ผ่อนคลายทั้งกายและใจ ไปกับการบำบัดด้วยสัมผัสทั้งการนวด ดัด กด กลิ่น และเสียง หนึ่งในสปาที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาภูเก็ต ” Quan ” ชื่อนี้มาจากไหน และสื่อความหมายแค่ไหน มาดูกันเลยครับ สรรค์สร้างด้วยน้ำ – Quan ซึ่งเป็นคำๆหนึ่งจากภาษาจีน ที่แปลว่า “แหล่งน้ำบริสุทธิ์” เป็นชื่อที่ก่อตั้งให้ได้รับกับและสอดคล้องกับสปา ซึ่งนำมาใช้ในการฟื้นฟูสมรรถภาพด้วยน้ำ สปานี้เปรียบดั่งโอเอซิสแห่งการรักษาและฟื้นฟู จากภาษาที่อุดมไปด้วยสัญลักษณ์และภาพอันผ่อนคลาย นอกจากนี้ ” Quan ” ยังหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีและบริสุทธิ์ – โลกอันเป็นมงคลเพื่อเป็นตัวแทนของสปาที่แสวงหา เพื่อให้เป็นเส้นทางสู่ความเป็นทั้งหมดและความเป็นอยู่ที่ดี สำหรับ ” Quan ” แห่งนี้ มีห้องทรีตเมนต์ ทั้งหมด 4 ห้องและห้องอบไอน้ำ 2 ห้อง จึงไม่แปลกเลยที่จะเต็มตลอดเวลาด้วยปรัมาณและคุณภาพ หากมา เราจึงขอแนะนำให้ท่านจองแต่เนิ่นๆ สำหรับผลัตภัณฑ์ภายในสปาแห่งนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากแบรนด์สปาชั้นนำอย่าง BHAWA นั้นเองครับ Quan Spa เป็นสปาพรีเมี่ยมที่ซ่อนตัวอยู่ชั้นล่างสุด โรงแรม Phuket Marriott Resort and Spa, Nai Yang Beach โซนสปาของโรงแรมอยู่ชั้นเดียวกับ สระว่ายน้ำ และฟิตเนส ของโรงแรม และยังหันหน้ออกสู่ทะเล ดูภายนอกเหมือนการมาเยือนถ้ำที่แลดูสวย สงบ น่าเชื้อเชิญให้เข้าไป เราจะประทับใจตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่เดินเข้าไป ในแสงที่ครึ่มลง ทำให้ผ่อนคลายลงและสงบ ด้านหน้าหลังจากเข้าไปในอาคาร มีสระน้ำอยู่ด้านหน้าใต้ชายคา เหมือนดั่งถ้ำที่ลอยอยู่เหนือผืนน้ำ เมื่อเราเลือกโปรแกรมนวดแล้วก็กรอกเอกสารว่า มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง มีอาการปวดจุดไหนบ้าง อยากให้เน้นและนวดจุดไหนเป็นพิเศษ มีอาการอะไรที่อยากให้แก้เป็นพิเศษเช่น ปวดหัวไมเกรน ปวดบ่า นอนไม่หลับ ฯลฯ เพราะเวลานวด พนักงานจะเน้นและปรับให้เหมาะกับอาการของเรานั้นเอง จากนั้น เมือกรอกเอกสารเสร็จ ก็จะนำไปสู่การไปนวด แต่ก่อนจะไปยังห้องนวด พนักงานก็จะนำเครื่องดื่มสมุนไพรอุ่นๆมาให้เราดื่ม อีกนั้นผ้าร้อนที่มีกลิ่นหอมตะไคร้อ่อนๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย ปรับอารมณ์ และสมดุล เมื่อผ่านพิธิกรรมการต้อนรับ และให้รายละเอียดกันเป็นที่เรียบร้อย พนักงานก็จะพาเรามายังห้องนวด ซึ่งภายในห้องสปา มีตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย และที่ล้างมือ รวมถึงกล่องเก็บข้าวของ เครื่องใช้ส่วนตัว ถอดเสื้อแล้วก็ใส่กางเกงในที่ทางสปาเตรียมไว้ให้ครับ ใส่ชุดคลุมรอกันเลย เมื่อเราเปลี่ยชุดกันเรียบร้อย…
Author: Kittin Assavavichai
