Chef : Arboo Date : 6 2024
Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A
สวัสดีท่านผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารทุกท่านอีกเช่นเคยครับ วันนี้ ทาง Kinandleisure มีห้องอาหารคุณภาพมาเสนออย่างภาคภูมิใจอีกเช่นเคย ในครานี้เป็นอาหารอินเดีย สุดยอดอาหารที่เป็นดั่งมนต์เสน่ห์แห่งทวีปเอเชียของเรา ซึ่งอาหารไทยของบ้านเราเองก็มีบางส่วนบางเมนูที่ได้รับอิทธิพล หรือมีการใช้เครื่องเทศแห่งดินแดนแคว้นถิ่นสุดน่าค้นหาแห่งนี้ ซึ่งคราวนี้ไม่ต้องไปที่ไหนไกล เพราะทางห้องอาหาร นิลา (NILA) แห่งโรงแรมอมารี กรุงเทพ พร้อมที่จะนำเสนอประสบการณ์ทางอาหารที่น่าตระการตา ให้ทุกท่านได้สัมผัสอย่างเต็มเปี่ยมและตราตรึงใจครับ
Location
โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ เดิมคือโรงแรมอมารี ประตูน้ำ ตั้งอยู่ในโซนใจกลางกรุง สามารถเดินทางมาได้โดยสะดวก ทั้งจากการโดยสารรถยนต์ (ทางโรงแรมมีที่จอดรถให้อย่างเหลือเฟือ) หรือเดินทางมาจากระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพมหานครก็สะดวกเช่นกัน เพราะทางโรงแรม อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ทำให้การเดินทางไปกลับ หรือการเดินทางเพื่อไปทำธุระที่อื่นต่อสามารถทำได้ง่ายมาก เพราะอยู่ใจกลางเขตเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ
โดยห้องอาหาร Nila ตั้งอยู่ไม่ไกลจากห้องอาหารชมสินธุ์ ที่เป็นหนึ่งในห้องอาหารที่น่าประทับใจที่มาพร้อมแนวคิด Sustainable Eating ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่า โรงแรมแห่งนี้ มีร้านอาหารแทบจะทุกแบบทุกสไตล์ให้ท่านได้ลองลิ้มชิมรสกัน ทั้งอาหารอิตาเลียน (Prego) ห้องอาหารไทย (ชมสินธุ์) หรือห้องอาหารอินเดีย หรือก็คือห้องอาหาร Nila แห่งนี้นั่นเองครับ
Decoration
เมื่อแรกเริ่มเดินเข้ามาในร้าน ท่านจะได้สัมผัสกับศิลปะการตกแต่งที่ทำให้นึกถึงอินเดียในแถบชายฝั่ง ซึ่งคำว่า Nila มีความหมายคือคำว่า Blue ซึ่งเป็นการสื่อถึงบรรยากาศชายทะเล การตกแต่งภายในร้านได้ทั้งกลิ่นอายความเป็นอินเดีย ทั้งบรรยากาศ วัสดุที่ใช้ในการตกแต่ง รวมถึงสัมผัสได้ถึงศิลปะแบบโปรตุเกส
เป็นการสื่อถึงประวัติศาสตร์ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์สากล และประวัติศาสตร์การเดินเรือ ลักษณะการตกแต่งภายในห้องอาหาร ค่อนข้างมีความเป็นกันเอง เรียบหรูแต่อยู่สบาย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านแถบชายฝั่ง พร้อมการตกแต่งที่ทำให้นึกถึงการเดินเรือ และบันทึกการเดินเรือของนักเดินทางผู้ชำนาญ
