Author: Kittin Assavavichai

ร้านอาหารเยอรมันแนวใหม่ที่ยังคงรสชาติและสัมผัสของอาหารเยอรมันไว้อยู่ โดยค่ายรถยักษ์ใหญ่เมอร์ซิเดสเบนซ์ Mercedes Benz Café ไม่ใช่เพียงร้านอาหารแต่ยังเป็นทั้ง Art Gallery, Showroom และร้านอาหาร โดยที่ร้านอาหาร เมนูอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดในคาเฟ่แห่งนี้ คิดค้นสูตรและปรุงโดยร้าน “เดอะ วอเทอร์ ไลบราลี่ (The Water Library)” ภายใต้การดูแลของ มร.เมอร์โก เคลเลอร์ เชฟชาวเยอรมัน ซึ่งหลังจากที่ได้ชิมลองแล้วรู้สึกว่าอร่อยและเป็นที่น่าพอใจกว่าวอเทอร์ ไลบราลี่สาขาซอยพร้อมพงษ์และเซนทรัลแอมบาสซี่เสียอีก สำหรับรีวิวนี้ผมจะขอนำเสนอแบบ full course โดยเริ่มจาก Stulle หรือ Sandwich ครั้งนี้สั่งเป็น Schwarzwaldschinken ประกอบด้วย Black forest ham, Mustard cream, Pickles และ Sauerkraut bread รสชาติมันเค็มเปรี้ยวจากน้ำสลัดผักนิดๆสัมผัสกรอบจากมันฝรั่งทอดนุ่มจากขนม ปังกรุปจากผักและหนุบจากแฮมนับได้ว่าลงตัวอร่อยดีทีเดียว ถัดมาเป็น Suppen หรือ Soups ครั้งนี้สั่งเป็น Kürbissuppe หรือซุปฟักทองนั้นเอง ผมยังจำได้ว่ายังติดค้างที่จำซุปชนิดนี้อยู่เอง สำหรับซุปฟักทองที่นี่เข้มข้นดีมากไม่ใสหยองเหมือนบางที่ ซุปฟักทองนี้ใช้ทั้งเนื้อฟักทอง น้ำมันฟักทอง เมล็ดฟักทอง และขนมปัง อร่อย ผ่านเลย Salat หรือ Salad เราสั่งเป็น Frankfurter Grüne Sauce เป็นสลัดไข่ ตรงกลางเป็นไข่แดง มีไข่ขาวคลุกกับมันฝรั่งชุปแป้งทอด มีไข่ปลาแซลมอนปะหน้า และมันฝรั่งบทกับซอสผักโขมและผัก เป็นสลัดที่แปลกดีและอร่อยมากครับทั้งสัมผัสยความกรอบความนุ่มกรึบและรสชาติ ที่กำลังลงตัวไม่เข้มและอ่อนไป Hauptgerichte หรือ Main Courses เราสั่งเมนูจากทะเลและเมนูบนบกมาลองอย่างละตัว โดยตัวแรกคือ Lachs Schmorgurken คือแซลมอนราดซอส Crème fraîche ซึ่งจะคล้ายๆซาวครีมแต่เนื้อจะละเอียดและหอมอร่อยกว่า เสริฟมากับหอมทั้งลูกและมัสตาสเหลือง เนื้อนุ่มละเอียดความสุขกำลังดีรสชาติลงตัวกำลังดี และอีกจาน Sauerbraten จานนี้คือแก้มวัว โดยปกติผมไม่ทานเนื้อวัวแต่ลองชิมไปนิดนึงอร่อยมากมันนุ่ม นุ่มอย่างน่าประทับใจระดับสุด เคียงด้วยหอมและแอปเปิลและน้ำเกรวี่ รสชาติก็เข้ากันได้ดีและลงตัว จานนี้จะฟินมากสำหรับคนที่ทานเนื้อวัวได้ และในส่วนของของหวาน เราสั่งมาลอง 3…

