ร่วมเฉลิมฉลองวันปีใหม่จีน หรือตรุษจีนปีนี้ ที่ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ด้วยอาหารที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ จากหลากหลายห้องอาหาร พร้อมให้คุณสนุกสนานกับกิจกรรมบันเทิงต้อนรับวันมงคล และร่วมชื่นชมการเชิดสิงโตในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ อันเชื่อกันว่าจะนำมาซึ่งโชคลาภ สิริมงคล และความเจริญรุ่งเริงให้กับผู้ที่ได้รับชม บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำฉลองตรุษจีน ณ เมดิสัน สเต๊กเฮ้าส์ และ อควา บาร์ วันอังคาร ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 18.00 – 22.30 น. สังสรรค์รับเทศกาลมงคลกับเพื่อนและครอบครัว ภายใต้บรรยากาศอันร่มรื่นของสวนปาริชาติ หรือบรรยากาศคลาสสิกของเมดิสัน สเต๊กเฮ้าส์ กับบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำสุดพิเศษสำหรับวันตรุษจีน ด้วยหลากหลายเมนูสไตล์ตะวันออก อาทิ หอยเชลล์ผัดซอส XO, เป็ดปักกิ่ง, ซุปเสฉวน, ซีฟู้ด, สลัด, อาหารไทย และขนมหวานนานาชนิด ในราคา 1,888 บาท ++ ต่อท่าน ห้องอาหารญี่ปุ่นชินทาโร่ 3-8 กุมภาพันธ์ 2562 มื้อกลางวัน เวลา 11.30 – 14.30 น. และมื้อค่ำ เวลา 17.00 – 22.30 น. เพลิดเพลินไปกับเมนูพิเศษจากล็อบสเตอร์ บรรจงปรุงรสอย่างพิถีพิถันโดยเชฟซาโตชิ ซาวาดะ เมนูไฮไลท์อาทิ ลอบสเตอร์ย่างซอสเทอริยากิ เสิร์ฟกับครีมหอยเม่นและส้มยูสุ, ล็อบสเตอร์ชาร์โคลเทมปุระ, ข้าวผัดเนยเห็ดทรัฟเฟิล กับลอบสเตอร์และไข่ออนเซน เป็นต้น ห้องอาหารไทยสไปซ์ มาร์เก็ต 3-8 กุมภาพันธ์ 2562 18.00 – 22.00 น. อิ่มอร่อยกับเมนูพิเศษในช่วงตรุษจีน รังสรรค์โดยเชฟวรินธร สัมฤทธิ์ผล กับหลากหลายอาหารเลิศรสที่ปรุงขึ้นสดใหม่อย่างพิถีพิถัน อาทิ ซีฟู้ดรวมย่าง, ปลากะพงอบขมิ้น และ ปลาเก๋าทอดกรอบ เป็นต้น ราคาจานละ 1,888 บาท++…
Author: Khanenphan Chueanuam
นอร์ดิก อาหารประยุกต์สุดสร้างสรรค์ที่นำแนวอาหาร Fine Dining มาประยุกต์ให้เข้ากับอาหารของเขตหนาวเย็นแถบยุโรปตอนเหนือ ออกมาเป็นอาหารชั้นเลิศที่คุณควรลิ้มรสให้ได้สักครั้ง สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่านวันนี้ผมและ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปรับประทานอาหาร Nordic Cuisine จากห้องอาหารสุดหรูใจกลางเมืองอย่าง Front Room โรงแรม WALDORF ASTORIA BANGKOK กันครับ คำว่า Nordic แผลงมาจากคำว่า Norden ในภาษาสแกนดิเนเวียที่ก็แปลว่า “ผู้อยู่อาศัยทางเหนือ” ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของรูปแบบอาหารที่เน้นเรื่อง “ความบริสุทธิ์ ความง่าย และความสดใหม่” (purity, simplicity and freshness) อย่างอาหารทางแถบเหนือของยุโรป โดยเน้นการทำอาหารจากวัตถุดิบของท้องถิ่นตามฤดูกาลนั่นเอง ซึ่งเชฟก็ได้นำแนวคิดนี้มาผสมผสานกับวัตถุดิบท้องถิ่นของไทย บวกกับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ในการทำอาหารของเชฟ ออกมาเป็นเมนูให้เราได้ชิมกันในวันนี้ ห้องอาหาร Front Room ถูกดีไซน์ให้เป็นแบบโคโลเนียลโดยให้มีกลิ่นอายของความเป็นสแกนดิเนเวียนและความเป็นไทยเข้าด้วยกัน เน้นใช้สีขาว ครีม และน้ำตาลอ่อน ซึ่งเป็นสีโทนอุ่น ราวกับจะบอกว่าดินเนอร์มื้อนี้คุณและคนพิเศษจะอบอุ่นเพียงใด เพดานสูงรายล้อมด้วยกระจกตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ส่งผลให้ห้องอาหารแห่งนี้โอ่โถงชมบรรยากาศยามค่ำคืนได้อย่างสบายตา