เมื่อลองมองดูด้านนอก ท่านจะได้เห็นบรรยากาศด้านนอกโรงแรมได้อย่างชัดเจน ซึ่งจุดนี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยในการสร้างความแตกต่าง ระหว่างตอนกลางวันและยามกลางคืน ที่ทั้งสองช่วงเวลาในห้องอาหาร จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน
ห้องอาหารเริ่มสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยโซนที่เป็นบาร์ในด้านนอก และโซนที่เป็นห้องอาหารในด้านใน จะถ่ายรูปก็สวยได้ทุกมุม รวมถึงอาหารทุกจานล้วนแฝงความน่าประทับใจผ่านการนำเสนออัตลักษณ์ของดินแดนแห่งเครื่องเทศให้ทุกท่านได้เฟ้นหา ซึ่ง Welcome Drink ที่ได้ทดลองในรอบนี้ก็น่าแปลกตาแปลกใจ
เพราะเป็นม็อกเทลที่เป็ฯส่วนผสมของ เสาวรส พริกไทยดำ พริก และหอมแดง ที่ทำให้ได้ทั้งความหอมเครื่องเทศ และผักชนิดต่างๆ ประกอบกับความสดชื่นของผลไม้ และเป็นการประกาศว่า เครื่องเทศของอินเดีย เข้าได้กับทุกอย่างจริงๆ
FOOD
Welcome Drink
ผ้าเย็นหอมๆเช็ดมือ
รายชื่ออาหารเลิศรส
จานทองแดงพร้อมตราประจำห้องอาหารแสนสวย
แชมเปญเริ่มต้นมื้ออาหาร
Fruit Bhel
เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยจานเรียกน้ำย่อย กับเภล (Bhel) ซึ่งเป๋นการผสมผสานกันกับผลไม้เขตร้อน มะขาม มิ้น ร่วมกับข้าวที่ให้ความรู้สึกกรุบกรอบ เคี้ยวสนุกเมื่อยามทาน พร้อมใส่มะนาวกับมันม่วงเพื่อเพิ่มรสชาติ ให้ความเผ็ดร้อนเล็กน้อย เป็นอาหารจานที่เหมือนเป็นการเปิดประตูรอรับการเข้าสู่การเป็นสมาชิกผู้นิยมอาหารอินเดียนอย่างเป็นทางการ
Prawn Burnt Garlic and Tomato Saar
สานต่อความน่าประทับใจด้วยอาหารจานซุป ซึ่งจะมี Visual เพื่อสร้างความน่าประทับใจให้ตั้งแต่แรกเสิร์ฟเลย คือทางเชฟและทีมงานจะทำการปรุงอุ่นตัวซุปให้เราเห็น แล้วจะทำการเทตัวซุปลงไปในสลัดกุ้ง จุดเด่นคือตัวซุปซาร์ (Saar) ที่เราสามารถสัมผัสความสดของมะเขือเทศ
โดยจะมีรสชาติออกเปรี้ยวนำ ได้ความหอมและเผ็ดร้อนอยู่ตรงช่วงกลางจากกระเทียมหอมและพริกไทย และปิดท้ายด้วยรสชาติมันเค็มตอนท้าย เสิร์ฟพร้อมสลัดกุ้งตัวใหญ่ๆ เต็มคำ พร้อมมีตัวน้ำมันจากกุ้งเพื่อเพิ่มความหอม
Peri-Peri Jheenga
เรามาพบกับกุ้งเผาชนิดเต็มตัว นำไปย่างไฟด้วยความร้อนกำลังดี และปรุงรสด้วยซอสพริกไทย (Peri Peri) เพื่อให้เกิดความหอม มีความเผ็ดร้อนแบบอ่อนๆ และส่งผลให้ตัวกุ้งมีสีแดงส้มสดใส ทั้งจากตัวซอสและการใช้ไฟที่พอดี เสิร์ฟพร้อมเพสที่ทำจากมะเขือเทศและพริกหวาน ผมที่เคยทานครั้งแรก รู้สึกตกหลุมรักเมนูนี้ทันทีเมื่อแรกทาน มีความนุ่ม และความหอมจากตัวพริกและพริกไทยอย่างชัดเจน ให้ความรู้สึกถึงมนต์เสน่แห่งเครื่องเทศ โดยเห็นว่าเป็นหนึ่งในอาหารจานที่ควรมาลองครับ
Kasundi Murgh