สำหรับซัมเมอร์นี้เรามีโรงแรมรีโนเวทใหม่ภายใต้แบรนด์ Marriott นั่นก็คือ โรงแรม Phuket Marriott Resort and Spa, Nai Yang Beach นั่นเองครับซึ่ง เราจะอยู่ด้วยกันอย่างเต็มอิ่ม 3 วัน 2 คืนกันเลยทีเดียวครับ ไม่ว่าจะมากับเพื่อนๆ มากับแฟน มากันทั้งครอบครัว Phuket Marriott Resort and Spa, Nai Yang Beach ตอบโจทย์คุณได้หมดแน่นอน เพราะไม่ว่าจะรูปแบบห้องพักที่หลากหลาย กิจกรรมที่มีมากมายให้เลือกทำ นั้นจะช่วยเติมเต็มทุกช่วงเวลาของคุณให้สุข สนุกสนาน และผ่อนคลาย ภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา, ในยางบีช ยกระดับวันพักผ่อนให้รื่นรมย์ด้วยบรรยากาศสบายๆในยามพระอาทิตย์อัสดง ดื่มด่ำบรรยากาศสุดพิเศษบนหาดในยาง ชายหาดที่เงียบสงบและงดงามของเกาะภูเก็ต พร้อมให้คุณสัมผัสหาดทรายละเอียดและน้ำทะเลใสๆของท้องทะเลอันดามัน การบริการด้วยหัวใจที่ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด สร้างความรู้สึกพิเศษและประทับใจให้กับนักเดินทางทุกกลุ่มเป้าหมาย อาทิเช่น คู่รัก ครอบครัว กลุ่มเพื่อน และกลุ่มประชุมสัมมนา นอกจากนี้ยังมีการบริการอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย สถานที่จัดเลี้ยง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สปา รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและและกิจกรรมสำหรับเด็กเพื่อต้อนรับลูกค้าทุกท่าน การออกแบบ ภายใต้ความเรียบหรูแบบโมเดิร์นของ ภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา, ในยางบีช มีการเลือกใช้สีเอิร์ธโทนให้กลมกลืนกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของสถานที่ตั้ง พร้อมทั้งเปิดมุมมองรับความงดงามของหาดทรายขาวและน้ำทะเลสีฟ้าใสของทะเลอันดามันให้แต่ละพื้นที่ของรีสอร์ทได้สัมผัสอย่างเต็มที่ โดยเฟอร์นิเจอร์และรายละเอียดการตกแต่งต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนและความงดงามทางวัฒนธรรมของภูเก็ต อีกทั้งแทบทุกรายละเอียดของโรงแรมนั้นถูกเชื่อมต่อกันด้วยแนวคิดของนกกรงหัวจุก นกประจำของเกาะภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นมือจับ ของตกแต่งในห้อง น้ำพุ บนหลังคา ล้วนแต่มีนกกรงหัวจุกอยู่ทุกที่ เรามาเริ่มต้นทริปพักกายผ่อนคลายจิตใจที่ Phuket Marriott Resort and Spa, Nai Yang Beach กันเลยดีกว่าครับ เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อที่จะเดินทางเที่ยวบินเช้าสุดไปยังภูเก็ต และเมื่อถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ตแล้วนั้น เราเดินทางมาโรงแรมจากสนามบินโดยรถยนต์เพียง 15 นาที (4 km.) ซึ่งเราได้ใช้บริการรถ ลิมูซีน จากทางโรงแรม ใช้ Mercedes Benz E-Class พนักงานขับรถบริการดีมาก…
วันนี้ Kinlakestars จะมานำเสนอเมนูหลักๆของ โคคา สองหมวดหมู่ที่อร่อย ควรลิ้มลองได้แก่ ติ่มซำ ทำสดๆ และสุกี้ นั้นเอง ติ่มซำทุกเมนูจะทำตามออเดอร์ นึ่งสุกใหม่ ๆ ทุกจาน แล้วเสิร์ฟให้ลูกค้ากินตอนร้อน ๆ ซึ่งติ่มซำทำกันสด ๆ ส่วนมากจะหารับประทานได้ตามโรงแรมใหญ่ๆ เท่านั้น และที่พิเศษคือเป็นติ่มซำที่ลดมันหมูลง และเมนูติ่มซำของทางร้าน จะไม่มีการใช้น้ำมันทุกชนิด เพื่อคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ เชฟทุกคนผ่านการคัดเลือกเชฟมือดีที่ทำติ่มซำจากฮ่องกงมาประจำร้าน และวันนี้เราจะไปพบกับเมนูติ่มซำที่ทำกันสดๆจากครัวติ่มซำ และ สุกี้คุณภาพสูงกันครับ สำหรับติ่มซำที่นี่ทำกันสดๆ ใหม่ๆ ตามออร์เดอร์กันเลยทีเดียว มิได้ทำทิ้งและแช่แข็งเก็บและนำมานึ่งซ้ำๆ ดังนั้นจึงสด อร่อย และจะหลากหลาย น่าตาเป็นอย่างไร ไปชมกันเลยครับ เมนูติ่มซำแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวหลอดหมูแดง Rice Noodles