Author: Kittin Assavavichai

ในโลกแห่งอาหารที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งรสชาติและประวัติศาสตร์ ไม่มีเมนูฤดูร้อนใดจะเป็นที่ปรารถนาไปมากกว่าข้าวแช่ อาหารไทยชาววังที่ถือกำเนิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมมอญและไทย นำพาความสดชื่นและความประณีตบรรจงมาสู่สำรับของชนชั้นสูง ก่อนที่ต่อมาจะกลายเป็นหนึ่งในอาหารชั้นสูงที่ทรงคุณค่าที่สุดของสยาม ปี 2568 ห้องอาหาร มาริ กีมาร์ โรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Center ได้นำเสนอ “ข้าวแช่ตำรับ มาริ กีมาร์” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก ตำรับวังวรดิศ อันเลื่องชื่อ ภายใต้ฝีมือของ เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์ ผู้รังสรรค์เมนูนี้ด้วยความวิจิตรบรรจง ผสานกรรมวิธีโบราณกับองค์ประกอบร่วมสมัยให้กลายเป็นประสบการณ์แห่งรสชาติที่หรูหรา คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของข้าวแช่ดั้งเดิม แต่ขับเน้นความละเมียดละไมในแบบเฉพาะตัว ข้าวแช่: มรดกแห่งสยาม อาหารแห่งฤดูร้อน ข้าวแช่มีรากเหง้าลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ไทย ย้อนกลับไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากชาวมอญในบริบทของพิธีกรรมทางศาสนา เดิมทีข้าวแช่ถือเป็นอาหารเซ่นไหว้ที่ถวายแด่บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก่อนที่กาลเวลาจะนำพาเมนูนี้เข้าสู่รั้วในวัง และพัฒนาเป็นศิลปะการปรุงอาหารที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ตำรับวังวรดิศ เป็นหนึ่งในสูตรข้าวแช่ที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุด ด้วยกรรมวิธีที่ประณีตและการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ข้าวต้องเรียงเมล็ดงดงาม ไม่เละหรือแฉะ แช่ในน้ำอบควันเทียนที่หอมละมุนจากดอกไม้ไทย เครื่องเคียงแต่ละชนิดต้องผ่านการปรุงแต่งด้วยความใส่ใจ ผสมผสานกันจนเกิดเป็นสำรับที่สมบูรณ์แบบ แตงโมปลาแห้ง แตงโมปลาแห้ง: ความสดชื่นแห่งฤดูร้อน และเกร็ดประวัติศาสตร์จากสำรับชาววัง ในทุกสำรับชาววัง เมนูเรียกน้ำย่อยมักมิใช่เพียงแค่อาหาร หากแต่เป็นการแสดงออกถึง ภูมิปัญญาและศิลปะแห่งการกิน ที่ได้รับการขัดเกลาให้ประณีตพิถีพิถันผ่านกาลเวลา และ แตงโมปลาแห้ง ก็เป็นหนึ่งในจานต้นสำรับที่สะท้อนความวิจิตรของอาหารไทยโบราณได้อย่างชัดเจน เมื่อจานนี้มาถึงโต๊ะ สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ แตงโมสีแดงฉ่ำ เนื้อแน่นแต่แฝงความกรอบอ่อนๆ ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ พักอยู่บนจานกระเบื้องเคลือบลายครามที่สะท้อนถึงรสนิยมอันละเมียดละไม สีแดงสดของแตงโม ตัดกับสีน้ำตาลทองของปลาแห้งที่ถูกโขลกจนละเอียด ละอองปลาแห้งร่วนหอมโรยตัวลงมาบนเนื้อแตงโม ราวกับเกล็ดน้ำค้างต้องแสงอรุณ เม็ดงาขาวคั่วหอมและน้ำตาลโตนดถูกผสมลงไปอย่างบรรจง เพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมขึ้นอย่างแนบเนียน 🍉 รากเหง้าของแตงโมปลาแห้ง: จากสำรับชาววัง สู่ครัวไทยโบราณ แตงโมปลาแห้ง ไม่ใช่อาหารที่พบเห็นได้บ่อยในยุคปัจจุบัน หากแต่เคยเป็นเมนูสำคัญในราชสำนัก และบ้านขุนนางผู้สูงศักดิ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และรุ่งเรืองที่สุดในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ตำรับนี้เป็นตัวแทนของความชาญฉลาดในครัวไทย ที่รู้จักผสานรสชาติของสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง—ความหวานเย็นฉ่ำของแตงโม และความเค็มหอมของปลาแห้ง—ให้กลายเป็นรสสัมผัสอันพิเศษ แต่เดิมนั้น ปลาแห้ง ที่ใช้ในตำรับชาววังจะต้องทำจากปลาช่อนทะเลหรือปลายี่สกขนาดใหญ่ นำมาย่างไฟจนหอม ก่อนจะตากแดดและโขลกจนเป็นผงละเอียด ผสมกับน้ำตาลโตนดแท้จากเพชรบุรี และคลุกเคล้ากับงาขาวคั่วเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมอ่อนๆ เมื่อโรยลงบนแตงโมเย็นจัดที่แช่ในน้ำแข็งจากน้ำฝนบริสุทธิ์ รสสัมผัสที่ได้รับคือ ความเย็นสดชื่น ความหวานฉ่ำที่เจือรสเค็มละมุน ตามด้วยกลิ่นหอมบางเบาของปลาแห้งและงา ในอดีต แตงโมปลาแห้งเป็นเมนูที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อรับประทานในฤดูร้อน โดยเฉพาะสำหรับเจ้านายและบรรดาขุนนางที่ต้องการคลายร้อนหลังจากใช้เวลานานในพระราชวัง รัชกาลที่…

