วันนี้ทาง Kinlakestars จะขอนำเสนอ ร้านอาหารไทย Nahm @The Metropolitan Bangkok ร้านอาหารไทยในเมืองไทยร้านเดียวที่ได้รับการโหวตให้เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดของโลกปี 2015 อันดับที่ 22 (The Worlds 50 Best Restaurant 2014) http://www.theworlds50best.com/list/1-50-winners#t21-30 และเป็นร้านอาหารไทยสาขาแรกในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยเชฟชาวออสเตรเลีย David Thompson ที่ได้รับหนึ่งดาวจากมิชลิน บรรยากาศภายในร้านใช้ ไฟโทนสีส้ม ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีโต๊ะทั้ง Indoor และ Outdoor ด้านนอกจะอยู่ติดริมสระน้ำของโรงแรม บรรยากาศดีทีเดียว การจัดโต๊ะเหมือนกับอาหารฝรั่ง มีอุปกรณ์จัดวางเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะ ทั้งช้อน ส้อม แก้วน้ำ แก้วไวน์ และผ้ากันเปื้อน หลังจากได้สัมภาษณ์ และพูดคุยกับเชฟปริญญ์ ผลสุข Head Chef ของร้าน Nahm จะรู้ว่าอาหารไทยนั้น มีความละเอียด พิถีพิถันมาก ที่ร้าน Nahm จะเป็นอาหารไทยแบบแท้จริง (Authentic Thai) รสชาติดั้งเดิม ทำให้คนที่มาทานรู้สึกเหมือนว่ามาเที่ยว มารับประสบการณ์ใหม่ๆ และที่สำคัญคนทานต้องมีความสุข เชฟปริญญ์ได้กล่าวว่า อาหารเป็นประวัติศาสตร์ วิถีการกินเป็นวิถีแรกของมนุษย์ สมัยก่อนเราใช้อาหารกับศาสนามาทำให้คนรวมกลุ่มทำกิจกรรมกัน เช่น กินข้าวร่วมกัน ทำกับข้าวถวายพระที่วัด เราต้องเข้าใจในวิถีของการดำรงชีวิต คือ คนไทยเราจะกินข้าวพร้อมหน้ากัน หลักๆอาหารไทยจริงๆคือ ‘ข้าว’ จะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “เมืองไทยในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” อย่างแกงก็ต้องกินกับข้าว ไม่ใช่กินแกงอย่างเดียว เพราะรสชาติแกงที่แท้จริง รสชาติจะจัดจ้าน เข้มข้น เผ็ด เค็ม อาหารไทยสามารถทานพร้อมๆกันได้ ไม่เหมือนอาหารฝรั่งที่มีลำดับก่อน หลัง อย่างที่ต้องทานซุปก่อน มีคนกล่าวว่า “Balance หรือว่ากลม” ซึ่งหมายความว่าต้องมีความสมดุล ควรกินทุกอย่างด้วยกัน ไม่ใช่กินอย่างเดียว เช่น กินแกง ยำ น้ำพริก ผักลวก ผักต้ม อย่างการกินยำ…
Author: warn
ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาศิลาดลได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นสวรรค์ของความสงบและการรับประทานอาหาร ที่ดีที่ได้ทำหน้าที่บริการอาหารไทยต้นตำรับมายาวนานเกือบยี่สิบห้าปี เมนูที่ภูมิใจนำเสนอหกเมนูเป็นพิเศษ อาหารจานพิเศษที่ขอแนะนำโดยเชฟรินและทีมงาน อาหารแต่ละจานที่น่ารื่นรมย์ ได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทย ด้วยการนำเสนอที่สวยงาม ก่อนรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของสูตรและส่วนผสมแย่างไทยแท้ ที่ปรุงด้วยส่วนผสมที่เลือกและเตรียมความพร้อม ที่มีความสนใจ ใกล้เคียงกับเทคนิคแบบดั้งเดิมในอดีตมากที่สุด Celadon Chef’s Recommended ได้แก่: – หอยเชลล์ฮอกไกโดกุ้งเนื้อปูทอดห่อในแผ่นเกี้ยว – เงาะสด พริกสดและซอสกะปิ – สลัดผักสด อกไก่ และกุ้ง – เนื้อปลาหิมะสด อบหมักหอมสมุนไพรไทยในไม้ไผ่สีเขียว – หมูหมัก, ผักบุ้ง ในซอสถั่วลิสงพริกราดบนข้าวหอมมะลิ – ข้าวสีเขียว มะพร้าวอ่อน กล้วยนึ่ง ในกะทิอุ่นๆน้ำเชื่อม “Kapraw” เมนูพิเศษประจำเดือน เมนูรวมทั้งอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน พร้อมกับ ไวน์กุหลาบให้ความอร่อยยิ่งขึ้น มื่อทำการจับคู่กับอาหารที่สมบูรณ์แบบ หนึ่งในความทรงจำที่น่าจดจำพิเศษ แขกที่อาจจะมาจากต่างประเทศกับ เพื่อน ๆ หรือครอบครัวที่กำลังมองหาที่จะสำรวจรสชาติเดิมของ อาหารไทย ที่ Celadon สำหรับมื้อกลางวันหรือมื้อค่ำ Kapraw ชุดเมนูรประกอบไปด้วย : – ของว่างที่คัดเลือกโดยทีมเชฟ ศิลาดล – สลัดยำคอหมูย่าง – ต้มยำกุ้ง – ผัดเนื้อวัวกระเทียมพริกและกระเพรา – ปูนิ่มทอดในซอสกระเทียม – คะน้าน้ำมันหอยผัด – ไอศครีมตะไคร้โฮมเมดเสิร์ฟพร้อมกับผลไม้ตามฤดูกาล ศิลาดล เปิดบริการทุกวัน : อาหารกลางวัน 12:00-15:00 น และมื้อค่ำ 18:30-23:00 น รำไทยคลาสสิก ที่จะดำเนินการแสดง ให้ทุกท่านเชยชมสมอุรา ทุกวันเวลา 20:00 น และ 21:00 น สำหรับการสำรองที่นั่ง โทร 66 (0) 2344 8888 หรือ อีเมล์: [email protected] คิดถึงแหล่งรวมโปรโมชั่นอาหาร คิดถึง Kin Promo…
ค่ำคืนนี้ทาง Kinlakestars ได้รับเชิญมาชิม ปลาไหลญี่ปุ่น UNAGISHI ซึ่งเป็นปลาไหลแบรนด์อันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น โดยงานนี้จะปรุงโดยเชฟบุญธรรม ภาคโพธิ์ เชฟกระทะเหล็กอาหารญี่ปุ่นของประเทศไทย งานนี้จะจัดร่วมกับ YATSUSHIKA BREWERY CO., LTD. เป็นบริษัทจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆของญี่ปุ่น เช่น สาเก โชจู คนญี่ปุ่นนิยมจะรับประทานปลาไหลในช่วงหน้าร้อน เพราะปลาไหล เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ใช้เป็นยารักษาโรคได้มาแต่โบราณกาล เพื่อเพิ่มพลัง ให้ความสดชื่น และความกระปรี้กระเปร่าจากความแข็งแรงที่ลดลงในช่วงฤดูร้อน ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมกินปลาไหลย่างกันมากในหน้าร้อน หรือช่วงก่อนเปลี่ยนฤดูกาล โดยเฉพาะระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน Unagishi เป็นคำที่ใช้เรียก