Stuffed with BBQ Kurobuta (78 บาท) ภายในอัดแน่นไปด้วยไส้หมูแดง ที่เป็นสูตรของโคคาที่มีความนุ่มและกลมกล่อมอยู่แล้ว ห่อด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวบางๆ สูตรฮ่องกง เพิ่มรสชาติด้วยน้ำซอส หวานเค็มกลมกล่อมกำลังดี ก๋วยเตี๋ยวหลอดปลาท่องโก๋ Rice Noodles Stuffed with Taiwanese Fried Dough and Pork Floss (78 บาท) นำเอาปาท่องโก๋สูตรฮ่องกง ที่กรอบนอกนุ่มในโรยด้วยหมูหยองน้ำพริกเผา ห่อด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวบางๆ สูตรฮ่องกง เพิ่มรสชาติด้วยน้ำซอส หวานเค็มกลมกล่อมกำลังดี เปาะเปี๊ยะอะโวคาโด Avocado Spring Roll (78 บาท) คัดเฉพาะกุ้งเนื้อแน่นที่ให้รสชาติหวาน อร่อย เพิ่มความแตกต่างด้วยน้ำจิ้มที่ให้รสชาติหวานจาก มายองเนสตัดกับรสชาติเผ็ดจากส่วนผสมของวาซาบิที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แป้งเปาะเปี๊ยะทอดกรอบนอกนุ่มในด้วยเนื้อกุ้งสด ปลาท่องโก๋ทอด Taiwanese Fried Dough (55 บาท) ปาท่องโก๋ฮ่องกงของแท้และดั้งเดิม ที่มีความยาวยาวเกือบศอกที่มักจะเห็นทอดตอนเช้าๆ บนริมทางเกาะฮ่องกง นุ่มหนึบ รสดี อร่อย จิ้มกินกับนมข้นหวานยิ่งอร่อย ขนมผักกาดเจี๋ยนซอส XO (78 บาท)…
ตื่นตาไปกับพาเหรดแห่งโลกของอาหาร Sunday brunch ที่หลากหลายสุดๆแห่งริมน้ำเจ้าพระยา อิ่มเอมไปกับ lobster และบรรดาอาหารทะเลสดๆไม่อั้น ฟัวกราส์ วากิว สารพัดของปิ้งย่าง อาหารอิตาเลียนหลายเมนูจากโวลติ เป็ดปักกิ่งจากห้อง Shang palace อาหรญี่ปุ่น ซาซิมิ ทำใหม่ๆ อาหารอินเดียขึ้นชื่อแห่งริมน้ำเจ้าพระยา พลาดไม่ได้กับของหวานที่มากมาย หลากหลาย และดีงาม ทั้งสารพัดเค้ก ไอศกรีมกว่า 12 รส ช็อคโกแลตมากมายและหลากหลาย มาการอง ขนมไทยและอีกหลากหลาย พร้อมวงดนตรีแจ๊สสดๆ กับสารพัดอาหารไทยทำสดใหม่ตามออร์เดอร์ หลากหลาย ตระการตาที่นี่ Next2 café รื่นรมย์ไปกับจังหวะอันพลิ้วไหวของสายน้ำ บทเพลงแจ๊ซที่ขับกล่อมให้ทุกประสาทสัมผัสได้ผ่อนคลาย ลิ้มรสชาติอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติที่คัดสรรความอร่อยจากทุกมุมโลก นับเป็นช่วงเวลาแสนสุขสำหรับครอบครัว ที่ เดอะ บรั้นช์ เน็กซ์ทู คาเฟ่ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ มร. มาร์ค ซีโบรวีอุส เริ่มบรรเลงเพลงภายในครัวด้วยการควบคุมทีมเชฟสร้างสรรค์อาหารเมนูใหม่ๆ และยังได้เพิ่มสเตชั่นอาหารเพื่อความแปลกใหม่ที่หลากหลายให้ได้อิ่มเอม ซึ่งแขกและครอบครัวจะประทับใจทันทีที่ก้าวเข้าสู่ร้านอาหารริมน้ำแห่งนี้ ละลานตากับบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติและอิ่มเอมกับ 1). Seafood on Ice Station หนึ่งในมุมยอดฮิต ที่คนไทยทั้งเด็กเล็ก วัยรุ่น วันใหญ่ต่างสนใจและได้รับความนิยมกันมากที่สุด ใช่แล้วครับ มุมอาหารทะเลบนน้ำแข็งนั้นเอง กุ้งล็อบสเตอร์จากรัฐเมนน์ ขาปูยักษ์ อลาสก้า ปูทะเลก้ามโต หอยนางรมสดจากสามทวีปของมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งยุโรป ออสเตรเลียและอเมริกา กุ้ง และหอยกาบ สดๆ 2.) Wagyu and Burger Station อาหารตะวันตก เช่น ตับห่าน แฮมเบอร์เกอร์เนื้อวากิวและฮอตดอก ซื่งไม่ทำทิ้งไว้มากมาย ทำสดๆใหม่ๆ จึงร้อนๆอุ่นๆ นุ่ม มัน อร่อย และนอกจากนี้ก็ยังมีบรรดาเนื้ออบ แกะและสารพัดเมนู มากมายและหลากหลาย 3.) Italian Station ริซอตโตเห็ดพอร์ชินี ไฮไลท์เด็ดสุดๆที่ห้ามพลาดของ station นี้ ทั้งมัน นุ่ม หอม…