Read More

น้ำเต้าหูเมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่น่าดื่มน่ากินเพราะปรธโยชน์มากมาย แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีโทษเราควรกินดื่มอย่างไรให้ได้ประโยชน์และไม่ได้โทษ ดังนั้นกินแหลกแจกดาวขอเสนอแนวทางการกินดื่มน้ำเต้าหู้ให้ได้สุขภาพ หลายปีที่ผ่านมามีการแนะนำให้คนไทยดื่มน้ำเต้าหู้ เนื่องจากในน้ำเต้าหู้มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเทียบเท่านม แต่บำรุงสุขภาพได้มากกว่านม อีกทั้งร่างกายเราสามารถย่อยและดูดซึ่มน้ำเต้าหู้ได้กว่า 90% ในน้ำเต้าหู้ปริมาณ100มิลลิลิตร มีโปรตีนจากพืชที่มีคุณภาพดีมาก1.8กรัม ประกอบด้วยสารอาหารหลายชนิด อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เซเลเนียม วิตามินA , E , B1 , B2กรดอะมิโน18ชนิด และธาตุเหล็กที่มีมากกว่านมถึง1.6เท่า การดื่มน้ำเต้าหู้สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมัน ลดความดันโลหิตสูง ช่วยให้จุลินทรีย์ที่ดีเจริญเติบโตในลำไส้ กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัว ปรับระดับอินซูลิน บำรุงสมอง เสริมภูมิต้านทาน ช่วยขับเสมหะให้ออกจากปอด บำรุงตับและไต ป้องกันมะเร็ง ชะลอวัย บำรุงม้าม โดยสำนักงานบริหารอาหารและยารักษาโรคของสหรัฐอเมริกา หรือFDAยืนยันว่า โปรตีนถั่วเหลืองเป็นสารอาหารที่มีอยู่ในอาหารประเภทไขมันต่ำไม่อิ่มตัวและ อาหารคอเลสเตอรอลต่ำได้ ถ้ารับประทานโปรตีนถั่วเหลือง25กรัมต่อวัน จะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้ในน้ำเต้าหู้ยังมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ไฟโตเอสโตรเจน” (Phytoestrogen) ซึ่งมีส่วนในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และลดอาการวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้นได้ในวัยทอง แต่เมื่อไม่นานมานี้มีผลการวิจัยพบว่าการดื่มน้ำเต้าหู้ในปริมาณมากเกินไปจะ เป็นผลเสียต่อร่างกาย โดยDr.Lita LeeและThe Weston A. Price Foundation in Washington, DC USAมีผลวิจัยไปในทิศทางเดียวกันว่า การกินโปรตีนถั่วเหลืองผง30ซีซี ทุกวัน สามารถทำให้เกิดความผิดปกติที่เต้านมจากฤทธิ์ของฮอร์โมนเอสโตรเจน ด้านWeston A. Price Foundationเปิดเผยว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจนในถั่วเหลือง ขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อและมีแนวโน้มที่จะทำให้เป็นหมัน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง เนื่องจากกระบวนการผลิตโปรตีนถั่วเหลือง ทำให้เกิดสารพิษที่เรียกว่า ‘ไลซิโน อะลานีน’ และสารก่อมะเร็งชื่อว่า ‘ไนโตรซามีน’ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาการทำงานของต่อมธัยรอยด์ในคนที่กินถั่วเหลืองพบว่า ต่อมธัยรอยด์ถูกกดการทำงานและมีคอพอกในหลายงานวิจัย อีกทั้งถั่วเหลืองมีสารที่ทำให้โปรตีนจับตัวกันเป็นก้อน ที่เรียกว่าHemagglutininทำให้เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวจับกันเป็นก้อน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดเสียไป ดร.มาริลิน เกลนวิลล์ นักโภชนาการผู้แต่งหนังสือเรื่อง “Nutritional Health Handbook for Women” แนะนำว่า “การรับประทานอาหารต้องรับประทานแต่พอดี ถั่วเหลืองจะดีต่อสุขภาพถ้าเราไม่ทานมากเกินไป คือ วันละ30กรัม จึงจะเหมาะสมที่สุด” อ้างอิงจาก : http://ainews1.com/article548.html www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.com/ http://thai.cri.cn/461/2010/02/05/224s169803.html…

