สำหรับคอ Afternoon tea ทั้งหลาย หากจะพูดถึงความน่ารักฟรุ้งฟริ้ง ความอร่อย ชาชั้นเลิศ และความคุ้มค่าของชุดน้ำชายามบ่ายแล้ว ที่นี่ต้องติดอันดับอยู่ในใจของหลายๆท่านอยู่เป็นแน่ ด้วยความที่มีลูกเล่นทั้งสีสันต์ ขนม น้ำชาที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลของญี่ปุ่นอยู่เสมอๆตลอดทั้งปี มาคราวนี้ได้ถึงฤดูกาลของชุดน้ำชาดอกลาเวนเดอร์ Lavender Garden อีกครา คราวนี้จะเป็นอย่างไรบ้างขอเชิญมาชมกันได้เลยค่ะ ภายใต้การรังสรรค์ของเชฟเซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf ) หัวหน้าพ่อครัวเบเกอร์รี่ (Executive Pastry Chef) ชุดน้ำชาชุดนี้จึงได้นำสีม่วงของทุ่งดอกลาเวนเดอร์มาเป็นแรงบันดาลใจ ในการออกแบบชุดน้ำชายามบ่ายลาเวนเดอร์ เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสถึงบรรยากาศอันงดงามของทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในช่วงฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่น ชุดน้ำชายามบ่ายของที่นี่ 1 ชุดให้เราเลือกชา Mariage Frères ชาน้ำหอมจากฝรั่งเศสอันเลิศรส ได้ถึง 2 รส หรือ ชากลีบดอกบัวซาโรที (Saro Tea) หรือกาแฟอิลลี่ (Illy) ที่สามารถให้บริการทั้งแบบร้อนและเย็น ซึ่งในหนึ่งชุดเราสามารถเลือกเครื่องดื่มได้ถึง 2 อย่าง ส่วนวันนี้เราขอเลือกเป็นชากันค่ะ และชาพิเศษที่จะมีให้ดื่มกับชุดลาเวนเดอร์นี้เท่านั้น คือ ชา Mariage Frères – Vert Provence Vert Provence ระเบิดความหอมสดชื่น ด้วยกลิ่นหอมจากผลไม้และดอกไม้อันห่างไกลจากตัวเมืองใหญ่ เมืองโพรวองซ์ เมืองในภาคใต้ของฝรั่งเศส เพื่อที่จะสร้างสรรค์ความมหัศจรรย์ของดินแดนแห่งนี้ Mariage Frères ได้คิดค้น ชาเขียว ชั้นเลิศ กลิ่นหญ้าอ่อนๆและผสมกับผลไม้จากโปรวองซ์ ซึ่งเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่สีแดงและสีดำ กับความสุกกำลังดี สร้างกลิ่นหอมที่แรง กลิ่นหอมที่แสนผ่อนคลายและอบอุ่น จากลาเวนเดอร์ อีกทั้งกลิ่นอันแสนกลมกล่อมและความหวานของกลีบกุหลาบ จากกุหลาบป่าสีแดงจากทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ให้กลิ่นหอมและรสแบบฟรุตตี้จากเหล่าเบอร์รี่ที่พบและปลูกในจังหวัดโพรวองซ์ ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เจือดอกลาเวนเดอร์และกลีบกุหลาบ เมื่อคุณดื่มด่ำ ลิ้มรส ดอมดม คุณจะได้ความรู้สึกเหมือนดั่ง ได้เดินผ่านป่าไปยืนอยู่กลางทุ่งดอกลาเวนเดอร์ช่วงฤดูร้อน ในเมืองโพรวองซ์อย่างไรอย่างงั้นเลยทีเดียวค่ะ คุณลักษณะของชา : #Fruity & flowery #Rose #Green Tea #Scented Tea ส่วนชาอีกตัวนึง ถ้าใครชอบกุหลาบ ขอแนะนำเป็น Blanc & Rose ชอบแบบฟรุตตี้ซักหน่อย Thé à l’ Opéra, Marco Polo หรือมีให้เลือกทั้งหมด 11 รสค่ะ…
Author: Nopmanee