ไก่สไตล์เบงกาลีที่หมักด้วยมัสตาร์ดและเครื่องเทศจนเนื้อนุ่ม ซึ่งความนุ่มนี้เป็นระดับที่สามารถละลายในปากได้ สร้างความประทับใจอย่างมาก ในขณะที่ตัวไก่ยังคงความ Juicy อยู่ได้ ไม่แห้ง ทานได้อย่างสนุก เนื่องจากผ่านการย่างด้วยไฟด้วยการควบคุมอุณหภูมิอย่างชำนาญ เสิร์ฟพร้อมหน้าชีสกราแตง ที่ทำเป็นลักษณะคล้ายข้าวเกรียบ ที่มีความกรอบ ทานคู่กันหรือทานเดี่ยวก็น่าประทับใจ เสิร์ฟพร้อมไรตาอโวคาโดรสชาติเข้มข้น
Mochar Chop
เป็นอีกเมนูหนึ่งที่น่าประทับใจ ทั้งในส่วนของรสชาติ และการนำเสนอ โดยผมชอบตัวจานของอาหารจานนี้มากเป็นพิเศษ เนื่องจากเสิร์ฟในจานที่ทำเป็นใบไม้สีทอง สีสันสวยงามสู้ไฟ ในขณะที่ตัวอาหาร มีลักษณะเป็นคล้าย ๆ แป้งโครเกต์ ที่มีความแปลกคือเป็นการใช้ หัวปลี จากต้นกล้วย
ในการประกอบอาหาร เสิร์ฟพร้อมซอสที่ทำจากมะเขือเทศ มีรสทั้งหวานและเปรี้ยว ในขณะที่สามารถเข้ากันได้กับตัวโครเกต์หัวปลีได้เป็นอย่างดี กรอบ หอม กลมกล่อม ประทับใจอีกแล้วครับ
Sorbet
ตามด้วยของพักยก ที่เป็นไอศกรีม ที่มีความพิเศษคือใส่พริกไทยไปด้วย ทำให้ได้ทั้งความหอมและความหวานเปรี้ยวสดชื่นจากผลไม้เมืองร้อนต่าง ๆ เช่นตัวสัปปะรดหรือผลไม้รสเปรี้ยวอื่นก็อร่อยเช่นกันครับ
Lobster Ghee Roast
กุ้งเป็นล็อบเตอร์ย่างด้วยศิลปะการใช้ไฟที่น่าประทับใจ คลุกเคล้ากับซอสเนยใสและพริกแดงรสจัดออกมาจนเป็นสีแดงสดใส มีสีสันสวยงาม เสิร์ฟพร้อมกับคัลลัปปัม ที่เป็นคล้าย ๆ แป้งแพนเค้ก โดยตัวกุ้งมีรสชาติจัดจ้าน แต่สามารถทำให้สมดุลขึ้นด้วยตัวแป้ง
Meen Pollichattu
เป็นเมนูที่มีการผสมผสานระหว่างรสชาติและกลิ่นหอมของเครื่องเทศได้อย่างดี โดยปลาที่ใช้ เป็น Filet ปลากะพงแดงที่หมักเครื่องเทศต่าง ๆ จนหอม รวมถึงมีการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยเครื่องเทศที่เป็นเครื่องหอมต่าง ๆ ทั้ง หอมแดงเจียว ขิง และกระเทียม และมีจุดเด่นคือการใช้ใบตองในการห่อปลา ซึ่งจะช่วยทั้งในการเก็บกลิ่นและรักษารสชาติของเครื่องเทศให้ซึมซาบเข้าไปในเนื้อปลา เมื่อแกะใบตองหลังจากการนำไปอย่างไฟซักครู่
เพื่อให้ได้ความมันและกลิ่นจากตัวใบตอง พอแกะออกมา จะได้สัมผัสทั้งกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจ เนื้อปลานุ่มและชุ่มฉ่ำ โดยจานนี้เสิร์ฟพร้อมกับแพนเค้กข้าวสไตล์อินเดียที่เนื้อเนียนนุ่ม มีขอบกรอบเล็กน้อย ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ของมื้ออาหาร โดยทางร้านจะมาทำแป้งให้เราดูสดๆ ทำให้เราได้ทานขณะที่ยังร้อนๆ ทำเสร็จใหม่ ๆ เลยทีเดียว
Kosha Mangsho
หนึ่งในจานที่ผมชอบมากที่สุด และขอยกให้เป็นหนึ่งในหลายๆ จานที่เป็นพระเอกนางเอกแห่งค่ำคืนนี้ ด้วยเนื้อแกะจากนิวซีแลนด์ ที่ผ่านการ Slow Cook ด้วยไฟอ่อนอย่างพิถีพิถันและให้ใส่ใจ (นานประมาณ 2-3 ชั่วโมง ทำให้ตัวเนื้อแกะมีความนุ่มและรสสัมผัสที่ใช้คำว่าละลายในปากก็ไม่เกินเลยไป
