Author: Khanenphan Chueanuam

โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ เปิดโลกเหนือจินตนาการ ‘ENCHANTED WONDERS’ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานจากตัวละครและกิจกรรมสุด พิเศษในเทศกาลคริสต์มาส โรงแรมแชงกรี-ลากรุงเทพฯ เปิดตัวโปรแกรมสุดพิเศษในธีม ‘Enchanted Wonders’ซึ่งเป็นแคมเปญต้อนรับเทศกาลวันหยุดอันแสนรื่นรมย์ที่จะทำให้แขกได้ดื่มด่ำไปกับโลกในจินตนาการอันแสนมหัศจรรย์แห่งเทศกาลคริสต์มาสและทุกตัวละครที่จะมาทำให้หัวใจของทุกท่านอบอุ่นตลอดช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ ตลอดเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 การเฉลิมฉลองที่โรงแรมแชงกรี-ลากรุงเทพฯจะนำเสนอสามตัวละครหลักที่มีทั้งความโดดเด่นและน่าดึงดูดใจ ได้แก่มิสเตอร์นัทแครกเกอร์ นกเพนกวิน และเรือเหาะแชงกรี-ลาที่ได้มารวมตัวกันเป็นหัวใจหลักของแคมเปญนี้มิสเตอร์นัทแคร็กเกอร์ตัวละครอันเป็นที่รักจากแคมเปญคริสต์มาสของแชงกรี-ลาในครั้งก่อนได้กลับมาอีกครั้งเพื่อนำความต่อเนื่องจากคริสต์มาสของแชงกรี-ลาในอดีตมาสู่ปัจจุบัน ในขณะเดียวกันตัวละคร นกเพนกวินซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีจากแคมเปญระดับโลก ‘ค้นหาแชงกรี-ลาของคุณ’และภาพยนตร์ของแบรนด์ ที่ช่วยสร้างความเชื่อมโยงอันแปลกใหม่ให้เข้ากับโลกอันแสนมหัศจรรย์จากภาพยนตร์ของแบรนด์และเพิ่มความน่าตื่นตาตื่นใจในแบบที่ไม่เหมือนใครด้วยเรือเหาะแชงกรี-ลาตัวละครที่ได้จินตนาการขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นยานพาหนะสำหรับเดินทางข้ามกาลเวลา ที่จะนำพามิสเตอร์นัทแครกเกอร์ เหล่านกเพนกวินรวมถึงแขกของเราเข้าสู่การเดินทางของช่วงเวลาแห่งความสุขอันยั่งยืนที่อยู่เหนือกาลเวลาและสถานที่ชุดภาพที่สวยงามโดยความร่วมมือกับ Happy Menocal Studioนำเสนอมุมมองสู่โลกแห่ง Enchanted Wondersผ่านการวาดภาพสไตล์สีน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ของ Happy MenocalStudioภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของตัวละครหลักทั้งสามตัวและโลกแห่งคริสต์มาสอันน่าหลงใหลที่พวกเขาอาศัยอยู่ได้อย่างสวยงาม ไฮไลท์ของกิจกรรมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ณ โรงแรมแชงกรี-ลากรุงเทพฯEnchanted Wonders Advent Calendar(ปฏิทินนับถอยหลังก้าวเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส Enchanted Wonders)–แคมเปญนี้จะนำเสนอรายละเอียดที่คุณจะต้องประทับใจในธีมคริสต์มาสกู๊ดดี้ส์ที่ได้บรรจุในกล่องเรือเหาะแชงกรี-ลารุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน‘Enchanted Wonders Advent Calendar’ อันสวยหรู ที่มีให้เลือก 2แบบ ได้แก่ กล่องแบบพรีเมียมในราคากล่องละ 7,500 บาทถ้วนที่ประกอบไปด้วยกล่องเล็กๆ จำนวน 24 กล่อง โดยภายในได้รวบรวมเซอร์ไพรส์อันน่าตื่นตาตื่นใจทั้งขนมที่รับประทานได้ และสิ่งของน่ารักที่ไม่สามารถรับประทานได้อีกทั้งไฟแอลอีดี และใบพัดเรือเหาะที่สามารถหมุนได้รวมถึงเครื่องประดับเซรามิกที่มี 3 แบบเพื่อปรับแต่งใส่คำอวยพรเฉพาะบุคคลนอกจากนี้ยังมีกล่องแบบปกติในราคากล่องละ 5,500บาทถ้วนที่บรรจุช็อกโกแลตแสนอร่อยพร้อมสติกเกอร์ EnchantedWonders เพื่อให้แขกนำไปติดเพื่อตกแต่งตามจุดที่ต้องการการจุดไฟประดับต้นคริสต์มาสในวันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม ตั้งแต่เวลา18:30 – 20:00 น. – เพื่อเป็นการเริ่มต้นเทศกาลแห่งความสุขโรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ จะจัดงานจุดไฟประดับต้นคริสต์มาสต์โดยรายได้จากการจัดงานจะนำไปบริจาคให้แก่มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมงานจะสามารถซื้อตุ๊กตาช้าง เอเลเฟนท์ พาเรดรุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน ‘Enchanted Wonders Ornaments’โดยกำไรสุทธิจากการขายตุ๊กตาช้างจะนำไปมอบให้กับโครงการสวัสดิภาพและอนุรักษ์ช้างในประเทศไทย อีกด้วยงานจุดไฟประดับต้นคริสต์มาสจะเป็นงานที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์พร้อมความบันเทิงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบทละครสุดคลาสสิก ‘TheNutcracker’ ซึ่งสอดคล้องกับธีมเทศกาลคริสต์มาส ‘EnchantedWonders’ การแสดงภายในงานจะประกอบด้วย การแสดงบัลเล่ต์พร้อมด้วยการแสดงเปียโนโดย มาร์ติน อัล คาลีลีนักประพันธ์และนักดนตรีระดับนานาชาติจากเมืองสตอกโฮล์มผู้ซึ่งได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากการแสดงอันน่าหลงใหลของเขาทั่วภาคพื้นยุโรป หมายเหตุ: สำหรับแขกที่ได้รับบัตรเชิญเข้าร่วมงานเท่านั้นชุดน้ำชายามบ่าย ‘Enchanted Wonders – Sugar, Spice and AllThings Nice’ –ค้นพบรสชาติอันแสนมหัศจรรย์ไปกับการจิบน้ำชายามบ่ายในช่วงเทศกาลแห่งความสุข ในขณะชมทิวทัศน์อันงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ล็อบบี้ เลานจ์ โรงแรมแชงกรี-ลา…