Read More

บทความประจำสัปดาห์โดยหมอหนึ่ง Kin Healthy Team. เรื่องเล่าการกินเพื่อสุขภาพ ตอนที่ 6 การกินอาหาร VS ลดน้ำหนัก<Dieting vs Lose Weight> กลับมาเจอกันอีกแล้วนะครับกับเรื่องเล่าลดน้ำหนักครับ ใครได้นำไปใช้บ้างแล้ว? ………………………………………………………………… มีความคิดเห็นอย่างไร เสนอแนะและทิ้ง ความเห็นไว้ได้นะครับ ยินดีอ่านและตอบเสมอครับ! มาถึงขั้นตอนต่อไปที่หมออยากจะแนะนำ คือ กลวิธีเอาชนะใจและลดความอยากกิน! ได้แก่…. 1.หลีกเลี่ยงความอยากกิน 2.ไม่สนสิ่งล่อใจโยนความคิดที่จะกินทิ้งไป 3.ถ้าทำไม่ได้ให้ ลดความอยากกินด้วยการลองดื่มน้ำเปล่า2แก้ว+ถั่วลิสงตามครับ 4.การดื่มกาแฟที่มีส่วนผสมของนมไขมันต่ำ(skim coffee), caffeineช่วยลดความอยากได้ในทางอ้อม แต่ไม่ใช่วิธีหลักครับ 5.ถ้าไม่ได้อีก…ก็Let it goครับ    สูดหายใจลึกเข้าลึกๆ    มองออกไปภายนอก    ปล่อยใจและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 6.เสริมสร้างพลังงาน ด้วยการงีบหลับ 7.การแปรงฟันสะอาดสดชื่น ทำให้หลายท่านไม่ปรารถนาจะทานอะไรๆต่อเนื่องครับ 8.เบี่ยงเบนความอยากด้วยการทำกิจกรรม อื่นๆที่ชอบ เพราะความอยากจะอยู่ได้ไม่นานเกิน10นาที ตามการวิจัยที่มีมาครับ 9.ลดการตามใจตนเองด้วยการกินสิ่งที่ชอบแต่อ้วนให้น้อยลง – แค่1ชิ้น และ ทำการออกกำลังกายหลังจากการกินครับ 10.การวางแผนหลีกเลี่ยงอาหารส่วนเกิน ถ้าทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้นไม่เป็นผล!!?? …… คุณควรเลือกที่จะโยนทิ้งความอยากส่วนเกิน เปลี่ยนจากการกินเกิน (Waste) เป็นรักษารอบเอว (Waist) นะครับ! ท่องไว้ๆ!          WASTE —–> WAIST แล้วจะทำอย่างไรดีนะ ที่เราจะจัดการกับความอยากอาหารส่วนที่เกินจากความต้องการของร่างกายทิ้งไปได้? ……เรามาช่วยกันคิด-ถ้าคิดไม่ออก หมอ มีวิธี กลเม็ดการตัดทอนและลดส่วนอาหาร ” If you eat less, you’ll lose excess weight ” รอพบกันใหม่คราวหน้า หมอจะมาบอกเล่า  ” กลเม็ดการตัดทอนและลดส่วนอาหาร ” นพ ธีรพงษ์ รุ่งวิวัฒน์ศิลป์ ทีมงาน Kin Healthy