สำหรับ Buffet sunday brunch “Lobster” อาจมีในหลายที่แต่พิเศษกว่าที่อื่นใด ที่นี่ใช้ Lobster แบบสดๆมีชีวิต และสั่งปรุงได้อย่างหลากหลาย ทั้งซาซิมิ สดๆ เนื้อหวานฉ่ำ เทอมิดอร์ นึ่งร้อน/เย็น ย่างเนยกระเทียม และอีกหลากหลายสารพัดเมนู ไปดูกันเลยครับ หากพูดถึงวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว คงเป็นวันที่หลายๆคนได้ใช้เวลาส่วนตัวพักผ่อนอยู่บ้าน หรือทำกิจกรรมต่างๆตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ในวันหยุดอันแสนพิเศษนี้ คืออาหารมื้อพิเศษนั้นเอง วันนี้ทาง kinlakeStars.com จะพาผู้อ่านทุกท่านมารับประทานอาหาร Sunday Brunch ที่โรงแรม Renaissance ที่ตั้งอยู่บนถนนราชประสงค์ครับ โดยจุดเด่นพิเศษของ Sunday Brunch ที่นี่ อยู่ที่การเสิร์ฟ Boston Lobster ตัวโต ที่สามารถเลือกการปรุงเนื้อล็อบสเตอร์ได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งการปรุงเนื้อล็อบสเตอร์ที่นี่ ถือว่าพิเศษจัดอยู่ในระดับพรีเมี่ยมเลยทีเดียวครับ การเดินทางมาที่โรงแรมนอกจากจะเดินทางด้วยรถยนต์แล้ว ยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ได้อีกด้วยครับ (สถานีชิดลม ทางออกที่2) Sunday Brunch ของโรงแรม Renaissance ที่เราจะพาท่านผู้อ่านมารีวิวในวันนี้ ชื่อห้องอาหาร Flavors ครับ ห้องอาหารจะตั้งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม โดย Sunday Brunch ของที่นี่ ให้บริการอาหารประเภทอินเตอร์เนชั่นแนล ประกอบไปด้วยไลน์อาหารประเภทต่างๆ โดยจะจัดทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.30 น. – 15.00 น. ครับ ราคาอยู่ที่ท่านละ 2400++ บาท ซึ่งราคาดังกล่าว รวมเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้วครับ ภายหลังจากที่พนักงานพาเรามานั่งที่โต๊ะ ทางห้องอาหารก็จะเสิร์ฟ Welcome Drink ซึ่ง Welcome Drink ของที่นี่ จะเปลี่ยนสูตรไปทุกๆเดือน ทำให้สดชื่นขึ้นมากเลยทีเดียวครับ – เรามาดูในส่วนของไลน์อาหารกันบ้างดีกว่าครับ ที่ห้องอาหาร Flavors มีไลน์อาหารค่อนข้างหลากหลาย วัตถุดิบคุณภาพสูง ปรุงออกมาได้รสดี และน่ากินมากครับ Asian Station :…
กรุงเทพฯ 21 เมษายน 2560 ล่าสุด มิชลิน และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการในการเปิดตัวคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักระดับโลก ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับกรุงเทพฯ หรือ MICHELIN Guide Bangkok โดยคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักในกรุงเทพฯ ประจำปี 2561 มีกำหนดเผยโฉมช่วงครึ่งหลังของปี 2560 เพื่อให้คนท้องถิ่น นักท่องเที่ยว ตลอดจนนักเดินทางเพื่อธุรกิจ ได้เพลิดเพลินกับร้านอาหารที่คัดสรรไว้ใน ‘มิชลิน ไกด์’ ตามงบประมาณ รสนิยม และความชื่นชอบเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับกรุงเทพฯ จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศที่ 6 ในเอเชีย ที่มีคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ เป็นของตนเอง แคลร์ ดอร์ลอง-โกลแซล (Claire Dorland Clauzel) หนึ่งในคณะกรรมการบริหารกลุ่มมิชลิน กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งกับสำหรับการเปิดตัวคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับที่ 29 เพียงหนึ่งปีหลังจากเปิดตัวคู่มือฉบับสิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ และโซล การจัดทำคู่มือฉบับกรุงเทพฯ ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ ‘มิชลิน ไกด์’ ในการรุกขยายตัวเข้าสู่เอเชีย” และเป็นที่แน่ชัดว่า แม้แต่ร้านข้างทางก็สามารถได้อยู่ในมิชลินไกด์ จากปากของผู้จัดทำ ทั้งนี้ยังมีคำถามจากสื่อมวลชนถึงกรณีจากการที่มีข่าวออกมาในช่วงก่อนว่ารัฐบาลจะกวาดล้างอาหารริมถนน ซึ่ง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ทางรัฐบาล และ กทม เอง มีการจัดระเบียบทางเท้าแต่เดิมอยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่มความเข้มงวดและรวมถึงยกระดับให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านสุขลักษณะ รวมถึงไม่ให้ไปกีดขวางทางเท้าจนรบกวนการสัญจร ลิโอเนล ดันเตียก กรรมการผู้จัดการกลุ่มมิชลินประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกและออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทและความผูกพันของกลุ่มมิชลินที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่เราดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปีและประสบความสำเร็จอย่างเต็มภาคภูมิด้วยความร่วมแรงร่วมใจของพนักงานราว 7,000 คนทั่วประเทศ “กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่มีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมอาหารแห่งหนึ่งของโลก โดยมีอาหารที่น่า ตื่นตาตื่นใจให้เลือกสรรจากร้านอาหารหลากรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภัตตาคารสุดหรู ร้านอาหารในบรรยากาศทันสมัย และร้านอาหารริมทาง ผู้ตรวจสอบของมิชลินต่างรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สัมผัสและค้นพบวัฒนธรรมด้านอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในกรุงเทพฯ รวมทั้งมีความยินดีหากชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของ…
วันนี้ kinlakestars ขอพาทุกท่านไปพบกับร้านอาหารนั่งสบายๆ ย่านเลียบทางด่วน รามอินทรา-เอกมัย ซึ่งปกติจะขายเป็นทั้งอาหารไทย ผสมกับอาหารตะวันตก แต่ในครั้งนี้มีความพิเศษคือ เพลิดรสเพลินโสตไปกับเซ็ตอาหารทรงโปรด 4 คอร์สพร้อม Wine Pairing ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่มีแก่ครอบครัวอังศวานนท์ ร้านอาหารจิรธรและบริษัท EStellaWine ร่วมกันจัดแสดงแซกโซโฟน โซปราโน Selmer Mark VI 1954 และ แซกโซโฟน Tenor Selmer Super Action 80 series II ที่ได้รับพระราชทานให้กับสมาชิกวง อ.ส. วันศุกร์ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา เพลินโสตไปกับดนตรีทรีโอ บรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ โดยอาจารย์ Yuri Kishimoto จากภาควิชาดุริยางคศิลป์ มหิดล ในงานยังจะได้ชมแซกโซโฟน โซปราโน Selmer Mark VI 1954 และ แซกโซโฟน Tenor Selmer Super Action 80 series II ที่ได้พระราชทานให้กับสมาชิกวง อ.ส. วันศุกร์ อย่างใกล้ชิด อาหารกินเล่น ข้าวตังหน้าตั้ง น้ำพริก Course แรก: Appetizer มี 4 อย่างจัดเป็นคำเล็กๆ 1. เส้นขนมจีนโรยหน้าด้วยหลนปูเค็ม อาหารจานโปรดของในหลวงรัชกาลที่ 9 2. ยำไข่ปลาดุก 3. เมี่ยงคำ 4. ลาบเห็ด Course ที่สอง ซุปอาสาเรน (ชุปไข่) อาหารจานโปรดของในหลวงรัชกาลที่ 9 Course ที่สาม อาหารจานหลัก มีให้เลือก 3 อย่าง ซึ่งผมเลือกเป็น แกงเขียวหวานเนื้อ/ไก่ โรตี…