Read More

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ไม่ทราบว่าทุกคนเคยรู้สึกแบบผมไหมว่า การเดินทางไปพักผ่อนในช่วงวันหยุดบางครั้งมันก็ทำให้เราใช้เวลาไปกับการเดินทางมากเลยทีเดียว หลายครั้งก็อาจจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อย แทนที่วันหยุดจะเป็นวันแห่งการพักผ่อนกลับทำให้เราชาร์จแบตได้ไม่เต็มที่ ผมก็เลยรู้สึกว่าอยากจะพาทุกคนรวมถึงตัวผมเอง ไปพักผ่อนในที่สถานที่ที่พิเศษมาก ๆ แต่ใช้เวลาเดินทางไม่ไกลสำหรับคนที่อยู่ในกรุงเทพ หรือสำหรับผู้อ่านฃที่อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถเดินทางเข้ามาในกรุงเทพในช่วงวันหยุดหรือสุดสัปดาห์ได้อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดเลยนั่นก็คือ 137 Pillars Suites & Residences Bangkok นั่นเอง ปัจจุบันนี้โรงแรมที่พักสำหรับ Staycation มีให้เราเลือกเยอะแยะมากมาย 137 Pillars Suites & Residences เป็นหนึ่งในลิสต์อันดับต้น ๆ ที่ผมอยากจะแนะนำทุกคนให้ทุกคนลองมาพักผ่อน เพราะเนื่องจากความเป็นส่วนตัวแล้ว ความสะดวกสบาย Facilities ต่าง ๆ รวมถึงการบริการที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นแขกคนสำคัญมาก ๆ ก็เป็นสิ่งที่โดดเด่นของที่นี่ ส่วนจะพิเศษยังไงเดี๋ยวผมจะค่อย ๆ พาทุกท่านไปอ่านกันในบทความนี้ ถ้าพร้อมแล้วก็เชิญเลยครับ… ความพิเศษแรก เริ่มต้นตั้งแต่คุณไปเช็คอิน ซึ่งที่นี่ให้คุณเช็คอินได้ตั้งแต่ 8 โมงเช้าและเช็คเอาท์ได้จนถึงเวลา 3 ทุ่มของอีกวันหรือ 37 ชั่วโมงเต็ม สำหรับผมผมถือว่าเป็นความพิเศษมาก ๆ น้อยโรงแรมนะครับที่จะให้สิทธิพิเศษเราขนาดนี้ สอง ที่นี่มีบริการผู้ช่วยส่วนตัวหรือ Butler Service สำหรับแขกผู้เข้าพัก ตลอด 24 ชั่วโมงเลย นั่นหมายความว่าคุณต้องการอะไรเวลาไหน คุณจะมีคนคอยดูแลตลอดเวลาสะดวกสบายจริง ๆ ครับ สาม สำหรับแขกที่เข้ามาใช้บริการในส่วนของโรงแรมก็ยังมีสิทธิ์ที่จะไปใช้ Facilities ต่าง ๆ รวมถึงใช้บริการสระว่ายน้ำบนชั้น Rooftop ที่สูงที่สุดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใช่ครับคุณอ่านไม่ผิด สระ Rooftop เปิด 24 ชั่วโมง แค่สามข้อนี้โรงแรมหลาย ๆ ที่ก็ยังไม่มีให้ แต่ 137 Pillars Suites & Residences มีให้คุณ ต่อไปผมจะพาทุกคนไปชมห้องกันบ้าง ห้องของที่นี่จะมีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ จุดเด่นของที่นี่คือห้องสวีทจะตั้งชื่อตามยุคประวัติศาสตร์ของไทยทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ห้องที่ใหญ่ที่สุดนั่นก็คือห้องสวีทรัตนโกสินทร์มีพื้นที่ขนาด 127 ตารางเมตรเป็นห้องสวีทแบบใหญ่ที่สุด…