มาพร้อมโซนครัวเปิดที่เผยให้เห็นการทำอาหารของ เชฟเฟ-รุ่งทิวา ชุ่มมงคล Head Chef ของห้องอาหารนี้ได้อย่างเต็มที่เลยครับ คอร์สเมนูหลักที่นี่มีให้เลือก 2 แบบครับ คือ คอร์ส 10 อย่าง (3,200 บาท++) และ คอร์ส 7 อย่าง (2,500 บาท++) โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะรับเครื่องดื่มเป็น Wine Paring (2,100 บาท++) หรือ Juice Paring (600 บาท++) ซึ่งวันนี้เราเลือกแบบ 10 คอร์สและ Paring กับน้ำผลไม้ครับ เพราะค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับ Fine Dining ที่ส่วนใหญ่จะเป็นไวน์ เราจึงอยากสัมผัสประสบการณ์อีกแบบเพื่อจะได้แบ่งปันประสบการณ์ให้กับทุกท่านครับ เริ่มกันด้วย Welcome Drink ซึ่งเสิร์ฟมาแบบ On the Rock ในแก้วทรงสูงโดยเชฟจะนำฟักเขียวไปย่างจนส่งกลิ่นไหม้หอมๆ Infuse กับน้ำตาลมะพร้าวและใบเตยจนออกมาเป็นสีเหลืองทอง เมื่อจิบจะได้กลิ่นควันของฟักเขียวย่างและกลิ่นใบเตยอ่อนๆ ช่วยเพิ่มความสดชื่นก่อนเริ่มมื้ออาหารได้เป็นอย่างดีครับ หลังจากเพิ่มความสดชื่นด้วย Welcome Drink กันไปแล้วก็มาเริ่มเรียกน้ำย่อยกันด้วย Amuse Bouche เมนูแรกนั่นคือ Croustades – Pomelo – Shrimp เมนูเรียกน้ำย่อยที่เสิร์ฟมาในรูปแบบกระทงทองด้านในเป็นยำโดยมีส่วนผสมของส้มโอเปรี้ยวหวาน กุ้งที่ให้เนื้อสัมผัสกรุบเวลาเคี้ยว…
สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมและ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปเปิด Penthouse ย่านเพลินจิตกับดินเนอร์สุดพิเศษเอาใจคนรัก Grill Bar บนห้องอาหาร The Grill ณ โรงแรม Park Hyatt Bangkok กันครับ PENTHOUSE Bar + Grill ห้องอาหารสุดอลังการด้วยการออกแบบครัวแบบเปิดโชว์ให้ผู้มาเยือนได้ชมการปรุงอาหารด้วยวัตถุดิบขึ้นชื่อทั่วโลกกันต่อหน้า ผ่านการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ AvroKO เอเจนซี่ที่ได้แรงบันดาลใจจากเพนท์เฮาส์สุดหรูใจกลางเมืองของนักสะสมงานศิลปะ อันเป็นจุดศูนย์รวมของการพบปะเพื่อนฝูงและคนพิเศษ The Grill มีอาหารที่มีความหลากหลายให้แขกผู้มาเยือนได้เลือกรับประทานมากๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อคุณภาพสูง อาหารซีฟู้ด หมู แกะ และผัดออร์แกนิคต่างๆ พร้อมด้วยเครื่องดื่มไม่ว่าจะเป็นไวน์ชั้นดีจากทั่วมุมโลก คราฟท์เบียร์ และเครื่องดื่ม Non-Alcohol คอนเซ็ปหลักๆ ของห้องอาหารแห่งนี้ก็คือการ Sharing ครับ จะเน้นสั่งจานหลักมาแบ่งปันกันบนโต๊ะ โดยลูกค้าสามารถเลือกนั่งได้ทั้งแบบ In Door กับคนพิเศษในบรรยากาศอบอุ่นและ Out Door รับลมเย็น ชมวิวยามค่ำคืนของเมืองกรุงเทพก็ดีเช่นกันครับ บรรยากาศในห้องอาหารหลังจากเดินเข้ามาแล้วรู้สึกเหมือนอยู่บ้านครับ ดนตรีที่นี่ถือเป็นเอกลักษณ์มาก โดยเลือกเปิดเพลงจากยุค 60 อย่าง Bobby Womack เช่น Stand by me, More and More, Across 110th Street เป็นต้น เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกนึงเลยครับ ระหว่างที่นั่งฟังเพลงก็ขอสั่ง Cocktail มาดื่มก่อนสักแก้ว โดยวันนี้สั่ง COLETTE (390.-) ค็อกเทลรสชาติเปรี้ยวหวาน ใช้ William’s Pear เป็นเบส เพิ่มความหอมหวานด้วย ครีมสับปะรด มะม่วง และโคโคนัทมิลค์ ตัดรสชาติด้วย พริก เกลือทะเล เชฟย่างสเต๊กกันให้เห็นชัดๆผ่านบาร์ของครัวเปิด โดยวันนี้ทางห้องอาหารก็มีเนื้อชั้นดีมาให้เลือกเยอะมากครับ โดยวันนี้มีเนื้อชนิดต่างๆ มาจากทั่วทุกมุมโลกให้เลือกถึง 8 อย่าง ไม่ว่าจะเป็น CHOICE…