Read More

9/8/15 กล้วยเป็นผลไม้พื้นบ้านของเมืองไทยเรามานานหลายศตวรรษ เราจึงเห็นการนำกล้วยมาบริโภคโดยวิธีต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะทานแบบสดๆจากต้น หรือนำมาแปรรูปต่างๆ เช่น กล้วยตาก กล้วยกวน กล้วยเชื่อม ฯลฯ ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่ากล้วยมีประโยชน์ต่อร่างกายเรามากมาย หนึ่งในข้อดีของการทานกล้วยคือช่วยป้องกันมะเร็งได้ มีผลการศึกษาจากประเทศญี่ปุ่นลงตีพิมพ์ใน Food Science and Technology Research ปี 2009 พบว่ากล้วยสุกที่เปลือกผิวมีจุดสีน้ำตาลๆนั้นมีปริมาณของสารที่ชื่อว่า TNF (Tumor Necrosis Factor) ในปริมาณสูง  สูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นอย่างองุ่น แอปเปิล แตงโม สับปะรด ลูกแพร์เสียอีก สาร TNF นี้มีหน้าที่ทำลายเซลล์ในร่างกายที่ผิดปกติรวมถึงเซลล์ที่อาจก่อให้เกิดโรค มะเร็ง อย่างไรก็ตามกล้วยสุกยังไม่สามารถใช้รักษามะเร็งให้หายขาดได้ แต่การทานกล้วยสุกจะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้โอกาสเกิดโรคมะเร็งน้อยลง นอกจากนี้กล้วยสุกก็ยังมีปริมาณของสาร Antioxidant ค่อนข้างสูง จึงสามารถช่วยลดอาการอักเสบต่างๆของร่างกายได้ดี สำหรับผู้ป่วยเบาหวานอาจต้องระวังการทานกล้วยสุกสักหน่อย เนื่องจากแป้งในกล้วยสุกนั้นถูกเปลี่ยนรูปเป็นน้ำตาลไปเกือบหมดแล้ว ดังนั้นหลังทานกล้วยสุกระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นอันตรายมากกับคนที่คุมระดับน้ำตาลไม่ค่อยได้ ต่อไปหากคุณสังเกตเห็นจุดสีน้ำตาลๆบนผิวกล้วยก็อย่าพึ่งรีบเอาไปทิ้งขยะซะละครับ อ้างอิง :  http://www.livestrong.com/article เรีบยเรียง : Kin Healthy ด้วยความปรารถนาดี  Kin Healthy

Read More

6/8/15 ปัจจุบันเทรนการกินเวย์อาหารเสริมเพิ่มกล้ามหรือแม้แต่ขนมเพิ่มกล้ามอาจเป็น ที่นิยมกันในหมู่คุณผู้ชาย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการรับอาหารเทียมเหล่านี้เข้าไปมากๆอาจทำให้คุณต้องพบ กับมะเร็ง ! Dean Wharmby ชาวอังกฤษวัย 39 ปี เล่นฟิตเนสมาเป็นเวลากว่า 20 ปี หนุ่มนักกล้ามสุขภาพดีที่ต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง จากที่เคยหนัก 254 ปอนด์ แต่ตอนที่เขาตายกลับเหลือแค่หนังหุ้มกระดูก ดีนถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งครั้งแรกในปี 2010 เขาคิดว่าคงเป็นเพราะอาหารโปรตีนสูงที่เค้าทาน อีกทั้งเครื่องดิ่มชูกำลังทั้งหลาย รวมทั้งเนื้อสัตว์ที่มีสีแดงที่มีส่วนประกอบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย ในที่สุด Dean Wharmby ก็ตะหนักได้ว่าการกินอาหารของเขารวมทั้งปัจจัยอื่นๆ เป็นตัวนำพาเขาไปสู่โรคมะเร็งนั่นเอง 5 ปีครึ่งที่แล้ว เขารู้สึกไม่สบาย เมื่อพบคุณหมอก็เจอว่ามีมะเร็งลุกลามในตัวเขา เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้การรักษาโรงมะเร็งแบบดั้งเดิม เขาเลิกใช้สูตรอาหารแบบเดิมที่มีแต่ของเทียม ผ่านไปหนึ่งปี ผลที่เห็นชัดคือเนื้องอกของเขาหายไป แต่สุดท้ายเขาก็กลับมากินและออกกำลังกายในรูปแบบเดิมอีกครั้ง ปี 2013 ขณะที่ดีนทำงานเป็นเทรนเนอร์ในยิมก็ทรุดตัวลงอย่างกระทันหัน หลังจากการตรวจรักษาโดยเครื่องมือหลากหลายแบบแล้ว หมอจึงบอกเขาว่าร่างกายเขาตอนนี้มีเนื้องอกซึ่งตอนนี้ลุกลามและมีขนาดใหญ่ มาก และเขาคงมีชีวิตอยู่ได้เพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น อย่างไรก็ดี เขาพยายามอีกครั้งที่จะเอาชนะความเจ็บป่วย ทั้งการอัพโหลดวีดีโอเรื่องราวของเขา การพยายามที่จะมองโลกและคิดในแง่บวกอยู่เสมอ และความหวังในการเพิ่มเงินทุนเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย แต่สุดท้ายแล้ว มะเร็งก็พรากชีวิตของเขาไป การออกกำลังกายหรือการสร้างกล้ามเนื้อที่ดีต่อสุขภาพนั้น คือการเลือกทานสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งการออกกำลังที่ถูกต้อง การเร่งให้มีในเวลาอันรวดเร็วย่อมไม่ดีต่อร่างกายแน่ๆ อีกทั้งงานวิจัยมากมายในปัจจุบันก็ชี้ให้เห็นถึงอันตรายและผลข้างเคียงในการ รับอาหารเทียมเข้าไปในปริมาณมากและสม่ำเสมอ ที่มา : www.dailymail.co.uk แปลและเรีบยเรียง : Kin Healthy ด้วยความปรารถนาดี  Kin Healthy