Read More

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ หากทุกท่านมีโอกาสได้ติดตามบทความในกินแหลกแจกดาว KinlakeStars.com มา จะทราบดีว่าทุกปีเราจะมีการจัดอันดับ Afternoon Tea ที่ดีที่สุด คราวนี้ก็ถึงคราวที่เราจะพาทุกท่านไปรีวิว Afternoon Tea ที่เป็นหนึ่งตัวเลือกอันดับต้น ๆ กัน เรามาดูกันว่าต้นปีนี้ Afternoon Tea จาก ห้องอาหาร Paii แห่ง The House on Sathorn จะมีอะไรน่าสนใจบ้างKhanenpan C. The House on Sathorn แห่ง W Hotel หากจะให้พูดผมก็ขอเปรียบได้เป็นไอคอนที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในสาทร เหมาะกับการพาเพื่อนหรือคนพิเศษมารับประทานอาหาร ถ่ายรูป เช็คอิน ได้ดี วันนี้ก็เลยหาโอกาสพาทุกท่านมารีวิว Afternoon Tea กันหน่อยครับว่าคุณภาพและความอร่อยยังเหมือนเดิมไหม หากจะพูดถึงการจิบ Afternoon Tea นอกเหนือจากการที่เชฟได้เสิร์ฟ Savoury (อาหารเรียกน้ำย่อย) และ Sweet and Pastry (ของหวาน) แล้ว ชาหรือเครื่องดื่มที่เป็น Signature ก็ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่เราควรมองหา เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้ Afternoon Tea ของแต่ละที่แตกต่างกัน โดยที่นี่ก็มีชาคัดพิเศษให้เราเลือกมากมายถึง 12 ชนิด ทุกท่านสามารถลองค้นหากลิ่นที่ชอบได้ถึง 2 ชนิดต่อ Afternoon Tea 1 เซ็ทครับ โดยวันนี้ผมได้เลือก Stary Night Tea ชาดำ Signature ที่ให้กลิ่นของมะลิ ลาเวนเดอร์ และดึงความนุ่มด้วยวนิลลา ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมชอบกลิ่นวนิลลาเป็นพิเศษเลยทำให้มื้อนี้ยิ่งพิเศษขึ้นไปอีก โดยชาอีกหนึ่งที่ผมได้สั่ง Midnight Hour Tea ชาดำกลิ่นพิเศษอีกหนึ่งกลิ่นของ TWG ที่ให้ความหอมเปรี้ยวหวานแต่รสชาติที่ดื่มแล้วผ่อนคลาย ระหว่างรอชาก็สั่ง Mocktail Strawberry Ice Tea มาดื่มระหว่างรอ หลังจากสั่งชาที่ชอบไปแล้วก็ถึงคราวของ Afternoon Tea…