ทั้งลอยฟ้า มุดใต้ดิน ปีนเขาชมเมือง….เพื่อนๆผู้อ่านหลายๆท่านอาจได้เคยดูหนังฟอร์มยักษ์หลายๆเรื่องที่มีฉากที่สวยงามบ้าง แปลกตาน่าอัศจรรย์บ้าง ซึ่งหลายๆเรื่องใช้เทคนิคทางกราฟิกในการจำลองภาพเหล่านั้นขึ้นมา หรือ CG นั้นเอง แต่บนโลกของเรานี้ก็มีสถานที่สวยงามและประหลาดใจดั่งฉากถ่ายทำหนังที่รังสรรค์ขึ้นโดยธรรมชาติมากมาย หลายแห่งมีความ สวย แปลกตาเสียจนไม่น่าเชื่อว่า สถานที่นั้นมีอยู่จริง เฉกเช่น แท่งหินสารพัดรูปทรงในแคปพาโดเชีย หนึ่งในภูมิประเทศสุดแปลกตา น่าค้นหา และควรค่าแก่การมาเยือนครั้งหนึ่งในชีวิตที่ตุรกี เกริ่นนำ “แคปพาโดเชีย” เป็นชื่อที่ปรากฏตลอดมาในประวัติศาสตร์ของคริสตศาสนาและเป็นชื่อที่ใช้โดยทั่วไปที่หมายถึงบริเวณที่เป็นที่น่าสนใจแก่นักท่องเที่ยว ในบริบทของภูมิภาคอันมีความน่าตื่นตาตื่นใจทางธรรมชาติ โดยเฉพาะภูมิสัณฐานที่มีลักษณะเป็นแท่งๆ คล้ายหอปล่องไฟ หรือ เห็ด (ปล่องไฟธรรมชาติ (fairy chimney) และประวัติความเป็นมาทางประวัติศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคอานาโตเลีย ในสมัยของเฮโรโดทัส กลุ่มชาติพันธุ์แคปพาโดเชียกล่าวว่าเป็นผู้ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในภูมิภาคตั้งแต่ภูเขาทอรัสไปจนถึงบริเวณยูซีน (ทะเลดำ) ฉะนั้นแคปพาโดเชียในกรณีนี้จึงมีบริเวณทางตอนใต้จรดเทือกเขาทอรัส ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติที่แยกจากซิลิเคีย, ทางตะวันออกโดยแม่น้ำยูเฟรทีสตอนเหนือและ ที่ราบสูงอาร์มีเนีย, ทางตอนเหนือโดยภูมิภาคพอนทัส และทางตะวันตกโดยภูมิภาคไลเคาเนีย และ กาเลเชียตะวันออก ภูมิประเทศของคัปปาโดเกีย มีเอกลักษณ์หนึ่งเดียวใดในโลก ปี ค.ศ.1985 ยูเนสโกจึงได้ขึ้นทะเบียนคัปปาโดเกีย เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของประเทศตุรกี แล้วเหตุใดพื้นที่เขต แคปพาโดเชีย จึงแปลกประหลาดเช่นนี้ ? ก็เนื่องมาจาก ภูเขาไฟเออซิเยสและภูเขาไฟฮาซาน เกิดการประทุครั้งใหญ่ เมื่อ 30 ล้านปีก่อน พ่นเถ้าถ่านลงทับถมเป็นชั้นหนากว่า 100 เมตร พอชั้นหินเริ่มเย็นตัว ภูเขาไฟก็ระเบิด ทำให้ลาวาไหลคลุมทับชั้นหินจากเถ้าถ่านเดิม จนในที่สุดกลายเป็นแผ่นดินใหม่ขึ้นมา หากยังนึกภาพไม่ออก ให้ลองจินตนาการถึงเค้กสักก้อน เนื้อเค้กฟองน้ำเปรียบเสมือนชั้นของเถ้าถ่าน ส่วนลาวาคือชั้นผิวเค้กที่เป็นครีมด้านบนสุด พอเวลาผ่านไป กระแสลม พายุฝน และหิมะ กัดกร่อนก้อนเค้กนี้ไปเรื่อยๆ จนกำเนิดเป็นร่องของหุบเขา รวมถึงแท่งหินรูปร่างประหลาดตา บางอันมีลักษณะคล้ายปล่องไฟของนางฟ้าที่อาศัยอยู่ใต้ดิน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ ธรรมชาติใช้เวลาสรรสร้างยาวนานถึง 10 ล้านปี และแท่งหินเหล่านั้นก็กลายเป็นที่อยู่และเมืองในเวลาต่อมา… การเดินทาง การเดินทางมายังแคปพาโดเชีย สามารถทำได้ 2 วิธี คือ ทางเครื่องบิน โดยมีสนามบินใกล้เคียง 2 แห่ง คือ สนามบินเมืองนีฟซีฮีร์ (Nevsehir) และสนามบินเมืองเคเซอรี่ (Kayseri) อีกวิธีคือ รถบัส ซึ่งมีหลายบริษัทคอยให้บริการสามารถเดินทางได้จากหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศตุรกี จุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่…
