หากจะกล่าวถึงร้านอาหารไทยที่มีวิวงดงาม เห็นทัศนียภาพกรุงเทพฯมุมสูงได้อย่างงดงามก็คงหนีไม่พ้น Saffron โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ ซึ่งไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาทางห้องอาหารก็ได้ประกาศเปิดตัวห้องอาหาร SAFFRON ที่ยกเครื่องใหม่ ตกแต่งสไตล์ไทยรูปแบบผสมผสานที่ได้รับการออกแบบการปรับปรุงใหม่ ซึ่งทำให้ร้านอาหารของโรงแรมมีเอกลักษณ์ทางสุนทรียรสแห่งใหม่ งดงามตระการตามากยิ่งขึ้น รูปแบบการออกแบบภายในใหม่ที่ชัดเจนจากไสตล์ Décor โดยใช้ประโยชน์จากสีและลวดลายของไม้ที่สะท้อนถึงอารมณ์และความรู้สึกแสนอบอุ่น อีกทั้งการสอดแทรกผ้าไหมไทยลงไปในการออกแบบ ซึ่งเป็นวัสดุที่ดีสำหรับการสะท้อนความเป็นไทยในแบบหรูหรา ในขณะที่ลูกเล่นใหม่ๆ อย่างครัวเปิด ซึ่งห้องอาหารไทยมักเป็นครัวปิด จะหาครัวเปิดนั้นมักเป็นเรื่องยากและมิค่อยมีใครทำกัน แสดงถึงความชำนาญและเชี่ยวชาญในการปรุงของทีมงานทำอาหาร ควบคุมและกำกับการแสดงโดยหัวหน้าเชฟเรณู และ ผนังดอกบัวที่ทำจากทองแดง ดอกบัว / Lotus Flower เป็นองค์ประกอบที่แสดงออกถึงความเป็นมิตร ความนอบน้อม การให้บริการ การกำเนิดจากแผ่นดิน และ ความเงียบสงบ ความสวยงามอลังการนั้นยังรวมถึงวิวทิวทัศน์ที่ Saffron Sky Garden สูง 51 ชั้นที่มีเสน่ห์ ทิวทัศน์เมืองที่งดงาม เริ่มต้นมื้อด้วยการล้างมือ วัฒนธรรมการกินแบบไทยเรานั้นในอดีตมันใช้มือกิน ดังนั้นการล้างมือก่อนกินข้าวจึงเป็นสิ่งจำเป็น มีบางบันทึกกล่าวถึงการล้างมือด้วยน้ำสมุนไพรก่อนกินข้าว โดยมักทำกันในรั้ววังไปจนถึงบรรดาบ้านขุนนาง คหบดี ผู้ดีทั้งหลาย ทาง Saffron จึงมีการล้างมือให้แขกที่มาใช้บริการทุกท่านด้วยน้ำสมุนไพรอุ่นๆ จากเหยือกโดยมีถ้วยรอง และเช็ดมือด้วยผ้าสะอาด เริ่มต้นด้วยของว่างก่อนมื้ออาหารที่ทางห้องให้บริการฟรีสำหรับแขกทุกท่านที่มาเยือน ข้าวตังกับข้าวเกรียบแซฟฟรอน มาพร้อมนํ้าพริกหนุ่ม นํ้าพริกอ่อง นํ้าพริกหน้าตั้งที่ประกอบด้วยไก่กะทิ ข้าวตังและข้าวเกรียบบางเฉียบ กรอบเคี้ยวได้อร่อย ทานคู่กับ นํ้าพริกสามแบบ ซึ่งรสชาติต่างกัน ทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน พร้อมกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ จากทั้งสามนํ้าพริก เป็นออเดิร์ฟเล็กๆที่ทำให้เปิดมื้อนี้ได้อย่างน่าสนใจ เมี่ยงคำ กับปลาสำลียำมะม่วง เมี่ยงคำรสนัวที่มีความหอมของใบชะพลูและมะพร้าวคั่วกรอบๆลงตัวกับเนื้อครีมที่ผสมกะทิ เนื้อปลาแน่นๆในหนึ่งคำมาพร้อมมะม่วงยำรสเปรี้ยวหวาน เปิดปุ่มรับรสให้ตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ มาต่อกันด้วยจานของว่างแสนอร่อย กินง่าย เรียกน้ำย่อยได้ดีกันครับ ปอเปี๊ยะปูสด ซอสมะม่วง ปอเปี๊ยะปูสด ซอสมะม่วง เมนูสีสันสวยงาม ปอเปี๊ยะสดเนื้อแป้งเหนียวนุ่มประดับด้วยดอกอัญชัญอัดแน่นด้วยไส้ผักกรอบๆ และเนื้อด้านใน ราดซอสมะม่วงสูตรพิเศษ ที่มีความเปรี้ยว ซุป ต้มข่า cappuccino หอยเชลล์ย่าง ต้มข่าที่ present ออกมาได้อย่างน่ารักมากๆ ด้วยการทำกิมมิคให้มีฟองข้างบนและเสิร์ฟมาในแก้วกาแฟ ท็อปด้านบน ด้วยหอยเชลล์ย่าง ต้นหอม และทองคำเปลว เป็นเมนูที่แค่เห็นก็ยิ้มด้วยความน่ารัก…