Read More

โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์เพื่อสร้างสรรค์พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความเท่าเทียมและความหลากหลาย ซึ่งเป็นหนึ่งในความตั้งใจและมุ่งมั่นของดับเบิ้ลยู โฮเทล (W Hotels) ที่มีต่อกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศมาอย่างยาวนาน พบกับ 2 กิจกรรมในวันที่ 25 มิถุนายน 2565 นี้ ดับเบิ้ลยู แดร็ก บรั้นช์ (W DRAG BRUNCH) เวลา 12.30 – 15.30 น. ที่เดอะคิทเช่นเทเบิ้ล (The Kitchen Table) มาเฉลิมฉลองกับเหล่าเพื่อนของคุณกับหนึ่งในบรั้นช์ที่สนุกที่สุดของกรุงเทพมหานคร ที่นอกจากคุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับตัวเลือกอาหารมากมายแล้ว ยังจะได้สนุกสนานไปกับเสียงดนตรีจังหวะมันส์ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของดับเบิ้ลยู ดาส บรั้นช์ พิเศษกว่าครั้งไหน ในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ วันเดียวเท่านั้น เดอะคิทเช่นเทเบิ้ล จะมอบบรั้นช์มื้อพิเศษที่มาในธีมแปลกใหม่กับ “ดับเบิ้ลยู แดร็ก บรั้นช์” พบกับการแสดงจากเหล่าแดร็กควีน ที่จะทำให้คุณได้ตื่นตาตื่นใจ สร้างบรรยากาศสนุกสนานเป็นกันเอง เราขอรับรองว่ามื้ออาหารของคุณจะสนุกกว่าครั้งไหนๆ พบกับเมนูอาหารนานาชาติต่างๆ มากมาย อาทิ อาหารทะเลสด เมนูพิเศษจากทิปซี่ คาว ซี่โครงหมูย่างบาร์บีคิวย่างสไตล์อเมริกัน เลือกรับประทานคู่กับเครื่องเคียงและซอสหลากชนิด ชีสสเตชั่น เลือกรับประทานชีสนำเข้ามากมายได้อย่างเต็มที่คู่กันกับเนื้อโคล์ดคัทส์ นอกจากนี้ พบกับเมนูหลากหลายให้บริการที่กริลล์สเตชั่น ไม่ว่าจะเป็น คอหมูย่าง เนื้อหมูส่วนท้องย่าง หรือไก่ย่างที่ล้วนหมักอย่างเข้มข้นเพื่อให้ได้รสชาติ และอาหารจานเด็ดที่ทุกท่านไม่ควรพลาดคือปาเอยา (paella) หรือข้าวผัดซีฟู้ดสไตล์สเปน เสิร์ฟให้คุณได้ตักแบบปรุงสุกในกระทะขนาดใหญ่ ตั้งอยู่เคียงข้างกับสเตชั่นพาสต้าที่ปรุงแบบจานต่อจานในชีส วีล (Cheese Wheel) เพื่อให้ได้กลิ่นอโรม่าของชีสพาร์เมซาน โรยด้วยเห็ดทรัฟเฟิลสไลด์ แน่นอนว่าไม่เพียงเฉพาะอาหารมากมายที่คุณจะเพลิดเพลิน คุณยังสามารถเลือกรับประทานค็อกเทลได้หลากหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น จินและโทนิค (Gin/tonic) วูฮิโต้ (Woojito) เอสเพรสโซ มาร์ตินี (Espresso Martini) บลัดดีแมรี่ (Bloody Mary) ยังไม่รวมไวน์ เบียร์ และคราฟต์เบียร์ ซอฟต์ดริ้งค์ น้ำผลไม้ ชา และกาแฟมากมาย แพ็กเกจ – จัส ฟอร์ ฟู้ด (Just for Food) รวมอาหารและเครื่องดื่มประเภทไม่มีแอลกอฮอล์ ราคา 2,299 บาทสุทธิ/ท่าน – ดิ เอ็กซ์พีเรียนส์ (The Experience) รวมอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ราคา 3,499 บาทสุทธิ/ท่าน จองล่วงหน้าเพื่อรับราคาพิเศษผ่าน megatix.in.th/wdoesbrunch (มีจำนวนจำกัด) เวด ยัวร์ เวย์—เลิฟ วินส์ (Wed Your Way—Love Wins)…

Read More

จะหา Afternoon Tea ที่ทั้งอร่อยและสวยไว้อัพรูปให้คนทักทั้งที ต้องเป็นชุดน้ำชายามบ่าย “ความงดงามแห่งอัญมณี” (Boutique of Jewels) เซ็ทใหม่ล่าสุดที่นำชุดน้ำชายามบ่ายและบรรดาเครื่องประดับมาจัดเสิร์ฟอย่างอลังการKhanenpan C. สวัสดีเดือนเมษาหน้าร้อนครับทุกท่าน หลังจากที่กลับมาจากวันหยุดยาวผมก็มีโอกาสได้มาลองชิม Afternoon Tea ที่น่าสนใจที่สุดชุดนึงเลยครับเพราะชุด “ความงดงามแห่งอัญมณี” (Boutique of Jewels) ของทาง 137 พิลลาร์ สวีทแอนด์เรสซิเด้นซ์ ได้มีการนำเสนอขนมหวานและอาหารคาวหลากเมนูแสนอร่อย มาจัดวางอย่างสวยงามบนกำไลข้อมือและแหวนทรงต่าง ๆ ออกมาดูแปลกตาแถมยังรับประทานไปก็เอาเครื่องประดับมาถ่ายรูปไปได้ด้วย ทั้งอร่อยและสนุกเหมาะแก่การถ่ายรูปไว้อวดเพื่อน ๆ มากครับ บรรยายมาถึงตรงนี้ก็ได้เวลาพาผู้อ่านทุกท่านไปชมชุดชากันแล้ว เชิญชมกันได้เลยครับ ในชุดชา Boutique of Jewels ประกอบไปด้วยเซ็ทอาหารทั้งคาวหวาน ที่ถูกจัดแต่งมาอย่างพิถีพิถันประกอบไปด้วย อาหารคาวแสนอร่อยที่ถูกออกแบบให้เหมือนเครื่องประดับหลากสี ได้แก่ Avocado Scallop Tart with Caviar (ทาร์ตอโวคาโดหอยเชลล์และคาเวียร์ ) Crab Rhubarb Salsa (ปูซัลซ่าและเจลลาตินรูบาร์บ) Smoked Eel and Vanilla Mousse Mille-Feuille (มิลเฟยกะหล่ำดอกปลาไหลรมควันและมูสวานิลลา) Chargrilled Eggplant, Tahini and Prosciutto Choux (ชูทาฮินีมะเขือย่างและโพรซุตโต้) Lobster and Green Pea Taco (ทาโก้กุ้งล็อบสเตอร์กับถั่วลันเตา ) ในส่วนของหวานก็ถูกทำออกมาได้อร่อยและหลากหลายมากครับ ไม่ว่าจะเป็น Blueberry Yogurt Mousse (มูสบลูเบอร์รี่โยเกิร์ต) Strawberry Mousse Crunch (มูสครั้นช์สตรอเบอร์รี่)Coconut Mousse with Lime Jelly (มูสมะพร้าวกับเยลลี่มะนาว) Chocolate Cherry Tart (ทาร์ตช็อกโกแลตเชอร์รี่) Mango Cheesecake topped with Mango Salsa and Coconut Sauce (ชีสเค้กมะม่วงราดด้วยซอสซัลซ่ามะม่วงและซอสมะพร้าว) ปิดท้ายด้วยสิ่งที่ขาดไม่ได้ของ Afternoon…

