปิดประตูและเชิญเราไปยังส่วนนวดและล้างเท้า ซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดของห้องนวดนั้นเอง . เริ่มการล้างเท้าด้วยน้ำสมุนไพร…

Read More

สุดยอดวัตถุดิบชั้นเลิศ ปรุงออกมาเป็นสุดยอดรสชาติชั้นเยี่ยม สุนทรีย์กับสุดยอดเพลงแจ๊ส ในสุดยอดบรรยากาศกลางเมืองกรุง ณ ห้องอาหาร Colonnade โรงแรม The Sukhothai Bangkok ที่ผมกล่าวมาข้างต้นก็คงไม่ผิดนักหรอกครับ หากใครได้เคยมาสัมผัสบรรยากาศและรสชาติอาหารจากห้องอาหาร Colonnade ของโรงแรม The Sukhothai Bangkok ก็คงต้องยอมใจให้คุณภาพของอาหาร บวกกับบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยร่มไม้ และปฏิมากรรมในยุครุ่งเรืองของศิลปะของไทยอย่างอาณาจักรสุโขทัย เคล้าคลอด้วยเสียงดนตรีไทยตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาราวกับหลุดออกมาอยู่อีกโลกหนึ่ง ซึ่งวันนี้ผมและ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปสัมผัสประสบการณ์สุดพรีเมี่ยมกับ Sunday Brunch กันครับ ใครที่สนใจแนะนำให้โทรมาจองก่อนซึ่งเดี๋ยวเราจะให้รายละเอียดการติดต่อไว้ที่ตอนท้ายของรีวิวครับ ราคาของ Sunday Brunch จะแบ่งเป็น 2 แบบคือ เฉพาะอาหาร ราคา 3,000++ และ อาหารรวมเครื่องดื่มจำพวกไวน์ แชมเปญ 4,500++ ครับ ห้องอาหารจะแบ่งเป็นโซนในร่มและโอเพ่นแอร์ มาถึงที่โต๊ะจะเห็นการพับผ้าเช็ดปากเป็นรูปกระต่ายอีสเตอร์ครับ เนื่องจากวันที่ไปตรงกับวันอีสเตอร์พอดี รวมถึงเซ็ทจานอาหารของคุณหนูก็มีเช่นกันนะครับ เซอร์ไพรซ์มากๆ ครับ มาเริ่มกันด้วยเวลคัมดริ้งค์แบบค็อกเทลสีฟ้า เพิ่มความสดชื่น รสชาติดีไม่แรงมากครับ ต่อด้วยแชมเปญ Louis Roederer ไม่อั้นหากสั่งเป็นราคาแบบรวมเครื่องดื่ม บอกเลยว่าดื่มสองสามแก้วก็คุ้มแล้วครับ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างเลยของที่นี่คือเราจะได้ยินเสียงเพลงแจ๊สขับกล่อมตลอดเวลามื้ออาหารของเรา จากคุณ coco rouzie ดีว่าเพลงแจ๊สอันดับต้นๆ ทำให้มื้ออาหารนี้พิเศษขึ้นไปอีกครับ สิ่งพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือมีห้องสำหรับคุณหนูของท่านให้สามารถมาเล่น พักผ่อนได้ที่ห้องนี้ครับ วันนี้ถูกตกแต่งในธีม Easter ภายในห้องจะมีบรรดาของเล่นเสริมสร้างทักษะ ภาพยนตร์การ์ตูน และการเพ้นท์ร่างกายให้คุณหนูได้สนุกสนานกัน เรามาเริ่มกันที่โซนเครื่องดื่มครับมีให้เลือกเพิ่มความสดชื่นทั้งน้ำส้มคั้น น้ำตะไคร้ น้ำอ้อย และน้ำมะพร้าวที่มีเนื้อมะพร้าวอ่อนให้ตักได้ไม่อั้น อร่อยสุดๆ เลยครับ ต่อกันในส่วนของสเตชั่นอาหารกันบ้างครับ ต้องบอกก่อนเลยว่าไลน์อาหารที่นี่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ปริมาณและความหลากหลาย ไลน์อาหารไม่มีขาด เติมตลอดจนถึงสิ้นสุดวัน สุดยอดมาก ๆ มาเริ่มที่ไลน์อาหารทะเลสุดพิเศษที่ทุกคนต้องเดินมาเป็นมุมแรกกันเลยครับ อัดแน่นดั่งขุมทรัพย์จากท้องทะเลไม่ว่าจะเป็น ปูอลาสก้า ล็อบสเตอร์ กุ้ง กั้ง ขาปูหิมะ ก้ามปูยักษ์ หอยแมลงภู่ กุ้งขาว กุ้งแม่น้ำ และบรรดาหอยนางรมหลากสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น Normandy, St. Vaast, Fine De Clair และ Irish…