Read More

เมื่อพูดถึงอาหารเกาหลีกับคนไทย คงไม่ต้องอธิบายกันให้มากความ เพราะเป็นอาหารที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่เมื่อเป็น อาหารเกาหลีในรูปแบบไฟน์ไดนิง นั่นคืออีกระดับของประสบการณ์ที่ยังใหม่สำหรับหลายคน และในกรุงเทพฯ เองก็มีเพียงไม่กี่ร้านที่นำเสนออาหารเกาหลีในมิติที่ประณีตและลึกซึ้งเช่นนี้ ล่าสุด ร้าน I-Sang (อิ-ซาง) ได้เปิดตัวขึ้นที่ Vivre Langsuan เติมเต็มสีสันให้กับย่านหลังสวนซึ่งกำลังเติบโตเป็นศูนย์กลางของร้านอาหารระดับพรีเมียม ด้วยแนวคิดที่ผสานรากเหง้าของอาหารเกาหลีกับเทคนิคสมัยใหม่ โดยมีเชฟ สตีฟ ลี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแนวคิดและรสชาติที่ไม่เหมือนใคร แม้จะเปิดตัวได้ไม่ถึงเดือน I-Sang กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นจากผู้ที่หลงใหลในอาหารเกาหลี หรือจากผู้ที่อยากมาสัมผัสผลงานของเชฟหนุ่มมากฝีมือที่มาพร้อมคาแรกเตอร์สุดอบอุ่น “อิ-ซาง” อุดมคติแห่งรสชาติผ่านเทสติ้งเมนู 8 คอร์ส “I-Sang” ในภาษาเกาหลี หมายถึง “อุดมคติ” ซึ่งเป็นแนวคิดที่เชฟสตีฟใช้เป็นหลักในการสร้างสรรค์เมนูของร้านนี้ เทสติ้งเมนูเริ่มต้นด้วย “ซัมเกทัง” (ซุปไก่โสมเกาหลี) ที่ให้รสละมุน ตามด้วย ทาร์ตผักไก่หยอง ที่มีความกรอบนอกนุ่มใน ก่อนเข้าสู่ของว่างสามคำ ที่ล้วนเป็นการตีความอาหารเกาหลีแบบใหม่ ได้แก่ Gam-mong Praw กิมจิและเต้าเจี้ยวห่อใบชะพลู Hwae Yukhoe บีฟทาร์ทาร์เนื้อนุ่ม เสียบไม้กับลูกแพร์ ปรุงรสด้วยพริกชิชิโตและโคชูจัง โรยไข่แดงเค็ม Jinppang ขนมปังเกาหลีไส้เนื้อขนุนตุ๋นซีอิ๊ว ต่อด้วย Muk เจลลีถั่วเขียวแช่น้ำมะเขือเทศสด ด้านล่างมีลูกแพร์ แตงกวา มะเขือเทศแห้ง ราดด้วยน้ำส้มโคชูจัง เพิ่มรสสัมผัสด้วยคาเวียร์ อาหารเกาหลีในมุมมองใหม่ สำหรับคนที่ชื่นชอบเส้น เชฟสตีฟนำเสนอ “Guksu” เส้นบะหมี่ที่ทำจาก มูสกุ้ง ท็อปด้วยซุกกินีและน้ำมันงาขี้ม่อน เสิร์ฟแบบหมี่เย็นพร้อมเดรสซิ่งที่ทำจากสต็อกปลา ให้รสอูมามิที่ลึกซึ้ง อีกหนึ่งเมนูไฮไลต์คือ Miyeokguk (ซุปสาหร่ายเกาหลี) ที่ได้รับการตีความใหม่ โดยเพิ่ม ปลาเก๋ามุกมังกรนึ่ง ข้าวเหนียวทอด สาหร่ายสีขาวทอด และมิลเฟยแรดิชสาหร่าย ในขณะที่ซุปเคี่ยวจากหอยตลับและน้ำสต็อกแองโชวี ทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมอย่างมีมิติ ก่อนถึงเมนคอร์ส มี KFC หรือ Korean Fried Crab ที่ใช้ปูนิ่มปูม้าทอดจนกรอบ เคลือบซอสพริกโคชูจัง ตัดเลี่ยนด้วย ยอดมะพร้าวอ่อนดองขิง สำรับเกาหลีที่ครบเครื่องในแบบไฟน์ไดนิง เมนคอร์สที่มีชื่อว่า “The Feast” คือการนำเสนออาหารเกาหลีแบบสำรับที่ครบถ้วน…