ในตอนท้ายของมื้อเพื่อนได้ถามว่าชอบจานไหนมากที่สุด เมื่อนั้นถึงได้ตระหนักว่าต้องคิดหนักมาก ในความดีงามของมื้อนี้ เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าชอบจานไหนมากที่สุด เพราะดีเยี่ยมทุกจานเลยค่ะ!! หากใครขับรถผ่านเข้าไปในซอยสุขุมวิท 49 อีกหนึ่งย่านแหล่งของกินอยู่บ่อยๆคงคุ้นกับโครงการ 49 terrace กันอยู่ไม่น้อย ที่ชั้น 2 ของโครงการมีสุดยอดร้านอาหารอิตาเลียนอยู่ร้านหนึ่ง La Bottega di Luca ที่ Kinlakestars.com มีความภูมิใจนำเสนอในวันนี้ค่ะ ก่อนเข้าร้านถ้าใครได้สังเกตดีๆที่ใต้ป้ายชื่อร้านจะเห็นแผ่นป้ายสีทองๆอยู่ป้ายหนึ่ง นั่นเป็นป้ายการันตีถึงการใช้วัตถุดิบที่ดี คุณภาพยอดเยี่ยม เสมือนได้ไปรับประทานอาหารอิตาลีที่ประเทศอิตาลีเลยนั่นเอง โดยได้รับการรับรองจาก Unioncamere และหอการค้าไทย – อิตาเลี่ยน มีส่วนระเบียงกึ่งเอ้าดอร์ให้เลือกนั่งท่ามกลางบรรยากาศที่ชวนผ่อนคลายในวันสบายๆ หรือจะเลือกนั่งในห้องปรับอากาศในวันที่อากาศไม่เป็นใจ เพื่อนได้แนะนำให้ลองขนมปังของที่นี่ให้ได้เลย ซึ่งก็ดีเลิศอย่างที่เพื่อนประกาศไว้จริงๆ อย่างชิ้นนี้เป็นขนมปังโฟกาเซียทานคู่กับน้ำมันมะกอกชั้นเลิศจากอิตาเลียน BIO และบัลซามิกรีเซิร์ฟ Amuse bouche ของมื้อนี้ Starters จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของมื้ออันยอดเยี่ยมนี้ Terrine Foie Gras, Maldon Salt, Pan Brioche, Sweet & Sour Wild Berries Sauce (ราคา 590 บาท) หากเคยทานฟัวกราส์แบบเป็นชิ้นๆแล้ว ขอให้ลองเปลี่ยนเป็นแบบจานนี้บ้าง บนขนมปังบริโอชอบกรุบกรอบเป็น Terrine Foie Gras ที่จะมีรสของฟัวกราส์ค่อยๆซึมออกมา ช่วยดึงรสออกมามากขึ้นด้วยความเค็มจาก Maldon Salt แอบเปรี้ยวและหวานขึ้นมาเจือจางจากซอสเบอรี่ป่าที่ให้ทานคู่กัน 2 Ways ‘Scarola’ Salad, Burrata Cheese, Cetara Anchovies, Toasted Pine Nuts (ราคา 420 บาท) เป็นจานที่มาวางแล้วทุกคนต้องร้องว้าวในความสวย สีสันต์สดใสเป็นอันดับแรก ในจานนี้เราจะได้รสชาติขมและหวานสดชื่นจากผักตัดกันนิดๆหน่อยๆอย่างที่เชฟตั้งใจ มี Burrata ชีสชั้นดี ความเค็มสดชื่นจาก Cetara Anchovies มาเสริม จานต่อไปนี้ได้ความสุขุมนุ่มนวลของ…
Kinlakestars.com ขอนำเสนอความอร่อยอันเป็นตำนานมาร่วมทศวรรษกับ Sunday Jazzy Brunch หรือบุฟเฟ่ต์มื้อสายวันอาทิตย์ ณ โรงแรม Sheraton Grande Sukhumvit โรงแรม 5 ดาวสุดหรูที่มีสุดยอด Sunday Brunch ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯไว้คอยบริการ โดยจะเป็นการนำ 3 ห้องอาหารหลักของทางโรงแรม ได้แก่ Rossini (ห้องอาหารอิตาเลียน), Basil (ห้องอาหารไทย), Orchid Cafe (ห้องอาหารนานาชาติ) มาทำเป็นไลน์อาหารสุดอลังการ มีอาหารให้เลือกสรรค์กว่าร้อยชนิด นอกจากอาหารในไลน์บุฟเฟ่ต์ปกติแล้ว ท่านยังสามารถลิ้มรสอาหารจานเด่นของห้องอาหารต่างๆได้ที่นี่อย่างครบครันเลยทีเดียว ซึ่งอาหารแต่ละอย่างนั้นได้ถูกคัดสรรมาแต่คุณภาพชั้นดีเยี่ยม ผ่านการปรุงจากทีมเชฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศ สัมผัสแรกเมื่อได้เข้าไปในห้องอาหาร ท่านจะรู้สึกถึงความกว้างขวางโอ่โถง