วันนี้ผมและ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปผ่อนคลายกับ Anantara Spa ที่ Anantara Riverside Bangkok Resort สปาที่จะพาคุณดื่มด่ำกลิ่นอายของโรงนา กับรีสอร์ทโฮเทลริมเจ้าพระยาสุดส่วนตัวกันครับ สืบเนื่องจากที่ตั้งของ Anantara Riverside Bangkok Resort เดิมนั้นเป็นโรงนาหรือโรงข้าว นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้ Anantara Spa แห่งนี้ใช้ส่วนผสมและเทคนิคในการนวดต่างๆ โดยมี “ข้าว” เป็นส่วนประกอบนั่นเอง หลังจากเดินผ่านสวนหย่อมที่ถูกตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศของความเป็นรีสอร์ทอันเป็นหัวใจหลักของโรงแรมแห่งนี้ เราจะเห็นทางเดินที่ปูด้วยหินก้อนน้อยใหญ่เป็นทางลาดไปยังประตูทางเข้า ที่ให้อารมณ์เหมือนเดินผ่านสวนหย่อมไปยังบ้านหลังเล็กๆ ด้วยประตูไม้บานใหญ่ การตกแต่งภายในที่เน้นความเป็นไม้สีโทนอุ่น และการต้อนรับอันอบอุ่น ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเองมาก เมื่อเดินเข้ามาเราจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ด้วยผ้าเย็นกลิ่นลาเวนเดอร์ ซึ่งผมเคยอ่านบทความทางวิทยาศาสตร์มาด้วยนะครับว่ากลิ่นของลาเวนเดอร์จะให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสร้างความเชื่อใจ เสิร์ฟพร้อมด้วยน้ำขิงเย็นเพิ่มความสดชื่นครับ จากนั้นเราก็มาเลือกโปรแกรมที่เราจะนวดในวันนี้ ซึ่งที่นี่มีโปรแกรมการนวดที่หลากหลายมากไม่ว่าจะเป็นทรีตเมนท์ สครับ โปรแกรมนวดหน้า โปรแกรมเสริมหล่อสุภาพบุรุษ อบสมุนไพร โปรแกรมความงามสำหรับสุภาพสตรี สปาเล็บ แว็กซ์ นวดเท้า หรือโปรแกรมสำหรับสมาชิกในครอบครัวไม่เว้นกระทั่งคุณลูกเลยครับ ซึ่งในวันนี้ผมเลือกโปรแกรม Anantara Signature Massage โปรแกรมนวดที่มีเอกลักษณ์ของที่นี่จากการใช้ข้าวเป็นองค์ประกอบหลัก โดยใช้เวลา 90 นาที ราคา 3,900.-บาท ++ จากนั้นเราก็มากรอกใบแอพพลิเคชั่นเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเธอราพิสเล็กน้อยว่าจะให้เน้นตรงไหน เว้นตรงไหน มีโรคประจำตัว หรือข้อหลีกเลี่ยงอะไรหรือไม่ เดินเข้ามาในห้องทรีตเมนท์ ระหว่างทางเราจะเห็นว่าทางสปามีห้องรองรับลูกค้าหลายแบบมาก วันนี้ผมและเพื่อนได้รับการต้อนรับด้วยไพรเวทรูมซึ่งเป็นห้องนวดคู่ที่มีจากุซชี่และสวนหย่อมในตัวครับ ภายในห้องเราจะเจอกับห้องแต่งตัว ตู้เก็บเสื้อผ้า ห้องน้ำและชักโครกที่แยกออกจากกัน เดินเข้ามาจะเจอกับโถงนวด และอ่างจากุซชี่บริเวณกลางห้อง กั้นด้วยประตูกระจกเพื่อเดินต่อไปยังสวนหย่อมและที่อาบน้ำกลางแจ้ง จุดเด่นของที่นี่อีกอย่างที่ผมลืมพูดถึงหลังจากเดินเข้ามาในห้องคือกลิ่น กลิ่นของน้ำมันที่สกัดจากข้าวซึ่งให้ความหอมอ่อนๆ ถูกใจผมมากครับ เพราะโดยส่วนตัวแล้วค่อนข้างเซนซิทีฟกับกลิ่นที่แรงและฉุน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มาเริ่มด้วยการล้างเท้าตามนิยมครับ โดยจะเริ่มล้างเท้าด้วย Honey Milk หรือนมผึ้งซึ่งมีส่วนช่วยเรื่องเพิ่มความนุ่มชุ่มชื่น พร้อมสครับด้วย Lavender Sea Salt ขัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน และปิดท้ายด้วย Pepper Mint Spray เพิ่มความชุ่มชื่นและสดชื่นให้กับเท้าครับ จากนั้นก็ถึงเวลาของความผ่อนคลายที่แท้จริงแล้วครับ โดยเธอราพิสจะเริ่มนวดจากหลังขา ขึ้นมาบนแผ่นหลัง โดยจะประคบด้วยลูกประคบก่อน ซึ่งที่นี่ใช้ข้าวสารหอมมะลิเป็นตัวประคบ ข้าวสารหอมมะลิจะเก็บอุณหภูมิของลูกประคบให้ร้อนในระดับที่เหมาะสมพร้อมทั้งส่งกลิ่นหอมข้าวอ่อนๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย จากนั้นจะต่อด้วยการนวดน้ำมันรำข้าวซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน E อันมีส่วนช่วยในการเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้นให้แก่ผิว แล้วก็มาต่อด้วยการนวดที่ด้านหน้าบ้างครับ…
หากยังจำกันได้ผมและ KinlakeStars.com เคยพาทุกท่านมาชิมอาหารที่ห้องอาหาร Akira Back แห่งนี้แล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะเชฟ Akira บินตรงมาปรุงอาหารให้รับประทานถึงที่ครับ ห้องอาหาร Akira Back Restaurant and Bar โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park นำเสนอความพิเศษระดับโลกจาก Akira Back เชฟเกาหลีมากประสบการณ์ดีกรีรางวัลมากมาย ที่สร้างนิยามใหม่ให้อาหารเอเชียด้วยรสชาติและความล้ำเลิศ กับสไตล์อันทันสมัยของศาสตร์การทำอาหารสุดสร้างสรรค์ น่าตื่นเต้น และเต็มไปด้วยสีสัน ผสมผสานระหว่างองค์ประกอบของญี่ปุ่นและเกาหลีได้อย่างลงตัว โดยคอนเซ็ปต์หลักๆ ของการรับประทานอาหารที่นี่คือการ Sharing กัน ทำให้เหมาะที่จะพาเพื่อนและคนรู้ใจมานั่งพูดคุยกันยาวๆ พร้อมเครื่องดื่มมากมายไม่ว่าจะเป็นไวน์ แชมเปญ เบียร์ หรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่พร้อมเสิร์ฟให้ทุกท่านตลอดทั้งค่ำคืน โดยห้องอาหารจะมีทั้งแบบ Dinner Table และ Private Room ที่สามารถชมวิวเมืองที่สวยงามได้จากหลากหลายมุมครับ ถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันครับว่าครั้งนี้มีเมนูไหนเป็นเมนูที่เรายังไม่เคยชิมกันบ้าง JEJU DOMI (Orange Tobikko, Red Sorrel, Chojang) ซาซิมิปลากระพงแดงเนื้อกรุบกรอบสไลด์บาง สอดไส้ด้วยไข่กุ้งรสชาติเค็มอ่อนๆ ให้สัมผัสเคี้ยวกรุบๆ บวกกับกลิ่นส้มยูสึที่เชฟนำไปหมักกับเนื้อปลาเพิ่มความสดชื่นได้ดีมากๆ เสิร์ฟพร้อมซอสโชจังรสชาติเค็มเผ็ดเล็กน้อยที่สเปรดมาบนจาน ถือเป็นจานเปิดมื้ออาหารเรียกน้ำย่อยที่ดีมากๆ SALMON TIRADITO (Grilled Mango, Yuzu Lemon, Cilantro Oil) แซลมอนสดสไลด์บางละลายในปาก นำมาปรุงรสชาติด้วยน้ำมันที่สกัดจากผักชี เพิ่มความเปรี้ยวสดชื่นด้วยส้มยูสึ และเลมอน จากนั้นเชฟนำมะม่วงสุกหวานๆ หั่นเต๋าไปย่างเพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติสุดหอม เสิร์ฟพร้อมแซลมอน ราดซอสที่เตรียมไว้ รับประทานพร้อมกันใน 1 คำให้รสชาติเปรี้ยวหวานแปลกใหม่ รับรองคุณจะไม่เคยชิมแซลมอนที่สดชื่นแบบนี้แน่นอน UNA-Q (Unagi Kabayaki, Seared Foie Gras, Balsamic Soy) มาถึงจากที่เป็นเดอะเบสสำหรับผมในวันนี้เลยครับ ฟัวกราส์ย่างสุกพอประมาณส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกล มาพร้อมปลาไหลชิ้นพอดีคำหอมๆ ที่เราต่างรู้กันว่าเมื่อสองอย่างนี้เสิร์ฟมาพร้อมกันเมื่อไหร่อาหารจานนั้นจะดีงามอย่างแน่นอน เสิร์ฟมาในแบบทาโก้แต่เชฟไม่ได้ใช้แป้งทาโก้ครับ เชฟใช้แตงกวาสดฝานบางเป็นแผ่นแทนแป้ง ราดท็อปปิ้งด้วยบัลซามิคเพื่อดึงรสชาติให้เข้มข้นขึ้นไปอีก รับประทานทั้งหมดพร้อมกันผมบอกเลยครับทุกคนต้องติดใจอย่างแน่นอน AB TACOS (Wagyu Bulgogi,…
สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่านวันนี้ KinlakeStars.com พาทุกท่านมาที่ร้าน YTSB ห้องอาหารญี่ปุ่นบรรยากาศสุดอบอุ่นแห่งโรงแรม VIE Hotel โดยเราจะพาทุกๆ ท่านไปรับประทาน Omakase เมนูอาหารแบบต้นตำรับญี่ปุ่น ที่เชฟจะใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดของร้านมารังสรรค์เป็นคอร์สอาหารสุดพิเศษ ให้ลูกค้าได้สัมผัสกับความประหลาดใจในทุกๆ ครั้งที่ได้ชิม นั่นคือที่มาของคำว่า ‘เมนูตามใจเชฟที่คุณไม่มีสิทธิ์เลือกนั่นเองครับ’ หากคุณเป็นคออาหารญี่ปุ่นอยู่แล้วคงคุ้นเคยกับคำว่า Omakase (โอมากาเสะ) กันเป็นอย่างดี หรือหากใครที่ไม่คุ้นเคย คำว่า Omakase จริงๆ แล้วก็คือศิลปะการทำอาหารแขนงหนึ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพ และความชำนาญจากเชฟแต่ละคนสู่มือของผู้รับประทาน โดยเชฟจะนำประสบการณ์และความชำนาญทั้งหมดที่สั่งสมมาปรุงแต่งอาหารแต่ละจานตั้งแต่คำแรกถึงคำสุดท้าย ส่งต่อประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ดีที่สุด ผ่านวัตถุดิบที่ดีที่สุดในวันนั้นๆ ออกมาเป็นเมนูที่ไม่ซ้ำกัน หลักการทำ Omakase ก็คือเชฟจะต้องคิดเมนูออกมาตามจำนวนคอร์สให้ลูกค้า และเสิร์ฟทีละเมนู ทีละจานหรือทีละคำไปเรื่อยๆ คล้ายกับเชฟจะพาเราร่วมเดินทางไปในระหว่างมื้ออาหารจากแรกถึงจานสุดท้าย โดยไม่ใช้วัตถุดิบที่เหมือนหรือซ้ำกันในแต่ละจาน แต่หากมีบางเมนูที่วัตถุดิบเหมือนกัน เชฟก็จะมีวิธีการปรุงที่ไม่เหมือนกันสร้างประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและแปลกใหม่ให้กับผู้รับประทานไม่ซ้ำกันเลย นั่นหมายความว่าเมื่อคุณเดินไปที่ร้านอาหาร Omakase คุณจะไม่มีทางรู้เลยครับว่าเชฟจะเสิร์ฟอะไรให้คุณในวันนั้น และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะร่วมกันเดินทางไปกับ เชฟ เชษฐา อินทรวงศ์ เชฟใหญ่แห่งห้องอาหาร YTSB ที่มีประสบการณ์ในด้านอาหารญี่ปุ่นมาแล้วกว่า 20 ปี กันเลยครับ ประเดิมจานแรกด้วย MAGURO YAMATAKE มากูโร่หรือทูน่าบลูฟินเสิร์ฟกับโฟมมันมือเสือเทอิโมะ (Te-imo) และมันนากาอิโมะ (Naga-imo) ที่ให้สัมผัสคล้ายกรอยเนื่องจากเป็นพืชตระกูลเดียวกันและนิยมรับประทานแบบสด นำมาผสมกับไข่ขาว ให้รสชาติมันและหวานนุ่มพร้อมความสดชื่น ท็อปด้วยอูนิไข่หอยเม่นและไข่ปลา เปิดมื้ออาหารมื้อนี้ได้ดีสุดๆ ครับ จานที่สอง TARABA TUYU TSUNOMONO ปูยักษ์ทาราบะชิ้นแน่นขนาดพอดีคำ ที่โดยปกติเชฟมักจะนำมาทำซูชิ ย่างถ่าน หรือซุป แต่ในครั้งนี้เชฟเพิ่มความแปลกใหม่ด้วยการนำมาหมักในน้ำส้มยูซึ เพิ่มความหอมสดชื่น กลิ่นหอมของขิง พริกไท และงาช่วยทำให้เนื้อปูมีความหอมยิ่งขึ้นไปอีก เสิร์ฟเย็นแล้วสดชื่นเหมือนรับประทานอยู่ท่ามกลางหิมะยังไงยังงั้น จานที่สาม SASHIMI (TORO, AMA EBI KOMBU CHIME, HAMACHI) ซาชิมิที่เรารู้จักกันดีแต่รับรองว่าคุณภาพความสดนั้นอัดแน่นมาอย่างเต็มที่ครับ ในจานเสิร์ฟมาด้วยของโปรดใครหลายๆ คนไม่ว่าจะเป็น Hamachi ปลาฮามาจิเนื้อสดเด้งรสชาติหวาน, Ebi อิบิกุ้งขาวหมักสาเกและสาหร่ายคอมบุให้รสชาติหวานสาเกและหนึบจากคอมบุเคี้ยวเพลิน, ปิดท้ายด้วยพระเอกของจานนี้ Toro หรือ Otoro เนื้อส่วนท้องทูน่าที่มีไขมันแทรกอยู่เยอะมากซึ่งเป็นส่วนแพงที่สุดของทูน่าที่หลายคนติดอกติดใจ ความนุ่มราวกับคีบใส่ปากแล้วแทบจะละลายหายไปเลยครับ โดยเชฟจะแนะนำให้รับประทานซาชิมิทั้งสามตามลำดับที่ผมกล่าวมาเพื่อไล่ลำดับรสชาติจากอ่อนไปเข้มนั่นเอง เมนูจานที่สี่ CHAWANMUSHI UNI IKURA รองท้องกันมาได้สามเมนูแล้วต่อไปเราจะเริ่มเข้าเมนูที่เสิร์ฟอุ่นกันบ้างครับนั่นคืออิกุระ…