Author: Nopmanee
“ชุมชนกำลังจะเลือนหายไป… แต่หากเราร่วมมือกัน พวกเขาก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง” บรรยากาศทั่วไปของงาน จัดในสวน เดินสบาย โรงแรม สุโขทัย กรุงเทพฯ และ ไฮฟ์สเตอร์ ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมเเละสนับสนุนการโปรโมทงานการกุศล “หลงรักชุมชนคนบางกอก” เพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนใน 6 ชุมชนกรุงเทพที่กำลังจะเลือนหายไป เวทีกิจกรรม แสดงดนตรีและละครการละเล่นต่างๆ สืบเนื่องมาจากโครงการเเอพเพียร์ (APPEAR) ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางสังคมเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ใช้การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในการชุบชีวิตชุมชนที่กำลังจะเลือนหายไป ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง โดยโครงการนี้บริษัทไฮฟ์สเตอร์ได้ร่วมมือกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร รวมทั้งโรงเเรมสุโขทัย กรุงเทพฯ มาร่วมพัฒนาเเละโปรโมทการท่องเที่ยวชุมชน ในฐานะพันธมิตรที่ดีต่อกัน (Alliance of Good Neighbours) รวม 6 ชุมชน ได้เเก่ 1.ชุมชนนางเลิ้ง 2.ชุมชนบางลำพู 3.ชุมชนบ้านบุ 4. ชุมชนเกาะศาลเจ้า 5.ชุมชนบางกระดี่6.ชุมชนหัวตะเข้ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งร่วมมือกับชุมชนเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมทางสังคมที่ใช้การท่องเที่ยวมาลดปัญหาสังคมเพื่อให้ความเป็นอยู่ของคนในชุมชนนั้นดีขึ้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปี ของโครงการเเอพเพียร์ ผู้ร่วมจัดทำโครงการได้ร่วมจัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยวชุมชนเเละหารายได้เข้าสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชน ตุ๊กตาน้ำตาลปั้นที่เราไม่ได้เห็นกันมานานแล้ว ขวัญใจของเด็กๆ แถมตุ๊กตาตัวนี้สามารถเป่าแล้วมีเสียงออกมาได้ด้วยนะคะ นอกจาก 6 ชุมชนที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในปีนี้เราได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ เพิ่มอีก 6 ชุมชน เพื่อสนับสนุนซื้อของชุมชน รวมไปถึงชื่นชมกับศิลปวัฒนธรรม การทำเวิร์คชอป เพื่อเป็นการเรียนรู้ และรู้จักชุมชนมากขึ้น โดยมีชุมชน ดังนี้ 1. ชุมชนตลาดน้อย 2. วิชชาลัยในสวน บางมด 3. ตลาดริมคลองเจริญกรุง 103 4. ตลาดน้ำคลองลัดมะยม 5. กลุ่มบางกอกนี้ดีจัง 6. ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน ขนมเบื้องโบราณเจ้าดังก็มา ค่าบัตรเข้างานในครั้งนี้เพียง 50 บาท – สามารถนำมาแลกเครื่องดื่มในงานได้ บัวลอยหลากสีสันต์ ตารางกิจกรรมวันงาน เวิร์คชอปการทำลายรดน้ำปิดทอง อีกหนึ่งศิลปะที่กำลังจะเลือนหายไป • กิจกรรมครีเอทีฟเวิร์กชอปงานศิลปะเเละงานคราฟต์ท้องถิ่นจากคุณลุงคุณป้าปราชญ์ชุมชนแต่ละเเห่ง เช่น การทำว่าวใบไม้ การทำลายรดน้ำปิดทอง การปกสไบ การทำพวงมโหตร การทำพวงกุญแจดาบไม้ไทย กิจกรรมวาดภาพ(ไม่)เหมือน การทำแป้งพวง…