ตกแต่งด้วยสไตล์คลาสิกอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมเก่าแก่แห่งนี้ โดยระหว่างกิน จะมีน้องยิ้มๆเป็นมาสคอตช้างแสนน่ารัก มาคอยยืนเอาบัตรเข้าพักราคาพิเศษออกมาทำการประมูล โดยรายได้จะนำไปให้แก่ผู้ป่วยเพื่อผ่าตัดหัวใจ สามารถมองเป็นวิวถนนสุขุมวิทได้อย่างสวยงาม พร้อมกันนี้ยังมีวงดนตรี Jazz และนักร้องระดับคุณภาพมาขับกล่อมให้ท่านได้เพลิดเพลินขณะรับประทานอาหารอีกด้วย ไลน์อาหารของ Sunday Jazzy Brunch ประกอบไปด้วยอาหารนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นอาหารอิตาเลียน, อาหารญี่ปุ่น, อาหารอินเดีย, อาหารทะเล, อาหารจีน, อาหารไทย, ของหวาน, ซุ้มเครื่องดื่ม มาเริ่มต้นกันที่มุมยอดนิยมกันเลยดีกว่าครับ นั้นก็คือ อาหารทะเล – Seafood on ice + ขาปูอลาสก้า สดๆ หวานแน่น ไม่เค็มจนเกินไป +ร็อคล็อบสเตอร์ +ปูม้าทะเล +กั้งหิน +หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ +หอยนางรมฟิน เดอ แคลร์ +กุ้งแม่น้ำ มุมคาร์เวียร์ มากมาย หลากหลาย พร้อมแป้งแพนเค้ก และเครื่องเคียง มาต่อกันที่มุมแนะนำที่ไม่ควรพลาดอีกมุม นั้นก็คือ อาหารอิตาเลียน ณ จุดๆนี้มีให้ท่านเลือกสรรแบบสั่งทำได้ ไม่ว่าจะเป็น พาสต้า ซุ้มฟัวกราส์ และแบบตักเองกับ appetizer นานาชนิด + ฟัวกราส์ชิ้นโตเสิร์ฟคู่กับซอสสับปะรด สำหรับฟัวกราส์ทุกท่านสามารถสั่งได้ตามที่ต้องการ เชฟจะทำให้สดๆใหม่ๆทีละจาน ทีละจาน…
กลับมาอีกครั้งกับงานยิ่งใหญ่ประจำปีถูกใจนักชิมอย่าง World Gourmet Festival ครั้งที่ 19 ที่จะจัดขึ้นที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ในวันที่ 3-9 กันยายนนี้ ตลอด 1 สัปดาห์ที่ท่านจะได้พบกับสุดยอด 13 เชฟมิชลินสตาร์ชื่อดังจากทั่วโลก อาหารชั้นเลิศ ไวน์ชั้นเยี่ยม มาสเตอร์คลาสที่น่าเข้าร่วม โดยวันนี้ Kinlakestars.com ได้ชมการสาธิตทำอาหารของเชฟฮัน ลี กวง (Han Li Guang) ที่บินตรงมาจากสิงคโปร์ ห้องอาหาร Labyrinth ที่เพิ่งได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับ ★ ดาวสดๆร้อนๆเมื่อปีที่แล้ว จึงได้เก็บภาพมาฝากกันเป็นน้ำจิ้มเล็กๆน้อยๆ กันก่อนค่ะ เชฟฮัน ลี กวง อดีตนายธนาคารที่ผันตัวเข้าสู่การเป็นเชฟ ด้วยการทำตามความฝันและมีใจรักในการทำอาหาร เขาเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์กับหลากหลายห้องอาหารและเชฟชื่อดัง อาทิ Mauro Colagreco, Tom Kerridge และ Roberto Galetti จนในปี 2014 เชฟได้เปิดห้องอาหาร Labyrinth นำเสนอการทำอาหารแบบสมัยใหม่ที่ประยุกต์เข้ากับอาหารดั้งเดิมของสิงคโปร์ ห้องอาหารนี้ได้รับรางวัลการันตีมากมายอาทิ “Best New Restaurant” จากนิตยสาร Wine & Dine และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล “New Restaurant of the Year” จากเวที World Gourmet Summit Awards of Excellence ประจำปี 2015 จนกระทั่งล่าสุดได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว เมนูที่เชฟได้ทำในวันนี้เป็นการประยุกต์จากเมนูชื่อดังที่คนไปสิงคโปร์แล้วไม่กินไม่ได้เลย นั่นก็คือ Hainanese Chicken rice นั่นเอง ข้าวมันไก่ที่แปลกที่สุดในสามโลก เพราะเป็นข้าวมันไก่ที่ไม่มีข้าวและไม่มีไก่ !!! โดยเชฟได้เล่าให้ฟังว่าส่วนที่สำคัญที่สุดของเมนูนี้ คือ น้ำสต๊อกอันเข้มข้น (เข้มกว่าของบ้านเรา) ที่นำมาต้มกับไก่ เชฟจึงนำน้ำสต๊อกผสมกับผงวุ้น นำไปแช่เย็นประมาณชั่วโมงหนึ่ง ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเค็มแซมหวานเปรี้ยว กับหอมร้อนขิงออกมาปิดท้าย ทำให้ได้รสกลมกล่อม หอมมัน…
Lady Butcher ร้านสเต็กใหม่คุณภาพพรีเมียมที่ใครหลายคนอาจไม่รู้จักเพราะไม่ได้ตั้งอยู่ในเมือง แต่ทว่าห่างออกไปทางด้านทิศตะวันตกของกรุงเทพฯย่านบางบัวทองนั้นเอง ครั้งนี้ Kinlakestars.com จะพาทุกท่านไปเอาใจสาวกคนรักเนื้อ… สัมผัสความอร่อยระดับ Premium กับ บุฟเฟ่ต์เนื้อ Dry Aged จากสเปน วันนี้ ที่ “Lady Butcher” เปิดประสบการณ์สุดละมุนลิ้นกับบุฟเฟ่ต์ Galician Beef เนื้อ Dry Aged เกรด Premium นำเข้าจากสเปน ที่คัดสรรมาอย่างดี หั่นและย่างกันสดๆ โดยเชฟ Butcher ชาวฝรั่งเศส เชฟ Janácek เสิร์ฟแบบไม่อั้น เพื่อ Meat Lover ทุกท่านได้อร่อยแบบจุใจในคุณภาพเกินราคา หลังจากใช้พลังทำงานมาตลอดทั้งสัปดาห์ มื้ออาหารดีๆ สักมื้อน่าจะช่วยคลายความเหนื่อยล้าให้กับร่างกายของเราได้ไม่น้อย วันนี้ Kinlakestars จึงอาสาพาไปเติมพลัง ด้วยบุฟเฟ่ต์เนื้อ Dry Aged เกรด Premium นำเข้าจากสเปน ที่ร้าน “Lady Butcher” Steakhouse บรรยากาศดี ย่านบางบัวทอง นนทบุรี ที่ต้องบอกว่าคุ้มค่าการเดินทางแน่นอน ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ช่วง ”กินแหลก” และ “แจกดาว” เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่า เนื้อ Dry Aged คืออะไร Dry Aged Beef (เนื้อดรายเอจ) คือเนื้อที่ผ่านกระบวนการบ่มในห้องแช่เย็นพิเศษ โดยควบคุมความชื้น ความสะอาด และรักษาอุณภูมิให้อยู่ที่ระหว่าง 1-3 องศาเซลเซียส เพื่อให้เอนไซม์ที่อยู่ในเนื้อสัตว์ค่อยๆ ย่อยโปรตีนในชิ้นเนื้อจนเนื้อนั้นมีความนุ่มละมุนและมีกลิ่นที่หอมมากยิ่งขึ้น ในโปรโมชั่นบุฟเฟ่ต์ เราจะได้ลิ้มลองรสชาติเนื้อสเปนทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ Tenderlion, Striploin, Ribeye พร้อมไอศกรีมและเครื่องดื่ม ในราคา 1,900 บาท จำกัดเวลา 90 นาที Tenderloin จะนุ่มที่สุด มันน้อย แต่รสชาติจะค่อนข้างจืดต้องปรุงรส/ซอสเยอะ หากเป็นคนชอบอาหารรสหนัก แต่คอเนื้อจะปรุงแค่เกลือ Striploin…