ห้องอาหารญี่ปุ่นสไตล์เทปปันยากิ นามิ เทปปันยากิ สเต็กเฮ้าส์ ณ โรงแรม JW Marriott Bangkok เปิดตัวเมนูอาหารใหม่อีกกว่า 30 รายการ โดยหัวหน้าเชฟอาหารญี่ปุ่นยูคิโอะ ทาเคดะ ด้วยเคล็ดลับจากศาสตร์การปรุงอาหารมาผสมผสานความทันสมัย สุดยอดเทคนิคที่ช่วยเพิ่มรสชาติของวัตถุดิบให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ เป็นต้นไปครับ นามิ เทปปันยากิ สเต็กเฮ้าส์ หนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์เทปปันยากิระดับ 5 ดาวของ การันตีความโด่งดังด้วยการจัดอันดับเป็นหนึ่งเป็นห้องอาหารแนะนำอันดับต้นๆของกรุงเทพฯโดยรังสรรค์รสชาติของเมนูแนะนำที่นำวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมเท่านั้นมาปรุงอาหารเป็นไฮไลท์ที่ทุกท่านคุ้นเคย อาทิ เนื้อระดับ 5 เอ จากประเทศญี่ปุ่นและออสเตรเลีย บอสตัน ล๊อบเตอร์ หอยเป๋าฮือ ปรุงรสชาติด้วยซอสสูตรพิเศษของห้องอาหาร เชฟยูคิโอะ ทาเคดะ Japanese Head Chef แห่งโรงแรม JW Marriott Bangkok เผยเคล็ดลับการออกแบบเมนูใหม่ ว่า เป็นการใช้เทคนิคการปรุงแบบตะวันตกผสมผสานกับวัตถุดิบและเครื่องปรุงญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่สามารถดึงรสธรรมชาติที่โดดเด่นที่สุดซึ่งองค์ประกอบสำคัญของอาหารแต่ละจาน คือ การคัดสรรวัตถุดิบและเครื่องปรุงที่มีคุณภาพสดใหม่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนี้เชฟทาเคดะยังได้คิดค้นเมนู Signature สำหรับห้องอาหารนามิ ที่จะมาสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้าผู้ชื่อชอบอาหารสไตล์เทปปันยากิ ตั้งแต่เมนูเรียกน้ำย่อย (กุ้งพันข้าวโพด) เมนูสลัด (สลัดทูน่าอบเสิร์ฟพร้อมซอสหัวหอม) และเมนูอาหารจานหลัก (เนื้อมิยาซากิสันนอกสไลด์ สไตล์ยุสุยากิเสิร์ฟพร้อมซอสวากิว) เมนูข้าวผัด (ข้าวผัดแกงกระหรี่เนื้อวากิว) รวมไปถึงเมนูขนมหวาน (โมจิโยะโมะกิ ไส้ถั่วแดง) เป็นต้นเราลองไปชมกันครับ ว่าแต่ละเมนูนั้นจะน่ากินสักแค่ไหน Nami Signature Menu Tsu style Japanese salad with white sesame dressing สลัดสไตล์ญี่ปุ่นเดรสซิ่งด้วยน้ำสลัดงาโรยด้วยโกโบให้อารมเหมือนปลาเส้นแห้ง แต่เป็นวัตถุดิบสมุนไพรที่ดีต่อร่างกายมากเลยครับ ผักสลัดสดเสริฟมาเป็นจานแรกช่วยให้อยากอาหารดีครับ Prawn, Corn Wrap, Avocado-Lime onion แผ่นแป้งเวียดนามคล้ายก๋วยเตี๋ยวหลอดสัมผัสหนึบ ห่อข้าวโพด อโวคาโดและเครื่องปรุงรสอื่นนำมาเซียบนกระทะจนแป้งกรอบ ท็อปด้วยครีมซอสเพิ่มความกลมกล่อมครับ Baked Tuna salad with sweet onion dressing ทูน่าสลัดชิ้นโตคลุกเคล้างาขาวดำเสิร์ฟพร้อมอโวคาโดและมะเขือเทศราชินีราดด้วยซอส sweet onion ดึงรสทูน่าสดออกมาได้ดีมาก A5…