Read More

บิ๊กไบท์ เบอร์เกอร์ บาร์ แอนด์ กริลล์ โรงแรมคอร์ทยาร์ด บาย แมริออท กรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ท ร่วมกับ กรูเมท์ วัน ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอาหารชั้นนำ ขอเชิญทุกท่านมาร่วมสัมผัสประสบการณ์การทานอาหารระดับมาสเตอร์คลาสในงาน “โฟร์แฮนด์ ดินเนอร์” ในวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 17:00 – 21:00 น. เปิดประสบการณ์การทานอาหารกับค่ำคืนสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากสองเชฟมืออาชีพ เชฟณัฐ ณัฐธิดา หนูอินทร์ หรือ “เลดี้บุชเชอร์” (Lady Butcher) เจ้าของสเต็กเฮ้าส์ชื่อดัง และเชฟจ๋า ธนารัตน์ อู่สุวรรณ เชฟมือทองจากบิ๊กไบท์ เบอร์เกอร์ บาร์ แอนด์ กริลล์ ซึ่งจะมาร่วมกันรังสรรค์เมนูสุดพรีเมียมที่จะมอบประสบการณ์รสชาติที่ไม่มีใครเหมือน ลิ้มลองเซ็ทเมนูดินเนอร์ 3 คอร์ส ที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟเป็นหลากหลายเมนูความอร่อยระดับพรีเมี่ยม ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารอันหรูหราและพิเศษสุด ซึ่งจะมีให้คุณได้ลิ้มลองเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ในราคาเพียงท่านละ 1,990++ บาท (ท่านละ 2,342 บาทสุทธิ) ทาร์ทาร์เนื้อ เนื้อคุณภาพนุ่มลิ้น ชูรสชาติเข้มข้น สลัดอารูกูล่ากับเนื้อย่างโทมาฮอว์ก รสชาติกลมกล่อม และความสดชื่นจากสลัดอารูกูล่า เนื้อวากิวโทมาฮอว์ก เนื้อวากิวที่หนานุ่มละลายในปาก อัดแน่นด้วยรสชาติ เนื้อซี่โครงเสิร์ฟกับซอสครีมหญ้าฝรั่น ซี่โครงเนื้อย่างเสิร์ฟพร้อมกับซอสครีมหญ้าฝรั่นเข้ากันได้อย่างลงตัว สเต็กเนื้อย่างซอสชิมิชูรีเสิร์ฟกับฟักทองบด สเต็กเนื้อทานคู่ซอสชิมิชูรีรสจัดจ้าน ไอศครีมเจลาโต้ส้มยูสุ เติมความสดชื่น เปรี้ยวหวานอย่างลงตัว และในโอกาสพิเศษนี้ บิ๊กไบท์ เบอร์เกอร์ บาร์ แอนด์ กริลล์ ยังเสิร์ฟความอร่อยกับเมนูพิเศษตลอดเดือนมีนาคม เพื่อเฉลิมฉลองวันสตรีสากล โดยมีเมนูที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเทศกาลนี้ในราคาเริ่มต้นเพียง 320++ บาท เนื้อย่างโทมาฮอว์กเสิร์ฟกับร็อกเก็ตสลัด เนื้อย่างชั้นเยี่ยมที่เสิร์ฟพร้อมร็อกเก็ตสลัด ทาร์ทาร์เนื้อเสิร์ฟกับลูกแพร์เชื่อม เข้มข้นครบรส เสริมทัพด้วยความหวานของลูกแพร์เชื่อม หอยนางรมร็อคกี้เฟลเลอร์ หอยนางรมคุณภาพเยี่ยม อบชีสและผักโขม ซี่โครงเนื้อกับครีมซอสหญ้าฝรั่น ซี่โครงเนื้อชิ้นใหญ่ ทานคู่ซอสครีมหญ้าฝรั่นรสเข้มข้น เบอร์เกอร์เนื้อซี่โครง เสิร์ฟกับซอสเกรวี่รสละมุน อย่าพลาดโอกาสอันพิเศษกับความอร่อยของเมนูมื้อค่ำสุดพรีเมี่ยม พร้อมร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของผู้หญิงในวงการอาหาร…

Read More

โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ภูมิใจน าเสนอการกลับมาของ Women in Hospitality 2025 (WIH) งานเทศกาลอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษเพื่อเป็ นการฉลองความส าเร็จของผู้หญิงใน อุตสาหกรรมฮอสพิทาลิต้ีจดัข้ึนระหวา่ ง วนั ที่ 1 – 8 มีนาคม 2568 น้ีณ ร้านอาหารและบาร์ช้นั นา ของโรงแรมฯ โดยรวบรวมสุดยอดผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการมาให้ได้สัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจ Women in Hospitality เปิดตวัคร้ังแรกในปี2562 ด้วยจุดประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองวันสตรีสากลและกลายมาเป็ น งานเฉลิมฉลองประจ าปี นอกจากการเชิดชูเหล่าเชฟและบาร์เทนเดอร์หญิงผู้มากความสามารถแล้ว Women in Hospitality ยังมีเป้าหมายเพื่อระดมทุนให้กับมูลนิธิบ้านกึ่งวิถีหญิง (Halfway Home for Women Foundation) องค์กรไม่แสวงหาผลก าไรที่ให้ความช่วยเหลือสตรีที่ด้อยโอกาส โดยบันยันทรี กรุงเทพ จะบริจาค 30% ของรายได้ จากงาน ใหแ้ก่มูลนิธิแห่งน้ีหลงัจากจบงาน การเฉลิมฉลองตลอดหนึ่งสัปดาห์ในเดือนมีนาคมน าเสนอกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็ น ซีรีย์  Bartender Takeover ที่ มูนบาร์โดยมีทีมมิกโซโลจิสตห์ ญิงระดบัแนวหนา้มารังสรรคเ์ครื่องดื่มสุดพิเศษใหไ้ดลิ้ม ลอง น าโดย เจน ควีน (Jen Queen) เจ้าของร่วม Pontiac ในฮ่องกงที่อยู่ในลิสต์ Asia’s 50 Best Bars มาแล้วเจ็ดปี ซ้อน   นอกจากน้ียงัมีมิกโซโลจิสตม์ ากความสามารถอีกมายมาย อาทิกวาง (Gwang) จาก Vertigo TOO โรงแรมบัน ยันทรี กรุงเทพ, อิง (Ink) จากบาร์ Tin Tapas Bar โรงแรมบันยันทรี ภูเก็ต, ปลาย (Plai Natrucha)…

Read More

หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย ไทยเดินหน้าผลักดัน ซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหารไทย ให้เป็นที่รู้จักระดับโลก! ล่าสุด กรมประชาสัมพันธ์ โดย สำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ ได้จัดกิจกรรม “หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย: จากครัวบ้าน สู่ครัวโลก” เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ณ สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสะท้อนนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งยกระดับภูมิปัญญาไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมปั้นเชฟอาหารไทยคุณภาพมาตรฐานระดับสากล งานนี้ได้รับความสนใจจาก สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงเครือข่ายด้านอาหาร นักการทูต นักชิม แลเหล่าอินฟลูฯ กว่า 60 คน เข้าร่วม โดยมี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธานเปิดงาน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักที่สะท้อนพลังของอุตสาหกรรมอาหารไทยที่กำลังเติบโต อาหารไทย: ซอฟต์พาวเวอร์ที่ครองใจคนทั่วโลก อาหารไทยไม่ได้เป็นแค่ของอร่อย แต่ยังเป็น Soft Power ที่ส่งออกไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ปัจจุบัน ใน ปี 2566 มี ร้านอาหารไทยในต่างประเทศมากถึง 17,478 ร้าน โดยเฉพาะใน สหรัฐอเมริกา ที่มีร้านอาหารไทยมากที่สุดถึง 6,850 ร้าน ขณะที่ไทยเองก็ก้าวขึ้นเป็น ผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 12 ของโลก ในปี 2567 ด้วยมูลค่ากว่า 1.6 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ จากการจัดอันดับ Global Soft Power Index 2567 ไทยกำลังกลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านซอฟต์พาวเวอร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของประเทศในเวทีโลก รัฐบาลจึงเดินหน้าขยายซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหารผ่านโครงการ “หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย” เปิดโอกาสให้เชฟรุ่นใหม่จากชุมชนทั่วประเทศ ได้พัฒนาทักษะการทำอาหารไทยให้เป็นมาตรฐานระดับโลก และปั้นบุคลากรที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดอาหารระดับสากล เจ้ไฝโชว์ “ไข่เจียวปู” ระดับตำนาน – เรียบง่าย แต่รสชาติทะลุจักรวาล หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือ การสาธิตเมนูไข่เจียวปูระดับตำนาน โดย “เจ้ไฝ สุภิญญา จันสุตะ” เจ้าของร้านสตรีตฟู้ดชื่อดังระดับมิชลิน 8 ปีซ้อน ที่มาพร้อมผ้ากันเปื้อนและแว่นตาประจำตัว เจ้ไฝโชว์ฝีมือทอด ไข่เจียวปู แบบต้นตำรับ…