อยากทาน Afternoon Tea อยากหาชุดน้ำชาที่มีสีสวยใสน่ารักน่าถ่ายรูป อยากเปลี่ยนที่นั่ง เปลี่ยนบรรยากาศ อยากเปลี่ยนชาดื่มบ้าง สำหรับความอยากทั้งหมดทั้งมวลนี้ Kinlakestars.com มีคำตอบให้ค่ะ เห็นรูปแล้วบางท่านคงเดาออกแล้วว่าวันนี้เราจะพามาทาน Afternoon Tea กันที่ไหน? ใช่แล้วค่ะ ที่ Hanuman Bar โรงแรม Siam Kempinski ที่ตั้งอยู่ใจกลางสยามนั่นเอง ที่นี่มีชา Ronnefeldt ชาคุณภาพจากเยอรมัน ให้เลือกกว่า 60 ชนิด และสำหรับชาที่ทางโรงแรมแนะนำในวันนี้เป็นตัวนี้ค่ะ Morgentau – Flavored green tea with mango-lemon flavor อันมีกลิ่นอันหอมหวานน่าลิ้มลอง และสีของน้ำชาก็มุ้งมิ้งเข้ากันกับชุดน้ำชาในวันนี้มากเช่นกันค่ะ หลังจากเลือกชากันแล้ว ได้เวลามายลโฉมชุดน้ำชาในวันนี้กันแล้วค่ะ โดยชุดน้ำชาชุดนี้ เชฟแฟรงส์ บราวน์ หัวหน้าพ่อครัวเบเกอรี่ได้รังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษ คัดเลือกวัตถุดิบที่มีสีชมพูตามธรรมชาติมาใส่ไว้ในขนมและของหวานเพิ่มความน่ารักน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้เข้ากันกับฤดูร้อนที่เหล่าดอกไม้สีสันต์สวยงามพากันผลิบานกันด้วย Savoury Salmon rillette éclair, beetroot mayonnaise Chicken & Mushroom vol- au- vent ของว่างแสนอร่อยสไตล์ฝรั่งเศสไส้เนื้อไก่และเห็ดในชิ้นโวโลวองหนากรอบ Strawberry cheese ball เป็นที่ชอบใจของคนรักชีสแน่ๆค่ะชิ้นนี้ ภายใต้ขนมปังเนียนนุ่มมี Roasted beef, rocket, caramelized onion ซ่อนอยู่ Sweet Cinderella cup cake ในถ้วยเป็นบัตเตอร์เค้กแอบสอดไส้ฉ่ำหวาน ตกแต่งหน้าด้วยครีมและเมอแรงค์ ชิ้นนี้ทำให้จินตนาการถึงเจ้าหญิงซินเดอเรลล่าตามได้ไม่ยากเลยค่ะ Strawberry cream slice ขนมเค้กเนื้อนุ่มฟูแซมครีมและชิ้นสตรอเบอรี่สดฝาน ฟินยิ่งนัก Red fruit pavlova pink éclair Rosella infused honey pear สีของขนมในถ้วยนี้ดูเผินๆจะนึกถึงบีทรูท แต่แท้จริงแล้วเป็นสีจากดอกกระเจี๊ยบค่ะ ตักชิ้นลูกแพร์ทานกันเพลินๆจนหมดถ้วยไม่รู้ตัวเลยค่ะ…
ช่วงหน้าหนาวคนรู้จักหลายคนมักจะขึ้นไปเที่ยวทางภาคเหนือกัน ที่เห็นมากที่สุดเห็นจะเป็นเชียงใหม่ แต่สำหรับเราเคยไปเชียงรายตอนเด็กๆและอยากจะลองกลับไปอีกครั้งมากกว่า จังหวัดที่อยู่เหนือสุดของไทย มีอาณาเขตติดกันกับพม่าและลาวที่สามเหลี่ยมทองคำ ด้วยกาลเวลาที่ผ่านไป ปัจจุบันนี้เชียงรายมีที่ให้ไปเที่ยวหลายแห่งมากมาย ทั้งไร่ชาฉุยฟง วัดร่องขุ่น พิพิธภัณฑ์บ้านดำ สวนดอกไม้ อีกทั้งคาเฟ่ร้านอาหารอร่อยๆก็น่าไปลองเช่นกัน ในครั้งนี้เป็นการไปเที่ยวกับครอบครัว จอง เลือก หาโปรเองทุกอย่าง และอยากจะนำเรื่องราวมาแชร์กันไว้เพื่อเป็นข้อมูลในการท่องเที่ยวต่อไปค่ะ โดยทริปนี้เราเลือกที่จะขึ้นเครื่องบินไป เชียงรายนี้มีหลายสายการบินให้เลือกบินไปทั้งจากสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ไปถึงเชียงรายช่วงเช้า แล้วเช่ารถพร้อมคนขับท้องถิ่นผู้ชำนาญเส้นทางและแหล่งท่องเที่ยว มาช่วยต่อเติมโปรแกรมในครั้งนี้ให้สมบูรณ์เป็นจำนวน 3 วัน อีก 1 วันสุดท้ายเก็บไว้เดินเที่ยวเล่นและนั่งรถรางแอ่วเมืองกันก่อนที่จะบินกลับในตอนค่ำค่ะ วันที่ 1 ขับรถออกไปเที่ยวทางนอกเมืองทางทิศเหนือ และสถานที่ๆอยู่ใกล้กับสนามบิน พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี 2544 