ชุดอาหารไทยมหาสงกรานต์ เต็มอิ่มจากตัวแทนอาหารทั้งสี่ภาคของประเทศไทย ในรสต้นตำหรับถูกปากคนไทย ถูกใจชาวต่างชาติ วันนี้ kinlakestars.com ขอพาไปทานอาหารไทย 4 ภาค จากการรังสรรค์ของเชฟเรณูกันอีกครั้ง (ที่คราวที่แล้วเป็นข้าวแช่ชาววังในชุดเชี่ยนหมากเงิน ติดตามต่อได้ที่นี่) อาหารชุดนี้เป็นอาหารชุดที่มี เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ไล่สลับจับเรียงกันไป จากทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ อีกทั้งยังมาในคำเล็กๆน่ารักๆจนกระทั่งกลายเป็นข้าวและกับ ของหวาน ไปจนอิ่มกำลังดี กินอาหารไทย 4 ภาค ต้อนรับมหาสงกรานต์ ชมพระอาทิตย์ตกดินไปกับทัศนียภาพเส้นขอบฟ้ากรุงเทพมหานครทั้งเมือง หนึ่งเดียวในประเทศไทย ข้าวแช่ชาววังครบเครื่องที่เสิร์ฟมาในเครื่องเชี่ยนหมากขันเงิน โดยเชฟเรณู และมีการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบเพื่อความเหมาะสม กับการบริการและต้อนรับที่จะทำให้ทุกคนประทับใจและไม่รู้ลืม เริ่มตั้งแต่การล้างมือให้แขกทุกท่านด้วยน้ำสมุนไพรถึงโต๊ะ เช็ดมือ และดอกไม้ทัดหูสำหรับแขกผู้หญิงทุกคน” +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เริ่มกันจากของทานเล่นอย่างข้าวตังกันก่อนเลย ด้วยข้าวตังแผ่นไม่หนามากวางสลับกับแผ่นขนมทองม้วนผสมสมุนไพรชิ้นเล็กๆประปรายไปตลอดแผ่นพร้อมกับน้ำจิ้มให้เลือกทานถึง 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกหนุ่มแบบชาวเหนือ น้ำจิ้มสีขาวรสเหมือนหลน และถ้วยสุดท้ายที่เป็นสีแดงๆ คือหมูสับกับน้ำพริกแกง เค็มนิดและมีเผ็ดลอยขึ้นมาจางๆให้ช่วยสร้างสีสันต์ปิดท้ายจานนี้ จานถัดไปเป็นเหมือนบทนำของการพาเราไปเที่ยวเมืองไทยให้ครบทั้ง 4 ภาคกัน อย่างมินิขันโตกที่มาในรูปชิ้นเล็กๆ 4 อย่างด้วยกัน ที่ให้ทานเรียงจากซ้ายไปขวา มีไม้ปลายแหลมปักกลางไว้เห็นสีและรูปร่างเผินๆคล้ายทอดมัน แต่มิใช่ นี่คือไก่ทอดที่มีความกรอบอยู่ที่ผิว ตัวเนื้อนิ่มด้วยเนื้อไก่ผสมมันเล็กน้อย มีรสชาติเป็นของตัวเองอยู่ในตัว โดยไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มไก่อย่างทั่วไป วางมาบนใบมะกรูดที่มีกลิ่นหอมและสรรพคุณเฉพาะตัว ทั้งยังมีสีเขียวเข้มช่วยส่งให้สีของไก่ได้ตัดกันมากขึ้นด้วย ถัดไปเป็นเนื้อชิ้นเล็ก (อันนี้ถ้าไม่ทานเนื้อขอเปลี่ยนเป็นหมูแทนได้ค่ะ) รสหวานๆหน่อย นึกถึงเนื้อสวรรค์ ราดงา แต่ไม่แข็งจนทำให้เคี้ยวยาก กลัดมาน่ารักในทรงสามเหลี่ยมด้วยใบเตย ซึ่งอันนี้ทานหลายๆชิ้น (จากคนข้างๆด้วย กลายเป็น 6 ชิ้น) ก็ยังไม่ทำให้รู้สึกว่าหวานไป ชิ้นที่ 3 เป็นไส้อั่ว ที่มีรสของสมุนไพรต่างๆมาเต็ม ไม่มีความเผ็ดดี พร้อมใบมิ้นท์และผักกาดขาว ดูคนที่มาด้วยติดใจมากเลย ชิ้นที่ 4 เป็นแตงกวาคว้านเหมือนถ้วยจิ๋วใส่หมูสับปรุงรสเผ็ดนิดๆ พร้อมแค๊บหมู และมีรสหวานฉ่ำสดชื่นจากแตงกวา จานต่อไปเป็นส้มตำและลาบเป็ด (ถ้าคนไม่ทานเผ็ดควรรีบบอกเค้าก่อน) ส้มตำนั้นรสจัดจ้าน เผ็ดด้วยพริกสดและพริกแห้ง เข้มข้นคนไทยทาน มีปนหวานด้วย ส่วนลาบเป็ดนั้นมีเปรี้ยว หวาน เค็ม มาครบ แบบนี้แหละที่ชอบกิน…
Author: Nopmanee