Read More

เปิดประสบการณ์ความอร่อยของเมนูอาหารไทยต้นตำรับ รังสรรค์เสน่ห์ปลายจวักโดยเชฟชัชษร ประทุมมา Executive Sous Chef และทีมเชฟครัวไทยที่มากประสบการณ์ ที่ห้องอาหารเฟลอริช ชั้นล็อบบี้ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ลิ้มลอง 3-คอร์ส เซทเมนูมื้อกลางวัน ที่ให้คุณได้อิ่มอร่อยกับเมนูเรียกน้ำย่อยทั้งเมี่ยงปลาแซลม่อนและไก่สะเต๊ะ ตามด้วยเมนูอาหารจานโปรดที่สามารถเลือกได้ 2 เมนู ไม่ว่าจะเป็น แกงคั่วกุ้งใบรา ที่เคี่ยวกะทิกับพริกแกงแดงรสชาติจัดจ้านผสานความสดของกุ้งลายเสือและใบรา หรือ หมูกรอบผัดตะไคร้ รสชาติกลมกล่อมหอมสมุนไพร หรือ พะแนงเนื้อนอก ที่นำเนื้อสันในนำเข้าจากประเทศออสเตรเลียมาผัดกับพริงแกงพะแนงปรุงรสให้ละมุนลิ้น หรือ เนื้อปลากะพงทอดขมิ้นเสิร์ฟคู่ยำมะม่วง พร้อมปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่มีชื่อว่า ข้าวหอม หรือโบราณเรียกว่าข้าวกระยาคู ที่เชฟชัชษรนำแป้งข้าวเจ้ามากวนกับน้ำกะทิและน้ำใบเตยจนได้เนื้อขนมที่เหนียวหอมละมุน เสิร์ฟพร้อมมะพร้าวแก้วเชื่อมและเม็ดบัว ราดด้วยกะทิสด เซทเมนูสำรับไทยพร้อมเสิร์ฟให้คุณอิ่มอร่อยคู่กับข้าวหอมมะลิหรือข้าวหุ้งขมิ้น น้ำสมุนไพร และชาหรือกาแฟ สัมผัสรสชาติเซทเมนูสำรับไทย 3-คอร์ส ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 12:00 – 15:00 น. ในราคาท่านละ 790++ บาท ที่ห้องอาหารเฟลอริช สอบถามข้อมูล​เพิ่มเติม​และสำรองที่นั่งได้ที่​โทร. +66 02 095 9999 หรือเยี่ยมชมเว็ปไซต์ชองโรงแรมได้ที่ https://www.kempinski.com/en/sindhorn-hotel Kin News Kinandleisure.com Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ…

Read More

Story : Natthanai C. Boom / Photo : Pol.Capt. Kittin A Sun โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เปิดตัว “Embassy Room La Marina” – ประสบการณ์อาหารทะเลอิตาเลียนตอนใต้สุดพรีเมียม ใจกลางกรุงเทพฯ ณ ใจกลางมหานครที่ไม่เคยหลับไหล โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ได้เผยโฉมห้องอาหารใหม่ล่าสุด “Embassy Room La Marina” นำเสนอบทนิยามใหม่ของอาหารทะเลอิตาเลียนตอนใต้ ที่รวบรวมกลิ่นอายแห่งท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาสู่ใจกลางกรุง ถ่ายทอดผ่านรสชาติที่ละเมียดละไมและบรรยากาศที่เปี่ยมเสน่ห์ เสน่ห์แห่งหมู่บ้านชาวประมงอิตาลี สู่รสชาติอันบริสุทธิ์ของท้องทะเล ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก หมู่บ้านชาวประมงในแถบชายฝั่งตอนใต้ของอิตาลี ซึ่งเต็มไปด้วยสีสัน ความสดใส และความเรียบง่ายที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง “La Marina” ถ่ายทอดสุนทรียะแห่งวิถีเมดิเตอร์เรเนียนผ่านเมนูอาหารที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศจากท้องทะเล มาปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อคงรสชาติดั้งเดิม ผสานเทคนิคการปรุงอันร่วมสมัย ที่นี่ เชฟดานิเอเล่ เฟอร์รารี หัวหน้าเชฟผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์และความหลงใหลในอาหารอิตาเลียน ได้รังสรรค์เมนูที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของชายฝั่งอามาลฟีและซิซิลี นำเสนออาหารทะเลที่สดใหม่ ผสมผสานความซับซ้อนของรสชาติจากสมุนไพร เครื่องเทศ และเทคนิคการปรุงแบบดั้งเดิม ให้ได้รสสัมผัสที่ทั้งบริสุทธิ์ ลุ่มลึก และหรูหราในทุกคำ บทนิยามใหม่ของอาหารทะเลสไตล์อิตาเลียน ไม่ว่าจะเป็น ปลาสดย่างในสไตล์ซิซิเลียน ราวิโอลีสอดไส้กุ้งแดงจากมาซาร่า หรือล็อบสเตอร์อบเสิร์ฟพร้อมซอสเลมอนครีมจากชายฝั่งอามาลฟี ทุกจานล้วนสะท้อนถึงปรัชญาการปรุงอาหารที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบคุณภาพสูง ผสานเทคนิคการปรุงที่รักษาเอกลักษณ์ของรสชาติและสัมผัสไว้อย่างครบถ้วน ด้วยบรรยากาศอันหรูหราและการบริการระดับเวิลด์คลาส “Embassy Room La Marina” จึงไม่ใช่เพียงร้านอาหาร แต่เป็น จุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่หลงใหลในรสชาติของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และต้องการดื่มด่ำประสบการณ์การรับประทานอาหารที่สื่อถึงหัวใจของอาหารอิตาเลียนแท้ ๆ นี่คืออีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของวงการอาหารใจกลางกรุงเทพฯ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารทะเลอิตาเลียนที่เหนือระดับแก่ทุกท่านแล้ววันนี้ “La Marina” ออกแบบให้มีบรรยากาศโปร่งสบาย โทนสีธรรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่น เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารมื้อพิเศษ หรือสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเมนูแนะนำ Carpaccio di ricciola agli agrumi (คาร์ปาชโชปลาเสิร์ฟคู่กับน้ำส้มซิซิเลียน) Tartare di tonno rosso (ทูน่าทาร์ทาร์) Zuppa di Pesce…