ผู้เชี่ยวชาญด้านปลาไหล ของบริษัท Yamada Suisan และในขณะเดียวกันก็เป็นชื่อสินค้าอีกด้วย ในปี 2005 Yamada Suisan เป็นเจ้าแรกที่สามารถเพาะเลี้ยงปลาไหลได้โดยที่ไม่ใช้สารเคมีหรือยาเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จนี้ได้คือการใช้น้ำบริสุทธิ์จากใต้ดินลึกกว่า 70 เมตร จากเมืองชิบูชิ จังหวัดคาโกชิม่า และการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง (อุณหภูมิ, คุณภาพน้ำและปริมาณออกซิเจน) และสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ Unagishi เป็นผู้นำในตลาดปลาไหลของญี่ปุ่น Kabayaki เป็นปลาไหลออแกนิคราดซอสสูตรพิเศษ และนำมาย่างด้วยเตาถ่านร้อนๆ เหมาะจะนำมาทำเมนู คาบายากิ ฮิซึมะบูชิ และซูชิ Shiro-Yaki เป็นปลาไหลราดด้วยโชยุอ่อนๆ และนำมาย่างด้วยเตาถ่าน เหมาะสำหรับเชฟที่ต้องการรังสรรค์เมนูด้วยตัวเองเพราะสามารถนำมาปรุงแต่งรสชาติได้ง่าย นอกจากอาหารญี่ปุ่นแล้วยังสามารถนำมาทำอาหารประเภทอื่นได้อีกด้วย ภายในงานจะมีไวน์ขาว และไวน์แดงมาให้ชิม และทานคู่กับอาหารของคืนนี้ด้วยครับ เมนูคอร์สดินเนอร์ของ Unagishi ซึ่งจะใช้ทั้ง Kabayaki และ Shiro-Yaki เสิร์ฟควบคู่กับสาเกญี่ปุ่น โชจู และเหล้าต่างๆของบริษัท Yatsushika ซึ่งมาจากเกาะคิวซู เรามาลองชิมคอร์สแรกกันเลยครับ เริ่มจากคอร์สแรก “Unagishi no Unagi” Canapé (Braised Unagishi no Kaba-yaki eel, tofu, burdock and egg / Unagishi no Shira-yaki…
ค่ำคืนของวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทาง Kinlakestars.com ได้ไปร่วมงานเปิดตัว Vivin Caviar & Martini experience เป็นประสบการณ์ที่ดีจริงๆ ดื่มมาตินี่แกล้มไข่ปลาคาเวียร์จากฟาร์มอันทันสมัย ใช้เทคโนโลยีที่ยั่งยืน ช่วยปกป้องและควบคุมปลารัสเซียสเตอร์เจียนให้สมบูรณ์เสมือนอยู่ในธรรมชาติ โดยฟาร์มอยู่ทางเหนือของอิตาลี มีประสบการณ์และความชำนาญมากว่า 30 ปี ไข่ปลาที่ได้จะผ่านการเกลือด้วยกรรมวิธีดั้งเดิมแบบ Russian Malossol โดยใส่เกลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรามาเริ่มจากโต๊ะของพระเอกของงานกันดีกว่า ซึ่งก็คือไข่ปลาคาเวียร์ Vivin Oscietra ในกระปุกกลมสีทองคาดแถบสีม่วงตั้งเด่นหราอยู่นั่นเอง มีเครื่องเคียงให้ลองชิมด้วยกัน 5 อย่าง เป็นไข่ขาว ต้นหอม หอมแดง เคเปอร์ และไข่แดง เค้าว่าให้ลองใส่ทั้งหมด เราก็ลองใส่ทั้งหมด แล้วเวลาเคี้ยวๆไปกลิ่นต้นหอม หอมแดง เคเปอร์ดองเปรี้ยว ไข่แดงและไข่ขาวประกอบ ทุกอย่างจะค่อยๆออกรสชาติมา ส่วนตัวไข่ปลาคาเวียร์เม็ดกรอบกลมสีน้ำตาลทองเข้ม จะเค็มกำลังดี ชวนให้นึกถึงน้ำทะเลรสอ่อนๆ แต่อีกพักนึงมีผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งมาสั่งให้เอาเคเปอร์เก็บไปเถิด รสชาติของมันแรงและโดดเด่นเกินไป อีกทีถ้าจะให้ดีเค้าได้แนะนำอีกว่าให้ทานแค่ ขนมปัง ครีมชีสและไข่ปลาเท่านั้น จะดีที่สุดเลยล่ะ หรือถ้าจะลองแต่ไข่ปลาคาเวียร์ เค้าจะตักใส่มือให้ลองได้เลย ก็จะได้รสชาติที่แท้จริง งานนี้มาพร้อมกับคานาเป้ ขนมปังกรอบ ครีมชีสหอมๆ ปลาสเตอร์เจียนเนื้อนิ่มรสเค็ม และท๊อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ และจากทุกรูปที่ผ่านมาทุกท่านจะสังเกตุเห็นช้อนมุกในทุกภาพที่มีความเกี่ยวข้องกับไข่ปลาคาเวียร์ เพราะพื้นผิวของช้อนมุกจะไม่ทำให้รสชาติและรูปทรงของไข่ปลาคาเวียร์เปลี่ยนไป ยังคงรสชาติดั้งเดิมอยู่ได้นั่นเอง สีเขียวอ่อนนวลๆในแก้วมาตินี่ คือ เชอเบ็ตมะนาวอันหอม เปรี้ยวกำลังดี มีเหมือนแถมรสเลมอนเจือจางอีกเล็กน้อย Lemon meringue สีขาวนวลพองฟู หวานๆแบบน้ำตาลไอซิ่ง เนื้อเบากัดง่าย ตรงกลางเป็นเลมอนสีเหลือง เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด ได้ใจกันดี ส่วนนางเอกของเราเป็นมาตินี่ ที่ทยอยเยื้องกรายเดินออกมาจากหลังม่าน อันได้แก่ The Classic Martini / Dirty Martini / Perfect Martini เลือกได้ว่าจะทานเป็น G’Vine Nouaison Gin / Beluga Nobel…
รีวิว สุดยอดอาหารฝรั่งเศสจากธรรมชาติ ณ La Scala โดย 3 Michelin Star Chef Emmanuel Renaut วันนี้ทาง Kinlakestars จะพามาชิมและพบกับอาหารฝีมือของเชฟ Michelin Star 3 ดาว เชฟ เอ็มมานูเอล เรอโน (Chef Emmanuel Renaut) ซึ่งให้บริการระหว่างวันที่ 23 – 28 พฤษภาคม 2559 เท่านั้น ณ ห้องอาหาร La Scala แห่งโรงแรม The Sukhothai Bangkok กับอาหารฝรั่งเศสที่แสนพิเศษ จากแนวคิดการสร้างสรรค์จากธรรมชาติ ด้วยความสด จากวัตถุดิบที่ใช้ ความพิถีพิถัน บรรจง และสร้างสรรค์ ที่เมื่อเทียบกับราคาแล้วนับว่าคุ้มค่าอย่างมาก เชฟ เอ็มมานูเอล เรอโน เป็นเชฟชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่งในทวีปยุโรป เริ่มเรียนรู้การปรุงอาหารโดยเข้าร่วมโครงการ ซีเอฟเอ (CFA of Laon)ในปี 1984 และได้ทำงานที่โรงแรมเลอ ล็อตติ (Le Lotti) เชฟใช้เวลาเพียง 4 ปี ก็ได้เป็นระดับหัวหน้าพ่อครัว เชฟเอ็มมานูเอลสั่งสมประสบการณ์ทั้งในประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ ต่อมาจึงเปิดร้านอาหารโฟลกง เดอ แชล (Flocons de Sel) ของตนเองและได้รับดาวเกียรติยศมิชลินสตาร์ครั้งแรกในปี 2546 ดวงที่ 2 ในปี 2549 และครั้งล่าสุดดวงที่ 3 ในปี 2012 ซึ่งถือเป็นการการันตีรสชาติฝีมืออันยอดเยี่ยม อีกทั้งยังครองตำแหน่ง “Cooking Chef of The Year” 2550 และเป็นที่ยอมรับว่าเป็นเชฟที่เก่งที่สุดของประเทศฝรั่งเศส เชฟ เอ็มมานูเอล ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกองค์กรอาหาร ตูร์เดอฟรองซ์ (Companion of the…