ห้องอาหารยามาซาโตะ (Yamazato) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฉลองเทศกาลวันเด็กผู้ชาย หรือ ทังโกะ โนะ เซ็กกุ (Tango No Sekku) ในภาษาญี่ปุ่น ด้วยเมนูพิเศษให้บริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 8 พฤษภาคม 2559 วันเด็กผู้ชายของประเทศญี่ปุ่นตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปี ในปัจจุบันถือว่าเป็นวันเด็กแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า โคโดโมะโนะฮิ (Kodomonohi) วันเด็กผู้ชายของประเทศญี่ปุ่นมีความเป็นมายาวนานกว่าพันปี ครอบครัวที่มีบุตรชายจะประดับโต๊ะตุ๊กตาใส่ชุดนักรบ หรือชุดซามูไร และจะตั้งเสาธงปลาคาร์ฟไว้ภายในบริเวณบ้าน โดยธงปลาคาร์ฟจะมีปลาคาร์ฟอย่างน้อยสามตัว คือ พ่อปลา แม่ปลา และลูกปลา ให้ขึ้นไปแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า เพื่อแสดงความยินดี และขอให้บุตรชายมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ ไร้โรคภัยไข้เจ็บ เป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย โตวันโตคืน โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลวันเด็กผู้ชายด้วยการประดับธงรูปปลาคาร์ฟที่บริเวณหน้าโรงแรม และประดับโต๊ะตุ๊กตาใส่ชุดนักรบ หรือชุดซามูไร ไว้บริเวณหน้าห้องอาหารญี่ปุ่นยามาซาโตะ นอกจากนั้นเชฟชิเงรุ ฮางิวาระ (Shigeru Hagiwara) หัวหน้าพ่อครัวประจำห้องอาหารยามาซาโตะ ยังได้ตระเตรียมเมนูอาหารชุดพิเศษสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำ เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ร่วมเฉลิมฉลองวันเด็กผู้ชายกันอย่างพร้อมหน้า และถือเป็นการร่วมสืบสานเทศกาลวันเด็กผู้ชายของประเทศญี่ปุ่น เมนูอาหารชุดมื้อกลางวัน ประกอบไปด้วยอาหารน่ารับประทานหลากหลายรายการ อาทิ เต้าหู้งาโรยด้วยกระเจี๊ยบและเก๋ากี้ ซุปปลาชาเขียว และเห็ดชิเมะจิย่าง ปลาดิบชั้นดี (ปลาทูน่า และปลาทรายแดง) ปลาหางเหลืองย่าง เทมปุระ และเมนูน่ารับประทานอีกหลายรายการ ที่พลาดไม่ได้คือเมนูขนมหวานประจำเทศกาลวันเด็กผู้ชาย คาชิวะโมจิ ซึ่งเป็นขนมแป้งข้าวเหนียวไส้ถั่วแดงห่อด้วยใบคาชิวะ หรือใบโอ๊ค ซึ่งใบคาชิวะนี้เป็นใบไม้ที่แข็งแรงและอดทนกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี จึงมีความหมายเพื่ออวยพรให้เด็กผู้ชายมีความอดทน แข็งแกร่ง และมีชีวิตยืนยาว เหมือนใบคาชิวะ เมนูอาหารชุดมื้อกลางวัน ส่วนเมนูอาหารชุดมื้อค่ำ “ไคเซกิ” ประกอบไปด้วย ซุปใสร้อนใส่ปลาทรายแดงและเห็ดชิเมะจิ ปลาดิบชั้นดี (ท้องปลาทูน่า กุ้งหวาน ปลาหางเหลือง และหอยแครงญี่ปุ่น) ตับห่านกับปลาย่าง หัวปลาทรายแดงตุ๋นซีอิ๊วญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นเมนูสำคัญสำหรับวันเด็กผู้ชายเนื่องจากหัวปลาทรายแดงมีรูปร่างเหมือนหมวกนักรบญี่ปุ่นที่เป็นสัญลักษณ์ของวันเด็กผู้ชายนั่นเอง นอกจากนั้นยังมีเมนูน่ารับประทานอื่น ๆ อีก ปิดท้ายเมนูอาหารค่ำชุดพิเศษนี้ด้วย คาชิวะโมจิ ขนมหวานพิเศษสำหรับวันเด็กผู้ชาย อาหารค่ำชุดพิเศษสำหรับเทศกาลเด็กผู้ชายนี้ราคาชุดละ 3,000++ บาท นอกจากนั้น เชฟ ฮางิวาระ ยังได้เตรียมอาหารชุดพิเศษสำหรับให้บริการเด็กอายุไม่เกิน 12 ปีในช่วงเทศกาลวันเด็กผู้ชายทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำในราคาเพียงชุดละ 350++ บาทเท่านั้น อาหารชุดพิเศษสำหรับเทศกาลวันเด็กผู้ชาย มีให้บริการระหว่างวันที่ 29 เมษายน…