Read More

โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา  Four Seasons Bangkok เปิดตัวประสบการณ์สุดพิเศษ The White Lotus Afternoon Tea และ The White Lotus Bar ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากซีซั่น 3 ของซีรีส์ HBO® Original Series The White Lotusซึ่งถ่ายทำที่โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เกาะสมุย สถานที่ที่เต็มไปด้วยความรุ่มรวยทางความงามและโลกที่เต็มไปด้วยละครที่รอการเปิดเผย แขกที่มาเยือนจะได้สัมผัสกับความลึกลับและเสน่ห์ของซีรี่ส์เดอะไวต์โลตัส ซีซั่น 3 (The White Lotus Season 3) ผ่านรสชาติที่น่าหลงใหล การออกแบบที่แปลกตา และกลิ่นอายสุดปังจากซีรีส์ที่ทุกคนเฝ้ารอ “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ซีซั่น 3 ของ The White Lotus จะถ่ายทอดความงดงามของเกาะสมุยและความหลากหลายทางวัฒนธรรมไทยผ่านสายตาผู้ชม” ลูบอช บาร์ทา รองประธานภูมิภาคและผู้จัดการทั่วไปประจำโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ กล่าว “การสร้างประสบการณ์นี้จะทำให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสกับความเป็นไทยอย่างแท้จริง ผ่านรสชาติที่คัดสรรและทิวทัศน์อันงดงามของประเทศเรา” ก้าวเข้าสู่โลกที่ได้รับการแปลงโฉมด้วยเสน่ห์จากซีรีส์ The White Lotus ที่ The Library ของ The Lounge โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ที่ได้รับการออกแบบใหม่ร่วมกับ HBO โดยมีแรงบันดาลใจจากฉากอันสวยงามและความลึกลับในซีรีส์ ให้ได้จินตนาการถึงพื้นที่ที่อบอวลไปด้วยดอกบัวสีขาวในทะเลลึก การตกแต่งที่หรูหราทุกมุมสะท้อนถึงความซับซ้อนและดราม่าของซีรีส์ ตั้งแต่งานศิลปะที่ดรามาติกไปจนถึงพื้นที่ถ่ายภาพสุดพิเศษที่รอให้แขกได้สัมผัสกับความงามที่น่าหลงใหล สัมผัสรสชาติ Afternoon Tea ในสไตล์ซีรีส์ The White Lotus หัวหน้าเชฟประจำโรงแรม แอนเดรีย แอคคอร์ดิ และหัวหน้าเชฟขนมหวาน อันเดรีย โบนาฟินี ได้ร่วมมือกันสร้างประสบการณ์อาฟเตอร์นูนทีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถานที่ถ่ายทำอันเขียวขจีของเกาะสมุย แขกทุกท่านจะได้สัมผัสกับความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบไทยที่ต้อนรับด้วยเครื่องดื่ม Crémant และชามะลิสกัดเย็น ก่อนที่จะได้เพลิดเพลินกับการหยิบจับเมนูขนมคาวหวานที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ จุดเด่นในเมนูได้แก่ ล็อบสเตอร์ไทยสลัดกับมะกรูดและคาเวียร์ ต้มข่าใส่ตะไคร้และน้ำมันผักชี ที่จะมอบรสชาติอันจัดจ้านและเข้มข้น ส่วนของหวานที่ไม่ควรพลาดคือ ทาร์ตข้าวโพดกับวิปครีมข้าวโพดและคาราเมลป๊อปคอร์น และมาเดอลีนรสชาไทย ที่จัดวางให้อยู่บนรูปทรงของดอกบัวที่สะท้อนความงามของซีรีส์นี้ในทุกๆ คำ ด้วยการออกแบบที่งดงามและช่วงเวลาถ่ายภาพที่สวยงามทั่วทั้งเล้าจน์ ประสบการณ์อาฟเตอร์นูนทีจึงเป็นช่วงเวลาที่รื่นรมย์และน่าแบ่งปัน ดื่มด่ำกับค็อกเทลที่มีเรื่องราวผ่าน The White Lotus Bar เมื่อดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า The White Lotus Bar เชิญชวนให้แขกทุกท่านได้ผ่อนคลายไปกับเครื่องดื่มที่คัดสรรมาอย่างดี ซึ่งสะท้อนถึงทั้งสามซีซั่นของซีรีส์ พร้อมด้วยเครื่องดื่มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถานที่สำคัญในแต่ละซีซั่นมานำเสนอในรูปแบบของค็อกเทล โดยฟิลิป บิชอฟ ผู้จัดการฝ่ายเครื่องดื่มของโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ และ “นิ้ง” ชัญญานุช ยอดสุวรรณ หัวหน้าบาร์เทนเดอร์ของ BKK Social Club Pineapple Suite: สัมผัสรสชาติแห่งเขตร้อนที่สวยงามและเต็มไปด้วยพลังชีวิตจากเกาะเมาวีในซีซั่น 1 The Lotus: รสชาติอันงดงามที่แฝงเสน่ห์โรแมนติกจากเมืองตาออร์มิน่าในซีซั่น 2 Coconut Paradise: รสชาติของการเฉลิมฉลองในเกาะสมุย สถานที่ถ่ายทำสุดไอคอนิกในซีซั่น 3 ซึ่งผสมผสานความหอมหวานของมะพร้าวและกลิ่นหอมละมุนของใบเตยไทย The White Lotus…

Read More

ร้านอาหารจีน “เฮยยิน” ที่สุดของร้านอาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง ณ เกษรวิลเลจ ต้อนรับเดือนแห่งความรัก ขอแนะนำชุด Afternoon Tea ติ่มซำสไตล์กวางตุ้งสุดพิถีพิถัน ต้อนรับเดือนแห่งความรัก ขอมอบความพิเศษกับติ่มซำคุณภาพที่มาพร้อมเครื่องดื่มหลากหลายให้คุณเลือก เชิญชวนทุกคู่รัก หรือเพื่อนสนิทที่รู้ใจ แวะมาลิ้มลองความอร่อยจากฝีมือเชฟแจ็คกี้ ชาน เชฟฮ่องกงคุณภาพ มาจับคู่ ชุดติ่มซำ Afternoon Tea กับเครื่องดื่มสุดพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นค็อกเทล, ม็อกเทล หรือชาพรีเมียมจากประเทศจีนมากกว่า 8 ชนิด ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี เต็มอิ่มความอร่อย พร้อมชวนคนที่คุณรักมาเปิดประสบการณ์ดีๆ เพื่อให้คุณได้สัมผัสความโรแมนติกในแบบฉบับฮ่องกง ในราคา 1,288 – 1,588 บาท สำหรับ 2 ท่าน ให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00 – 18.00 น.ตั้งแต่ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน นี้ ต้อนรับเดือนแห่งความรักกับชุด Afternoon Tea ติ่มซำสไตล์กวางตุ้งแสนอร่อย จากร้านเฮยยิน ที่เพิ่มความพิเศษให้คุณจับคู่กับเครื่องดื่มหลากหลาย พร้อมเครื่องดื่มที่รังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษในเดือนแห่งความรัก ขอแนะนำ ชุด Afternoon Tea Set A: Golden Harmony ที่ประกอบด้วย ซุปเกี๊ยวเซี่ยงไฮ้กุ้งหมูกังป๋วย, ถ้วยทองฟรุ๊ตสลัดทะเล, เผือกทอดทะเล, พายทุเรียนทอด, ซาลาเปาแอปเปิ้ลลูกเกด, สาหร่ายม้วนไส้กุ้งหน้าปลาเก๋าดอกแดง, ฮะเก๋าปลาทองนำโชค หรือเลือกเป็น ชุด Afternoon Tea : Set B: Jade Delight ที่ประกอบด้วย ซุปเกี๊ยวเซี่ยงไฮ้กุ้งหมูกังป๋วย, เกี๊ยวซ่าเซี่ยงไฮ้กังป๋วยหมูกุ้ยช่ายเจี๋ยน, ขนมอบเซี่ยงจาหมูแดงคุโรบูตะ, พายเผือกกังป๋วยหมูกรอบ, ฮะเก๋ากุ้ง, เห็ดมอเรลยัดไส้กุ้งนึ่ง ปิดท้ายด้วย ถุงเงินถุงทองไส้ปลิงทะเลกุ้งกุ้ยช่ายแครอท โดยทุกชุด เสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มจำนวน 2 แก้ว ให้คุณเลือกเครื่องดื่มแก้วโปรดด้วยตัวเอง ขอแนะนำ 1.เลือก Afternoon Tea เซต A หรือ เซต B พร้อมเครื่องดื่มชา 3 ชนิด ในราคา 1,288++บาท 2.เลือก Afternoon Tea เซต A หรือ เซต B พร้อมเครื่องดื่ม สเปเชี่ยลม็อกเทล ในราคา 1,388++บาท 3. เลือก Afternoon Tea เซต A หรือ เซต B พร้อมเครื่องดื่มม็อกเทลและค็อกเทล ในราคา 1,488++บาท 4.เลือก Afternoon Tea เซต A หรือ เซต B พร้อมเครื่องดื่ม สเปเชี่ยลค็อกเทล ในราคา 1,588++บาท มาเติมความรักด้วยความอร่อยสุดพิถีพิถัน กับชุด Afternoon Tea ที่มาพร้อมเครื่องดื่มหลากหลายให้คุณเลือกตามความชอบ พร้อมเติมความสุขกับมื้อพิเศษที่เอาใจคนรักติ่มซำอย่างแท้จริง ได้ที่ ร้านอาหารจีน “เฮยยิน” (HEI YIN) ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษรวิลเลจ เปิดให้บริการทุกวัน ใน 2 ช่วงเวลา ได้แก่ มื้อกลางวัน เวลา 11.00 – 15.00 น. และมื้อค่ำ เวลา 18.00 – 22.00 น. สำรองที่นั่งหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร. 080-964-5423 และ LINE:…