Read More

ปล่อยค่ำคืนสุดพิเศษของคุณให้ไหลไปช้าๆ บนสายน้ำเจ้าพระยากับ Manohra Cruises โรงแรม Anantara Riverside Bangkok Resort สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่านวันนี้ผมและ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปล่องเรือชมวิวสองข้างทางบนลำน้ำเจ้าพระยาพร้อมดินเนอร์สุดพิเศษ ที่จะทำให้มื้อค่ำของคุณเต็มไปด้วยรสชาติและสีสันที่มากกว่าเดิม พร้อมเซ็ทเมนูใหม่บนเรือ มโนราห์ ครูซส์ (Manohra Cruises) คุณจะประทับใจตั้งแต่ขึ้นเรือด้วยบรรยากาศที่สึดแสนหน้าประทับใจกับตุงผ้าสไตล์ล้านนา วางตั้งเรียงตัวเป็นทิวแถวยาวตั้งแต่ทางขึ้นท่าเรือไปจนถึงโป๊ะขึ้นเรือ บรรยากาศบนเรือนั้นก็แปลกต่างไม่ค่อยเหมือนที่ใดด้วยเรือขนาดไม่ใหญ่ ดูเป็นส่วนตัว ออกแบบด้วยโครงทรงโค้ง ซึ่งเส้นโค้งให้รู้สึกพริ้วไหวดั่งเกรียวคลื่น ด้านท้ายเรือเป็นบาร์เครื่องดื่มที่คอยให้บริการให้แขกบนเรือได้สุขสำราญ นอกจากนี้บนเรือยังมีการแสดงดนตรีสดเป็นบางรูท ซึ่งลูกค้าสามารถตรวจสอบและสอบถามได้ อันดับแรกเมื่อเราเดินทางมาถึง Anantara Riverside Bangkok Resort แล้วให้เราเดินผ่านสระว่ายน้ำใจกลางโรงแรมมาทางท่าเรือและ Register กับเจ้าหน้าที่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาเราไปยังจุดรับรองลูกค้าพร้อมกับเสิร์ฟเมนูแรกไปชมกันเลยครับ Welcome Canapé (Fresh Brown Rice Spring Roll with Cucumber, Mint Leaves, Basil, Vermicelli) ปอเปี๊ยะสดข้าวกล้องห่อผักต่างๆ เช่นแตงกวา สะระแหน่ โหระพา และวุ้นเส้น เสิร์ฟเรียกน้ำย่อยพร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสชาติจัดจ้าน รับประทานพร้อมแชมเปญหรือเวลคัมดริ้งค์ให้ลิ้นเราพอรับรสชาติเตรียมตัวล่องเรือสุดโรแมนติก Amuse Bouche (Northern Style Young Chilli and Eggplant Dip with Fresh Vegetables) เมนูแรกหลังจากขึ้นเรือมาเราจะถูกต้อนรับด้วยเซ็ทผักสดจานใหญ่ พร้อมน้ำพริกหนุ่มที่รสชาติจัดจ้านกำลังดีถือว่าถูกปากคนชอบน้ำพริกหนุ่มครับ เพราะบางที่จะตำพริกแบบเผ็ดน้อยทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รสที่แท้จริง รับประทานคู่กับแคปหมูกรอบๆ Starter (Grilled Marinated Organic DuckBrest Wrap with Betel Leaves Steamed Purple Dumplings with Prawns and Chicken Deep Fried Golden Bag with Vegetable and Tofu served with Sweet Chili Sauce)…

Read More

ใช่ครับหัวข้อที่ท่านอ่านข้างบนคงไม่แปลกอะไรและไม่มีใครปฏิเสธ หากท่านเคยมารับประทานอาหารที่นี่แล้ว แต่สำหรับท่านใดที่กำลังอยากจะเปิดประสบการณ์ Fine Dining แบบไทยโมเดิร์น ที่นี่คือตัวเลือกอันดับแรกๆ ที่ผมและ KinlakeStars.com แนะนำเลยละครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านมาดินเนอร์มื้อค่ำแบบ Full Course ที่ห้องอาหาร Sra Bua by Kiin Kiin แห่งโรงแรม Siam Kempinski Hotel กันครับ Sra Bua by Kiin Kiin เป็นร้านอาหารไทยโดยเชฟเจ้าของร้าน Kiin Kiin Restaurant ได้ยกเอาไอเดียสุดล้ำผสานวัตถุดิบชั้นดี มาเปิดให้คนไทยได้รับประสบการณ์การทานอาหารรูปแบบใหม่ โดยการเปลี่ยนโฉมโดยใช้เทคนิคแบบ Molecular หรือการแยกส่วนประกอบต่างๆ ออกมาให้ได้สัมผัสแบบใหม่แต่ยังคงรสชาติและความรู้สึกเดิมเอาไว้ ว่าแล้วเราก็ไปเริ่มชิมกันดีกว่าครับว่าดินเนอร์ของวันนี้เชฟจะเซอร์ไพรซ์อะไรเราบ้าง ซึ่งพอเข้าไปแล้วเราจะยังไม่ถูกเชิญไปที่โต๊ะ แต่จะถูกพาไปยังส่วนรับรองแขกก่อนเพื่อให้แขกได้นั่งพักพูดคุยและรับประทานของว่างเหมือนกันเวลาเรามีแขกมาที่บ้าน ดูอบอุ่นดีครับ เริ่มด้วย Welcome Drink เป็นน้ำตะไคร้ใบเตยหอมๆ เพิ่มความสดชื่น ที่พนักงานช่างบรรจงนั่งพับกลีบกุหลาบด้วยใบเตยชิ้นต่อชิ้นด้วยความปราณีต กรุบกรอบและเรียกน้ำย่อย Snack and Street Food Soya Meringue เมอร์แรงค์ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของถั่วเหลืองดิปกับ Yogurt Wasabi ที่ให้ความเผ็ดเล็กน้อยที่ปลายลิ้นเพิ่มความอยากอาหาร พนักงานจะเซอร์ไพรซ์เราด้วยการเสกมันออกมา ถ้าใครอยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ลองมาชมด้วยตัวเองนะครับ เรียกน้ำย่อยตัวถัดไปเป็นมะม่วงหิมพานต์ปรุงรส ที่มีความพิเศษอีกแล้วคือสามารถรับประทานได้ทั้งเปลือกใสๆ นั่นเลยครับ ระหว่างนั้นก็เสิร์ฟเครื่องดื่มแก้วที่สองเป็น Mocktail ที่เพิ่มความสดชื่นด้วยกลิ่นและเปลือกส้มหวานน้อย เปรี้ยวนำ เรียกน้ำย่อยตัวถัดไปจะเป็น Laksa Soup หรือลักซาซุป อาหารประจำชาติสิงคโปร์ซึ่งเวลารับประทานต้องใช้หลอดดูดซุปจากด้านล่างผ่านชั้นทรายสีขาวลงไป เจอซุปรสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ด รับประทานคู่กับหอยนางรมและหน่อไม้ฝรั่งทอดแบบเทมปุระ เข้ากันดีได้กลิ่นทะเลแบบสุดๆ Curry Cornnetto เกี๊ยวทอดทรงกรวยห่อเนื้อปูซึ่งผสมกับซอสผงกะหรี่เสิร์ฟมาบนแท่งไม้หน้าจั่วลายกนก เห็นธรรมดาแบบนี้แต่อร่อยมากๆ ครับ ถัดไปเป็นแคปหมูน้ำพริกหนุ่ม ซึ่งผมขอบอกว่าน้ำพริกอร่อยมากครับ ทั้งที่ใจจริงอยากให้เผ็ดกว่านี้ ของเรียกน้ำย่อยก่อนสุดท้ายเป็นเมี่ยงคำครับ พนักงานจะมายำต่อหน้าใครชอบรสชาติแบบไหนก็สั่งได้ตามใจ ซึ่งมีความหลากหลายในรสชาติมากกว่าเมี่ยงคำทั่วไปด้วยการเสริมสับปะรดกับอาบูเข้าไปในส่วนผสม นับเป็นนวัตกรรมแห่งอาหาร รสชาติที่ครบเครื่องและสดเขียวทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม กระจากความอยากอาหารของคุณให้พุ่งทะยานขึ้นมาได้อย่างซาบซ่าน ถ้าใครกินเผ็ดได้ตามปกติเชฟก็จะใส่พริกสดให้ได้ซาบซ่านพออยากกินอยากชิมอาหาร หลังจากนั้นพนักงานจะนำเรามายังโต๊ะรับประทานอาหารโดยจะเสิร์ฟ Food Finger เมนูสุดท้ายเป็น Tuna Tartare…

Read More

สวัสดีครับทุกท่านวันนี้ผมและ KinlakeStars.com จะพาไปชิมอาหารสุดสร้างสรรค์กับหนึ่งในร้านอาหารดีที่สุดในเอเชีย อันมีประสบการณ์กว่า 20 ปี Eat Me Restaurant Eat Me เปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2541 โดยมีสองพี่น้อง ดาเรน และเชอร์รี ฮอยสเลอร์เป็นผู้บุกเบิก และสร้าง Eat Me ให้เป็นห้องอาหารแถวหน้าของกรุงเทพฯ โดย Eat Me ติดอันดับ 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดของเอเชีย (Asia’s 50 Best Restaurants) มาตั้งแต่ปี 2556 โดยมีอันดับที่ 33 ของ Asia’s 50 Best Restaurantsในปี 2561 อีกทั้ง Eat Me ยังได้รับเลือกให้อยู่ในลิสต์ของ The Plate ของมิชลิน ไกด์บุ๊ค ที่เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อปลายปี 2017 และได้รับรางวัล Best Restaurant and Bar 2018 จาก Bar Awards Bangkok อีกด้วยครับ เดินเข้าร้านมาจะเห็นบริเวณชั้นล่างถูกจัดเป็นค็อกเทลบาร์และเลาจน์ มีทั้งบริเวณห้องแอร์ และด้านนอกเป็นมุมเอาท์ดอร์บนสวนเล็ก ๆ ส่วนบริเวณชั้น 1 และ 2 เป็นส่วนของห้องอาหาร ซึ่งแต่ละโต๊ะถูกออกแบบจัดวางอย่างเหมาะสม การออกแบบเน้นวัสดุเปลือยโดยใช้สีโทนขาวดำ ตัดกับไม้ประดับสีเขียว ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เป็นกันเอง อีกทั้งพนักงานทุกคนก็ผ่านการอบรมมาอย่างดี จะให้บริการด้วยความเป็นกันเอง เหมาะสำหรับลูกค้าทุกเพศทุกวัยมากๆ ครับ ห้องอาหาร Eat Me อยู่ในตัวอาคารทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น ในซอยคอนแวนต์ ห่างจากถนนสีลมเพียงไม่กี่นาที ออกแบบตกแต่งใหม่โดยดีไซน์เนอร์ชาวอเมริกัน เคลลี่ วีทท์ลี (Kelly Wheatly) ให้มีบริเวณนั่งทั้งด้านในและด้านนอกบริเวณระเบียง ภายในบริเวณร้านยังถูกตกแต่งด้วยผลงานศิลปะมากมายจาก H Gallery อาหารทุกเมนูของ Eat…

Read More

เนื่องในวันสตรีสากลที่ผ่านมาที่ไหนๆก็ต้องพูดกันถึงผู้หญิง และแน่นอนว่าในโลกแห่งอาหาร “ผู้หญิง” เองก็มีบทบาทสำคัญในวงการอาหารมากขึ้นเรื่อยๆไม่แพ้ผู้ชายเลยทีเดียว ด้วยโลกปัจจุบันที่เปิดกว้างและลบเส้นแบ่งของเรื่องเพศไปทำให้เชฟหญิงมากมายได้รับการยอมรับไม่เหมือนในอดีตที่มีค่านิยมว่าเชฟต้องเป็นผู้ชาย Banyantree Bangkok เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักชิมด้วยห้องอาหารที่หลากหลายเรียกได้ว่าเกือบครบทุกชาติอาหาร อีกทั้งทัศนียภาพที่งดงามไม่เหมือนใคร ในปีนี้ที่นี่ได้เป็นที่จัดงาน WIG หรือ Women in Gastronomy และในช่วงคำ่คืน ทางโรงแรมได้สร้างปรากฎการที่คอ Fine dining ต้องจดจำ จะเป็นอะไร ไปดูกันเลยครับ วันนี้ทาง Kinlakestars กินแหลกแจกดาว จะพาทุกท่านไปเปิดประสบการณ์ระดับโลกไป กับอาหารมื้อพิเศษ โฟร์แฮนด์ดินเนอร์ ณ ห้องอาหารเวอร์ทิโก้(Vertigo) ห้องอาหารขึ้นชื่อบนดาดฟ้าชั้น 61 ของโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 8 และ 9 มีนาคมที่ผ่านมาซึ่งจะเป็นการร่วมมือกันของ 2 เชฟผู้หญิงเก่ง จากประเทศไทยและอิตาลี เมนูพิเศษนี้จะถูกรังสรรค์ขึ้นโดย เชฟตาม ชุดารี เทพาคำ เจ้าของตำแหน่งแชมป์ท็อปเชฟไทยแลนด์ซีซั่น 1 และ เชฟคริสตินา บาวเวอร์แมน (Cristina Bowerman) เชฟระดับมิชลิน1ดาว ปรุงอาหารโชว์แขกแบบแทบเรียกได้ว่าลอยฟ้าเลยทีเดียว ซึ่งงานนี้เป็นการร่วมมือกันครั้งแรกของทั้งคู่ เชฟทั้งสองจะนำเสนอเมนูไทยผสานอิตาลี ในแบบฉบับของตนเอง และเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมารังสรรเมนูอาหารซึ่งจะถูกเสิร์ฟด้วยกันทั้งหมด 6 คอร์ส เริ่มต้นด้วย Welcome Drink : Bellavista, Alma Gran Cuvee Brut, Lombardy เสิร์ฟพร้อมขนมปังร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับบัลซามิกผสมน้ำมันมะกอก เวลาเคี้ยวลงไปนั้นเหมือนขนมปังละลายในปาก Squid Tagliatelle with Mushroom Concentrated Broth Mushrooms and Tamarind (by Chef Cristina Bowerman) Pair with Wine : PLANETA, Plumbago Nero D’Avola ,DOC, Sicily สำหรับไวน์ตัวนี้ตั้งชื่อตามดอกไม้ป่าสีม่วงที่สวยงามที่เติบโตในป่ารอบๆ บ้านไร่และไร่องุ่นของ…