“1823 ที เลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์” ทีเลานจ์สุดหรูแห่งแรกและแห่งเดียวของโลกโดยรอนเนอเฟลด์ นำเสนอเมนูเครื่องดื่มดับร้อนต้อนรับซัมเมอร์นี้ ซึ่งใช้ชาเบลนด์ของทางร้านเป็นองค์ประกอบหลัก เริ่มที่ Melon Splash(เมล่อนแสปลช) (190++) ที่ใช้ชา Pai MuTan(รสเมล่อน) เป็นองค์ประกอบหลักผสมด้วยน้ำมะนาว, น้ำสับประรด เติมความหอมหวานด้วยวานิลลาไซรัปแล้วออนท๊อปด้วยแพร์ซอร์เบ็ทสูตรเฉพาะของทางร้าน ต่อด้วย Lost in Paradise (ลอสท์อินพาราไดซ์)(190++) ที่ใช้ชา Vanille Tea(กลิ่นวานิลลา) เพิ่มความหอมด้วยวานิลลาแท้สกัดเข้มข้น เติมรสชาติด้วยน้ำมะนาวและน้ำองุ่น เพิ่มความซ่าด้วยไสปรท์และออนท๊อปด้วยไอศกรีมวานิลลา, Mango Nojito (แมงโก้โนจิโต้)(190++) Mango Dream Tea(ชากลิ่นมะม่วง) ผสมกับน้ำตาลบราวน์ชูการ์ที่ให้รสหวานแบบกลมกล่อมกับใบสะระแหน่เพิ่มความสดชื่นและออนท๊อปด้วยมะม่วงควั่นเพื่อเสริมบ รรยากาศความเป็นซัมเมอร์ ตบท้ายด้วย Mango and Peppermint Slush (แมงโก้แอนด์เปปเปอร์มินต์สลัช)(190++) Pepper Mint Tea(ชาเปปเปอร์มินต์) ผสมกับน้ำมะม่วงและเนื้อมะม่วงเพิ่มรสเข้มข้น ตัดความหวานด้วยน้ำมะนาวแล้วออนท๊อปด้วย 1823 Tea Lounge by Ronnefeldt มะม่วงซอร์เบ็ท มอบความพิเศษในช่วงหน้าร้อนนี้กับโปรโมชั่น ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง เฉพาะชามะนาวหวานเย็นชื่นใจถูกปากคอชาชาวไทยด้วยชามะนาว Milima Gold Kenya Lemon(190++) ชา Milima Gold Kenya ชาดำรสละมุนจากบริเวณที่สูงของประเทศเคนย่าที่ปลูกด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมให้กลิ่นหอมอ่อนๆของไซตรัส(พืชตระกูลมะนาว และส้ม)ผสมกับกลิ่นเครื่องเทศหอมอบอวล พร้อมเสิร์ฟความพิเศษด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษในช่วงหน้าร้อนนี้ เมนูเครื่องดื่มต้อนรับซัมเมอร์เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 1 เมษายน 2559 ถึง 31 พฤษภาคม 2559 นี้ พิเศษส่วนลด 10% สำหรับผู้ที่ถือบัตรวีซ่าเท่านั้น สัมผัสสุนทรียรสแห่งชาชั้นสูงจากทวีปยุโรปได้แล้ววันนี้ที่ “1823 Tea Lounge by Ronnefeldt” (1823 ทีเลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์) ชั้น 1 ศูนย์การค้าเกษร เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-656-1086 หรือ [email protected] KIn Promo&Event KinlakeStars.com —————————————————————————————————————————————— A B A B A B…
พาเรดสารพัดเมนูปูม้า กินปูม้าที่ไม่ต้องไปไกลถึงทะเล กับบุฟเฟ่ต์นานาชาติ หน้า BTS เพลินจิต @ Novotel Bangkok Ploenchit Sukhumvit วันนี้ Kinlakestars.com ขอพาไปทานบุฟเฟ่ต์ปูม้า ที่หน้าสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิตกัน นั่นก็คือ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ เพลินจิต สุขุมวิท นั่นเอง มาถึงแล้วกดลิฟต์ตรงดิ่งไปที่ชั้น 8 ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร The Square กันเลย เดินเข้ามาแล้วโต๊ะแรกของไลน์บุฟเฟ่ต์ที่รอต้อนรับอยู่นั้นคือ ปูม้า กุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่สีดำ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ในเรือน้ำแข็งที่สามารถนำไปรับประทานได้เลยหรือนำไปปรุง แกล้มกับเมนูนั้น ใส่กับจานนี้ได้ แถมน้ำจิ้มเครื่องเคียง มะนาว กระเทียมเจียว ก็มีให้มากมายอยู่ทางซ้าย นอกจากนั้นด้านหลังของเรือน้ำแข็ง ที่โต๊ะเดียวกันนั้นยังมียำวุ้นเส้นทะเลที่เปรี้ยวนำ เค็มตามและหวานน้อย พร้อมปลาหมึก กุ้ง เยอะแยะ หมี่กรอบที่มีความกรอบกำลังดี หวานหน่อยๆเท่านั้นซึ่งเป็นเมนูที่หายากในไลน์บุฟเฟ่ต์เสียหน่อย คงเพราะหมี่กรอบนี้ทำได้ยากนี่เอง ยำหัวปลีกับเนื้อปูก็ฉ่ำๆดี รสมันๆหน่อย ชวนให้นึกถึงไส้ของขนมเบื้องญวน ยำเนื้อปลากับมะม่วงสับให้เปรี้ยวจี๊ด แล้วมีรสเผ็ดของพริกลอยขึ้นมาปิดท้าย ถัดมาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของไลน์บุฟเฟ่ต์นานาชาติคือ มุมซูชิ ด้วยไข่กุ้งหลากสี ปลาทูน่า แซลมอน(ไม่เลี้ยง) ดิบที่หั่นมาบางกำลังดี พร้อมซูชิหน้าปลา ข้าวปั้นไข่กุ้ง ข้าวหน้าปูอัด และอย่าลืมหยิบสลัดปูอัดในถ้วยแก้วทรงสูงสีสันต์สดใสนั้นมาทานด้วย อีกทั้งพวกผักดอง กิมจิ ขิงดองนั้นก็มีอยู่ข้างๆกัน ที่ใกล้ๆกันนั้นมีหม้อเปิดหม้อ เจอปูนึ่งตะไคร้และพรรคพวก ที่แค่เปิดก็หอมแล้ว เนื้อปูนั้นชุ่มฉ่ำกำลังดี เจือกลิ่นและรสชาติของตะไคร้และพรรคพวกมาด้วย บอกได้เลยว่าอย่าพลาดหม้อนี้ ข้างๆกันนั้นยังมีจาน Tacos ไส้ปูนิ่มที่มันแบบมันปู พร้อมสลัดผักสด ในแป้งห่อที่กรอบดี มีรสมันในตัวเองถ้ากินเปล่าๆจะจืดไป ต้องใส่วาซาบิครีมซอส ที่จะให้รสเผ็ดฉุนขึ้นจมูกซักหน่อย มีไหเปิดไหเป็นอาหารอินเดีย Soft Crab Tandori ทานคู่กับแป้งนาน อีกอย่างหนึ่งเป็น Vegetable Korma เป็นอีกจุดที่แนะนำให้ลอง แป้งนานเหนียวนุ่มกินคู่กับ Soft Crab Tandori จะเข้ากันได้ดีมาก แกงทันดูรีหอมกลิ่นกะหรี่อินเดียกับปูนิ่มมันกรุบ แต่จานนี้จะมีรสของเค็มเยอะไป ควรลดความเค็มลงซักนิด…
Review Riedel wine bar and cellar @Gaysorn Grand Opening event of Riedel Wine Bar & Cellar ร่วมเปิดประสบการณ์แห่งสุนทรียรสไลฟ์สไตล์ชั้นสูง ณ Riedel wine bar and cellar ในห้างหรูกลางแยกราชประสงค์ “เกษร ” งานนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ ที่ชั้นสองของห้าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน นับเป็นครั้งแรกของโลกที่ Riedel wine bar ทำการเปิดทั้งไวน์บาร์และร้านอาหารในแห่งเดียว ร้านนี้ตกแต่งแบบโทนสีไม้ธรรมชาติ มีสีทอง สร้างความรู้สึกหรูหรา และอบอุ่นผสมผสานกัน ตัวผนัง เป็นสีชมพูแดงเรื่อๆ แสดงถึงไวน์ ภายในร้านมีไวน์ให้เลือกมากมายซึ่งแน่นอนว่าดื่มกับแก้ว Riedel แล้ว จะยิ่งช่วย “ปลดล็อก” เอกลักษณ์ของไวน์ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ทีนี่มีเมนูไวน์ให้เลือกสรรมากมาย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ (sommelier) ได้คัดสรรมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเมนู ไวน์แบบเก้ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยีแบบ “wine dispenser” ทำให้สามารถลองชิมไวน์ได้หลากหลาย ซึ่งให้บริการปริมาณไวน์ที่แตกต่างกันตั้งแต่ ปริมาณน้อยที่สุดที่ให้ลองชิม จนถึง ปริมาณที่ มากกว่าปกติ สำหรับผู้ที่ถูกใจเป็นพิเศษ และแน่นอนว่า ร้านอาหารนี้ มีเมนูแนว modern mediterranean ไว้ให้บริการอีกด้วย ซึ่งทำให้สุนทรียภาพในการดื่มไวน์เป็นไปอย่างเหนือชั้นยิ่งขึ้น งานในวันเปิดตัว มีวงดนตรีบรรเลงจาก Bangkok symphony orchestra ซึ่งบรรเลงได้อย่างสนุกสนาน ตรงกลางมีพื้นที่ว่าง สำหรับให้ทุกคนมาสนุกสนาน เต้นรำกันได้ นอกจากนี้ ที่ร้านยังมีห้องรับรองส่วนตัว ที่สามารถจองได้ และมีโซนที่อยุ่ด้านนอกร้าน เป็น outdoor ติดถนนราชประสงค์ อากาศไม่ร้อนเนื่องจากมีเครื่องทำความเย็นอยู่ทุกโต๊ะ บรรยากาศภายนอก เหมาะแก่การสูบซิการ์ ร่วมกับดื่มไวน์และ ชื่นชมบรรยากาศค่ำคืนของกรุงเทพเป็นอย่างมาก Riedel wine bar and cellar เปิดบริการตั้งแต่เวลา 11.00-24.00 ณ…
