Author: Kittin Assavavichai

หาพูดถึงความคุ้มค่ายอดนิยมเวลาคนไทยนึกถึง คงหนีไม่พ้น Buffet ซึ่งอะไรจะดีไปเสียกว่าการมาสังสรรค์ยามเลกงาน กับอาหารคุณภาพสูงจัดเต็มไม่อัน ห้องอาหารวูว์ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ แนะนำบุฟเฟ่ต์มื้อค่ำรูปแบบใหม่ The St. Regis Classic และ The St. Regis Epic สำหรับช่วงเวลาดินเนอร์ให้แขกทุกท่านได้ลิ้มลองตลอดเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ดื่มด่ำท่ามกลางบรรยากาศพลบค่ำอันหรูหราในแบบคลาสสิค สะท้อนมนต์เสน่ห์ในแบบตะวันตกได้รับแรงบันดาลใจจาก         มหานครนิวยอร์ก ด้วยทัศนียภาพของกรุงเทพฯ และความเขียวขจีของสนามกอล์ฟราชกรีฑาสโมสรจากมุมมองชั้น12 ของห้องอาหารวูว์ ได้ทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18.00น.ถึง 22.00น. ทุกวันจันทร์ถึงวันพุธ พบกับบุฟเฟ่ต์ The St. Regis Classic นำเสนอเมนูพิเศษจากบุฟเฟต์สเตชั่น และเมนู A La Minute ที่รังสรรค์และปรุงแต่งรสชาติโดยเชฟริชาร์ด ซอว์เยอร์ และทีมเชฟ ใส่ใจทุกขั้นตอนการปรุง พร้อมเสิร์ฟถึงโต๊ะแบบจานต่อจาน และอาหารอีกมากมายที่ทานกันได้แบบไม่อั้นอาทิ หอยนางรมฟีนเดอแคลร์ จากฝรั่งเศส ซีฟู้ดออนไอซ์ มุมอาหารกริลล์ ชีสและโคลด์คัท อาหารตะวันตก อาหารเอเชีย พาสต้าปรุงสดใหม่ พิซซ่าอบร้อนจากเตา เมนูขนมหวานทั้งข้าวเหนียวมะม่วง และเค้กนานาชนิด ในราคาเพียงท่านละ 1,300 บาทสุทธิต่อท่านรวมทั้งชาและกาแฟ (รวมค่าบริการและภาษี) “และครั้งนี้เราจะพาทุกท่านมาพบกับรีวิวบุฟเฟ่ต์จัดเต็มที่มีทุกวันพฤหัสบดีถึงวันเสาร์” พบกับบุฟเฟต์ The St. Regis Epic นอกเหนือจากเมนูในไลน์บุฟเฟ่ต์ข้างต้น ทุกท่านจะได้อิ่มอร่อยไปกับเมนูพรีเมี่ยมหลากหลายทั้ง ซึ่งกว่าสิบรายการที่ทำตามสั่ง ดังนั้นจึงได้กินของร้อนๆสดๆใหม่ๆจากมือเชฟ ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันตามแบบฉบับห้องอาหาร VIU, St.Regis Bangkok บอสตันล็อบเตอร์ย่างหรืออบเนย ซึ่งบอกเลยว่าแค่เมนูนี้เมนูเดียวก็เกินคุ้มแล้ว เพราะด้วยคุณภาพ และขนาดของ Boston Lobster ที่นำมาใช้เต็มเนื้อเต็มตัวพร้อมก้ามโตๆ กับการปรุงที่รสชาติขออกมาแสนจะดีเยี่ยม จัดได้ว่าดีเยี่ยมดีเดียว เป็ดกงฟีต์ ซีฟู้ด สำหรับ seafood นั้น ก็มีทั้ง หลายหลาย item on ice ไม่ว่าจะเป็นกุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หรือหอยนางรม สดๆ…

Read More

โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ จัดกิจกรรมเทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลก  เวิลด์ กูร์เมต์ เฟสติวัล ครั้งที่ 18 ตั้งแต่วันที่ 4-10 กันยายน 2560 การเฉลิมฉลองเทศกาลอาหารและไวน์ที่ดีสุดกับสุดยอดเชฟมิชลินสตาร์และเชฟชื่อดังจากทั่วโลก โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ภูมิใจนำเสนอ งานเทศกาลอาหารและไวน์ระดับโลกครั้งที่ 18 งานยิ่งใหญ่ประจำปีที่รวบรวมสุดยอดเชฟมิชลินสตาร์และเชฟชื่อดังจากทั่วโลก เมนูชั้นเลิศ อาหารและไวน์ชั้นเยี่ยม ตั้งแต่วันจันทร์ที่                  4 กันยายน ถึงวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2560 ซึ่งปีนี้ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ ร่วมมือกับ ซานเปลเลกรีโน ได้เชิญเชฟซึ่งมีทั้งเชฟระดับมิชลินสตาร์และเชพที่ได้รับรางวัลรับรองฝีมือและรสชาติอาหารในระดับสากล มากกว่า 10 ท่าน บินตรงมาจาก 8 ประเทศทั่วโลก เพื่อมาปรุงอาหารรสเลิศ ให้ได้ลิ้มรสสุดยอดฝีมือเชฟ ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม โดยเชฟที่ยืนยันมาร่วมงานทั้งหมด ได้แก่ เชฟกีโยม กาลิโอ (Guillaume Galliot) จากห้องอาหาร Caprice ฮ่องกง ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว เชฟชินอิชิโร่ ทาคากิ (Shinichiro Takagi) จากห้องอาหาร Zeniya ญี่ปุ่น ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาว เชฟฮิโรอากิ อิชิสุกะ (Hiroaki Ishizuka) จากห้องอาหาร Kien ญี่ปุ่น ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว เชฟเจสัน แทน (Jason Tan) จากห้องอาหาร Corner House สิงคโปร์ ซึ่งได้มิชลินสตาร์ระดับ 1 ดาว เชฟคริสเตียน คอสตาร์ดิ และเชฟมานูเอล คอสตาร์ดิ (Costardi Brothers – Christian & Manuel) จากห้องอาหาร…

Read More

เปลี่ยนมื้ออาหารเดิมๆให้มีสิสันขึ้นไปกับ “เฟลเวอร์เทล (FLAVORTALE)”  การแสดงสด พร้อมอาหารมื้อค่ำที่เมดิซี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ โฮเทล มิวส์ แบงค็อก กันเถอะ!!! จากผลงานการแสดงที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากอย่างการแสดง “Cirque d’Hiver” ณ โฮเทล มิวส์ แบงค็อก เจ้าของหลากหลายรางวัลชนะเลิศโรงแรมหรูระดับห้าดาว และในปีนี้เตรียมพบกับอีกหนึ่งการแสดงที่จะมาโชว์ต่อหน้าสาธารณชนอีกครั้งที่เมดิซี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ การแสดงเฟลเวอร์เทล จัดแสดงขึ้นโดยคุณซวน ซู (Xuan Xu) ผู้ผลิตการแสดงมากพรสวรรค์ในหลากหลายโชว์ที่มีชื่อเสียง อาทิ แม็กกี้ ชูส์ (Maggie Choo) และ ซิง ซิง เธียเตอร์ (Sing Sing Theatre) พร้อมกับทีมงานของเธอทั้งในและต่างประเทศ คุณซวน ซูขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมอิ่มเอมใจกับการแสดงที่นำเสนอโดยการนำรสชาติมาเล่าเรื่อง ด้วยภาพอันน่าอัศจรรย์ เครื่องแต่งกายอันหรูหรา และการแสดงเต้นรำที่น่าทึ่ง การแสดงนี้จะเป็นอีกหนึ่งในการแสดงที่น่าสนใจที่จะถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งกรุงเทพ เมดิซี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ (Medici Kitchen and bar) เปิดให้บริการอาหารจากแคว้นทัสคานีรสชาติต้นตำรับภายในบรรยากาศอันสวยงามพร้อมดื่มด่ำไปกับการแสดงที่น่าทึ่ง และมาในแนวคิด Fine dining อย่างแน่วแน่ แนวทางอาหารจึงชัดเจน ทั้งหน้าตา รสชาติ การใช้วัตถุดิบ จึงพิเศษและพิถีพิถัน เชฟนิก เชฟชาวอิตาเลียนผู้มากประสบการ์ณและฝีมือเยี่ยม รังสรรค์รสชาติ ร่วมกับคุณซวน ที่รังสรรค์การแสดงออกมาให้เข้าคู่กันอย่างลงตัว พบกับการแสดงเฟลเวอร์เทลที่ เมดิซี่ คิทเช่น แอนด์ บาร์ ทุกคืนวันพุธ ตั้งแต่วันพุธที่ 12 กรกฎาคมจนถึงคืนวันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2560 นี้ มื้อค่ำเริ่มตั้งแต่เวลา 18:30 น. และการแสดงเริ่มตั้งแต่เวลา 20:00 น. พลาดไม่ได้กับการแสดงเฟลเวอร์เทลอันตระการตา ซึ่งภายใต้แนวคิดนี้ทุกท่านก็สามารถสั่งอาหารตามแต่ที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นพาสต้า สลัด จานหลักอย่าง ปลา เนื้อ หรือไก่ตามแต่ที่ชอบ และในช่วงที่การแสดงเริ่ม พนักงานก็จะนำอาหารที่ใส่ในถ้วยเล็กๆประมาณทาปาสมาเสิร์ฟให้ทุกท่าน ก่อนการแสดงจะเริ่ม โดยแต่ละการแสดงอาหารที่เสิร์ฟมาก็จะต่างกันออกไปตามการแสดง เริ่มต้นมื้ออาหารกันด้วยของพื้นฐานอย่างขนมปัง…

Read More

เส้นโซบะสดทำจาก บัควีท นำเข้าจาก ฮอกไกโด 100% … จะเป็นอย่างไร เมื่อ แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค จับมือเชฟจากแดนอาทิตย์อุทัย รังสรรค์ “โซบะ แฟคทอรี่” พร้อมให้บริการโซบะสูตรต้นตำรับ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค นำเสนอห้องอาหาร “โซบะ แฟคทอรี่” (Soba Factory) เอาใจคนรักโซบะตำรับญี่ปุ่นขนานแท้ ด้วยเส้นโซบะทำมือ (Homemade Soba Noodle) โดย เชฟมิซูโฮ นากาโอะ (Mizuho Nagao) เชฟผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยการคัดเลือกวัตถุดิบจากแหล่งผลิตอันดับหนึ่งในเกาะฮอกไกโด บัควีทที่เชฟเลือกใช้ ผ่านกระบวนการทำเส้นและปรุงสไตล์โฮมเมดอย่างพิถีพิถัน จนมาเป็นโซบะรสเลิศ พร้อมการให้บริการในบรรยากาศเป็นกันเองสไตล์อิซากายะ ทำให้ทุกมื้ออาหารที่นี่จะเต็มไปด้วยความอร่อยและความสนุกสนาน ห้องอาหาร “โซบะ แฟคทอรี่” (Soba Factory) ตกแต่งแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย เติมสีสันด้วยภาพเคลื่อนไหวของวิวทิวทัศน์ และวิถีชีวิตของแดนอาทิตย์อุทัย สร้างความมีชีวิตชีวาให้กับห้องอาหาร พร้อมทั้งครัวแบบเปิดที่ผู้มาเยือนจะสามารถสนุกสานไปกับการทำยากิโทริ และโซบะโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญของเรา ห้องอาหารสามารถจุได้ถึง 78 ที่นั่ง ด้วยบรรยากาศสบาย ๆ และเป็นกันเอง ทำให้ห้องอาหารแห่งนี้เหมาะสำหรับการรับประทานอาหารในทุก ๆ วัน และยังสามารถจัดงานสังสรรค์ต่างๆ ได้อีกด้วย ในการนำเสนอเมนูโซบะรสชาติแบบญี่ปุ่นต้นตำรับนั้น หัวหน้าพ่อครัว เชฟไมเคิลExecutive chef]แห่งโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ได้บินไปตามหาผู้เชี่ยวชาญ ด้านการทำโซบะที่ประเทศญี่ปุ่น จนได้พบกับ เชฟมิซูโฮ นากาโอะ (Mizuho Nagao) เชฟชาวญี่ปุ่นผู้เติบโตที่เมืองชายฝั่งของฟุกุโอกะในครอบครัวที่เชี่ยวชาญด้านการทำโซบะ บิดาของเชฟมิซูโฮ นากาโอะ เป็นหนึ่งในเชฟโซบะที่มีฝีมืออันดับต้น ๆ ของประเทศที่ได้รับยกย่องให้เป็นเชฟโซบะที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น เมื่อปีพ.ศ. 2548 ความพิถีพิถันในการทำโซบะได้ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เชฟนากาโอะจึงมีความชำนาญเรื่องโซบะเป็นอย่างมาก เขาได้เรียนรู้การทำโซบะจากครอบครัวตั้งแต่วัยเยาว์จนกระทั่งได้รับใบอนุญาตการทำอาหารประเภทบะหมี่ญี่ปุ่น และได้เปิดร้าน โซบะ เซอิ เรสเตอรองท์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ก่อนจะนำพรสวรรค์ด้านนี้มาร่วมสร้างสรรค์จานเด็ด ให้กับ โซบะ…

Read More

อิ่มหนำไปกับ ซันเดย์ บรันช์บุฟเฟ่ต์มื้อสายวันอาทิตย์เลิศรสสุดอลังการ ณ ห้องอาหาร เดอะ เรนทรี คาเฟ่ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน   ซันเดย์ บรันช์ บุฟเฟ่ต์มื้อสายวันอาทิตย์ของเดอะ เรนทรี คาเฟ่ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน มีชื่อเสียงติดหนึ่งในบุฟเฟต์มื้อสายที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ ด้วยความหลากหลายของเมนูเลิศรสจากเชฟทุกท่านที่ประจำแต่ละห้องอาหารแนะนำของโรงแรมฯ ซุ้มซีฟู้ดนานาชนิดที่คัดเลือกวัตถุดิบชั้นดี คุณภาพเยี่ยม เคาน์เตอร์อาหารปรุงสด และสุดยอดเมนูไฮไลท์ ล็อบสเตอร์สดใหม่ตัวโตที่พร้อมเสิร์ฟให้คุณรับประทานแบบไม่อั้นตลอดทุกมื้อสายวันอาทิตย์ ทุกท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารนานาชาติจาก       ทั่วโลกที่ได้เดินทางมาให้ท่านได้ลิ้มลองที่ ซุ้มอาหารปรุงสดที่เตรียมไว้คอยให้บริการถึง 6 ซุ้ม ด้วยทีมงานเชฟมืออาชีพในแต่ละห้องอาหารที่พร้อมรังสรรค์รายการอาหารพิเศษตามความถนัดของเชฟแต่ละท่าน ให้ได้     อิ่มอร่อยแบบไม่จำกัด กับ “ซันเดย์ บรันช์” บุฟเฟ่ต์มื้อสายในวันอาทิตย์ ซุ้มซีฟู้ด ของทะเลสดเป็นมุมที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ด้วยความสด คุณภาพสูง และหลากหลายที่จัดวางเรียงรายบนน้ำแข็งอย่างตระการตา,  ปูอลาสก้า, กุ้งลายเสือ, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์  และ ล็อบสเตอร์  สำหรับในส่วนของล็อบสเตอร์นั้น นอกจากเนื้อส่วนตัวแล้วที่นี่ ยังแกะให้ส่วนก้ามแยกไว้เป็นกอง ทำให้กินง่าย หอยนางรมนำเข้าหลากหลายสายพันธุ์, ไข่ปลาคาร์เวียร์ ขนมบอมบอง หนึ่งในมุมที่ไม่เหมือนใครนั้นคือ ขนมบอมบอง เป็นขนมที่ใช้เทคนิคไนโตรเจนเหลวเข้ามาช่วย ซึ่งเชฟจะมาพร้อมรถเข็นและอุปกรณ์ มาถึงริมโต๊ะ อธิบาย และสาธิต พร้อมสอนวิธีการกินให้เรา ซึ่ง รสและสัมผัสจะให้ความรู้สึกเย็นในปาก แต่ภาพที่ออกมานั้นสวยงามมาก ควันที่พวยพุ่งออกมาทั้งทางปาก ทางจมูก ให้ภาพที่สวยงาม เตรียมกล้องกันไว้ได้เลยครับ อาหารนานาชาติ มุมอาหารไทย อ สำหรับอาหารไทยที่นี่ก็มีให้เลือกอย่างมากมายและหลากหลายไม่ว่าจะเป็นประเภทแกง ผัด อีกทั้งข้าวนั้นก็ค่อนข้างมีความพิเศษนั้นคือเป็นข้าวชนิดพิเศษที่ปลูกที่บุรีรัมย์ เป็นข้าวออแกนิก และเป็นหนึ่งในโครงการ CSR ของทางโรงแรมอีกด้วย อินเดีย ความพิเศษของ มุมอินเดียที่นี่นอกจากมีแกงรสดั้งเดิม แป้งนาน ข้าวอินเดียแล้ว ก็ยังมีมุม Live station ที่ทำ Indian Pizza กันอย่างสดๆตามออร์เดอร์ มุมอาหารญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่น…

Read More

สุดแสนสร้างสรรค์สารพัดไส้และพิถีพิถันสุดๆกับการบรรจงเคาะกันเองทุกชิ้นจากครัวโรงแรม สู่ขนมชิ้นเลอค่า กับขนมไหว้พระจันทร์ พาโกด้า เชฟออสการ์ ปัน แห่งห้องอาหารพาโกด้า ไชนีส เรสเตอรองท์และทีมของเขาได้ร่วมกันรังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์ชุดพิเศษ ซึ่งแขกผู้มาเยือนจะได้เพลิดเพลินกับขนมไหว้พระจันทร์แบบดั้งเดิมหลากหลายรายการที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี  พลาดไม่ได้กับขนมไหว้พระจันทร์รสแบล็คทรัฟเฟิล เกาลัดคั่ว เป็ดย่าง ไข่แดง และเม็ดบัว รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของห้องอาหาร พาโกด้า ขนมไหว้พระจันทร์รสเลิศนี้เป็นการผสมผสานรสชาติอันกลมกล่อมของทรัฟเฟิล เข้ากับกลิ่นหอมรมควันของเนื้อเป็ดย่าง และความหอมหวานของเกาลัดคั่ว ที่ร่วมกันสร้างสรรค์เป็นรสชาติอันแสนล้ำเลิศเย้ายวนจนเกินจะห้ามใจ นอกเหนือจากขนมไหว้พระจันทร์รสแบล็คทรัฟเฟิลอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังสามารถเลือกอร่อยได้กับขนมไหว้พระจันทร์รสหมูหวานปรุงรสเหนียวนุ่มและหอมหวานผสมเข้ากับความกรุบกรอบของถั่วธัญพืช ขนมไหว้พระจันทร์รสทุเรียนไข่แดงที่คลุกเคล้ากับเม็ดบัวเพื่อเติมเต็มรสชาติละมุนลิ้น นอกจากนั้นยังมีตัวเลือกของขนมไหว้พระจันทร์ที่นำเอารสชาติหอมมันของเม็ดบัวมาให้ลิ้มลองทั้งรสชาติเม็ดบัวและเกาลัด รสชาติเม็ดบัวและแมคคาเดเมีย หรือรสชาติยอดนิยมอย่างเม็ดบัวไข่แดง ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์แบบดั้งเดิมนี้มีให้เลือกทั้งขนาดใหญ่ (170 กรัม) และขนาดเล็ก (80 กรัม) พาโกด้า ไชนีส เรสเตอรองท์ ยังภูมิใจนำเสนอเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของขนมไหว้พระจันทร์  “ผิวหิมะ”  อีกหนึ่งการรังสรรค์สุดพิเศษของขนมไหว้พระจันทร์แบบไม่ผ่านการอบที่มีต้นกำเนิดมาจากฮ่องกง บ้านเกิดของเชฟออสการ์นั่นเอง โดยขนมไหว้พระจันทร์ผิวหิมะนี้จะมาพร้อมไส้หวานแสนอร่อยให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรสทุเรียนจันทบุรี รสเม็ดบัวกับไข่แดง รสมะม่วงน้ำดอกไม้และชีส เช่นเดียวกับความเย้ายวนของขนมไหว้พระจันทร์รสบราวนี่ช็อคโกแลตและครีมคาราเมล สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหวานอันแสนเลิศรส โดยทุกรสชาติของขนมไหว้พระจันทร์ผิวหิมะพร้อมเสิร์ฟในขนาดเล็ก (80 กรัม) แขกผู้มาเยือนสามารถลิ้มรสชาติขนมไหว้พระจันทร์เหล่านี้ได้ที่ ห้องอาหารพาโกด้า ไชนีส เรสเตอรองท์ หรือ สามารถสั่งขนมไหว้พระจันทร์ในบรรจุภัณฑ์สุดหรูเพื่อเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษ ทั้งขนมไหว้พระจันทร์แบบดั้งเดิม สำหรับสี่ชิ้นใหญ่ในราคาเริ่มต้น 788 บาท หรือหกชิ้นเล็กในราคาเริ่มต้น 738 บาท และยังสามารถสั่งขนมไหว้พระจันทร์ผิวหิมะในกล่องสุดหรูสำหรับหกชิ้นราคาเริ่มต้น 738 บาท ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ถึง วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560 นี้ และพิเศษสุดสำหรับการสั่งจองขนมไหว้พระจันทร์ล่วงหน้ากับบัตรกำนัลราคา พิเศษเริ่มต้นเพียงกล่องละ 588 บาท สามารถซื้อบัตรกำนัลได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 สิงหาคม พ.ศ. 2560 นี้เท่านั้น ขนมไหว้พระจันทร์นับเป็นสิ่งที่มอบความเลิศรสในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ทั่วประเทศจีนและเอเชียตะวันออก โดยเป็นการเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวในวันที่ 15 ของเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติ ขนมไหว้พระจันทร์จึงได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงเวลานี้ของปี และเทศกาลเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวนี้มักเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ “เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์” ด้วยเช่นกัน แขกผู้มีเกียรติสามารถลิ้มลองความหลากหลายของขนมไหว้พระจันทร์ที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี ณ ห้องอาหารพาโกด้า ไชนีส เรสเตอรองท์ ซึ่งเรามีทั้งขนมไหว้พระจันทร์แบบต้นตำรับที่ผู้คนชื่นชอบ และรสชาติหลากหลายของขนมไหว้พระจันทร์…

Read More

ขนมวันไหว้พระจันทร์ ห้องอาหารจีนหลิว โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ กับกล่องแสนหรูหรา และสองไส้ยอดนิยม จากเชฟชาวฮองกง ห้องอาหารจีนหลิว โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ ขอสืบสานเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมจีนที่มีขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วง เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวที่จะมีขึ้นในคืนวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ ในเทศกาลนี้ ชาวจีนจะเฉลิมฉลองด้วยการไหว้ดวงจันทร์ในเวลากลางคืน ในบางประเทศ เช่น ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ หรือเวียดนามจะจัดเป็นประเพณีใหญ่ มีการเฉลิมฉลองด้วยโคมไฟสีแดงเป็นสีสันยามค่ำคืน หรือบางแห่งอาจมีการเชิดมังกร มาสเตอร์เชฟแจ๊คกี้ ชาน ขอแสดงฝีมือการทำ “ขนมไหว้พระจันทร์” ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานอีกครั้ง วันนี้ทางเชฟ Jacky Chan และ เชฟ Liang ได้บอกเคล็ดลับการทำขนมไหว้พระจันทร์ที่แสนอร่อยของทางโรงแรม Conrad Bangkok อยู่ที่ การเตรียมแป้ง ปริมาณของแป้งและไส้ที่เหมาะสม รวมถึงอุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสมเช่นกัน ล้วนแต่เป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องพิถีพิถันถึงจะได้ขนมไหว้พระจันทร์ที่มีเนื้อสัมผัสที่บาง นุ่ม ที่นี่จะเตรียมแป้ง โดยการผสมน้ำมันถั่วลิสงและน้ำเชื่อมเข้าด้วยกัน จากนั้นเทแป้งสาลีลงบนโต๊ะแล้วเปิดพื้นที่ว่างเป็นวงตรงกลางแป้ง จากนั้นเทส่วนผสมของน้ำมันถั่วลิสงที่ผสมแล้วลงไปในตรงกลางและผสมให้เข้ากัน นวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน และ เนียน จากนั้นตัดแบ่งเป็นชิ้นชิ้นละ 12 กรัม การเตรียมขนม กดตัวแป้งให้แบนแล้วจึงใส่ไส้ลงไปและปั้นเป็นก้อนกลม เมื่อปั้นเสร็จแล้วให้โรยแป้งบนพิมพ์ขนมเล็กน้อยแล้วจึงใส่ตัวขนมลงไป กดขนมให้แน่น จากนั้นจึงค่อยแกะออกจากพิมพ์โดยการเคาะและวางบนถาดอบ การอบ นำขนมเข้าอบในเตาที่ปรับอุณหภูมิไว้แล้ว ที่ไฟบน 230 องศา และ ไฟล่าง 200 องศา เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นนำออกมาและทาผิวด้านบนด้วยไข่ก่อนจะเอาเข้าไปอบต่ออีก 10 นาที จนได้ผิวขนมไหว้พระจันทร์ที่มีสีทอง มันวาว น่ารับประทาน จากวัตถุดิบชั้นดีและความพิถีพิถันในการตระเตรียมและปรุงการันตีความหอมอร่อยในทุกรสชาติเพื่อให้ทุกท่านได้รับประทานขนมที่มีอร่อยและความหมายในคราเดียวกัน พร้อมแพคใส่กล่องสุดหรู “คอนราด พรี-เชียส เชสท์” (Conrad Precious Chest) ที่สามารถนำไปเก็บเครื่องประดับ หรือประดับบ้านได้อีกด้วย โดยในปีนี้ เชฟแจ๊คกี้คัดสรรค์ 2 รสชาติที่นิยมตลอดการ ได้แก่ ไส้ครีมคัสตาร์ด และ ไส้ทุเรียน พร้อมส่งมอบให้คนพิเศษของคุณแล้ววันนี้ เชิญชวนลิ้มรสขนมไหว้พระจันทร์ไส้ครีมคัสตาร์ดและไส้ทุเรียน ตามแพคเกจดังนี้…

Read More

Love of Siam ทรีทเมนต์ใหม่จาก Quan Spa, Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ถึง 3 ชม. แรงบันดาลใจจากจากหนังสือเรื่อง “ไกลบ้าน” (หรือ “Far From Home”) ซึ่งพรรณนาถึงประสบการณ์ต่างๆของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ขณะที่พระองค์ทรงเดินทางไปยังตะวันตก ทรีทเมนต์นี้ประกอบไปด้วยการแช่น้ำแร่ ผสมน้ำมันกุหลาบออนเซ็น สครัปผิวด้วยกุหลาบและน้ำผึ้งเดือน5 แรปดูดสารพิษด้วยสารสกัดจากกุหลาบ และนวดน้ำมันกุหลาบผสมการนวดไทยตามประเพณีที่พระองค์ทรงคิดถึงอย่างมากในระหว่างการเดินทาง อันแสนโรแมนติกสำหรับเหล่าคนโสดหรือคู่รัก ที่ได้แรงบันดาลใจมา ซ่อนตัวอยู่ ณ กลางใจเมืองกรุงเทพมหานคร เมืองอันเปี่ยมไปด้วยสีสันสูงสุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค (Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park) คือโรงแรมใจกลางเมืองอันแสนประทับใจ ด้วยบริการของเหล่าห้องพักและห้องสวีทอันทันสมัยและหลากหลาย ห้องประชุมสัมนาหลากหลายรูปแบบ ห้องอาหารที่เหมาะกับทุกๆ รสนิยมความชื่นชอบแห่งรสชาติ รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ห้องฟิตเนส และ ควอน สปา เมื่อแขกผู้มาเยือนได้มีโอกาสเข้ามาชมภายในอย่างใกล้ชิด ก็จะค้นพบกับอีกมุมอันเงียบสงบเหมาะสำหรับการผ่อนคลาย ที่ ควอน สปา (Quan Spa) ซึ่งตั้งอยู่ชั้นเก้าของโรงแรม พร้อมจะมอบประสบการณ์การพักผ่อนของทุกประสาทสัมผัส หลีกหนีจากความวุ่นวายและเร่งรีบของชีวิตประจำวันอันแสนยุ่งเหยิงของกรุงเทพฯ สู่การผ่อนคลายอย่างแท้จริง ภายในสถานที่อันเงียบสงบใจกลางเมืองแห่งนี้ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนท้องถนน แขกผู้มาเยือน ซึ่งรวมถึงเหล่านักเดินทางเดี่ยว หรือมาเป็นคู่ และครอบครัว จะสามารถปลดปล่อยและปรนเปรอจิตวิญญาณของตน ภายใต้บรรยากาศแห่งการพักผ่อนอันแสนบริสุทธิ์ การเดินทางสู่สัมผัสแห่งความผ่อนคลาย ที่ ควอน สปา เริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่ก่อนจะเริ่มทำทรีทเมนต์ กับแนวคิดการออกแบบสปาด้วย “ผ้าทอหอมธรรมชาติ” ซึ่งสะท้อนถึงยุคสมัยอันแสนคลาสสิคของประวัติศาสตร์ไทย ที่เหล่าสตรีแห่งขุนนางชั้นในของพระราชวังจะประพรมน้ำหอม ไม่เฉพาะเพียงบนกาย แต่ยังรวมไปถึงเสื้อผ้าของพวกเธอด้วย โดยแขกผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับความงดงามและกลิ่นหอมของดอกไม้ ด้วยกลิ่นหอมของดอกกระดังงา และลั่นทม ดอกไม้ที่ตามประเพณีแล้วจะเติบโตอยู่ในอาณาบริเวณพระราชวังของไทย ทำให้ทุกท่านจะรู้สึกสดชื่นตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในสปาแห่งนี้ อีกหนึ่งกลิ่นที่นำมาใช้รังสรรค์ความหอมรัญจวนภายในห้องทรีทเมนต์ คือการผสมผสานระหว่างกฤษณาและกำยาน ซึ่งช่วยปลุกความทรงจำอันแสนคลาสสิคของเมืองไทยได้ดียิ่งขึ้น ควอน สปา ประกอบไปด้วยห้องทรีทเมนต์ทั้งหมด 10 ห้อง และห้องออนเซนส่วนตัว 1…

Read More

ท่านอาจารย์ดอกเตอร์ฟิลิพ เจ. บรูคส์ และคณะ แห่งสถาบันการเสพติดแอลกอฮอล์และแอลกอฮอลิซึมแห่งชาติ สหรัฐฯ คนบางคนมักจะมีอาการหน้าแดง (flushing) เวลาดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ) ซึ่งบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ ใจสั่น ใจเต้นแรงร่วมด้วย … อาการดังกล่าวเป็นผลจากลักษณะพันธุกรรม (สืบต่อจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย) ของการขาดเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่ใช้ในการทำลายแอลกอฮอล์ที่ชื่อ ‘ALDH2’ ผลของการขาดเอนไซม์หรือน้ำย่อย ‘ALDH2’ จะทำให้เกิดการคั่งของสารพิษที่ชื่อ “อะเซทาลดีไฮด์ (acetaldehyde)” เรียกชื่อแปลกๆ แบบนี้คงจะไม่เป็นที่รู้จักกัน แต่ถ้าพูดถึงสารเคมีที่เป็นเครือญาติ หรือพี่ๆ น้องๆ ของอะเซทาลดีไฮด์ คือ “ฟอร์มาลดีไฮด์ (formaldehyde)” หรือยาดองศพแล้ว พวกเราคงจะรู้จักกันดี พิษของอะเซทาลดีไฮด์มีความแรงน้องๆ ฟอร์มาลดีไฮด์ทีเดียว … ลักษณะพันธุกรรมหรือยีนส์บกพร่องชนิดนี้ (ALDH2 deficient) เป็นยีนส์คู่ คนที่ขาดไป 1 ยีนส์ (ดีครึ่งหนึ่ง บกพร่องครึ่งหนึ่ง) เรียกว่า “เถรท (trait = ลักษณะเฉพาะแฝง พันธุกรรมแฝง ยีนส์แฝง)” พบมากถึง 1 ใน 3 ของคนที่มีเชื้อสายเอเชียตะวันออก (ญี่ปุ่น จีน เกาหลี) คนที่เป็น “เถรท” หรือมียีนส์บกพร่องครึ่งหนึ่ง… ถ้าดื่มเบียร์แบบจืดจางครึ่งกระป๋องก็มากพอที่จะทำให้หน้าแดงได้แล้ว คนที่มียีนส์ ‘ALDH2’ บกพร่อง 2 ยีนส์ (ไม่มีพันธุกรรมดี มีแต่พันธุกรรมบกพร่อง) หรือไม่มีเอนไซม์นี้เลยจะติดเหล้าได้ยากมากๆ สาเหตุเนื่องจากทนพิษอะเซทาลดีไฮด์ไม่ไหว เช่น เป็นลม ปวดหัว เมาค้าง ฯลฯ แบบรุนแรงหรือเป็นทันทีที่กิน (คุณลุงผู้เขียนท่านหนึ่งมีอาการแบบนี้ คือ ดื่มนิดเดียวแล้วเป็นลมสลบไปเลย) … ปัญหาอยู่ที่พวก “เถรท (trait)” หรือพวกที่มียีนส์บกพร่องแฝงอยู่ครึ่งหนึ่ง มียีนส์ดีอยู่ครึ่งหนึ่ง พวกนี้จะทำลายพิษแอลกอฮอล์ได้ แต่ทำลายได้ช้ากว่าคนทั่วไป สารพิษที่คั่งทำให้หน้าแดงเวลาดื่ม ทว่า… ยังพอทนไหว ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษในระดับสูงกว่าคนอื่น ถ้าคนที่ขาดเอนไซม์นี้ดื่มเบียร์แบบจืดจางวันละ 2 กระป๋องเล็ก (2 ดริ๊งค์) จะมีความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารเพิ่มเป็น 6-10 เท่าของประชากรทั่วไป คณะวิจัยประมาณการณ์ว่า…

Read More

สายลม เสียงคลื่น ท้องฟ้า และอาหารทะเลสไตล์ภูเก็ต กับการนั่งชิวๆชมวิวอย่างหลากหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นฟ้าใสน้ำสีครามยามกลางวัน หรือ อาทิตย์ลับขอบฟ้าแสงส้มแสนโรแมนติกยามเย็น และชมดาวชมจันทร์เคล้าเสียงคลื่น กินดื่มในยามราตรี ณ ที่นี้เติมเต็มสิ่งที่กล่าวมาให้คุณได้ หากเราจะหาร้านอาหารสักร้านเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศและรสชาติของอาหาร ไม่เพียงแค่สถานที่ตั้งของร้านนั้นเป็นตัวตัดสินใจ แต่เรายังมีที่ดีกว่านั้นให้คุณได้สัมผัสกับสิ่งที่คุณต้องการ ‘TWILIGHT SKY’ สถานที่ที่คุณจะได้ผ่อนคลายกับความประทับใจด้วยหาดกะตะแบบพาโนรามาสุดโรแมนติค พร้อมชมวิวพระอาทิตย์ที่ดีแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ที่จะค่อยๆตกไปพร้อมกับวิวน้ำทะเลสวยๆ พร้อม ‘Z BAR PLUS’ บาร์ที่พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆ ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ ค็อกเทล หรือม็อกเทล ที่ได้รับการคิดค้น และผสมผสานให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีด้วย Mixologist ประจำร้าน และด้วยโรงแรมเดอะ ซิส กะตะ เกิดจาก แนวความคิด และ ไลฟ์สไตล์ ของสามสาวพี่น้อง ชาวภูเก็ตตระกูลภัทรวรณี ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถัน และให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นแห่งหนึ่งในหาดกะตะ เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้รับประสบการณ์การพักผ่อนอย่างสูงสุด เข้ากับสโลแกน ‘Stay In Style’ และด้วยเป็นการบริหารงานแบบครอบครัว ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะให้ทุกท่านได้สัมผัส คงจะหนีไม่พ้นสัมผัสขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งเป็นที่มาของประสบการณ์ สัมผัสทั้ง 5 ของ SIS ( 5 Senses ) คือ Designed in Style, Style Dining in Style, Style Aroma in Style, Style Music in Style และ Touch in Style ซึ่ง ‘TWILIGHT SKY’ & ‘Z BAR PLUS’ @The SIS Kata เป็นหนึ่งในประสบการณ์ สัมผัสทั้ง 5 ของ SIS คือ Dining in Style ที่ท่านจะได้พบกับประสบการณ์การรับประทานอาหารอย่างมีสไตล์…

Read More