Read More

โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เปิดตัว Embassy Room La Marina อาหารทะเลอิตาเลียนตอนใต้สุดพรีเมียม โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ เนรมิตห้องอาหารใหม่สุดหรู Embassy Room La Marina ที่พร้อมมอบประสบการณ์มื้ออาหารเหนือระดับด้วยการนำเสนออาหารทะเลอิตาเลียนทางตอนใต้สุดพรีเมียม ที่ทุกเมนูถูกรังสรรค์อย่างปรานีตและเปี่ยมคุณค่าด้วยวัตถุดิบคุณภาพชั้นเลิศ มาเสิร์ฟถึงใจกลางกรุงเทพฯ คุณมาร์ค เดอ ลีแวค ผู้จัดการใหญ่ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ กล่าวว่า “เราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เปิดตัว La Marina สำหรับ Embassy Room สถานที่รังสรรค์อาหารระดับมาสเตอร์พีช โดยทางโรงแรมมีความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์อาหารที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า และนี้เป็นโอกาสที่ดีและก้าวที่สำคัญของทางโรงแรมที่ได้มีโอกาสภูมิใจนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ทันสมัย ให้เข้ากับกรุงเทพ มหานครของประเทศไทยที่เป็นสุดยอดเมืองแห่งอาหาร จึงเป็นที่มาของ La Marina อาหารทะเลอิตาเลียนทางตอนใต้ที่ยังคงรสชาติดั้งเดิม เรียบง่าย เต็มไปด้วยเสน่ห์ของความอร่อย และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางมาไว้ที่นี้”  คุณแองเจลิกา อลิเบอร์ติ ผู้ช่วยผู้จัดการแผนกฝ่ายขายและการตลาด กล่าวเสริมว่า “แนวคิด La Marina ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านชาวประมงในอิตาลีตอนใต้ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่อบอวลไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา โดยเราไม่ได้มุ่งเพียงแค่นำเสนอเพียงอาหารสุดพิเศษเท่านั้น แต่ยังนำทุกท่านมาสัมผัสความเป็น La Dolce Vita หรือความสุขในการรับประทานอาหารอร่อย ๆ ตามแบบฉบับของอิตาเลียนอีกด้วย โดยในค่ำคืนสุดพิเศษนี้ ได้รับเกียรติจากบุคคลหลากหลายวงการ รวมทั้งสื่อมวลชน มาร่วมให้เกียรติเฉลิมฉลองอย่างคับคั่ง อาทิ คุณเปาโล ดีโอนีซี (H.E. Mr. Paolo Dionisi) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย และภริยา คุณเฟเดริโก้ การดินี่ (Mr. Federico Cardini) ประธานหอการค้าไทย-อิตาลี คุณจาโคโม อิโอบิซซี (Mr. Giacomo Iobizzi) เลขาธิการหอการค้าไทย-อิตาลี เชฟ ดานิเอเล่ เฟอร์รารี หัวใจสำคัญของ La Marina เชฟผู้เต็มไปด้วยความรักและความหลงใหลในอาหารอิตาเลียน จากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์และบรรยากาศในวัยเด็กในการเดินทางท่องเที่ยวทางตอนใต้ในช่วงฤดูร้อนกับครอบครัวบ่อยครั้ง ทำให้เขาได้ไปสัมผัสชายฝั่งของแคว้นคัมปาเนีย เช่น…

Read More