SEED เป็นอีกร้านหนึ่งในเครือ Water Library ที่เป็นสไตล์ Casual dining บรรยากาศชิวๆ สบายๆ เป็นที่แฮงเอ้าท์หลังเลิกงานได้ Concept ของร้านนี้คือ ‘Farm to table’ คือ จะใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นที่สดใหม่และยั่งยืน ตัวอย่างเช่น ผักที้ร้านจะใช้ของโครงการหลวง จะเข้าอาทิตย์ละ 3 วัน แน่นอนว่าลูกค้าจะได้ทานวัตถุดิบที่สด ใหม่เสมอ บรรยากาศภายในร้าน จะตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติ แนวเกษตรกร โรงนา เห็นได้จากผนัง กำแพง เป็นอิฐสีเทา มีโครงไม้ต่างๆประดับด้านบนเพดาน ทั้งกระถางต้นไม้ และมีเชือกห้อยลงมา ให้ดูเป็นธรรมชาติเฟอร์นิเจอร์ของทางร้านจะสั่งทำพิเศษ เป็นโทนสีเข้ม โต๊ะ เก้าอี้ทำจากไม้ และใช้ไฟโทนสีส้ม เพื่อเพิ่มความอบอุ่น เมนู KinlakeStars.com แนะนำ พาสต้ามันปูและปูทะเลทั้งตัว – เต้าหู้ซอสฟัวกราส์ – Mango yogurt panna cotta เชฟที่คอยปรุงและสร้างสรรค์ความสวยงามและความอร่อยนั้นคือ เชฟจาว (คุณภคปัทม์ ศักดิ์ยโศ) Chef GM เป็นมือขวาของเชฟ Haikal Johari ซึ่งเคยร่วมงานกันตั้งแต่ที่ Water Library สาขาทองหล่อมาเริ่มรองท้องจากขนมปังก่อนเลยครับ ทางร้านจะเสิร์ฟเป็น Ciabatta เป็นขนมปังอิตาลี ที่ทางร้านทำเอง ด้านในขนมปังจะใส่มะเขือเทศอบแห้งด้วย แป้งกรอบนอก นุ่มใน อบร้อนๆ เสิร์ฟทานคู่กับเนยสีออกเขียวๆ ผสมต้นหอม กระเทียม และใบโหระพา เนยนุ่มมาก เพราะอัดแก๊สเข้าไปด้านใน เครื่องดื่มตัวแรกเป็น ค็อกเทล Ginger Flower (280++ บาท) มีส่วนผสมของ Gin, Fresh Ginger, Pineapple Juice, Elderflower Syrup, Lime สีขาวขุ่น ให้กลิ่นหอมของขิงที่ชัดเจน เพราะใช้ขิงสดมาบด ให้ความหอม สดชื่น แก้วต่อมาเป็นไวน์แดง Cabernet…
ซอสพริกศรีราชา ตราศรีราชาพานิช มีให้ชิม ข้าวเหนียวหมูย่าง พร้อมทั้งอธิบายและบอกเคล็ดลับการทำ “หมูย่างศรีราชาพานิช” (Sriraja Panich Grilled Pork) ด้วยครับ เครื่องปรุง (Ingredients) สันคอหมู (Pork Shoulder) 500 กรัม (g.) ซอสพริกเผ็ดกลาง ตราศรีราชาพานิช (Sriraja Panich Sauce, Medium hot) 6 ช้อนโต๊ะ (Tbs.) ซอสปรุงรสฝาเขียว ตราภูเขาทอง (Golden Mountain Seasoning Sauce, Green Cap) 3 ช้อนโต๊ะ (Tbs.) น้ำมันพืช (Vegetable Oil) 2 ช้อนโต๊ะ (Tbs.) น้ำตาลปี๊บ (Palm Sugar) ½ ช้อนโต๊ะ (Tbs.) วิธีทำ (Method) หั่นหมูเป็นชิ้นสเต๊กหนาประมาณ 1 นิ้ว นำไปหมักกับส่วนผสมทุกอย่าง (Slice pork about 1 inch thick, marinate with the ingredients) พักไว้ 30 นาที (rest of for 30 minutes) นำหมูไปย่างจนสุกเหลือง (Grill pork on both side ) เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียว (serve with sticky rice) Story : Athiwat T.…