Read More

แม้ส้มตำจะเป็นอาหารประจำภาคอีสานแต่ทว่าไม่มีจังหวัดใดหรือซอกมุมไหนที่หาทานส้มตำไม่ได้ในไทย ส้มตำเป็นเมนูยอดฮิตที่หาทานได้ง่ายตั้งแต่ข้างถนน ครัวในบ้าน ยันในโรงแรม ด้วยรสชาติที่ครบทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว เผ็ด จึงทำให้ถูกปากทั้งคนไทยและคนต่างชาติและที่มากกว่าความอร่อยส้มตำยังมี ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอีกด้วย ส้มตำมีส่วนประกอบหลัก ๆ ได้แก่ 1. มะละกอ มีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก ช่วยป้องกันและรักษาโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟันและใต้ผิวหนัง ช่วยไม่ให้แก่ก่อนวัย ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และเป็นยาระบายอ่อน ๆ  ซึ่งมะละกอดิบยังสามารถนำไปต้มกินเป็นยาบำรุงน้ำยม ขับพยาธิ แก้บิด แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้ริดสีดวงทวาร ช่วยย่อยอาหาร ขับน้ำดี น้ำเหลืองได้อีกด้วย 2.มะเขือเทศสีดา  เป็นผักที่มีทั้งหวานและรสเปรี้ยวให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำเมื่อกัดเข้าไป เป็นผักที่ใช้แต่งสีและกลิ่นอาหารมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชรา บำรุงผิว 3.มะกอก รสเปรี้ยว ฝาด หวาน แก้โรคธาตุพิการ เพราะน้ำดีไม่ปกติ แก้บิด แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน ผลสุกทำให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำ 4.พริกขี้หนูสด รสเผ็ดร้อนยิ่งตำละเอียดยิ่งเผ็ด ช่วยเจริญอาหารขับลม ช่วยย่อย แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ ขับผายลม ช่วยในการเจริญอาหาร ขับเหงื่อ 5.กระเทียม รสเผ็ดร้อนและฉุน ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคผิวหนัง ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือดน้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรียและไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด 6.มะนาว เปลือกผลรสขม เนื้อและนำ้รสเปรี้ยวเรียกความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี   มะนาว มีฤทธิ์แก้อักเสบ ช่วยย่อยอาหาร สกัดสารพิษ มีวิตามินซี และกรดซิตริก ช่วยให้หลอดเลือดแข็งทนทาน ช่วยขับลม น้ำในลูกรสเปรี้ยว แก้เสมหะ แก้ไอ แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกโลหิต 7.  ถั่วฝักยาว ให้แร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส มีวิตามินซี มีกากใยอาหารที่สามารถละลายในน้ำได้ เป็นยาบำรุงไตและม้ามแก้ร้อนในช่วยลดคอเลสเตอรอล 8.  น้ำตาลปี๊บ มีวิตามิน เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก 9. ผักแกล้มต่าง ๆ ได้แก่ 9.1 กะหล่ำปลี รสจืดเย็น…