Kinlakestars.com ขอแนะนำ สึโบฮาจิ ร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำอันดับ 1 จากเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ที่มีตำนานความอร่อยมาช้านาน เปิดกิจการมาตั้งแต่ปี ค.ศ 1973 มาพร้อมคุณภาพและความน่าเชื่อถือกว่า 40 ปี โดยมีมากกว่า 300 สาขา ทั่วประเทศญี่ปุ่นและเริ่มขยายสาขาสู่ต่างประเทศที่แรกคือสิงคโปร์ และประเทศไทยตามลำดับ ด้วยจุดเด่นความหลากหลายของเมนูอาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศ และเมนูกิน-ดื่ม กว่า 200 เมนู คุณภาพเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่น และราคาที่สมเหตุสมผล พร้อมเมนูปู 3 สายพันธุ์จากฮอกไกโด อย่าง ปูทาราบะ ปูขน และปูซูไว มีให้ทานตลอดทั้งปี ในราคาสมเหตุสมผลอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรับประทานอาหารญี่ปุ่นอย่างแท้จริง สำหรับจุดเด่น ร้านสึโบฮาจิ สาขาโครงการนิฮอนมาจิ (สุขุมวิท 26) ตั้งอยู่ในย่านใจกลางสุขุมวิท เชื่อมต่อ ถนนพระราม 4 ให้บรรยากาศความอบอุ่น ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นโอเรลทัล สไตล์ญี่ปุ่น พร้อมด้วยห้องส่วนตัว จำนวน 8 ห้อง ลูกค้าสามารถเต็มอิ่มกับอาหารญี่ปุ่นคุณภาพที่ปรุงจากวัตถุดิบและเครื่องปรุงชั้นเลิศนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยคุณภาพและความอร่อยกว่า 200 รายการ อาทิ ซูชิ ซาซิมิ อาหารทะเล อาหารย่าง อาหารทอด เมนูข้าว และเมนูเส้น เบนโตะหลากสไตล์ เมนูแนะนำ อาทิ ปลาดิบรวมชุดพิเศษ ปูทาราบะนึ่ง ข้าวอบสไตล์ญี่ปุ่น อาหารปิ้งย่าง และอาหารทานเล่นสำหรับแกล้มกับเครื่องดื่มอีกหลากหลายชนิด และเครื่องดื่มนานาชนิด ทั้งเบียร์ สาเก ม็อคเทล เป็นต้น ปูซูไวนึ่ง Zuiwaigani – ราคา 999 บาท ราชินีแห่งปู ปูซูไว อีกหนึ่งปูสายพันธุ์ชั้นนำ จากฮอกไกโด ใครไปต้องไปลิ้มลอง แต่ที่สึโบฮาจิมีปู 3 สายพันธุ์ให้ลิ้มลองตลอดทั้งปี ปูซูไว เป็นปูทะเลน้ำลึก มีขนาดใหญ่และช่วงขาที่ยาว ให้รสชาติสดหวาน เนื้อแน่น เต็มคำ เมื่อนำไปนึ่ง…
ในครั้งนี้ Kinlakestars.com ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมเปิดประสบการณ์ เชฟ เทเบิล การรับประทานอาหารสุดพิเศษ ในบรรยากาศแสนสบาย สไตล์ฝรั่งเศส ที่จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม เชฟเบอร์นาด เชฟคนใหม่ประจำห้องอาหารคาเฟ่ แคลร์ ผู้ที่จะมาถ่ายทอดเสน่ห์การปรุงอาหารฝรั่งเศสแบบต้นตำรับ อันละเมียดละไม และพิถีพิถันในทุกๆขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ การคิดค้นเมนูใหม่ ทั้งจับคู่เครื่องปรุง วัตถุดิบ และกรรมวิธีการทำแบบลงตัวสุดๆ จนตกผลึกมาเป็นเมนูคาวหวานรสเลิศสุดสร้างสรรค์ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันโดดเด่น ไม่ซ้ำใคร พิสูจน์ประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพของเชฟได้อย่างชัดเจน ก่อนเข้าสู่มื้ออาหาร เรามาเริ่มต้นกันด้วนเนยและขนมปัง ซึ่งเป็นคอมพลิเมนทารี่จากทางห้องอาหารกัน Saucisson Lyonnais Chaud, Salade de Pommes de Terre à l’Huile, Moutarde de Dijon Warm Saucisson Lyonnais, Warm Fingerling Potatoes Salad with Chives and Shallots, Dijon Mustard สำหรับเมนูของเชฟ เทเบิล ในครั้งนี้ เริ่มด้วย ไส้กรอกซอสซีสยง เสิร์ฟพร้อมสลัดมันฝรั่งฟิงเกอร์ลิ่ง มีรสเปรี้ยวๆ และเทคเจอร์หยาบๆ ผสมผสานกับเครื่องเทศข้างใน ซึ่งเข้ากันได้ดีกับมันฝรั่งที่รสค่อนข้างออกไปทางจืดและเบา เคียงเคล้าไปกับผักเล็กๆน้อยๆ พอให้ได้เทคเจอร์สดชื่นเบาๆ ****** Crème de Marrons, Foie Gras Poêlée Chestnuts Soup with Seared Foie Gras ตามด้วย ซุปเชสนัทร้อนๆ ที่มากับฟัวกราส์รสเลิศ ให้ความรู้สึกเฟสทีฟเบาๆจากการใช้เชสนัท ครีมมี่หนุบหนึบ รสเบาละมุน และฟัวกราส์ชิ้นพอดีคับที่ย่างมาได้ความสุกกำลังดี Joues de Boeuf Braisées style Bourguignon, Purée de Pommes de Terre et…
เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรัก ดื่มด่ำกับค่ำคืนเคล้าโอเปร่าที่ขับกล่อมตลอดคืนสุดพิเศษ ในวันวาเลนไทน์ ไม่มีอะไรจะดีและโรแมนติกไปกว่าการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรัก ที่โอบล้อมด้วยตึกสูงพร้อมวิวสวยของกรุงเทพฯ ในวันแห่งความรักปีนี้ที่ Vertigo TOO ซึ่งจะเป็นวันหนึ่งของปีที่คุณจะไม่มีวันลืม เพลิดเพลินไปกับการแสดงสดของ แกรนด์โอเปร่าไทยแลนด์ ที่จะมาบรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์สุดโรแมนติก พร้อมทั้งดินเนอร์มื้ออร่อยที่ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยเชฟเกศินีย์ ที่มากความสามารถประจำห้องอาหาร Vertigo TOO นี้ครับ วาเลนไทน์นี้เชฟเกศินีย์ได้รังสรรค์ชุดอาหารค่ำสุดพิเศษ 5 คอร์ส ในราคาเพียง 6,400++ บาทต่อคู่ เสิร์ฟคู่กับแชมเปญท่านละ 1 แก้ว และดอกกุหลาบแดงเครื่องหมายแห่งความรักแด่คุณและคนพิเศษ ประกอบไปด้วย เริ่มด้วย Appetizer สำหรับค่ำคืนนี้กันกับ Fresh Oyster หอยนางรมสดท็อปปิ้งด้วยเลมอนเจลลี่รสเปรี้ยวหวานตัดความเลี่ยนเสิร์ฟบนไอซ์บอลเพื่อคงความสดเปิดต่อมรับรสอาหารมื้อนี้ได้อย่างดีครับ เมนูที่สองกับ Starter แสนน่ากิน Crispy Soft Shell Crab ต่อกันด้วยคอร์สที่สองกับปูนิ่มทอดกรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมันเสิร์ฟพร้อมคาร์เวียร์ เนื้อปู มะเขือเทศกงฟีต์สดๆ และมันปูเพื่อความกลมกล่อม เพิ่มความหอมด้วยเมล็ดผักชีป่น ทั้งหมดวางบนแผ่นคริสปี้เบรดกรุบกรอบขนาดพอดีคำช่วยเพิ่มความสนุกให้มื้อนี้ได้อย่างดีมากครับ เมนูที่สาม Soup อันมีกลิ่นหอมเย้ายวน Grilled River Prawn Soup ซุปถ้วยนี้เสิร์ฟมาในแก้วใสทรงสั้นพร้อมกลิ่นหอมหวนแบบสุดๆ ครับเพราะตัวซุปได้กลิ่นมันกุ้งชัดเจน เนื้อซุปเนียนนุ่มหวานมันจนอยากจะสั่งเพิ่ม เสิร์ฟพร้อมเนื้อกุ้งแม่น้ำ เฟนเนล และซอสส้ม เข้ากันได้ย่างดีงาม จานที่สี่ Main Course จานพิเศษ Kobe Beef เนื้อโกเบที่ผมกล้าพูดว่าละลายในปากจริงๆ ครับ ไขมันที่แทรกอยู่ตามชั้นเนื้อช่วยทำให้เมนูนี้แทบละลายทันทีเมื่อเคี้ยวครับ ตัวเนื้อมีความฉ่ำไม่แห้ง เสิร์ฟพร้อมซอสทรัฟเฟิล มันฝรั่ง เบบี้แครอทและรากผักนานาชนิดอบเพิ่มความหอม แต่หากใครไม่รับประทานเนื้อ ก็สามารถ สั่งเมนูปลาค้อด กับซอสโรเมสโก มาทดแทนได้ครับ เมนูของหวานจานปิดท้าย Strawberry Tart ทาร์ตสตรอเบอร์รี่เปรี้ยวหวาน เมนูสำหรับคู่รักที่จะช่วยปิดท้ายคอร์สอาหารสุดพิเศษให้สดชื่น มีชีวิตชีวา เสิร์ฟพร้อมเชอร์เบ็ตสรอเบอร์รี่เพิ่มความหอม หวานนิด เปรี้ยวหน่อย ดีต่อใจคู่รักแน่นอนครับ เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเมนูพิเศษเฉพาะค่ำคืนวาเลนไทน์ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ต้องบอกเลยครับว่าหากท่านได้ชิมอาหารพร้อมกับชมบรรยากาศกรุงเทพยามค่ำคืนจากชั้น 60 อันตระการตาของโรงแรมบันยันทรีเคล้าด้วยเสียงโอเปร่าอันไพเราะจาก แกรนด์โอเปร่าไทยแลนด์ แล้วละก็ค่ำคืนวาเลนไทน์ของคุณจะพิเศษขึ้นอีกหลายเท่าเลยละครับ คู่รักท่านใดกำลังหาสถานที่ดินเนอร์สุดพิเศษในวันวาเลนไทน์นี้ สามารถมาลิ้มรสเมนูใหม่เฉพาะวาเลนไทน์และโอเปร่าได้ที่ห้องอาหาร Vertigo TOO ชั้น…