เมื่อพูดถึงความเป็นไทยที่ราบลุ่มภาคกลาง สิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตชาวที่ราบลุ่มก็คือวิถีชิวิตริมสายน้ำนั้นเอง สายน้ำเปรียบเสมือบสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิต ทั้งกิน ดื่ม ใช้ เพาะปลูก สัญจร และในครั้งนี้ Kinlakestars จะพาทุกท่านไปพบกับบุฟเฟ่ต์ข้าวแช่ริมน้ำ ตำหรับชาววังที่กินได้ไม่อั้น อีกทั้งอาหารไทยอื่นๆและขนมไทยมากมาย ในราคาเดียว พร้อมชื่อนชมทัศนียภาพและวิถีริมน้ำจากโรงแรมชื่อดังระดับตำนานที่อยู่คู่สายน้ำแห่งนี้ มายาวนานกว่า 140 ปี ณ ศาลาริมน้ำ Mandarin Oriental Bangkok ศาลาริมน้ำเป็นห้องอาหารไทยที่ให้บริการทั้งในช่วงเวลากลางวัน และ กลางคืน ตั้งอยู่ตรงข้ามกับตัวโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok สามารถมาได้ทั้งทางรถจากถนนเจริญนคร หรือ นั่งเรื่อของทางโรงแรมข้ามมาก็ย่อมได้ ห้องอาหารมีทั้งด้านในและด้านนอกอาหาร อาคารถูกสร้างออกมาให้มีลักษณะเป็นอาคารทรงไทย ภายในตกแต่งแบบไทยประยุกต์ มีที่นั่งหลายรูปแบบทั้งที่นั่งบนพื้น และที่นั้งแบบโต๊ะเก้าอี้ปกติทั่วไป โดยใช่วงกลางวันนั้นจะให้บริการเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ และตอนกลางคืนจะให้เลือกเป็นอาหารชุดพร้อมชมการแสดง หรือ สั่งแย่งเป็นส่วนๆซึ่งจะแยกส่วนการให้บริการเป็นด้านนอกและด้านในอาคาร สำหรับข้าวแช่ของห้องศาลาริมน้ำ จะให้บริการในไลน์บุฟเฟ่ต์ ซึ่งถูกเพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษเฉพาะในช่วงฤดูร้อนนี้เอง ซึ่งในครั้งนี้เชฟ ประเสริฐ หัวหน้าเชฟประจำห้องศาลาริมน้ำได้มีการปรับสูตรเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความร่วมสมัยและให้ถูกปากคนรุ่นใหม่ กินง่ายมากขึ้น แล้วจะเป็นอย่างไร มีความแตกต่างอย่างไรบ้างไปชมกันเลยครับ ในส่วนของข้าว หนึ่งในความแตกต่างไปจากที่อื่นและสูตรเดิมคือ เชฟได้เปลี่ยนมาใช้เป็นข้าวหอมมะลิ และหุงแบบปกติ ด้วยแนวคิดที่ว่า ในช่วงปกติ คนเรากินข้าวหอมมะลิ ชอบ คุ้นชิน และน่าจะถูกปากกว่าข้าวสาวให้ที่สุกครึ่งไม่สุกครึ่ง จึงมีการปรับสูตรเล็กน้อยและนำข้าวหอมมะลิมาใช้แทน ในส่วนของน้ำลอย น้ำอบใช้ดอกไม้อย่างหลากหลายและครบถ้วน ทั้งกุหลาบ มะลิ กระดังงา และชมนาด อบกับควันเทียน แต่กลิ่นของดอกไม้จะออกมาชัดเจนมากกว่ากลิ่นควันเทียน ซึ่งทำให้หอม สดชื่น ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและเหมาะกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวในช่วงฤดูร้อนเป็นอย่างดี ลูกกะปิ ลูกกะปิที่นี่ใช้กะปิชั้นดีจากโคลงโคลน อำเภอ อำพวา มาทำการย่างในใบตองพับด้วยไฟอ่อนๆแล้วจึงมาผัดเข้ากับบรรดาเครื่องเทศต่างๆเช่น กระชาย และปลาดุก หอมยัดไส้ พริกหยวกยัดไส้ ไส้ของพริกหยวกยัดไส้ที่นี่คือกุ้งและหมูสับ ปรุงด้วย พริกไทย เกลือ และรากผักชี ส่วนไข่ที่ห่อพริกจะใช้เป็นไข่กรอบ ทำให้ได้ความสวยงามและสัมผัสที่แปลกปากออกไป ไช้โป๊วผัดหวาน ไข่เค็มชุบแป้งทอด ใช้ไข่เค็มอย่างดี โดยส่วนผสมหลักเป็นไข่เค็มแดงและผสมไข่ขาวเค็มลงไป คลกเคล้าผสมกันจนลงตัวจากนั้นจึงนำไปชุกแป้งทอด ปลาแห้ง หมูทุบ ผักเคียง ของหวาน ของหวานนั้นก็มีให้เลือกอย่างมากมาย หลากหลาย อร่อยทุกตัว…