Read More

น้ำอัดลมไร้น้ำตาลสูตรไดเอททำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความเสี่ยงด้านสุขภาพระยะยาว หลายปีที่ผ่านมา Soft drink หรือน้ำอัดลมกลายเป็นเหตุผลหลักของโรคอ้วนของคนในอเมริกันรวมไปถึงคนทั่วโลก น้ำอัดลมเช่นยี่ห้อโค้กปริมาณ 590 มล. ให้พลังงานถึง 240 แคลอรี่และ 240 แคลอรี่นี้ก็มาจากน้ำตาลล้วนๆ ! ซึ่งเป็ปริมาณน้ำตาลเกิดพอที่ร่างกายจะรับในแต่ละวัน ! ซึ่งไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดโรคอ้วน แต่เครื่องดื่มน้ำอัดลมเหล่านี้ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในวงกว้างและโรคอื่นๆ อีกมากมายเช่น โรคเบาหวาน ไขมันในตับ โรคหัวใจ เป็นต้น และยังนำไปสู่โรคและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆอีกด้วย นั้นจึงเป็นที่มาของจุดเริ่มต้นของน้ำอัดลมสูตรไร้น้ำตาล ที่มีตัวหนังสือไดเอทขนาดใหญ่ เป็นที่รู้กันดีว่าสารให้ความหวานที่ถูกเพิ่มเข้าไปในน้ำอัดลมไร้น้ำตาลนั้น เป็นสารที่อันตรายต่อร่างกาย ซึ่งจากข้อมูลที่แสดงในสื่ออนไลด์ Mercola สารให้ความหวานทำให้เกิดอาการชัก, ชา, ปวดตามข้อต่อ,ใจสั่นรวมไปถึงโรคความจำเสื่อม นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลข้างเคียงเพราะผลเสียของมันยังมีอีกมากมาย Jame & Phyllis Balch ซึ่งเป็นผู้เขียนบทความ “Prescription for Natural Healing” ประเมิณว่าสารให้ความหวานประกอบด้วยสารเคมี 3 ตัวหลักๆอันได้แก่ กรดแอสพาติก เพนิลาลานิน และเมทานอล ซึ่งสารเหล่านี้ถูกแสดงอยู่ในรายการของสารให้ความหวานแทนน้ำตาล น้ำอัดลมสูตรไร้น้ำตาลอาจถูกมองว่าเป็นอีกเครื่องดื่มสำหรับคนที่มีความ ต้องการจะลดน้ำหนักและอาจหลงคิดไปว่ามันช่วยให้การลดน้ำหนักดีขึ้นและไม่ส่ง ผลเสียต่อสุขภาพเพราะไม่มีน้ำตาลแต่เนั้นเป็นความคิดที่ผิด นักวิชาการด้านโภชนาการออกมาให้ข้อมูลว่าการดื่มน้ำอัดลมไร้น้ำตาลสูตรไดเอ ทอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและส่งผลเสียระยะยาว Jame & Phyllis Balch แสดงให้เห็นแผนภูมิที่ระบุว่าผู้ใหญ่อายุ 51-71 ปี จำนวน 263,925 คนที่ดื่มน้ำอัดลมไร้น้ำตาลสูตรไดเอท 30% มีแนวโน้มที่จะมีภาวะซึมเศร้าในช่วงระยะเวลา 10 ปี ในขณะที่หญิงตั้งครรภ์จำนวน 59,334 คนในเดนมาร์กที่บริโภคดน้ำอัดลมไร้น้ำตาลสูตรไดเอทมีความสัมพันธ์กับความ เสี่ยงเพิ่มขึ้น 38% ที่จะคลอดก่อนกำหนด และการดื่มน้ำอัดลมไร้น้ำตาลสูตรไดเอททำให้ผู้บริโภคมื้อที่ 4 วันเพิ่มขึ้น 78% เรียบเรียงโดย : Kin Healthy