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ Kinlakestars.com เราจะพาท่านไปเปลี่ยนบรรยากาศ ไปชม Afternoon Tea Set จาก Peacock Alley ณ โรงแรม 5 ดาวสุดหรูใจกลางเมือง “Waldorf Astoria Bangkok” ในเครือของ Hilton กันครับ ร้าน Peacock Alley จะอยู่ที่ชั้น Upper Lounge ซึ่งมีบรรยากาศเปิดโล่งรอบด้านให้ความรู้สึกกว้างขวาง และตกแต่งด้วยสไตล์เรียบในโทนขาวดำ มีการจัดวางโต๊ะที่สามารถรองรับแขกที่มารับบริการได้อย่างเต็มที่ โดยไม่แออัดจนเกินไป พีค็อก อัลเลย์ | 70 ที่นั่ง – เป็นเลาจน์ที่เลื่องชื่อของวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย ให้บริการชุดชายามบ่าย และอาหารว่าง มีเมนูขนมอบโฮมเมดและเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่นตลอดทั้งวัน พร้อมชมวิวสนามหญ้าที่เขียวขจีของราชกรีฑาสโมสร นอกจากนั้น ยังเสิร์ฟอาหารจานเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย ซึ่งก็คือ วอลดอร์ฟสลัด (Waldorf Salad) และไข่เบเนดิกต์ (Eggs Benedict) อีกด้วย ชื่อ “พีค็อก อัลเลย์” ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสะท้อนภาพของทางเดินเชื่อมระหว่างโรงแรมวอลดอร์ฟและโรงแรมแอสโทเรีย ในมหานครนิวยอร์คสมัยก่อน ที่โดดเด่นสวยงามด้วยต้นไม้ร่มรื่นสองข้างทาง พีค็อก อัลเลย์ คือสถานที่ที่คุณจะได้มาพบปะสังสรรค์กับผู้คน การตกแต่งภายในนั้นงดงาม หรูหรา แต่ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด ดีไซน์การตกแต่งนั้นมีการใช้ทองแดง ไม้สีอ่อน และเฟอร์นิเจอร์สีสันสดใส บรรยากาศภายในร้านนั้นสงบและผ่อนคลายเหมาะสมแก่การจิบชายามบ่าย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับรู้สึกเคร่งเครียดหรือเงียบสนิท ทำให้เป็นที่ๆสามารถพูดคุยธุรกิจ พบปะสังสรรค์หรือเลี้ยงฉลองย่อมๆได้เลยครับ โดย ร้าน Peacock alley นั้นได้จัดเซ็ต afternoon tea เอาใจท่านผู้อ่านที่ชอบจิบชาในยามบ่ายบนวิวสุดหรูของบนชั้น Lobby (Upper Lounge) ของโรงแรม โดยเซ็ต afternoon tea ของที่นี่เป็นเซ็ต สำหรับสองท่าน ในราคาเพียง 1900 บาท หรือหากมาไม่ครบคู่ก็สามารถสั่ง เป็น a la carte แยกได้ครับ จุดนี้เป็นมุมที่วิวดีที่สุดของร้านครับ โดยชาของที่นี่จะมีหลากหลายแบบให้เลือกได้หลายตัว ตั้งแต่ ชาดำ ชาเขียว…
ใกล้ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว คงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขที่โฮเทลมิวส์แบงค็อก ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษจุใจ เนื้อวากิวโทมาฮอร์คชิ้นมหึมาหนักถึง 1 กิโลกรัม จาก บาร์เบต เดอะสเต็กเฮาส์ แบงค็อก ชั้น 19 สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่เฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งความสุขในเทศกาลคริสต์มาสและขึ้นปีใหม่สุดหรูในแบบ Glamorous Festive Moment ทาง kinlakestars.com จะขอพาทุกท่านไปพบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ จากบาร์เบต เดอะสเต็กเฮาส์ ณ โรงแรมโฮเทลมิวส์ ชั้น 19 แห่งนี้ ให้ท่านได้ดื่มด่ำไปกับค่ำคืนคริสต์มาสอีฟดินเนอร์ และนิวเยียร์อีฟส่งท้ายปี พร้อมกับราคา Early Bird Promotion เปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะเห็นได้ว่าการตกแต่งห้องอาหารแห่งนี้ช่วยทำให้เพิ่มบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองได้อย่างดีเลยทีเดียว เริ่มต้นมื้ออาหารสุดพิเศษด้วย Bread and butter ที่จะเสิร์ฟมากับขนมปัง 4 ชนิด พร้อมด้วยเนย 3 ชนิดด้วยกัน ขนมปังประกอบไปด้วย Sesame, Poppy Seed, Oregano และ Plain ในส่วนของเนยนั้นมี Truffle, Chili และ Plain ซึ่งให้รสชาติที่หลายหลายและอร่อยลงตัว Side dish จานแรกที่นำมาเสิร์ฟคือ Chef’s Salad สลัดสูตรพิเศษจากเชฟฝีมือเยี่ยม Chef Michal Bialoskorski ที่ผสมผสานผักหลากชนิดมาไว้ในจานเดียว คลุกเคล้าด้วยน้ำสลัดบัลซามิกโรยหน้าด้วยพาร์มีซานชีส ไม่ว่าจะเป็นมะเขีอเทศหลากสี อย่างมะเขือเทศเขียว เหลือง และแดง ซึ่งนอกจากสีที่แตกต่าง สัมผัสความหวานและกรอบก็ต่างออกไป แรดิชหั่นสไลด์บางๆ ผักเคล และอีกสารพัดผักสดมากมายที่ออกมารวมตัวกันในจานสลัดจานนี้ กินแล้วชวนให้รู้สึกอยากออกมาระบำเพลงจิงเกิลเบล มาถึงพระเอกของเรา สเต็กเนื้อวากิวพรีเมี่ยมจากออสเตรเลีย โทมาฮอร์ค ขนาด 1 กิโลกรัม ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน จนได้เนื้อรสชาตินุ่มชุ่มลิ้น ชิ้นโต…
จากที่คราวก่อนผมได้ลองกิน Omakase ที่ร้าน Sushi Ichizu (Review) กันไปแล้ว วันนี้เราจะมารีวิวอีกชุดหนึ่ง จากห้องอาหารญี่ปุ่น Shintaro ในโรงแรม Anantara Siam กันบ้าง ซึ่งบางท่านอาจจะคุ้นเคย เนื่องจากเป็นห้องอาหารขึ้นชื่อที่มีมานานแล้ว โดยการเดินทางสามารถขับรถมาหรือนั่งรถไฟฟ้าลงสถานีราชดำริได้เลยครับ เชฟ “Satoshi Sawada” โดยความพิเศษคือ ตอนนี้เชฟ “ซาโตชิ ซาวาดะ” หัวหน้าห้องอาหารญี่ปุ่นที่นี่ ได้เริ่มจัด omakase set ขึ้นมา โดยใช้วัตถุดิบคุณภาพดี และเมนูหลักของที่นี่จะเป็น long period โดยไม่ได้เปลี่ยนไปแต่ละวันเหมือน omakase ของที่อื่น ยกเว้นส่วนของ Nigiri ดังนั้นเมนูที่เราจะรีวิววันนี้ จะอยู่ให้ได้ลิ้มลองไปอีกจนกระทั่งเปลี่ยน season เลยครับ สถานที่ของห้องอาหาร shintaro มีความกว้างขวางตกแต่งด้วยบรรยากาศญี่ปุ่นดั้งเดิม มีทั้งโต๊ะ private area และ counter bar ซึ่งการรับประทาน omakase ของที่นี่สามารถสั่ง รับประทานเป็น set ที่โต๊ะได้เลย หรือหากต้องการ request นั่งที่บาร์ก็สามารถทำได้ครับ พื้นที่กว้างขวางเป็นโต๊ะใหญ่นั่งสบายๆครับ ระดับของ omakase จะมี 2 set คือ Hanamizuki ราคา 2800 บาท และ Fuji ราคา 3900 บาท ซึ่งวันนี้เราจะมาลอง set นี้กันครับ โดยในสอง set นี้เมนูหลักๆจะมีความคล้ายกัน แต่จะต่างที่ Fuji จะมีเมนูเสริมที่พรีเมี่ยมมากกว่า เช่น appetizer จะเป็น oyster แทนไข่หวาน หรือมีเมนู Toro Tartar เพิ่มขึ้นมา เริ่มต้น ทางร้านจะเสิร์ฟออเดอร์ appetizer ให้ก่อน ซึ่งตรงนี้หากสั่งชุด omakase จะได้ตรงนี้ฟรี โดยแต่ละวันเมนู…