โดยเป็นการเสิร์ฟในสไตล์แบบเมืองโกลกาตา เมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก โดยเสิร์ฟพร้อมซอสสีแดงเข้มข้นที่มีความเผ็ดร้อนอ่อนๆ และมัดบดลูกกลมสวยงาม
Hydrabadi Dum Biryani
พร้อมประกาศให้โลกรู้ ว่าอาหารอินเดียก็เป็นหนึ่งอาหารชั้นยอดของโลก ด้วยเมนูยอดนิยมและเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป คือ
ข้าวบิรยานี หรือข้าวหมกอินเดีย เป็นเมนูที่มีความพิเศษและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งจากความนุ่มและลักษณะข้าวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นข้าวบาสมาติที่ผ่านการบ่มมา 2 ปีมีความหอมและรสชาติที่เข้มข้น มีรสออกขมนิดๆ และแฝงไปด้วยความหอมจากเครื่องเทศชนิดต่างๆ อาทิ ขมิ้น ที่นำไปหมก
ประกอบกับเนื้อไก่ที่ผ่านการย่างช้า ๆ ทำให้เนื้อไก่นุ่มละลายในปาก มีความหอมกรุ่นและยังคงความชุ่มชื้น ทำให้ทั้งการผสมผสานของเครื่องเทศต่าง ๆ และรสไก่ ส่งผลให้รสชาติของ
บิรยานีเต็มเปี่ยมไปด้วยความหลากหลายและมีมนต์เสน่ห์น่าค้นหา
เสิร์ฟพร้อมกับไรตา (คล้ายๆ โยเกิร์ต) ที่มีทั้งส่วนที่ประกอบด้วยแตงกวากับหอมแดง และจากเมล็ดทับทิม ซึ่งทั้งสองแบบช่วยเพิ่มความสดชื่น แก้เลี่ยน และสร้างความหวานละมุนให้กับมื้ออาหารนี้มากขึ้น
Coconut Rasmalai Tres-Leches
ปิดท้ายมื้ออาหารอันน่าประทับใจนี้ ด้วย Coconut Rasmalai Tres-Leches ที่มีจุดเด่นคือ องค์ประกอบหลักทุกส่วนของอาหารจานนี้ ล้วนทำมาจากมะพร้าว และแสดงถึงรสชาติหวานธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของมะพร้าวได้อย่างเต็มเปี่ยม เริ่มต้นจากเนื้อสปันจ์ที่นุ่มละมุน
เพิ่มความหอมหวานด้วยโฟมมะพร้าวที่เบาให้ความรู้สึกสดชื่นและนุ่มนวลในปาก ประกอบกับตัวเจลลี่มะพร้าวอ่อนที่มีความนุ่มกรุบ และปิดท้ายด้วยชิปมะพร้าวที่กรุบกรอบ เพิ่มความกรอบและความหวานอ่อนๆ ที่กลมกลืนไปกับรสชาติทั้งหมด ไม่ว่าจะเลือกทานทีจะละคำ หรือเป็นการรับประทานในคราวเดียว
ข้อมูลสำคัญ
เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และเป็นการเปิดโลกอาหารอินเดีย ที่จะสร้างความประทับใจให้ทุกท่านที่มาสัมผัสจริง ๆ ครับ โดยสำหรับท่านที่สนใจ สามารถติดต่อเพื่อขอสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และโปรโมชั่นต่างๆ ของทางห้องอาหารอินเดียที่เปี่ยมเสน่ห์แห่งนี้ได้ที่ 02653 9000 โดยเปิดทุกวัน ตั้งแต่ช่วงเย็น เวลา 17.30 – 24.00 น.
Kin Review
Kinandleisure.com
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์
รูปและเนื้อหาทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของทาง Kinandleisure.com ไม่อนุญาตให้นำไปใช้จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากทางผู้บริหาร หากฝ่าฝืนผู้บริหารพร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด