February 21-24, 2019 วันนี้นะครับ เราจะพาไปชิมเมนูสุด exclusive ที่ Jojo ร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูประจำโรงแรม The St. Regis bangkok ที่รังสรรค์เป็นพิเศษโดยเชฟสุดหล่อที่ได้รับรางวัล 1 Michelin – Starred ซึ่งโดยปกติเชฟ Nicola จะประจำอยู่ที่ Tosca restaurant Hong Kong แต่ในโอกาสที่หายากนี้ เชฟจะมา present tasting menu และแบบ a la carte ของ Italian fine dining ตำหรับ Tuscan โดยเมนูจะมีทั้งแบบที่เป็น 4-Course Lunch Menu และ 6-Course Dinner Menu ทั้งนี้ สำรับที่เราได้ลิ้มลองในวันนี้จะเป็นแบบ 6-Course Dinner Menu พร้อมกับ Wine Paring ครับ เอาล่ะครับ เราไปดูกันดีกว่าครับว่า Italian fine dining ทั้ง 6 เมนูนั้นจะมีหน้าตาและรสชาติเป็นยังไงบ้าง Light Bites pair with Pitars, Prosecco Brut D.O.C. Veneto NV, Italy สำหรับจานแรกนะครับ เริ่มด้วยมะเขือเทศกินคู่กับ pesto sauce และ mozzarella cheese เมนูเบาๆ พร้อมกับจิบ Pitars ไปด้วย Sea Cappuccino Sea urchin, prawn tartare and seawater ทานกรุบกริบคู่กับ ขนมปังกรอบและ cavier ถัดจาก light…
Author: Nopmanee
โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดา นำโดยบรูโน รอทเชเดิล ผู้จัดการทั่วไปร่วมมือกับ Festival du Féminin นำโดยซิลวี บาราเดล จัดงานแถลงข่าวเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงาน Festival du Féminin® ครั้งที่ 4 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2019 ที่ผ่านมานี้ เพื่อกล่าวถึงรายละเอียดและไฮไลท์ของงานในปีนี้ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 15 และวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2019 ซึ่งเป็นงานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติสำหรับผู้หญิงจากทุกวัฒนธรรม เพื่อให้เข้ามาสัมผัสและได้รับการกระตุ้นเพื่อเสริมสร้างพลังอำนาจร่วมกันกับกลุ่มผู้หญิงด้วยกันเท่านั้นในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและใกล้ชิด Festival du Féminin คือกิจกรรมเวิร์คชอปจากผู้หญิงถึงผู้หญิง ที่เปรียบเสมือนการเดินทางเพื่อการค้นพบตัวเองที่จะช่วยให้เรารู้สึกเข้าถึงและเชื่อมโยงเข้าได้ดีกับส่วนที่อยู่ลึกๆ ของตัวเราเอง เพื่อช่วยให้เราไม่ต้องตกอยู่เพียงแค่ภายใต้ความคาดหวังของสังคม เป็นกิจกรรมที่สร้างพลังให้แก่กัน เมื่อผู้หญิงได้เชื่อมโยงเข้ากับส่วนลึกของตัวเองและกับเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในกรุงปารีส และถูกพัฒนาขึ้นในกว่า 10 ประเทศ ทั้งใน แคนาดา อินเดีย สิงคโปร์ ไปจนถึงโคลัมเบีย โมร็อกโก ฮ่องกง สหรัฐฯ เม็กซิโก และจะมาถึงมาเลเซีย ญี่ปุ่น และอิหร่าน วิสัยทัศน์ของ Festival du Féminin คือการรวมกลุ่มผู้หญิงจำนวนมากเข้าด้วยกันและมอบโอกาสในการพบปะเพื่อแบ่งปันและเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งชีวิตอันมีค่าของพวกเขา ให้พวกเขาค้นพบพลังและมิตรภาพที่เชื่อมต่อกัน เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงแสงสว่างภายในตัวเอง และรักษาปมในจิตใจของกันและกัน การสำรวจแง่มุมที่หลากหลายของความเป็นอิสตรี —————————————————————————- ผ่านเวิร์คช็อปที่เน้นกิจกรรมโต้ตอบกัน เตรียมตัวให้พร้อมกับงานเวิร์คชอปในสองวันนี้ ที่จะได้เรียนรู้ถึงร่างกายและจิตใจ และการเติบโตของเราเอง ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่มาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งที่เป็นแพทย์ผดุงครรภ์ ผู้ใช้ศาสตร์พลังงานในการรักษาโรค ศิลปิน นักจิตวิทยา นักวิทยาศาสตร์ โค้ช นักบำบัด นักบริหารธุรกิจ นักเขียน และอื่น ๆ โดยในปีนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญที่มาไทยถึง 6 ท่าน อาทิ คุณ Angeli Jagota ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์ทางด้านโยคะ และเป็นผู้เขียนหนังสือระดับ best selling ที่มีชื่อว่า The Intimacy Protocol เวิร์คชอปของเธอมีชื่อว่า Celebrate Womandhood เธอมีความเชื่อว่าเมื่อผู้หญิงมาอยู่รวมกัน…
Feliz dia de San Valentin! (Happy Valentine’s Day) ใกล้เข้ามาแล้วนะครับสำหรับเทศกาลแห่งความรัก สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะพาคนที่เรารักไปทานอาหารที่ไหน ทางเราขอนำเสนอร้าน TAPAS VINO อาหารสเปน ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 โรงแรม Pullman Bangkok Grande Sukhumvit เมื่อพูดถึงประเทศสเปน สิ่งที่ผู้คนนึกถึงคือความอลังการของมหาวิหาร Sagrada Familia เนินเขา Monjuic เที่ยวถนนคนเดิน La Ramblas นักสู้วัวกระทิง วัฒนธรรมอาหารและการกินดื่มของคนสเปน ซึ่งเราคิดว่าในกรุงเทพมีร้านอาหารสเปนที่สามารถปรุงอาหารได้อย่างต้นตำหรับ และสามารถปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทยนั้นมีเพียงน้อยร้าน OLYMPUS DIGITAL CAMERA ดังนั้นในวันนี้เรา Kinlakestars จะมานำเสนอร้านที่เราได้ลองคัดสรรมาแล้วว่าน่าจะต้องถูกปากคู่รักนักชิมทั้งหลายแน่ๆครับ โดยเมนูที่เราได้ชิมในวันนี้เป็น set พิเศษ เป็นเมนูสำหรับคู่รักในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วัน Valentine นี้ โดยใช้ชื่อ set ว่า Tapas Vino’s Valentine’s Day dinner (THB 3,900+++ per couple) พร้อมกับแจก bubbles 2 แก้ว และดอกกุหลาบ 1 ดอก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนความรักในวันพิเศษนี้ เราไปดูกันดีกว่าว่ามีเนูเด็ดอะไรบ้างที่จะเสิร์ฟในเมนู set พิเศษ Celebrate Love นี้ To Start – Assorted Cold Cut and Cheese มาเริ่มกันที่เหล่า cold cut ไว้ทานแกล้มกับ sparkling และไว้ทานเรียกน้ำย่อย โดยในจานนี้ก็มีกับแกล้มมาตรฐาน เช่น ชีส pickles parma ham และ salami ถือเป็นการกระตุ้นความอยากอาหารที่ดีครับ To…
ในครั้งนี้ Kinlakestars ขอนำเสนอสุดยอดแห่งประสบการณ์แห่งกาลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นในรูปแบบ Omakase มิใช่เพียงวัตถุดิบที่ดีที่สุดและการปรุงอย่างปราณีต แต่ยังรวมถึงการเรียงลำดับรายการอาหารอย่างลงตัว ทำให้ไม่ซำ้ซากน่าเบื่อ เหมือนการกิน Omakase ทั่วไปที่พอของเรียกน้ำย่อยหมดก็จะเป็นซูชิรัวๆแล้วมีของหวานปิด ที่พิเศษสุดที่ทำให้ที่นี่ไม่เหมือนใคร คือการจับคู่สาเกขั้นเทพโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสาเกโดยตรง จนแม้แต่คนที่ไม่ดื่มสาเกก็ยังต้องติดใจเพราะช่วยเสริมทั้งรสและกลิ่นอาหารได้อย่างดีเยี่ยม Sushi Zo ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ จากต้นตำรับที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีชื่อเสียงจนได้รับรางวัล 2 Michelin’s stars ตอนนี้ได้มีสาขาในประเทศไทยแล้ว ที่พลาซ่า แอทธินี ทาวเวอร์ ถนนวิทยุ โดยร้านจะอยู่บริเวณ ชั้น G สามารถสอบถามพนักงานในอาคารได้เลยครับ เมื่อเข้าร้านมาจะพบกับเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งที่นี่จะมีโต๊ะสำหรับเตรียมอาหารสามที่สำหรับเชฟสามท่าน โดยปกติจะรับต่อรอบประมาณ 12 ที่ แต่หากมาเป็นกลุ่มหลายคนสามารถแจ้งทางร้านได้เพื่อที่ร้านจะพิจารณาสำหรับ การจัดสรรที่นั่งเพิ่มเติม โดยหากเป็นกรุ๊ปใหญ่หรือมาเพื่อเลี้ยงฉลองอาจจะได้เป็น private round สามารถติดต่อกับฝ่าย booking ดูได้ครับ รอบแรกจะเปิดหกโมง ถึงทุ่มครึ่ง ก่อนรอบต่อไปสองทุ่ม โดยคอร์สของที่นี่ เริ่มต้นด้วยจำนวน 18 คำ สนนราคาเริ่มต้นที่ 7,000 บาท++ซึ่งสามารถสั่งสาเกหรือไวน์ทานควบคู่ไปด้วยได้ และหากวันนั้นมีผู้เชี่ยวชาญประจำอยู่สามารถ Sake Pairing ได้ด้วยเช่นกันครับ ตัวอย่างเมนูสาเกครับ วันนี้ได้เชฟ โทชิ โอนิชิ เชฟมือขวาของปรมจารย์ซูชิเชฟ เซกิ เป็นผู้ทำหน้าที่ในการจัดเตรียมความสมบูรณ์แบบในมื้อนี้ครับ เชฟ โทชิ โอนิชิ เมื่อถึงเวลาเชฟก็เริ่มบรรจงทำอาหารให้สดๆด้านหน้าเลยครับ เริ่มต้นด้วย Appetizer กันก่อนด้วย Abalone (Awabi) Abalone (Awabi) เป็นหอยเป๋าฮื้อจากฮอกไกโดซึ่งมีความสดใหม่ เคี้ยวหนึบเด้ง ลิ้นตัวซอสตับเป๋าฮื้อที่เสิร์ฟมาคู่กันมีความ creamy มันหอม ด้านใต้มี เส้นบะหมี่อยู่เล็กน้อยให้ทานเคี้ยวคู่กัน เป็นเมนูเปิดที่อร่อย ส่งผลให้ใจจดใจจ่อรอเมนูถัดไปมากทีเดียว เนื่องจากวันนี้ทางเราได้รับการ Sake Paring จากผู้เชี่ยวชาญ จึงได้มีโอกาสมาแนะนำสาเกที่ช่วยเสริมรสอาหารให้ด้วยครับ เริ่มจากตัวแรกที่จเสิร์ฟพร้อมกับ Appetizer MASUMI SANKA – Junmai Daiginjo 16% MASUMI SANKA – Junmai…
The journey of princess and friends ร้านอาหารอิตาเลี่ยนสุดชิค แหวกแนวที่รวมแนวคิดและไลฟ์สไตล์ของดีไซเนอร์ของแบรนด์มารังสรรค์ออกมาเป็นเมนูเด็ด เราจะพาไปดูบรรยากาศและการตกแต่งร้านกันก่อนดีกว่า สำหรับร้านนี้ เรียกได้ว่าจะมาฉลองกับเพื่อนฝูง ที่ทำงาน จะมาเดทหรือแม้แต่จะมาช็อปปิ้งเลือกซื้อเสื้อผ้า ก็มาได้หมดเลยครับ มีแม้แต่สระว่ายน้ำกับแพยางครับ มีทั้งส่วนในอาคาร นอกอาคาร ส่วนที่ให้น้องหมาน้องแมวมาได้ด้วย เรียกได้ว่าหลากหลายวาไรตี้สุดๆไปเลยครับ อ่อใช่ เกือบลืม ยังมีทั้งมุมนวด มุมทำเล็บอีกด้วยนะคุณ และถ้าใครที่ชื่นชอบการปรุงอาหาร การทำครัว อยากจะอินไซด์ใกล้เชฟ ทางร้านก็ยังมีมุมกินหน้าครัว ครัวสวยครับไม่ต้องกลัวว่าจะไม่งามตา ยังคงความชิคๆ เคยมั้ยครับ จะไปทานอาหารร้านเด็ด แต่ไม่มีเพื่อนหรือคู่ไปด้วย จะสั่งหลายอย่างก็ทานไม่หมด portion เยอะเกินไปอีก ทางร้านได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้จึงได้คิดค้นวิธีแก้ปัญหาตรงนี้ โดยการสร้างเมนูที่มี portion สำหรับคนคนเดียวทานได้หมด สั่งได้หลายอย่าง ไม่พลาดจานโปรดทุกจาน แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะครับว่า ลด portion ลง แต่คุณภาพของวัตถุดิบยังมีคุณภาพเหมือนเดิม เอาล่ะะะะะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เดี๋ยวเราจะพาไปดูเมนูในวันนี้กันเลยดีดว่าครับ อาหารเลิศรสสุดแสนสนุกสนาน เริ่มด้วย starter ซึ่งเป็น complitary ของทางร้าน ซึ่งสำหรับขนมปังชุดนี้ จะประกอบไปด้วยขนมปังสาม-สี่ ชนิด ซึ่งอันที่เราชอบที่สุดคือ baked baguette ทานในขณะที่ยังร้อนๆ ชีส ยืดๆ it’s a pure heaven! จานถัดไปที่ได้ชิมคือ parma ham ห่อ melon parma ham บางๆ ห่อ melon ชิ้นพอดีคำ พอกัดเข้าไปแล้วรสชาติเค็มกำลังดีของตัวแฮมเข้ากับความหวานของผลไม้ที่มันห่ออยู่จนไม่น่าเชื่อว่าจะนำแฮมมาทานกับผลไม่ได้ จานนี้ต้องสั่งจริงๆครับ จานถัดไปจะเป็นเมนูซุป นั่นก็คือจาน classic ของอาหาร Italian ซึ่งทางร้านทำ Mushroom Soup ออกมาได้เหนือความคาดหมายมากๆ กลิ่นหอมของเห็ดที่โดดเด่นมาเตะจมูก พอได้ชิมเข้าไป รับรองว่าซดหมดจนหยดสุดท้ายแน่ๆครับ เพื่อสุขภาพที่ดี เราต้องทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ในมื้อนี้คงจะขาดผักและผลไม้ไปไม่ได้ ซึ่งสลัดจานนี้ครบเครื่องทั้งผักและผลไม้ ทั้งยังมีโปรตีนจาก scallop ชิ้นโต สำรับรสชาตินั้นคงไม่ต้องบอกว่าไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆครับ…
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกคนกับเดือนสุดท้ายของปีนี้ ทุกคนคงกำลังเตรียมหาสถานที่นับถอยหลัง เข้าสู่ปีใหม่กันอย่างวุ่นวาย ไหนจะเคลียร์งาน ปลายปี รอรับโบนัส วันนี้ Kinlakestars เราพาทุกท่านมาลิ้มลองอาหาร 3 คอร์ส พร้อมไวน์ที่โรงแรม คอนราด ถนนวิทยุ เพื่อเป็นหนึ่งในตัวเลือกให้ทุกคนพาคนที่รักไม่ว่าจะครอบครัว หรือคู่รักไปดินเนอร์ ปลายปีที่จะถึงนี้ ร้านอาหารที่เราจะพาไปวันนี้คือ Cafe@2 ชั้น 2 Conrad Hotel เดิมทีจัดเป็นแบบบุฟเฟต์ แต่ตอนนี้หลังจากเปลี่ยนแปลงตกแต่งครั้งใหม่ เนื่องจากก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 ของโรงแรมแห่งนี้ ทางห้องอาหารจึงจัด 3 courses with wine paring ภายใต้คอนเซปต์ เรียบง่าย แต่อร่อย ให้ทุกท่านได้มาลิ้มลอง วันนี้ดิฉันได้มาลองทาน เป็น จานเล็กๆขนาดทดลองให้พอหอมปากหอมคอ ของจริงจะจัดมาเต็มตามรูปด้านล่างนี้นะคะ Foie Gras & Duck เริ่มกันที่จานเรียกน้ำย่อย ตับห่าน พร้อมอกเป็ดพริกไทยดำ รสชาติหวานมัน ของตับห่านทานพร้อมกับเนื้อเป็ดแน่นๆ Iberico Ham with Goat Cheese and Figs หรือใครไม่ถนัดฟัวกราส์ อาจเลือกเป็น Iberico ham ทานคู่กับชีสนมแพะก็ได้ สำหรับคนที่ชอบทานชีสนมแพะจะถูกใจมาก เนื่องจากรสชาติชีสเข้าได้ดีกับแฮมรสเค็มๆ รองด้วยหอมแดงผัดกับซอสสูตรเฉพาะ จนหวานฉ่ำ Beet roots & Buffalo Milk Feta Cheese ท่านใดชอบทานสลัดอาจเลือกเป็นสลัดบีทรูท เสิร์ฟพร้อม เฟต้าชีส ราดซอสบาลซามิกเคี่ยวจนกลมกล่อม สดชื่น ยิ่งเวลาทานคู่ไวน์ ยิ่งช่วยเรียกน้ำย่อยได้อย่างดี New Zealand Ora King Salmon and Cucumbers ปลาแซลมอนสด จากนิวซีแลนด์ เสิร์ฟมากับหอยเชลล์หวานเนื้อแน่น มีซอส รสเปรี้ยว และวาซาบิซอส ช่วยเสริมรสชาติ Aromatic Seafood Broth with Chiang…
หากจะกล่าวถึงร้านอาหารไทยที่มีวิวงดงาม เห็นทัศนียภาพกรุงเทพฯมุมสูงได้อย่างงดงามก็คงหนีไม่พ้น Saffron โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ ซึ่งไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาทางห้องอาหารก็ได้ประกาศเปิดตัวห้องอาหาร SAFFRON ที่ยกเครื่องใหม่ ตกแต่งสไตล์ไทยรูปแบบผสมผสานที่ได้รับการออกแบบการปรับปรุงใหม่ ซึ่งทำให้ร้านอาหารของโรงแรมมีเอกลักษณ์ทางสุนทรียรสแห่งใหม่ งดงามตระการตามากยิ่งขึ้น รูปแบบการออกแบบภายในใหม่ที่ชัดเจนจากไสตล์ Décor โดยใช้ประโยชน์จากสีและลวดลายของไม้ที่สะท้อนถึงอารมณ์และความรู้สึกแสนอบอุ่น อีกทั้งการสอดแทรกผ้าไหมไทยลงไปในการออกแบบ ซึ่งเป็นวัสดุที่ดีสำหรับการสะท้อนความเป็นไทยในแบบหรูหรา ในขณะที่ลูกเล่นใหม่ๆ อย่างครัวเปิด ซึ่งห้องอาหารไทยมักเป็นครัวปิด จะหาครัวเปิดนั้นมักเป็นเรื่องยากและมิค่อยมีใครทำกัน แสดงถึงความชำนาญและเชี่ยวชาญในการปรุงของทีมงานทำอาหาร ควบคุมและกำกับการแสดงโดยหัวหน้าเชฟเรณู และ ผนังดอกบัวที่ทำจากทองแดง ดอกบัว / Lotus Flower เป็นองค์ประกอบที่แสดงออกถึงความเป็นมิตร ความนอบน้อม การให้บริการ การกำเนิดจากแผ่นดิน และ ความเงียบสงบ ความสวยงามอลังการนั้นยังรวมถึงวิวทิวทัศน์ที่ Saffron Sky Garden สูง 51 ชั้นที่มีเสน่ห์ ทิวทัศน์เมืองที่งดงาม เริ่มต้นมื้อด้วยการล้างมือ วัฒนธรรมการกินแบบไทยเรานั้นในอดีตมันใช้มือกิน ดังนั้นการล้างมือก่อนกินข้าวจึงเป็นสิ่งจำเป็น มีบางบันทึกกล่าวถึงการล้างมือด้วยน้ำสมุนไพรก่อนกินข้าว โดยมักทำกันในรั้ววังไปจนถึงบรรดาบ้านขุนนาง คหบดี ผู้ดีทั้งหลาย ทาง Saffron จึงมีการล้างมือให้แขกที่มาใช้บริการทุกท่านด้วยน้ำสมุนไพรอุ่นๆ จากเหยือกโดยมีถ้วยรอง และเช็ดมือด้วยผ้าสะอาด เริ่มต้นด้วยของว่างก่อนมื้ออาหารที่ทางห้องให้บริการฟรีสำหรับแขกทุกท่านที่มาเยือน ข้าวตังกับข้าวเกรียบแซฟฟรอน มาพร้อมนํ้าพริกหนุ่ม นํ้าพริกอ่อง นํ้าพริกหน้าตั้งที่ประกอบด้วยไก่กะทิ ข้าวตังและข้าวเกรียบบางเฉียบ กรอบเคี้ยวได้อร่อย ทานคู่กับ นํ้าพริกสามแบบ ซึ่งรสชาติต่างกัน ทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน พร้อมกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ จากทั้งสามนํ้าพริก เป็นออเดิร์ฟเล็กๆที่ทำให้เปิดมื้อนี้ได้อย่างน่าสนใจ เมี่ยงคำ กับปลาสำลียำมะม่วง เมี่ยงคำรสนัวที่มีความหอมของใบชะพลูและมะพร้าวคั่วกรอบๆลงตัวกับเนื้อครีมที่ผสมกะทิ เนื้อปลาแน่นๆในหนึ่งคำมาพร้อมมะม่วงยำรสเปรี้ยวหวาน เปิดปุ่มรับรสให้ตื่นขึ้นอย่างเต็มที่ มาต่อกันด้วยจานของว่างแสนอร่อย กินง่าย เรียกน้ำย่อยได้ดีกันครับ ปอเปี๊ยะปูสด ซอสมะม่วง ปอเปี๊ยะปูสด ซอสมะม่วง เมนูสีสันสวยงาม ปอเปี๊ยะสดเนื้อแป้งเหนียวนุ่มประดับด้วยดอกอัญชัญอัดแน่นด้วยไส้ผักกรอบๆ และเนื้อด้านใน ราดซอสมะม่วงสูตรพิเศษ ที่มีความเปรี้ยว ซุป ต้มข่า cappuccino หอยเชลล์ย่าง ต้มข่าที่ present ออกมาได้อย่างน่ารักมากๆ ด้วยการทำกิมมิคให้มีฟองข้างบนและเสิร์ฟมาในแก้วกาแฟ ท็อปด้านบน ด้วยหอยเชลล์ย่าง ต้นหอม และทองคำเปลว เป็นเมนูที่แค่เห็นก็ยิ้มด้วยความน่ารัก…
“ชุมชนกำลังจะเลือนหายไป… แต่หากเราร่วมมือกัน พวกเขาก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง” บรรยากาศทั่วไปของงาน จัดในสวน เดินสบาย โรงแรม สุโขทัย กรุงเทพฯ และ ไฮฟ์สเตอร์ ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมเเละสนับสนุนการโปรโมทงานการกุศล “หลงรักชุมชนคนบางกอก” เพื่อเป็นการสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนใน 6 ชุมชนกรุงเทพที่กำลังจะเลือนหายไป เวทีกิจกรรม แสดงดนตรีและละครการละเล่นต่างๆ สืบเนื่องมาจากโครงการเเอพเพียร์ (APPEAR) ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางสังคมเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ใช้การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในการชุบชีวิตชุมชนที่กำลังจะเลือนหายไป ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง โดยโครงการนี้บริษัทไฮฟ์สเตอร์ได้ร่วมมือกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร รวมทั้งโรงเเรมสุโขทัย กรุงเทพฯ มาร่วมพัฒนาเเละโปรโมทการท่องเที่ยวชุมชน ในฐานะพันธมิตรที่ดีต่อกัน (Alliance of Good Neighbours) รวม 6 ชุมชน ได้เเก่ 1.ชุมชนนางเลิ้ง 2.ชุมชนบางลำพู 3.ชุมชนบ้านบุ 4. ชุมชนเกาะศาลเจ้า 5.ชุมชนบางกระดี่6.ชุมชนหัวตะเข้ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งร่วมมือกับชุมชนเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมทางสังคมที่ใช้การท่องเที่ยวมาลดปัญหาสังคมเพื่อให้ความเป็นอยู่ของคนในชุมชนนั้นดีขึ้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปี ของโครงการเเอพเพียร์ ผู้ร่วมจัดทำโครงการได้ร่วมจัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยวชุมชนเเละหารายได้เข้าสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชน ตุ๊กตาน้ำตาลปั้นที่เราไม่ได้เห็นกันมานานแล้ว ขวัญใจของเด็กๆ แถมตุ๊กตาตัวนี้สามารถเป่าแล้วมีเสียงออกมาได้ด้วยนะคะ นอกจาก 6 ชุมชนที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในปีนี้เราได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ เพิ่มอีก 6 ชุมชน เพื่อสนับสนุนซื้อของชุมชน รวมไปถึงชื่นชมกับศิลปวัฒนธรรม การทำเวิร์คชอป เพื่อเป็นการเรียนรู้ และรู้จักชุมชนมากขึ้น โดยมีชุมชน ดังนี้ 1. ชุมชนตลาดน้อย 2. วิชชาลัยในสวน บางมด 3. ตลาดริมคลองเจริญกรุง 103 4. ตลาดน้ำคลองลัดมะยม 5. กลุ่มบางกอกนี้ดีจัง 6. ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน ขนมเบื้องโบราณเจ้าดังก็มา ค่าบัตรเข้างานในครั้งนี้เพียง 50 บาท – สามารถนำมาแลกเครื่องดื่มในงานได้ บัวลอยหลากสีสันต์ ตารางกิจกรรมวันงาน เวิร์คชอปการทำลายรดน้ำปิดทอง อีกหนึ่งศิลปะที่กำลังจะเลือนหายไป • กิจกรรมครีเอทีฟเวิร์กชอปงานศิลปะเเละงานคราฟต์ท้องถิ่นจากคุณลุงคุณป้าปราชญ์ชุมชนแต่ละเเห่ง เช่น การทำว่าวใบไม้ การทำลายรดน้ำปิดทอง การปกสไบ การทำพวงมโหตร การทำพวงกุญแจดาบไม้ไทย กิจกรรมวาดภาพ(ไม่)เหมือน การทำแป้งพวง…
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ Kinlakestars.com เราจะพาท่านไปเปลี่ยนบรรยากาศ ไปชม Afternoon Tea Set จาก Peacock Alley ณ โรงแรม 5 ดาวสุดหรูใจกลางเมือง “Waldorf Astoria Bangkok” ในเครือของ Hilton กันครับ ร้าน Peacock Alley จะอยู่ที่ชั้น Upper Lounge ซึ่งมีบรรยากาศเปิดโล่งรอบด้านให้ความรู้สึกกว้างขวาง และตกแต่งด้วยสไตล์เรียบในโทนขาวดำ มีการจัดวางโต๊ะที่สามารถรองรับแขกที่มารับบริการได้อย่างเต็มที่ โดยไม่แออัดจนเกินไป พีค็อก อัลเลย์ | 70 ที่นั่ง – เป็นเลาจน์ที่เลื่องชื่อของวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย ให้บริการชุดชายามบ่าย และอาหารว่าง มีเมนูขนมอบโฮมเมดและเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่นตลอดทั้งวัน พร้อมชมวิวสนามหญ้าที่เขียวขจีของราชกรีฑาสโมสร นอกจากนั้น ยังเสิร์ฟอาหารจานเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของ วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย ซึ่งก็คือ วอลดอร์ฟสลัด (Waldorf Salad) และไข่เบเนดิกต์ (Eggs Benedict) อีกด้วย ชื่อ “พีค็อก อัลเลย์” ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสะท้อนภาพของทางเดินเชื่อมระหว่างโรงแรมวอลดอร์ฟและโรงแรมแอสโทเรีย ในมหานครนิวยอร์คสมัยก่อน ที่โดดเด่นสวยงามด้วยต้นไม้ร่มรื่นสองข้างทาง พีค็อก อัลเลย์ คือสถานที่ที่คุณจะได้มาพบปะสังสรรค์กับผู้คน การตกแต่งภายในนั้นงดงาม หรูหรา แต่ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด ดีไซน์การตกแต่งนั้นมีการใช้ทองแดง ไม้สีอ่อน และเฟอร์นิเจอร์สีสันสดใส บรรยากาศภายในร้านนั้นสงบและผ่อนคลายเหมาะสมแก่การจิบชายามบ่าย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับรู้สึกเคร่งเครียดหรือเงียบสนิท ทำให้เป็นที่ๆสามารถพูดคุยธุรกิจ พบปะสังสรรค์หรือเลี้ยงฉลองย่อมๆได้เลยครับ โดย ร้าน Peacock alley นั้นได้จัดเซ็ต afternoon tea เอาใจท่านผู้อ่านที่ชอบจิบชาในยามบ่ายบนวิวสุดหรูของบนชั้น Lobby (Upper Lounge) ของโรงแรม โดยเซ็ต afternoon tea ของที่นี่เป็นเซ็ต สำหรับสองท่าน ในราคาเพียง 1900 บาท หรือหากมาไม่ครบคู่ก็สามารถสั่ง เป็น a la carte แยกได้ครับ จุดนี้เป็นมุมที่วิวดีที่สุดของร้านครับ โดยชาของที่นี่จะมีหลากหลายแบบให้เลือกได้หลายตัว ตั้งแต่ ชาดำ ชาเขียว…
ใกล้ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว คงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขที่โฮเทลมิวส์แบงค็อก ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษจุใจ เนื้อวากิวโทมาฮอร์คชิ้นมหึมาหนักถึง 1 กิโลกรัม จาก บาร์เบต เดอะสเต็กเฮาส์ แบงค็อก ชั้น 19 สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่เฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งความสุขในเทศกาลคริสต์มาสและขึ้นปีใหม่สุดหรูในแบบ Glamorous Festive Moment ทาง kinlakestars.com จะขอพาทุกท่านไปพบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ จากบาร์เบต เดอะสเต็กเฮาส์ ณ โรงแรมโฮเทลมิวส์ ชั้น 19 แห่งนี้ ให้ท่านได้ดื่มด่ำไปกับค่ำคืนคริสต์มาสอีฟดินเนอร์ และนิวเยียร์อีฟส่งท้ายปี พร้อมกับราคา Early Bird Promotion เปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะเห็นได้ว่าการตกแต่งห้องอาหารแห่งนี้ช่วยทำให้เพิ่มบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองได้อย่างดีเลยทีเดียว เริ่มต้นมื้ออาหารสุดพิเศษด้วย Bread and butter ที่จะเสิร์ฟมากับขนมปัง 4 ชนิด พร้อมด้วยเนย 3 ชนิดด้วยกัน ขนมปังประกอบไปด้วย Sesame, Poppy Seed, Oregano และ Plain ในส่วนของเนยนั้นมี Truffle, Chili และ Plain ซึ่งให้รสชาติที่หลายหลายและอร่อยลงตัว Side dish จานแรกที่นำมาเสิร์ฟคือ Chef’s Salad สลัดสูตรพิเศษจากเชฟฝีมือเยี่ยม Chef Michal Bialoskorski ที่ผสมผสานผักหลากชนิดมาไว้ในจานเดียว คลุกเคล้าด้วยน้ำสลัดบัลซามิกโรยหน้าด้วยพาร์มีซานชีส ไม่ว่าจะเป็นมะเขีอเทศหลากสี อย่างมะเขือเทศเขียว เหลือง และแดง ซึ่งนอกจากสีที่แตกต่าง สัมผัสความหวานและกรอบก็ต่างออกไป แรดิชหั่นสไลด์บางๆ ผักเคล และอีกสารพัดผักสดมากมายที่ออกมารวมตัวกันในจานสลัดจานนี้ กินแล้วชวนให้รู้สึกอยากออกมาระบำเพลงจิงเกิลเบล มาถึงพระเอกของเรา สเต็กเนื้อวากิวพรีเมี่ยมจากออสเตรเลีย โทมาฮอร์ค ขนาด 1 กิโลกรัม ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน จนได้เนื้อรสชาตินุ่มชุ่มลิ้น ชิ้นโต…