Read More

หากพูดถึงไวน์ชั้นเลิศ ถ้าเราไม่พูดถึงไวน์อิตาลีกำเนิดมายาวนานกว่า 4, 000 ปี ก็คงไม่ได้ใช่ไหมครับ การผลิตไวน์ของอิตาลีนั้นเป็นการสืบทอดมาจากชาวโรมัน ซึ่งได้รับวัฒนธรรมในการปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์มาจากกรีกอีกทอดหนึ่ง ชาวโรมันปลูกองุ่นครั้งแรกที่เกาะชิชิลี จากนั้นจึงขยับขยายขึ้นสู่แผ่นดินใหญ่ จากภาคใต้สู่ตอนกลางและภาคเหนือของประเทศอิตาลี โดยชาวกรีกยุคโบราณเรียกดินแดนที่เป็นอิตาลีในปัจจุบันว่า “Oenotria” แปลว่า “The Domaine of Wine” เนื่องจากเป็นดินแดนที่เพียบพร้อมทั้งดินฟ้าอากาศ ที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกองุ่นทำไวน์คุณภาพดี นี่จึงที่มาว่าทำไมไวน์ จากดินแดนแห่งนี้จึงเป็นที่ยอมรับจากคนทั่วทั้งโลก วันนี้ KinlakeStars.com กำลังจะพาทุกท่านไปสัมผัสไวน์ชั้นเลิศซึ่ง Café Buongiorno (คาเฟ่ บวนจอร์โน) ร่วมกับ Swissotel Bangkok Ratchada ได้จัดขึ้น ณ 204 Bar โอเพ่นคาเฟ่ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 แห่งโรงแรม โดยครั้งนี้ทาง Swissotel Bangkok Ratchada ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกกันครับ ภายในงานจะมีการจัดโซนโชว์ไวน์ชั้นเลิศหลากหลายประเภท พร้อมให้แขกผู้มีเกียรติได้ลิ้มลองอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น Sparkling Wine, Red Wine หรือ White Wine อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านกรรมวิธีการหมักบ่มที่พิถีพิถันจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากที่อื่น โดยได้จัดแบ่งโซนทั้งโซนนั่งและยืน พร้อม Food Paring ที่ถูกแนะนำให้ลิ้มรสพร้อมกับไวน์ชนิดต่างๆ ที่มีมาให้ได้ชิมถึง 6 ชนิดด้วยกันครับ เริ่มด้วย OTELLO Sparkling Wine (Extra Dry) ที่ผลิตจากองุ่น Prosecco ที่ให้กลิ่นและรสชาติของแอปเปิลเขียว อัลมอนด์และความหอมของดอกไม้เบาๆ ตัวสีนั้นจะเผยให้เห็นถึงสีเหลืองอ่อนของฟางข้าวแกมเขียวอ่อน ถือว่าเป็น Prosecco ที่มีความละเอียดอ่อนของรสชาติเหมาะกับการดื่มเปิดมื้ออาหาร หรือดื่มพร้อมอาหารจำพวกปลา อาหารทะเล และชีส สามารถดื่มได้ตลอดทั้งมื้อโดยที่ไม่ทำให้มึนมากเกินไปเนื่องจากมีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 11% ครับ ตัวที่ 2 MANON White Wine ไวน์ขาวตัวนี้ให้สีเหลืองประกายทองอ่อนสวยงามยามกระทบแสงไฟ อโรม่าของตัวไวน์จะให้กลิ่นและรสชาติฟรุตตี้ที่สดชื่น ตัวไวน์เป็นไวน์ขาวแบบ Full-bodied ที่ให้ความหนืดและความเข้มข้นพอตัว เหมาะสำหรับรับประทานคู่กับอาหารจำพวก Appetizers, Amuse Bouche เนื้อขาว เช่น…

Read More