เมื่อก้าวเข้าห้องอาหารมาก็จะเจอกับห้องนี้ สื่อถึงความอบอุ่นเป็นกันเองแบบครอบครัว นั่งทานข้าวกันบนโต๊ะยาว เคยมั้ย อยากหาร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนอร่อยๆ ที่ไม่ได้ไปกระจุกตัวในห้างคนแน่นๆเบียดๆ วันนี้ดิฉันขอเสนอ ร้านอาหารอิตาเลียน La Tavola ซึ่ง อยู่ในโรงแรม เรเนซองส์ ติดบีทีเอส ชิดลม แต่ๆๆ อย่าเพิ่งคิดว่าราคาจะแพงเวอร์สู้ไม่ไหว เพราะว่า เราไปลองมาแล้ว และสอบถามโปรโมชั่นมาด้วย ราคาสมเหตุสมผล กินแล้วรับรองว่าฟิน ไม่เสียดายเงิน การจัดวางโต๊ะภายในห้องอาหาร ภายใต้เพดานที่ประดับเป็นรูปดอกเดซี่ ดอกไม้ประจำชาติของอิตาลี ป้ายการันตีห้องอาหารจาก Unioncamere และหอการค้าไทย – อิตาเลี่ยน ร้าน La Tavola แห่งนี้ อยู่ชั้น 3 ของโรงแรม ภายในตกแต่งแบบอิตาเลียนโมเดิร์น ให้บรรยากาศ สบายๆ ไม่ได้หรูหรามาก โต๊ะ จัดวางอย่างเป็น สัดส่วน มีมุมส่วนตัว มุมริมหน้าต่าง ให้เลือก มากมาย นอกจากนั้น ครัวของที่นี่เป็นครัวเปิด คือ เราชื่นชมบรรยากาศ การทำอาหารจากเชฟสุดหล่อ ชาวอิตาเลียนได้แบบใกล้ชิด มีเตาพิซซ่าที่อบสดๆ ให้เห็นกันแบบไม่กั๊ก Catch Tim if you can. Can you find him? Or me?เชฟประจำห้องอาหาร La Tavola วันนี้เรามาทานกันแค่สองคน ขอเสนอเมนูเด่นๆ ก่อน ให้คุณผู้อ่านที่ตามรีวิวเรามาได้ฟิน เหมือนกับที่เราฟินไปแล้วแบบไม่กลัวอ้วน หลังจากที่เราสั่งอาหารเรียบร้อย พนักงานจะนำขนมปังมาวาง ซึ่งมีหลายชนิดให้เราได้ลองชิม ได้แก่ pizza stick, basil bread, tomato bread และอื่นๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับ ซอส 3 สไตล์ เช่น กระเทียมในซอสบาลซามิก รสชาติหวาน กลิ่น, มะกอก และสุดท้ายมะเขือม่วงปรุงรส เริ่มกันที่อาหาร เรียกน้ำย่อยจานแรก คือ ฟัวกราส์ …
Omakase เปิดใหม่ ย่านสุขุมวิท ที่ไม่ธรรมดาตั้งแต่เชฟ วัตถุดิบ และคอนเส็ป หากคุณเป็นแฟนตัวยงของ Omakase Sushi คงคุ้นเคยกับชื่อร้าน Sugita ที่ได้รับดาวมิชลินในปีเดียวที่เปิด เเละ Gold Medal จากเว็บรีวิวอาหาร TABELOG ณ ประเทศญี่ปุ่น ร้านซูชิที่ดี ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ใน “โตเกียว”หรือที่”กินซ่า” อีกต่อไป วันนี้เชฟ “Riku Toda” เชฟมือขวาของร้าน Sugita อันโด่งดัง ได้มาประจำอยู่ที่นี่ ณ ร้าน Sushi Ichuzu เพื่อเปิดประสบการณ์การรับประทาน Omakase ในรูปแบบที่สดใหม่ ณ ถนนเพชรบุรี สุขุมวิท 39 เชฟ Riku Toda (戸田陸)ผู้ได้รับการบ่มเพาะฝีมือมาอย่างหนักจากปรมาจารย์ซูชิ Hachiro Mizutani เจ้าของร้านซูชิ มิชลิน 3 ดาว Sushi Mizutani ลูกศิษย์อันดับ 1 ของเทพเจ้าซูชิ Jiro Ono ต้นตำหรับเอโดะมาเอะซูชิ เมื่อเข้ามาในร้านจะเห็นสัญลักษณ์เป็นต้นบอนไซตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางให้รู้ว่ามาถูกที่แล้วครับ จากนั้นเลี้ยวเข้ามาด้านในจะพบเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งสามารถเห็นบริเวณที่เชฟทำอาหารได้อย่างชัดเจน พื้นที่เพียงพอต่อการจุ ผู้คนต่อรอบได้ 10 คนตามที่ทางร้านกำหนด โดยมีการเปิดสองรอบเวลา 17.30 และ เวลา 20.30 ครับ ส่วนทางขวาจะมีโต๊ะใหญ่และที่นั่งรับรองให้เตรียมตัวรอก่อนจะเริ่มต้นคอร์สครับ ที่นั่งสำหรับสิบท่านรอบเคาท์เตอร์บาร์ เพื่อให้สามารถชมเชฟขณะเตรียมซูชิได้อย่างชัดเจน และนี่คือเมนูประจำวันนี้ครับ กล่าวคือ omakase จะเป็นเมนูที่ทางเชฟเป็นคนคิด ตามวัตถุดิบที่มีในแต่ละวัน เพราะฉะนั้นหากมาในวันอื่นก็จะได้พบกับเมนูใหม่ๆ ซึ่งอาจจะไม่ซํ้ากับวันนี้ครับ โดยที่ร้าน Sushi Ichizu นี้จะเน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบเป็นหลักโดยเฉพาะ ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่ส่งตรงจากตลาดปลา Tsukiji โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น Maguro Shirako Ankimo Uni จวบจนวัตถุดิบในส่วนของหวานก็นำเข้าจากญี่ปุ่นเช่นกัน รับรองได้เลยว่าวัตถุดิบที่ใช้เกรดเทียบเท่ารับประทาน Omakase ที่ญี่ปุ่นแน่นอน ก่อนเริ่มเสิร์ฟเมนูแรก จะมีการเสิร์ฟขิงดองและ…
หลายคนหากจะนึกถึงอาหารจีนสิ่งแรกๆที่เรามักจะนึกถึงกันเลยคือ ติ่มซำ อาหารคำเล็กๆที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศกับความบรรจงสรรสร้างของเชฟ ซึ่งเชฟที่จะทำติ่มซำก็จะทำเพียงติ่มซำเท่านั้นและใช้เวลาฝึกฝนมาไม่น้อยกว่า 3 ปี ขวา : เชฟเจฟฟรีย์ กวาน จากห้องอาหาร Red, Pullman กัวลาลัมเปอร์ ในวันนี้ Kinlakestars.com จะขอพาไปลิ้มลองติ่มซำจากมาสเตอร์ติ่มซำรับเชิญพิเศษ ที่มีประสบการณ์การทำติ่มซำมาเกือบ 20 ปี เชฟเจฟฟรีย์ กวาน ที่ได้บินตรงมาจากห้องอาหารจีน Red ที่มีชื่อเสียง ของโรงแรม พูลแมน กัวลาลัมเปอร์ ซิตี้เซ็นเตอร์ ประเทศมาเลเซีย มาโชว์เมนูขึ้นชื่อระดับเหรียญทอง ในการนี้โดยเฉพาะ ที่ห้องอาหาร Loong Foong โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา (ชื่อเดิมโรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ) ติ่มซำดีๆจับคู่กับชาชั้นเลิศ ที่ในวันนี้ได้มีนักชงชามาชงชาที่จะจับคู่กับติ่มซำให้เราได้ดูด้วยตามขั้นตอนแบบจีนโบราณที่เริ่มตั้งแต่ น้ำแรกสำหรับปลุกป้านดินเผาให้มีชีวิต แล้วจึงเริ่มใส่ใบชาลงไป การล้างถ้วยชาที่ใช้วิธีหมุนไปรอบๆแบบฮกเกี้ยน แล้วน้ำต่อๆมาถึงได้ชาชั้นเลิศมาลิ้มลอง อาจารย์ต้น จากบ้านชาจีน ได้มาสาธิตการชงชาแบบจีนโบราณ เหล่าของนึ่งที่จะจับคู่กับ ชาทิกวนอิม ชาที่เป็นที่โปรดปรานขององค์พระจักรพรรดิ์มาก่อน ถูกปลูกใกล้ๆกับมณฑลกวางตุ้งแหล่งกำเนิดของติ่มซำ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และชานี้ยังช่วยชะล้างไขมัน ความมันจากติ่มซำได้ด้วย จึงนิยมนำมาทานคู่กัน ทีนี้เราก็มีทั้งติ่มซำดีๆและชาชั้นเลิศพร้อมแล้ว มาเริ่มมื้อนี้กันเลยดีกว่าค่ะ ด้วยเหล่าของนึ่ง ฮะเก๋ากุ้งหน่อไม้ฝรั่ง ฮะเก๋ากุ้งเนื้อเด้งในแป้งห่อจีบบางใสสีขาว ที่เวอร์ชั่นนี้ของเชฟได้แอบใส่หน่อไม้ฝรั่งลงไปด้วย และหยอดกุ้งขาวลงไปเยอะ ขนมจีบกุ้งเห็ดหอม การผสมกันที่ลงตัวของหมูและกุ้งในห่อแป้งเกี๊ยวสีเหลืองทอง ท๊อปด้วยไข่กุ้งจำนวนไม่น้อย ชวนให้ดูน่ากินยิ่งขึ้น ฮะเก๋าหมึกดำหอยเชลล์ ชิ้นนี้ขอให้ลืมฮะเก๋าแบบเดิมๆไปแล้วมาลองชิ้นนี้กันค่ะ ห่อสีดำโดดเด่นด้วยแผ่นแป้งที่ผสมหมึกดำกับไส้ข้างในที่เป็นเนื้อกุ้งล้วนๆ ท๊อปด้วยเนื้อหอยเชลล์ด้านบน แล้วคุณจะลืมฮะเก๋าแบบเดิมๆไปทีเดียวเลยล่ะ ซาลาเปาชาโคลไส้ลาวาไข่เค็ม ไส้ไข่เค็มสีเหลืองทอง ซาลาเปาชาโคลสีดำลูกกระทัดรัดแต้มทอง สอดไส้ลาวาไข่เค็มมันๆที่รสกำลังดี ไม่หวานไปและที่เชฟแอบกระซิบมาว่าเอาไปอบมาก่อนลาวาจึงไม่เหลวไป และเหล่าของทอดก็ทยอยกันมา ฟองเต้าหู้ทอดไส้กุ้ง กุ้งเป็นตัวๆผสมกับใบกุ้ยช่ายเล็กน้อยสอดไส้อยู่ในฟองเต้าหู้แผ่นบางทอดกรอบกำลังดี เพิ่มรสชาติอีกนิดด้วยบ๊วยเจี่ย กุ้งทอดซอสเซี่ยงไฮ้ เกี๊ยวหมูผสมกุ้งเนื้อแน่นเต็มคำทอดมากำลังดี และยังมีแผ่นแป้งกรอบชิ้นโก้เก๋ช่วยเพิ่มเทกเจอร์อีกด้วย ด้วยหน้าตาและรสชาติทานแล้วอาจจะสับสนว่านี่เหมือนเกี๊ยวญี่ปุ่นเลย ซึ่งสองชาตินี้เค้าก็ได้รับอิทธิพลกันไปมา แต่ของจีนนี้เชฟได้เฉลยว่าข้างในจะใส่ซอสน้อยกว่า ได้รสที่พอดีกว่านั่นเอง เกี๊ยวกุ้งทอดซอสวาซาบิ แผ่นเกี๊ยวทอดกรอบ (กรอบมาก) ห่อไส้กุ้ง ทานคู่กับมายองเนซผสมวาซาบิเจือจาง ที่คนไม่ชอบวาซาบิก็น่าจะลองได้ค่ะ เผือกทอดไส้หมูพริกไทดำ เผือกทอดและไส้หมูพริกไทดำที่หนักพริกไทดำสมชื่อ แต่ไม่ฉุน กับผิวแป้งกรอบๆที่ผิว …
หากท่านเคยได้รับชมรายการ IronChef ครั้งล่าสุด แน่นอนว่าต้องคุ้นเคยกับชื่อของเชฟคนนี้ “เชฟมุ้ย ปรเมธ ประสานศักดิ์” เชฟมุ้ย ปรเมธ ประสานศักดิ์ ผู้ชนะการแข่งขัน Iron chief Thailand เชฟมุ้ย ปรเมธ ประสานศักดิ์ ฉายา King Of The Modern Japanese Cuisine ผู้ชนะการแข่งขัน Iron chief Thailand จากการประกวดในโจทย์ของ Modern Japanese โดยจะมีวัตถุดิบกำหนดให้ในแต่ละเมนู ซึ่ง Theme ของการแข่งครั้งนี้คือ “เครื่องใน” นั่นเอง โดยเชฟนั้นเนรมิตวัตถุดิบเครื่องในชนิดต่างๆจัดเป็น course เสิร์ฟให้กรรมการได้ลิ้มลอง จนสามารถคว้าชัยมาได้ ตอนนี้อาหารเหล่านั้นพร้อมเสิร์ฟถึงคุณแล้วในราคาสบายกระเป๋า ณ The Lobby Lounge Bangkok Marriott Hotel The Surawongse แห่งนี้ จานเดี่ยว 250 บาท Full Course 450 บาท เท่านั้น โดยสามารถสั่งอาหารได้จาก Lobby Lounge ของโรงแรมได้โดยตรงเลย พนักงานของโรงแรมที่นี่ทุกคนต้อนรับด้วยรอยยิ้ม และมารยาทที่ฝึกอบรมมาดีมากครับ ตรงนี้ให้ดาวเลย ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ซึ่งมีอาณาเขตกว้างขวาง นั่งสบาย บรรยากาศเปิดโล่ง และประดับด้วยไฟตกแต่งสวยงาม ภายในสงบเรียบร้อย ไม่ถึงกับเงียบสนิท แต่ไม่ถึงกับจอแจเกินไป ถือว่านั่งรับประทานอาหารได้อย่างเพลิดเพลินครับ ซึ่งการประกอบด้วยแสงธรรมชาติ และแสงภายในอาคาร อาจจะถูกใจนักถ่ายรูปอาหารหลายๆท่านอีกด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าเชฟได้รังสรรค์เมนูอะไรบ้างเพื่อเอาชนะการแข่งขัน และนำมาดัดแปลงเป็นอาหารเมนูใดให้ท่านลิ้มลองกัน First Kiss เมนูแรก ซึ่งในรายการได้ให้วัตถุดิบคือ “ผ้าขี้ริ้ววัว” โดยเชฟได้นำมาดัดแปลงให้เป็น scallops แทนเพื่อให้ง่ายต่อการรับประทานมากขึ้น หอยเชลล์ที่มีการ burn มาเล็กน้อยให้มีความหอมของกลิ่นย่างแต่ยังมีความ นุ่มฉ่ำอยู่ มาพร้อมกับไข่ปลากรุบๆ sour cream และ ponzu jelly ช่วยเพิ่มรสชาติให้ได้อย่างลงตัวมาก ในส่วนของแตงกวา และ radish…
ติ่มอาหารเหลารสเข้มข้น ค็อกเทลไม่มีจาง บน Rooftop สุดหรูชมวิวกรุงเทพยามค่ำคืนกับแกล้ม Midnight Dim-Sum กับราคาแสนเบาๆ ณ Yào Restaurant & Rooftop Bar, Marriott Surawong Bangkok หากพูดถึงอาหารจีน คนส่วนใหญ่อาจจะติดภาพความโบราณ รสชาติจำเจ ที่กินกันอยู่ทุกปีโดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่างๆ อาจทำให้คิดไม่ออกว่าจะนำอาหารแบบนี้มากินหรูๆบน Roof top ให้เข้ากันได้อย่างไร จึงอยากเชิญท่านมาลองพบกับ “เย่า เรสเตอรองท์ แอนด์ รูฟท็อป บาร์” (Yào Restaurant & Rooftop Bar) ร้านอาหารจีนและเอาท์ดอร์บาร์ บนชั้นสูงสุดของโรงแรม Bangkok Marriott Surawong เป็นแห่งแรกในกรุงเทพฯ ที่หยิบยกเอาความคลาสสิคแบบจีนมานำเสนอในมุมมองใหม่ ให้ทันสมัยและเปี่ยมด้วยสไตล์ ภายในตัวร้านแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ร้านอาหารจีนบนชั้น 3 เสิร์ฟอาหารกวางตุ้ง และเซี่ยงไฮ้และรูฟท็อปบาร์บนชั้นดาดฟ้าของตัวตึก โดยวันนี้เราจะพาไปชมในส่วนของรูฟท็อปบาร์ด้านบนซึ่งเป็นบาร์เปิดโล่งตกแต่งสไตล์จีนโมเดิร์น ซึ่งลักษณะของภัตตาคารจะตกแต่งด้วยกระเบื้องและ เฟอร์นิเจอร์สไตล์จีนแทบจะทั้งหมด โดยมีการใช้สีที่อยู่ในโทนเข้มไม่สดจนเกินไป ทำให้รู้สึกถึงความเรียบหรูในที โดยที่นี่สถานที่มีความกว้างขวางและมุมมองรอบด้านที่สวยงาม โดยเห็นทั้งวิวเมืองและวิวแม่นํ้า โดยมีลมพัดคลอ ดนตรีเบาๆ ทำให้นั่งชิวได้เรื่อยๆ ยิ่งเมื่อถึงช่วงกลางคืนจะเห็นทิวทัศน์ของไฟหลากสีในกรุงเทพสวยงามเป็นอย่างมาก บรรยากาศจัดมาเต็มขนาดนี้ อาหารต้องไม่น้อยหน้าเช่นกัน และนี่คือหน้าตาของอาหารที่เราสั่งมารับประทานในวันนี้ครับ SHRIMP WANTON WITH SZECHUAN PEPPER SAUCE 298.- เริ่มต้นด้วยเกี๊ยวกุ้งขนาดพอดีคำ 6 ชิ้น ซึ่งถือว่ากำลังพอดี เมื่อกัดลงไปจะรู้สึกถึงความกรุบกรอบของกุ้งสดๆเป็นอย่างแรก ตามมาด้วยความหอมและเผ็ดร้อนเบาๆของซอสเสฉวน และพริกไทย เหมือนเป็นการเปิดต่อมรับรสของลิ้นก่อนรับประทานอาหารเมนูต่อๆไป ซึ่งโดยรวมเป็นเมนูที่กินได้โดยไม่เลี่ยนแน่นอน และไม่ได้มีความเผ็ดแบบพริกทั่วไป คนไม่รับประทานเผ็ดน่าจะสามารถรับประทานได้ครับ CRISPY FRIED CRAB ROLL 278.- ตามมาด้วย หอยจ๊อปูซอสบ๊วย เป็นออเดิร์ฟที่ขาดไม่ได้สำหรับอาหารจีน เมนูพื้นที่เห็นได้ทั่วไป แต่กลับเป็นการเตรียมพร้อมที่คู่ควรกับ การสั่ง ด้วยความกรอบของเนื้อสัมผัสฟองเต้าหู้ตั้งแต่คำแรกที่กัด และเนื้อปูแน่นๆที่อัดอยู่ภายใน ทานพร้อมนํ้าจิ้มบ๊วยเพิ่มความกลมกล่อมได้อย่างลงตัว DAIKON CAKE…