เมื่อพูดถึงอาหารจากอินโดฯ หลายๆคนอาจทำหน้างงๆแล้วพยายามนึกถึงหน้าตา แม้แต่คนที่เคยไปอินโดฯมาและเคยได้ลิ้มลองอาหารอินโดฯเอง ก็อาจมิได้ประทับใจกับอาหารอินโดฯเท่าไหร่นัก เพราะอาหารอินโดฯเองก็มิได้รับความนิยมในประเทศไทยเองเสียเท่าไหร่ แต่ทุกทัศนคติเหล่านั้นจะเปลี่ยนไปเมื่อทุกท่านได้พบกับอาหารจากอินโดฯจากเชฟ Ray Adriansyah เจ้าของรางวัลร้านอาหารระดับโลกในปีที่ผ่านมา อีกครั้งที่ ซานเปลเลกรีโน ในฐานะผู้นำด้านไฟน์ไดน์นิ่งและไลฟ์สไตล์ในการกินอยู่แบบอิตาเลียน นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษให้กับคุณ โดยครั้งนี้พบกับเชฟ Ray Adriansyah จากห้องอาหาร เมืองอูบุด, บาหลี ห้องอาหารที่ติดอันดับที่ 22 ในรายชื่อร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย (Asia’s50 Best Restaurants) ประจำปี 2560 สนับสนุนโดยซานเปลเลกรีโน และอัคควา ปันนา ณ ห้องอาหาร VIU โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ในวันที่ 22-23 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ชื่อ Locavore เป็นชื่อที่มาคำว่า Locavorism ซึ่งหมายถึงลักษณะการรับประทานอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบได้ในพื้นที่ของตนเองเท่านั้น โดยเชฟ Ray ได้รังสรรค์อาหารสไตล์ยุโรปร่วมสมัยโดยใช้วัตถุดิบพื้นเมืองของอินโดนีเซีย ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างที่สุด เชฟ Ray Adriansyah เกิดที่เมืองจาการ์ต้า และเติบโตมาพร้อมกับความสนใจในการทำอาหารทั้งพื้นเมืองและอาหารชาติอื่น ๆ เป็นอย่างมาก โดยค่ำคืนพิเศษที่ห้องอาหาร VIU ครั้งนี้ เชฟ Ray จะโชว์ความสามารถระดับมืออาชีพนำเสนอการทำอาหารยุโรปร่วมสมัยกับอาหารพื้นเมือง ที่นำวัตถุดิบตามฤดูกาลมาจากประเทศอินโดนีเซียทั้งสิ้น อาหารแต่ละคอร์สจับคู่กับไวน์ชั้นดีจากหลายประเทศ อาทิ สเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส และ อิตาลี รวมถึงการเสิร์ฟน้ำแร่มีฟองซานเปลเลกรีโน และน้ำแร่อัคควา ปันนา จากแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติในแคว้นทัสคานี ด้วยรสชาติเป็นเอกลักษณ์และมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดต่อมรับรสได้อย่างนุ่มละมุน เพิ่มความสุนทรีย์ในการรับประทานอาหารและดื่มไวน์ของคุณ นักชิมไวน์และผู้ประกอบการภัตตาคารชั้นนำจึงให้ความไว้วางใจ และเห็นพ้องต้องกันว่าซานเปลเลกรีโน และอัคควา ปันนาเป็นน้ำแร่ธรรมชาติที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการจับคู่กับอาหารและไวน์ชั้นเลิศ และในครั้งนี้ เราจะพาทุกท่านไปพบกับอาหารอินโดฯ ที่สวยงาม น่ากิน รสชาติล้ำลึก ซํบซ้อน ควรค่าแก่การลิ้มลอง ปรุงโดยวัตถุดิบจากอินโด ผ่านการปรุงด้วยทักษะที่เชฟสะสมมาอย่างโชกโชน และแล้วเราก็มาเริ่มดูเมนูที่น่าสนใจเมนูแรกกันเลยดีกว่า Into the Sawah…