Read More

ตามธรรมเนียมหน้าร้อนแบบนี้ อาหารไทยที่ถูกพูดถึงและเหมาะที่จะนำมารับประทานเพื่อคลายร้อนได้ดีที่สุดก็คงจะต้องยกให้  ‘ข้าวแช่’ อาหารไทยโบราณที่มีส่วนผสมวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งต้องใช้แต่ของที่มีคุณภาพนำมาผ่านกรรมวิธีการทำอันซับซ้อนและปราณีต ออกมาเป็น  ‘ข้าวแช่’ อันโด่งดัง วันนี้ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปชิมข้าวแช่และอาหารไทยเลิศรส พร้อมทั้งดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดตระการตาจากวิวโค้งน้ำเจ้าพระยา หรือจะเรียกว่าเป็นข้าวแช่ที่สูงที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ครับ ห้องอาหาร Saffron เป็นห้องอาหารไทยหนึ่งในหลากหลายห้องอาหารนานาชาติในโรงแรมบันยันทรี ตั้งอยู่บนชั้นที่ 52 ที่สามารถมองออกไปชมทัศนียภาพทั่วทั้งกรุงเทพมหานครได้อย่างสุดลูกหูลูกตา เมื่อมาถึงโต๊ะเราจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมกับพนักงานจะนำน้ำลอยดอกไม้มาล้างมือให้ก่อนมื้ออาหารครับ เรามาเริ่มมื้ออาหารด้วยเครื่องดื่มสุดพิเศษที่จะทำให้มื้อนี้สดชื่นกันก่อนดีว่าครับ กับ Passion Fruit Punch รสเปรี้ยวหวาน หอมเสาวรสและส้ม กระตุ้นน้ำย่อยได้อย่างดี ต่อกันด้วย มะพร้าวน้ำหอม ที่เสิร์ฟมาเป็นลูกโตๆ น้ำมะพร้าวหวานหอมชื่นใจเหมาะกับหน้าร้อนมากๆ ดื่มเครื่องดื่มไปแล้วมาต่อกันกับออเดิร์ฟจากทางห้องอาหารกันดีกว่ากับ ปอเปี๊ยะ ปลาฟู ปอเปี๊ยะสอดไส้หมู แป้งบางกรุบกรอบ และปลาฟูเนื้อเบาพร้อมน้ำยำเปรี้ยวหวาน เผ็ดนิดๆ เพิ่มความอยากอาหารได้มากเลยครับ มาถึงออเดิร์ฟถัดไปครับนั่นคือ ข้าวตังซัฟฟรอน ข้าวตังกรอบชิ้นพอดีคำและข้าวเกรียบแผ่นบางที่ปรุงด้วยตะไคร้ ใบมะกรูดเสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องเคียง 3 อย่าง ได้แก่น้ำพริกอ่องไก่ ไก่กุ้งกะทิหน้าตั้ง และน้ำพริกหนุ่ม เครื่องเคียง 3 รส 3 สไตล์ รสชาติไม่จัดจ้านมากนัก เหมาะสำหรับทุกวัย เห็นเฉพาะออเดิร์ฟก็เริ่มหิวกันแล้วใช่ไหมครับงั้นเราไปลองชิมจานหลัก พระเอกของงานกันเลยดีกว่า ห้องอาหาร Saffron เป็นอีกหนึ่งห้องอาหารที่มีเมนูข้าวแช่ชาววังมาให้ได้รับประทานกันทุกปี อย่างปีนี้ก็มีการเปลี่ยนพรีเซนเตชั่นมาเสิร์ฟในชุดเครื่องชามดินเผาลายคราม จากปีก่อนที่เสิร์ฟมาบนเชี่ยนหมากเครื่องเงินครับ ข้าวแช่ที่นี่ใช้ข้าวเม็ดเรียวเรียงสวยสุกกำลังดี แช่ในน้ำดอกมะลิอบควันเทียนกลิ่นหอมอบอวล ลอยน้ำด้วยมะลิและพวงชมพูสวยงามมากๆ มาถึงเครื่องเครียงกันบ้างครับ ปีนี้ทางห้องอาหารมีเครื่องเคียงมาให้ 6  อย่าง แต่จะเสิร์ฟมาในพอชั่นที่กำลังพออิ่ม ไม่ได้เยอะเหมือนปีที่แล้ว เนื่องจากทางห้องอาหารมองว่าอยากให้ลูกค้ามีเนื้อที่ในท้องเอาไว้ชิมอาหารสุดอร่อยอย่างอื่นอีกครับ โดยวิธีการรับประทานเราจะต้องเริ่มจากด้านขวามือก่อนแล้วไล่ไปทางซ้าย ทั้งนี้เพื่อที่เครื่องเคียงจะค่อยๆ เพิ่มความเข้มของรสชาติมากขึ้นไป ทำให้รสชาติไม่โดดกันไปมานั่นเองครับ เครื่องเคียงจากขวามือก็มีดังนี้ครับ ไชโป้วกรอบผัดหวาน พริกหยวกยัดไส้กุ้งห่อไข่กรอบ ปลายี่สกผัดน้ำปลาห่อหอมแดง ลูกกะปิผัดกระชายเครื่องเทศ หมูหวาน และปิดท้างด้วย แตงโมปลาแห้ง เพื่อล้างปากครับ เครื่องเคียงของที่นีถือว่าครบเครื่อง รสชาติดีและใช้วัตถุดิบที่ดี ทำสดๆทุกจาน ซึ่งสังเกตได้จากพริกหยวกไข่กรอบ ถ้าหากทำทิ้งไว้นานไข่จะอมน้ำมันไม่กรอบเท่านี้ ทีนี้เราไปดูเมนูอื่นๆกันบ้างดีกว่าครับเผื่อว่าจะช่วยเพิ่มความอยากอาหารให้กับทุกท่านด้วยเมนู a la carte ต้มยำโรล แป้งหนึบกรอบกุ้งสดด้านใน ปรุงด้วยน้ำต้มยำถึงรสถึงเครื่อง โรลปลาฟู ปลาฟูและผักสดห่อด้วยแผ่นแป้งบางหนึบเคี้ยวเพลิน มัสมั่นเนื้อ โรตีกรอบ แกงมัสมั่นเนื้อนุ่ม พร้อมน้ำแกงข้นหวานกลมกล่อม กินคู่กับแผ่นโรตีบางกรอบ และอาจาด ต้มยำกุ้งนมสด กุ้งเนื้อแน่น…

Read More