อาหารอิตาเลียนสร้างสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพสูงเคล้าเพลงโอเปร่าร้องสด ยามรัตติกาลที่เหมือนนั่งทานในห้องเก็บไวน์ที่อิตาลี Kinlakestars.com จะพาท่านเดินลงบันไดเวียน ลงไปที่ชั้นใต้ดินของโรงแรมแห่งหนึ่ง ณ ถนนหลังสวน ที่ๆเป็นบูทีคโฮเทลที่หรูเริ่ดชิคๆที่สุดแห่งหนึ่ง คือ Hotel Muse นั่นเอง ณ ชั้นใต้ดินแห่งนี้เหมือนได้เดินลงไปที่ห้องเก็บไวน์ในอิตาลี ในหมู่บ้านอันห่างไกลแห่งหนึ่ง ที่ๆคุณๆอาจจะคุ้นกับชื่อของห้องอาหาร Medici อย่างน้อยก็มาจากประวัติของเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งทุกท่านเองน่าจะเคยได้พอรู้มากันบ้าง ชื่อจากแรงบันดาลใจจากตระกูลผู้ทรงอิทธิพลในฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในแวดวงการเมือง การธนาคารหรือแม้กระทั้งศาสนานับเป็นตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลเป็นลำดับต้น ๆ ของยุโรปในสมัยนั้น แสดงออกถึงที่มาของสไตล์อาหารแบบทัสกันและการออกแบบตกแต่งอย่างหรูหราในแบบผู้ดี ออกแบบในสไตล์ “นีโออินดัสเทรียล” ที่ผสมผสานวัฒนธรรมไทยให้เข้ากับกลิ่นอายในแบบฉบับทัสกานี สะท้อนผ่านการใช้องค์ประกอบที่เรียบง่ายอย่าง กำแพงอิฐ ถังไม้โอ๊ค ประตูเหล็กพับและโครงเหล็กใหญสีดำ ซึ่งให้ความรู้สึก เคร่งขรึม สร้างความโดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจอย่างเบาะหนังและโต๊ะไม้ให้กลิ่นอายของรสนิยมชั้นสูง การเดินทางมาที่นี่จึงเปรียบเสมือนการย้อนเวลาสู่อดีตเพื่อไขความลับที่ชวนสัมผัสและเก็บเกี่ยวห้วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น สำหรับเชฟนั้น Nicolino Lalla, หรือ “Chef Nic” เป็นเชฟชาวอิตาเลียนมากฝีมือที่สร้างสรรค์อาหารทุกจานให้สวยงามดั่งงานศิลป์บนจานจากวัตถุดิบคุณภาพสูง ซึ่งทุกจานนั้นล้วนมาจากความใส่ใจและบรรจงตั้งใจ ก่อนเข้าสู่มื้อ จะมีขนมปังตามธรรมเนียมอาหารอิตาเลี่ยน ขนมปังที่นี่นั้นแนะนำให้ลิ้มลองจริงๆ โดยเฉพาะตัวที่เป็นสี่เหลี่ยมและมีมะเขือเทศสดอยู่ตรงกลาง เนื้อขนมปังนุ่มหอม ยิ่งกินคู่กับน้ำมันมะกอกและบัลซามิกยิ่งได้รสและสัมผัสที่ดีมาก มาเริ่มกันที่อาหารกันเลย โดยเริ่มกันจากจานเรียกน้ำย่อย – Scallop 3 ways (Mash Broad beans, pumpkin and beetroot) with micro salad and balsamic pearl สวยงามดั่งงานศิลป์บนจาน ถือเป็นจานเริ่มต้นที่ดีทีเดียว สแกลอปตัวใหญ่ที่นำไปย่างให้มีความเกรียมตรงผิวนิดๆและกลิ่นออกหน่อยๆ แต่ยังคงความสดหวานและฉ่ำของเนื้อตรงกลางและด้านในไว้ได้ดี ทั้งสามตัวถูกทำให้ออกมาสามรส สามอารมณ์ โดยตรงฐานแต่ละตัวทำจากฟักทองบด ซึ่งให้สีเหลืองทอง รสหวานหอมนุ่มอร่อย ชิ้นต่อมาฐานทำจากบีทรูทบดซึ่งให้รสหวานนิดๆออกฉ่ำสดชื่นและที่ขาดไม่ได้เสน่ห์ของบีทรูทคือกลิ่นดินนิดๆให้ชวนนึงถึงความสดชื่นเหมือนยืนเท้าเปล่าบนดินท่ามกลางท้องทุ่งธรรมชาติ และตัวสุดท้ายฐานทำจากถั่วปากอ้าบด ให้สีเขียวอ่อน รสหวานมันอร่อย ความมันของถั่วทำให้ชิ้นนี้เป็นอีกชิ้นที่น่าประทับใจ จะเห็นว่าทั้งสามชิ้น สามสี สวยงาม อร่อยและมีรสที่ต่างกันไป โดยรสมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ และตกแต่งด้วยผักเล็กๆกับบัลซามิก รสเปรี้ยว โดยรวมนับเป็นจานเริ่มต้นที่ดี รสอ่อนๆเบาๆไม่แรงไปแต่ในสามชิ้นของจานมีรสและเอกลักษณ์ที่ต่างกันดีโดยทุกตัวดึงรสจากวัตถุดิบธรรมชาติออกมาได้ดีมาก – Jerusalem artichoke soup and potato with black truffle from Norcia (420 บาท) มาต่อกันด้วยซุปกันบ้าง…
ทานอาหารทะเลที่กลางกรุงเทพฯ (สีลม) ทั้งปูอลาสกา กั้ง กุ้งแม่น้ำ ล็อบสเตอร์ ไข่ปลาคาเวียร์ในราคาพันต้นๆ วันนี้ Kinlakestars.com ขอพาออกทะเล (ที่กลางกรุงเทพฯ) ไปตามล่าหาอาหารทะเลทานกัน อาหารทะเลล้วนๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่ กุ้ง หอย ปู ปลา ที่ห้องอาหาร Panorama โรงแรมคราว พลาซา ที่ตั้งอยู่แถวต้นถนนสีลมกัน เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ชั้นที่ 23 จะเจอกับทางเข้าห้องอาหารนี้ เป็นโถงเพดานสูงหลายชั้น ทำให้ดูเป็นบรรยากาศปลอดโปร่ง รอต้อนรับทุกๆคนอยู่ ที่ๆคุณจะเลือกนั่งทานตรงส่วนนี้ หรือเดินลึกเข้าไปหน่อย ผ่านประตูกระจกออกไปก็มีที่นั่งริมหน้าต่าง เห็นวิวภายนอกได้ชัดเจนดีเหมือนกัน บุฟเฟ่ต์ไลน์นี้มีหลายมุมให้เลือกตัก ขนมปังหลากชนิดให้เลือกหยิบ Smoked Salmon สีส้มสดใส Smoked Oyster หลากขนาดในเปลือกสีขาวสวย วางอยู่ข้างๆ กุ้ง หอย ปู ปลา หลากชนิดที่เตรียมพร้อมทำเป็นเมนูต่างๆให้คุณ สำหรับคอชีสที่นี่ก็มีให้เลือกลองหลายชนิดเหมือนกัน แล้วที่ข้างๆกันนั้นเห็นเค้ากำลังย่างล็อบสเตอร์กันอยู่ ดูน่าทาน ชวนน้ำลายสอ งั้นสั่งกันเลยดีกว่า จัดเสิร์ฟให้คนละครึ่งตัว ไม่ว่าจะสั่งแบบเผา สั่งแบบใส่พาสต้าทานเก๋ๆก็ทำได้ค่ะ ว่าแล้วเราก็สั่งกันไว้ แล้วเดี๋ยวเค้านำไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะค่ะ มุม Seabass หรือปลากระพงขาว ที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง สามารถบอกเค้าได้ว่าอยากได้ชิ้นใหญ่เล็กแค่ไหน พร้อมกับมีซอสให้เลือก 2 ชนิด 2 สี ถ้าเลือกไม่ถูกก็ขอตักใส่ถ้วยเล็กมาลองทั้ง 2 แบบได้ค่ะ ซึ่งอย่างในซอสสีขาวนั้นมี กุ้ง หอย อยู่ด้วย ซอสสีแดงนั้นให้รสเหมือนมะเขือเทศและมันๆหน่อยแบบน้ำมันมะกอก ทานคู่กับปลากระพงขาวเนื้อขาว หนังยืดดดด ออกรสเปรี้ยวเล็กๆของเลมอนอยู่ด้านใน ที่เห็นเป็นหม้ออุ่นอาหารวางเรียงรายอยู่เยอะแยะนั้น เป็นการนำเหล่าสัตว์น้ำทั้งหลายมาปรุงไว้ให้ตักทานกันได้เลย มีทั้งเนื้อปลาในแกงพะแนงที่ให้รสชาติของน้ำพริกพะแนงแต่ไม่เผ็ดดี Seafood yellow curry ที่ให้รสชาติเข้มข้นอ่อนๆของแกงเหลือง ปูนิ่มผัดพริกไทดำ (ปูนิ่ม ที่ไม่ค่อยได้เจอกัน หายากอยู่ซักหน่อย)ก็ทอดมาอร่อยดี ถ้าใครที่ชอบทานลาซานญ่านะคะ คราวนี้เราไม่เจอลาซานญ่าเนื้อ ลาซานญ่าหมู แต่เราเจอลาซานญ่าซีฟู้ดแทน กัดเข้าไปนี่เจอแต่พวกเนื้อปลา ปลาหมึกอยู่จริงๆ หรือจะแอบไปตักผักสลัดมาทานด้วย ด้วยความเคยชินก็มี Steamed Mussel…
ร้านสเต็กสุดคลาสสิคในตำนาน 1 ในใจของใครหลายคน ขายเนื้อคุณภาพจาก USA, AUS, JAPAN @ New York Steak House, JW Marriott Hotel วันนี้ Kinlakestars.com ขอพามาชิมร้านสเต็กในตำนาน 1 ในใจของใครหลายๆคนอย่าง New York Steak House ที่โรงแรม JW Marriott กันบ้าง ที่นี่นั้นเปิดมาได้กว่า 14 ปีแล้ว เน้นแต่งร้านและจัดอาหารในสไตล์ Classic American ที่เน้นเสิร์ฟเนื้อสเต็กล้วนๆ ไม่ผ่านการหมักใดๆ เน้นคุณภาพของวัวสายพันธุ์ดี แล้วยังถูกคัดกรองคุณภาพ เพื่อหาที่สุดของที่สุด เปอร์เซ็นต์ไม่กี่สิบจากเต็มร้อยเพื่อมาเสิร์ฟตรงหน้าคุณ (US Prime highest USDA Certified Prime Beef) โดยมีเนื้อมาจากอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเนื้อลูกครึ่งออสเตรเลียผสมญี่ปุ่น (วากิว) ซึ่งเรียกว่าเนื้อ เทอร์มาฮ๊อค ให้เลือกสั่งตามความชอบทานส่วนไหนของวัวของแต่ละท่าน เนื้อที่มาจากแต่ละประเทศนั้นมีจุดเด่น ในแต่ละส่วนที่แตกต่างกันไป เช่น ที่มาจากอเมริกาจะเด่นในส่วน Filet Mignon ที่สุด เป็นต้น หรือถ้ายังไม่แน่ใจว่าวันนี้อยากจะลองส่วนไหนดี ผู้รับเมนูก็ยินดีแนะนำเพิ่มเติมค่ะ ครัวที่นี่เองก็เป็นกึ่งครัวเปิด กล่าวคือ ผนังด้านหนึ่งของครัวนั้นจะเป็นผนังกระจกตั้งแต่พ้นขึ้นมาจากขอบของเคาท์เตอร์ค่ะ ซึ่งเราจะเห็นทั้งไฟลุก การทำสเต็กทุกขั้นตอน การปรุง และตู้หอยและตู้กุ้งล็อปสเตอร์ว่ายเล่นไปมา ก่อนมันจะมาอยู่ในจานเราค่ะ เมนูเนื้อที่อีกประเดี๋ยวเราจะได้ทานกันในวันนี้เป็น Spice Rubbed Tomahawk Wagyu Roast Beef for Two (4,300 บาท) ที่จะตัดส่วนที่ต้องการออกมาแล้วนำไปย่าง เมื่อได้ที่ นำไปอบเพิ่มเพื่อให้ได้อุณหภูมิความสุกตามที่ต้องการ จากนั้นนำมาแล่พร้อมเสิร์ฟที่โต๊ะ ส่วนตอนนี้ขอพักจากเรื่องเนื้อของที่นี่ มานั่งเปิดเมนูอาหารกันบ้าง เมนูที่ท่านมาเปิดคราใดก็จะพบ การนำเสนอรายการอาหารในรูปแบบเดิม เหมือนกับวันวานที่เพิ่งเปิดร้านมาใหม่เช่นกัน แต่ทั้งนี้ที่นี่ยังได้ทำการอัพเดตเมนูอยู่ทุกปี โดยมีทริกในการเลือกสั่งอยู่อย่างหนึ่งคือ ในแต่ละหมวดของอาหาร เช่น Appetizer Soup…
ห้องอาหาร Seasonal Taste Westin grande sukhumvit ห้องอาหาร Taste ภายใต้concept รอยยิ้มที่อบอุ่น ดนตรีที่ไพเราะ บริการที่เหมาะเจาะตรงใจ อาหารที่สดใหม่ทุกวัน คงจะไม่มากเกินคำบรรยาย วันนี้เราจะพาทุกท่านไปร่วมรับประทานอาหารกับเราที่โรงแรมแห่งนี้ด้วยกันครับ และในช่วงนี้ทางห้องอาหารเน้นธีมซีฟู้ตเป็นพิเศษครับ มาเริ่มกันที่โซนอาหารทะเลครับ ต้องบอกก่อนว่าถ้าใครไม่เคยทานอาหารทะเลที่สดๆใหม่ๆต้องมาลองที่นี่ครับ เพราะอาหารทะเลหลากชนิดที่จัดสรรมามีตั้งแต่หอยแมลงภู่ ซึ่งมีทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์และหอยแมลงภู่ดัชตัวเล็กเปลือกดำที่ปกติแล้วไม่ค่อยได้เห็นกัน หอยนางรมที่ตัวใหญ่ สดและหวานมากๆ กลมกล่อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ตที่มีให้เลือกสองแบบคือแบบไวน์แดงผสมซอสเปรี้ยว กับแบบน้ำจิ้มซีฟู้ตที่เผ็ดจัดจ้านผสมรสเปรี้ยวและหวานเล็กน้อย ต้องบอกเลยว่ารสชาติลงตัวอย่างที่สุด มาดูกันที่กั้ง กั้งตัวใหญ่กว่าห้องอาหารทั่วไปและมีรสชาติหอมหวาน กุ้งที่ตัวใหญ่และสด ในส่วนของปู มีทั้งปูทะเลก้ามโตเนื้อแน่นหวาน และปูอลาสก้าที่เนื้อไม่เค็มกำลังโอเคเลย ต่อมาที่โซนอาหารรมควัน เนื้อเป็ดรมควันต้องบอกได้ว่าหอมและกลมกล่อมมากๆ เพราะว่าเนื้อเป็ดที่ทำเป็นเนื้อที่แน่นและไม่คาว แซลมอนรมควันจานนี้มีรสชาติเฉพาะของสมุนไพรและเครื่องเทศพอคลุกเคล้ากับเนื้อปลาแล้วทำให้หอมและอร่อยมากๆ โซนของทอดและปิ้ง มาเริ่มกันที่ไก่ทอดครับ ที่นี่ต้องบอกว่าพิเศษกว่าไก่ทอดธรรมดาครับ เพราะว่าไก่ที่นี่ทอดแบบพิเศษแตกต่างกันถึง 4 แบบ ซึ่งรสชาติแต่ละแบบอร่อยมากๆ และยังมีน้ำจิ้มสูตรพิเศษผสมเครื่องเทศต่างๆที่หอมมากต้องบอกว่าห้ามพลาดเลยทีเดียว ต่อมาเป็นจานเดี่ยวที่สามารถสั่งได้ มาเริ่มที่ฟรัวกราส์ต้องบอกเลยครับว่าเด็ดมาก ปรกติฟรัวกราส์ตามร้านบุฟเฟ่ต์จะมีกลิ่นคาวพอสมควรซึ่งจะไม่พบที่นี่ ฟรัวกาส์ของที่นี่นั่นนิ่มพอดีคำไม่เละจนเกินไปราดด้วยซอสส้มและพริกไทยเล็กน้อย แต่ที่เจ๋งมากไม่แพ้กันคือเรื่องการแต่งจานต้องบอกว่าการจัดจานของเชฟที่นี่สวยงามมากเป็นศิลปะที่สุดยอดทั้งรสชาติและคุณภาพ ตามมาติดๆด้วยปลาหิมะย่าง ซึ่งปลาหิมะของที่นี่เวลาย่างแล้วจะมีรสชาติหอมหวานและเค็มเล็กน้อย เมื่อเสิร์ฟร้อนๆด้วยแล้วรสชาติกลมกล่อมเป็นที่สุด เไม่ว่าจะเป็นเนื้อ เนื้อแกะ หรือปลาคอร์ทก็อร่อยไม่แพ้กันเลยครับควรลิ้มลอง โซนสปาร์เกตตี้ ต้องบอกว่าสปาร์เก็ตตี้ที่นี่สามารถเลือกใส่กับได้มีให้เลือก 4 รสชาติ วันนี้ได้ทานรสชาติผัดขี้เมาซึ่งเผ็ดกำลังพอดีไม่จัดจนเกินไปและมีรสของเส้นที่คลุกเคล้าในซอสใบโหระพาต้องบอกว่ากลิ่นหอมและอร่อยมากๆ โซนอาหารญี่ปุ่นต้องบอกว่าห้ามพลาดโซนนี้เลยเพราะปลามีให้เลือกถึง 6 ชนิดและสดในระดับร้านอาหาร Alacarte ในย่านสุขุมวิทเลยทีเดียว ปลาแซลมอนมันกำลังพอดีไม่คาวและสดมาก เมื่อรับประทานเป็นซาชิมิหรือข้าวปั้นก็ได้รสชาติหวาน มัน ของปลาที่สดได้ นอกจากนี้ยังมีข้าวปั้นปลาอื่นๆและกุ้งที่รสชาติสด สะอาดและหวานกำลังพอดีบ่งบอกถึงความพิถีพิถันในการเลือกอาหารและปรุงอาหารของเชฟที่นี่เป็นอย่างมาก นอกจากนี้จะเป็นข้าวมันไก่ไหหนานหรือจะเป็นติ่มซัมก็มีให้เลือกกินได้หลากหลายเช่นกันครับ และอาหารอิตาเลียน พิซซ่าแป้งบางกรอบสไตล์โฮมเมดอบออกจากเตาร้อนๆ และคิชแฮมกรอบนอกนุ่มมันใน ลาซานญ่าแผ่นแป้งหนานุ่มหลายชั้นกับชีสเยิ่มๆจัดเต็มท๊อปบนหน้าน่าตาชวนหิว และอาหารไทยแกงไทย อาหารทั่วๆไปก็ยังมีให้เลือกกินได้หลากหลายมากมายครับ โซนของหวาน ของหวานที่นี่มีให้เลือกหลากหลายมาก ตั้งแต่ มาร์ชเมลโล่จนถึงไอศกรีมที่มีให้เลือกมากถึง 8 รสชาติ มาเริ่มกันที่เครป ของที่นี่รสชาติหอมหวานแป้งไม่หนามากจนเกินไป นุ่มและหวานกำลังพอดี ราดด้วยซอสสตรอเบอร์รี่และตกแต่งด้วยสตรอเบอร์รี่ลูกใหญ่กำลังพอดี ต้องบอกว่าคำแรกที่ทานเข้าไปนั้นหอมกลิ่นแป้งและซอสมาก มาร์ชเมลโล่ก็สามารถที่จะราดด้วยช็อกโกแลตได้ มีรสชาติที่หวานกำลังพอดี และนุ่มพอดีคำมากๆ เค้กนั้นก็มีให้เลือกหลายแบบมากเรียกได้ว่าถูกใจคอของหวานกันเลยทีเดียว ส่วนไอศกรีมนั้นมีให้เลือกกว่า 8 แบบซึ่งผู้เขียนได้ทานไอศกรีมวนิลาและช็อกโกแลดมิ้นท์ซึ่งบอกได้ว่าอร่อยมากเพราะรสชาติตัดกันได้อย่างลงตัวไม่หวานจนเกินพอดีและเสิรฟ์พร้อมกับขนมปังกรอบที่เขากันได้อย่างลงตัว โดยรวมแล้วอาหารบุฟเฟ่ต์ของที่นี่มีความอร่อยในระดับ 4.5/5 ความสะอาด…
สวัสดีค่ะ ในรีวิวนี้ เราจะพาทุกท่านไปพบกับคลาสสอนทำค็อกเทลสนุกๆ ครีเอทค็อกเทลในแบบฉบับของคุณเอง และดื่มได้ไม่อั้นกับค็อกเทลเด็ดประจำ 22 Steps Bar, Hotel Indigo ในราคาสุดคุ้ม วันนี้ Kinlakestars.com ขอพาท่านเข้าเมืองมาจิบค็อกเทลทั้งเบาและแรง ที่ถนนวิทยุกันค่ะ หลายท่านอาจจะแปลกใจ เอ๊ะ! แถวนี้ไม่ได้มีร้านนั่งแบบนี้อยู่นิ แต่ใน Hotel Indigo มีค่ะ เดินผ่านโถงล็อบบี้มาที่บันได แล้วก้าวขึ้นไป 22 ขั้น คุณจะได้พบกับ 22 Steps cocktail Bar ดูอบอุ่น เชื้อเชิญด้วยพื้นไม้สีเข้ม โต๊ะเก้าอี้ท่าทางนั่งสบาย นั่งนานได้ไม่มีปัญหา พร้อมกับฉากตู้หนังสือจากพื้นจรดเพดานของชั้น 2 ที่เป็นดั่งภาพในฝันของหนอนหนังสือเป็นแน่ แชนเดอเลียร์ชวนย้อนยุค ในบาร์นี้ที่เปิดเป็น Double Space ทำให้ดู โปร่ง โล่ง สบายดี และเนื่องจากวันนี้ที่เรามากันเป็นวันอาทิตย์ มีโปรพิเศษสั่งเครื่องดื่ม 1 แก้ว ฟรี 1 แก้ว หรือจะเป็นแบบ Free Flow ตลอด 3 ชั่วโมง ในราคา 599++ ก็เป็นได้ ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้ยังเป็นวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนที่เราจะทำ Workshop ผสมค็อกเทลที่หลังบาร์กับไบรอันได้ด้วย ถ้าคุณเคยเห็นบาร์เทนเดอร์หยิบขวดนั้น เทขวดนี้ เขย่าซัก 2-3 ที ด้วยลีลาเฉพาะตัว รวดเร็ว ไม่ถึง 1 นาทีแล้วได้มา 1 แก้วนั้น คุณจะได้ลองทำทั้งหมดนี้ที่นี่ได้เลย ในราคา 599++ เช่นกัน ได้ทำค็อกเทล 3 ตัว ได้คิดเองผสมเอง มีผู้ช่วยเป็นไบรอันอีก 1 แก้ว ตั้งแต่บ่าย 3 โมงถึง 5 โมงเย็น แล้วยิ่งพาเพื่อนมากันหลายๆคนจัดเป็นทีมกัน ยิ่งสนุกดีค่ะ ตอนคิดเอง ผสมเอง ช่วยกันเลือกจากขวดสีนั้น รสนี้ มาผสมกันยิ่งคึกคักครื้นเครงดี…