พาชมงานการกุศล MS HAPPY DIET & FRIENDS CHARITY MARKET สำหรับคนรักสุขภาพ ครั้งแรกกับการรวมตัวกันของ Health & Wellness Community เหล่าบรรดา Celebrities, Influencers, ร้านอาหาร แบรนด์สินค้า และผู้มีความสนใจใน Health & Happy Lifestyle ที่จัดและคัดสรรโดย MS HAPPY DIET & FRIENDS รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปมอบให้มูลนิธิข้าวขวัญทั้งหมด จัดขึ้นที่ศูนย์การค้า Emquatier ชั้น 5 บริเวณ Helix Water Garden ในวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2559 ตั้งแต่เวลา 15.00 – 20.00 น. บัตรมีราคา 100/200/500/1,000 บาท งานนี้ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งสุขภาพที่ดี กับอาหารคลีนๆ แคลอรี่ต่ำๆ เพื่อสุขภาพ มาเริ่มเดินชมงานกันเลยครับ ร้าน SEED จากสุขุมวิท 39 ก็มาร่วมด้วย มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพมาให้ลองชิมกันครับ เริ่มจาก “Baby Cos Lettuce” มีส่วนประกอบ Wild sea prawns, cheddar and garlic, creamy vinaigrette, parmesan cheese คุณประโยชน์ของ Cos Lettuce มีหลากหลายประการ Vitamin A, C and K Boosts hearth health, blood flow Healthy eyesight Heal skin Prevents aging signs Boosts…
“Bangkok Summer of Riesling 2016” ได้จัดขึ้นที่ร้าน Riedel Wine Bar & Cellar เชิญชวนผู้ที่หลงรักไวน์มาดื่มด่ำกับสุดยอดไวน์ Riesling ที่เหมาะกับการดื่มในช่วงฤดูร้อนกว่า 20 ชนิด จาก 5 แคว้นชื่อดังในประเทศเยอรมัน และแคว้นอัลซาสในประเทศฝรั่งเศส เช่น Van Volxem, St.Urbanshof, Diel, Dönnhoff, Leitz, Dreissigacker, Friedrich Becker, Pauly, Egon Müller and Keller โดยเสิร์ฟในแก้ว ‘Veritas’ จาก Riedel เป็นแก้วที่เหมาะกับไวน์ Riesling โดยเฉพาะ เพื่อให้ไวน์ ได้แสดงรสชาติ และคุณสมบัติที่แท้จริงออกมาได้มากที่สุด ก่อนเข้างานจะมีซุ้มบริการติด Tattoos คำว่า ‘riesling’ สามารถติดได้ตามใจชอบ ตำแหน่งไหนก็ได้ เพื่อความเท่ และมีเสื้อยืดสีเทา ที่สกรีนคำว่า ‘riesling’ ตัวอักษรสีเหลืองจำหน่าย เป็น Limited Edition มีไซด์ S, M, L, XL โดยจำหน่ายตัวละ 500 บาทอยู่ที่หน้างาน หลังจากเดินเข้ามาในงาน จะพบกับโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่วางเรียงราย เต็มไปด้วยแก้ว ‘Veritas’ พนักงานจะต้อนรับและแจกให้คนละ 1 ใบสำหรับเทสไวน์ครับ จะมีไวน์ให้เทสทั้งหมด 4 Tables รวมทั้งหมด 20 ตัว ไล่ตั้งแต่ #1 – #20 ซึ่ง Table 1 – Table 3 จะเป็นไวน์ขาว (#1 – #16) แต่ Table 4 จะเป็นไวน์แดง (#17 -…