ผู้มีผลงานแสดงเดี่ยวและกลุ่มมากมายหลายครั้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้รับเชิญเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการประชุมสัมนาทางศิลปะนานาชาติอยู่เสมอ ผลงานบางส่วนติดตั้งแสดงถาวรเป็นสมบัติของชาติ ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และสถานที่สำคัญๆทั้งของรัฐและเอกชนหลายแห่งในประเทศและต่างประเทศแถบเอเชีย ยุโรปและอเมริกา ท่านได้ใช้เวลากว่า 50 ปีในการสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ด้วยเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ณ ที่จังหวัดเชียงรายอันเป็นบ้านเกิด จัดแสดงศิลปะหลากหลายแขนงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ศิลปะที่จัดแสดงของท่านนั้นแฝงไปด้วยปรัชญาพุทธศิลป์ ความเชื่อ การตีความ จัดวาง สเปซและสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ สามารถเดินชมได้ตามเรือนที่วางเรียงรายอยู่ในสวน เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00-17:00 น. ♦ ค่าเข้าชม 80 บาท หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว ชมวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยงเผ่าต่างๆ ที่จะจัดเป็นโซนหมู่บ้านภายในพื้นที่ให้เราเดินวนดูเป็นวงกลม และเลือกซื้อของ เช่น ผ้าพันคอ หมวก กำไร กระเป๋าแบบชาวเขา และสินค้าอื่นๆได้ ส่วนตัวแล้วอันนี้ถือว่าได้มาเห็นไม่ค่อยเจอ แต่ก็จะไม่แนะนำให้ไปค่ะ ซ้ายไปขวา : การแสดงเคาะไม้ – ส่วนขายของสินค้าท้องถิ่น – ชาวกะเหรี่ยงคอยาวนั่งทอผ้าพันคอ – ผ้าพันคอหลากสีสันต์ ♦ ค่าเข้าชม xxx บาท มื้อกลางวันที่ Hacienda coffee house…
สมัยนี้หันไปทางไหน ก็มีแต่ cafe ร้านกาแฟ “Normal is boring” เป็นหนึ่งในแนวคิดตั้งต้นสู่ร้านชาสุดจี๊ดจ๊าด คุณภาพสูง สมกับชื่อ “Ditto” Modern Tea แฟนๆคอชาทั้งหลาย วันนี้ Kinlakestars.com มีร้านชาร้านใหม่แกะกล่องมาแนะนำกันค่ะ เป็นการนำเสนอชาในรูปแบบวิถีชาสมัยใหม่ ซึ่งชาของที่นี่ก็ทำสดใหม่ ใส่ใจสุขภาพ มีความแตกต่างและหลากหลายจากร้านอื่นยังไงเรามาลองกันเลยค่ะ ด้วยหัวใจอันดับแรกของส่วนผสมชาของที่นี่ คือ วัตถุดิบค่ะ ที่นี่ไม่ใช้ชาผง แต่ใช้เป็นชาใบ (loose leaf teas) ผลไม้สดๆ และส่วนผสมชั้นเยี่ยมอื่นๆที่ถูกคัดมาจากแหล่งกำเนิดเป็นอย่างดีเพื่อให้แน่ใจว่าชามีคุณภาพดีที่สุดพร้อมเสิร์ฟในทุกๆ ถ้วย และทุกๆเวลา มีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดเพื่อให้มั่นใจว่าชาทุกถ้วยมีมาตรฐานสูงสุดสำหรับผู้บริโภคอย่างเรา Oolong Lychee (135 บาท) แก้วนี้มาเป็นสีชมพูลูกกวาดน่ารัก รสชาติของลิ้นจี่นั้นอยู่ครบครันจากการนำชาอู่หลงผสมลิ้นจี่สดและสมุนไพรอื่นๆ สกัดเย็น แล้วแช่เก็บไว้ในตู้เย็น 24 ชั่วโมง เสิร์ฟพร้อมเนื้อลิ้นจี่ในแก้วด้วย ที่สำคัญคือแก้วนี้จะไม่หวานมากด้วยค่ะ Matcha Green Tea (175 บาท) ชาเขียวเข้มข้นฉบับรสชาตินุ่มนวล ที่ใช้ผงชาเขียวชั้นดีนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ผสมวนิลาและนมออกมากำลังดี ไร้ความหวานพุ่งโดด ฉะนั้นชาเขียวเลิฟเวอร์ต้องห้ามพลาดแก้วนี้ด้วยประการทั้งปวงค่ะ นอกจากนี้ที่สลิปจับแก้วยังมีลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ การเสี่ยงทายให้เราได้เล่นกันอีกด้วย โดยให้ดึงกระดาษออกมาจากตรงที่เขียนว่า Pull อย่าง 2 แก้วนี้ได้ออกมาว่า Make yourself a priority ดูสิคะผู้อ่านขา ได้ 2 รอบติดกันแบบนี้ ต้องมีอะไรแน่ๆค่ะ ชาของที่นี่ไม่ได้ใส่น้ำตาล ความหวานเล็กน้อยในแก้วที่ได้ลิ้มรสกันนั้นมาจากความหวานของผลไม้ทั้งนั้นค่ะ จึงเหมาะกับคนรักสุขภาพที่ไม่อยากทานหวานยิ่งนัก หรือถ้าหากใครอยากเพิ่มความหวานกันอีกซักหน่อยก็สามารถบอกพนักงานให้ใส่ไซรัปเพิ่มให้ได้ค่ะ Matcha (145 บาท) เห็นชื่อมัทฉะ แต่แก้วนี้แอบไม่ธรรมดานะคะ เป็นชาเขียวผสมกับครีมชีสด้วย ตัวน้ำก็เลยออกจะมีความเข้มข้นและครีมมี่มากขึ้นอีกนิดนึง โดยเค้าจะใส่ฝาที่เจาะรูกว้างๆไว้ให้เพื่อให้ยกดื่มได้เลย หรือถ้าใครที่คิดว่าแบบนี้เข้มข้นไปละก็ รอซักพักให้น้ำแข็งละลายซักนิดก็จะดื่มได้ง่ายขึ้นค่ะ แก้วต่อไปนี้สำหรับคอกาแฟค่ะ แต่ช้าก่อน ร้านนี้ขายแต่ชาล้วนๆเท่านั้น คุณผู้อ่านเชื่อหรือไม่ มีชาที่มีรสชาติเหมือนกาแฟเปี๊ยบเลยค่ะ ภายใต้ชื่อ The Dark (115 บาท) เป็น…
มาดับกระหายคลายร้อนด้วยอาหารรสเลิศ “ข้าวแช่ชาววัง” เมนูไทยสุดคลาสสิคพิถีพิถันทุกขั้นตอน ณ “สยาม ที รูม” กันเถอะ ! Kinlakestars.com และ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ต้อนรับฤดูร้อนด้วยเมนูไทยคลาสสิค “ข้าวแช่ชาววัง” สูตรลับที่สืบทอดมาจากครอบครัวของเชฟชื่อดังผู้เชี่ยวชาญตำรับอาหารไทย ลิ้มรสข้าวแช่ที่หุงอย่างพิถีพิถัน หอมกรุ่นกลิ่นน้ำอบดอกไม้หอมไทย รับประทานกับเครื่องเคียงรสเลิศ ปรุงอย่างวิจิตรบรรจง ซึมซับความงดงามของวัฒนธรรมไทยได้ที่ ห้องอาหาร สยาม ที รูม เฉพาะมื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 11.00 – 16.30 น. ตลอดเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2561 นี้ Kinlakestars.com ขอพาทุกท่านไปยังแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค (Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park) เพื่อมาลิ้มลองเมนูสุดคลาสสิคของไทย “ข้าวแช่ชาววัง” หรือ “ข้าวแช่เสวย” โดย เชฟอ้น – อนุกูล พูลพิพัฒน์ แห่งห้องอาหาร สยาม ที รูม (Siam Tea Room) ผู้เชี่ยวชาญตำรับอาหารไทย เคี่ยวกรำการครัวมาตั้งแต่เล็กด้วยอยู่ในครอบครัวที่รักในการทำอาหารไทยทั้งคาวหวานมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย นำข้าวแช่ชาววังสูตรต้นตำรับชาวมอญ ซึ่งเป็นที่นิยมในรั้วในวังมาปรุงอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกคนได้อิ่มเอมกับรสชาติชาววัง มาดับกระหายคลายร้อนไปพร้อมกัน เริ่มต้นมื้ออาหารในช่วงฤดูร้อนๆกันด้วยเครื่องดื่มสุดแสนสดชื่น นั้นก็คือมะนาวโซดาอัญชัน สุดแสนจะหอมจากใบส้มซ่า หวานอมเปรี้ยวไปกับมะนาวเขียว ข้าวแช่เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญ โดยแต่เดิมนั้นชาวมอญจะทำข้าวแช่ในช่วงสงกรานต์ เพื่อบวงสรวงเทวดาและถวายพระ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ไทยต่อมาชาววังได้รับวัฒนธรรมการกินแบบชาวมอญและมีการปรุงแต่งให้วิจิตรบรรจงยิ่งขึ้น ในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 5 มีการเผยแพร่สูตรลับ “ข้าวแช่ชาววัง” หรือ”ข้าวแช่เสวย” ทำให้เป็นที่นิยมในช่วงรัชสมัยนั้น และยังคงรักษาเอกลักษณ์วิถีข้าวแช่จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการหุงข้าวด้วยกรรมวิธีพิเศษ อีกทั้งน้ำลอยดอกไม้ โดยดอกไม้ที่ใช้ที่นี้นั้นจัดได้ว่าครบเครื่อง ทั้งดอกมะลิ ดอกชมนาด และกุหลาบ และการอบควันเทียน อีกทั้งข้าวที่ใช้ก็เป็นข้าวจากจังหวัดอำนาจเจริญ และมีการทำข้าวเป็นสองสี โดยข้าวสีฟ้านั้นมาจากการหุงด้วยน้ำจากดอกอัญชัน เรามาเริ่มต้นสดชื่นๆกันด้วยแตงโมปลาแห้งกันครับ ซึ่งเมนูนี้เป็นที่ยอดนิยมของสยามในอดีต ที่นิยมกินกันช่วงฤดูร้อน ช่วยให้ดับกระหายคลายร้อน รับประทานกับเครื่องเคียงรสโอชา ได้แก่ “อัญชันห่อกุ้ง”…
การทำอาหารนั้นแต่เดิมเราจะคิดว่าเป็นงานของผู้หญิง อยู่กับบ้านทำงานบ้านงานเรือน ทำอาหาร แต่ในปัจจุบันนั้นถ้าเราไปรับประทานอาหารตามร้านอาหารมักจะพบหัวหน้าพ่อครัวหรือเชฟใหญ่เป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ มีน้อยมากที่จะเป็นผู้หญิง เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล วันที่ 8 มีนาคมของทุกปี ในปีนี้ Kinlakestars.com จะขอพาไปชมฝีมือการทำอาหารจากเชฟผู้หญิง ทั้งเชฟมิชลินสตาร์ เซเลบลิตี้เชฟ เชฟจากห้องอาหารชั้นนำ มาจากทั้งในและต่างประเทศได้มารวมตัวกันที่งาน Women in Gastronomy (Wig) ที่จัดขึ้น ณ โรงแรมสุโขทัย เบื้องหลังอาหารสวยๆบนโต๊ะนั้น ผู้หญิงเราก็ทำได้ไม่แพ้ผู้ชายเลยทีเดียว โดยงานนี้มีการนำเชฟผู้หญิงชั้นนำ 15 คนจากต่างประเทศและในประเทศมารวมตัวกัน พูดคุยกัน และมี Luncheon story-telling จากเชฟทุกคนด้วยค่ะ ‘Nam Prik Ban Na’ – Rice paddy field relish จานแรกจากเชฟ Duangporn ‘Bo” Songvisava ผู้ร่วมก่อตั้งร้านอาหารมิชลินสตาร์ 1 ดาว ร้านโบ.ลาน และยังเป็นผู้ครองตำแหน่ง Best Female chef in Asia 2013 จานนี้มาในรูปแบบรสชาติแบบไทยๆมาให้ลิ้มลองกันถึง 4 รส รีวิวร้านอาหารโบ.ลาน อ่านได้ที่นี่ ‘Miang Tuo Thod’ – Crispy peanut chip, dried shrimps and pickled tamarind salad จากเชฟ Rossarin ‘Rin’ Sriprathum แห่งห้องอาหาร Celadon โรงแรมสุโขทัย ผู้ได้รับแรงบันดาลใจในการทำอาหารมาจากคุณย่า อย่างเมี่ยงถั่วทอดนี้ ถั่วทอดเป็นของทานเล่นที่เชฟชอบ นำมาทานคู่กับเมี่ยง ทานกันเพลินๆมากค่ะ รีวิวห้องอาหาร Celadon อ่านได้ที่นี่ ‘Risotto alla Mugnaia’ จากเชฟ…