ร้าน J’AIME By Jean-Michel Lorain เป็นธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นที่ผูกพันธ์กับธุรกิจอาหารมาตั้งแต่รุ่นทวดจนถึงรุ่นหลาน ร้านนี้มีคุณ Marine Lorain (ลูกสาวของ Jean-Michel Lorain) เป็นผู้จัดการร้าน คอยดูแลและควบคุมการผลิตให้ได้มาตรฐานตามที่คุณพ่อ (Jean-Michel Lorain) ได้สร้างไว้ ร้าน J’AIME เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่มี concept การตกแต่งร้านแบบ Upside down จะเห็นได้จากเสา กระจกหน้าต่าง เปียโนห้อยอยู่บนเพดาน เตาผิง Chandelier ที่วางหงายอยู่บนพื้น ขวดเหล้าบนบาร์ ล้วนจะเป็นการกลับหัวจากบนลงล่างทั้งสิ้น และที่แปลกอีกอย่างคือ ที่ร้านจะเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสแบบคลาสสิค แต่จะมีรูปแบบการนำเสนอให้เป็นแบบทางตะวันออกมากขึ้น โดยการนำเอาวัฒนธรรมการแชร์อาหารกันมาใช้ บนโต๊ะจะมีการเอาแท่นหมุนอย่างโต๊ะจีนมาใช้ และมีการเอาตะเกียบมาเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้รับประทานอาหารอีกด้วย เริ่มจาก Amuse-Bouche ที่ทางเชฟ Amerigo จัดมาเซอร์ไพรส์ครับ ทำมาเป็นคำเล็กๆ พอดีคำ มี 2 อย่างคือ ขนมปังกรอบที่ผิวนอก ด้านในนุ่ม ตัดเป็นแผ่นสามเหลี่ยมทาด้วยครีมเห็ดทรัฟเฟิล หอม มันเลยทีเดียว แล้วทอปด้วยเห็ดทรัฟเฟิลสด อย่างที่สองเป็นขนมปังอบกรอบ แผ่นบางๆเสิร์ฟพร้อม Parma Ham รสเค็มนิดๆ เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว ก่อนที่จะเริ่มอาหารจานแรก จะมีพนักงานมาเสิร์ฟขนมปังอบร้อนๆ มีให้เลือกมากมายเช่น Baguette, Potato Croissant, Sourdough และ Brioche เสิร์ฟทานคู่กับเนย ที่นี่พนักงานบริการดีมาก เมื่อเราทานขนมปังหมด จะรีบมาถามว่ารับเพิ่มอีกมั้ย แล้วขนมปังยังอบมาร้อนๆตลอด เหมือนพึ่งออกมาจากเตาอบเลยทีเดียว จานแรกนี้ไม่อยู่ในเซ็ต 6-COURSE TASTING MENU เป็นเมนูใหม่ของทางร้านที่เชฟทำมาให้ลองชิมดูครับ เป็นซุปครีม เหลว นุ่ม ละมุนลิ้น รสกลมกล่อม ในซุปจะประกอบด้วยขากบ ตับห่าน เห็ดหอม และดอกกุยช่ายให้กลิ่นอายความเป็นตะวันออกหน่อย ขากบถ้าไม่บอกก่อนว่าเป็นขากบจะนึกว่าเนื้อไก่เลยทีเดียว ทำได้นุ่ม ไม่เหนียวและไม่มีกลิ่นเลย เริ่มจากจานแรกที่เป็น Appetizer คือ Special Gillardeau oyster with leek…