Read More

บทความประจำสัปดาห์โดยหมอหนึ่ง Kin Healthy Team. เรื่องเล่าการกินเพื่อสุขภาพ ตอนที่ 5 การกินอาหาร VS ลดน้ำหนัก<Dieting vs Lose Weight> มีใครได้นำวิธีการควบคุมอาหารวันเว้นวัน ไปลองปฏิบัติใช้แล้วบ้างครับ ขอเสียงเม้นท์มาแชร์ที่เพจนี้ให้เพื่อนๆที่มีเป้าหมายเดียวกันทราบหน่อย จะดีมากๆเลยนะครับ. ส่วนผู้ที่ลองนำไปทำแล้วแต่ไม่โอเคกับวิธี! ไม่ต้องลำบากใจหรือท้อแท้ล้มเลิกไปซะก่อนเพราะ วันนี้หมอมีอีกหนึ่งวิธีที่กล่าวไว้ในช่วงท้ายของตอนที่แล้ว/ถ้ามีใครยังจำ ได้, หรือเปล่า?..จะเป็นอีกหนึ่งวิธีการปฏิบัติการกินควบคุมน้ำหนักที่น่าสนใจและ ได้ผล มานำเสนอ…เขยิบหน้าจอเข้ามาใกล้ได้เลยครับ…มาดูกันเลย ว่าเขาทำไง? …. เคล็ดลับการกินให้น้อย …. ตั้งใจ+ลงมือปฏิบัติ+ค่อยๆฝึกจนเป็นนิสัย ใช้เวลาคุ้นเคยอย่างน้อย 6 สัปดาห์ครับ!!! …. วิธีการกินให้น้อยจนเป็นนิสัย ได้แก่ 1.กินผักให้ได้เกือบทุกมื้อ โดยเฉพาะมื้อเย็นให้รับประทานผักครึ่งหนึ่งของมื้อ 2.ลดคาร์โบไฮเดรต/อาหารจำพวกแป้ง ได้แก่ ข้าวสวย ข้าวเหนียว บะหมี่ หรือแม้แต่ผลไม้ที่มีแป้ง เช่นข้าวโพด เป็นต้น แต่หากเป็นขนมปัง ให้เลือกขนมปังธัญพืช 3.เน้นรับประทานอาหารโปรตีน ที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา/อาหารทะเล (ยกเว้นปลาหมึก) เป็นต้น 4.อาหารว่างระหว่างมื้อ คือ ผลไม้/สลัดผัก หรือโยเกิร์ต เพราะจะทำให้กระเพราะอาหารว่างช้าลง 5.ผู้ที่เป็นมังสวิรัติ เน้นทาน ถั่วและเต้าหู้ 6.หลีกเลี่ยงอาหารจานด่วน pizza/cake snack/chocolate/ice scream..etc. 7.สำหรับผู้ที่เสพติดความหวาน ต้องอดใจ! 8.ท่องในใจ.. “ไม่ซื้อ=ไม่ได้กิน”(คำสอนคุณแม่ของหมอ)   มันเวิร์คมากครับ! ….ยากไปไหมครับ? หมอว่าต้องมีบางคนที่เคยตั้งใจทำแล้วและไม่เห็นผล/น้ำ หนักไม่ลด ไม่ทันใจและหันไปใช้ยา…ถ้าเช่นนั้น-คุณกำลังคิดผิดครับเพราะคุณข้ามขั้น ตอน… วิธีข้างต้นนั้นเป็นเพียงการเริ่มลงมือเท่านั้น ….ตามมาดูกันต่อ แต่ขอเป็นบทความต่อไปครับ ขอให้ทุกคนที่ตั้งใจควบคุมน้ำหนัก สู้ๆต่อไป เป็นกำลังใจให้คุณ สวัสดีครับ.

Read More

โดย Kin Healthy & Kin Channel คุณ…รู้หรือไม่ว่ากาแฟเป็นมิตรต่อการขับถ่าย เมื่อคุณดื่มกาแฟเข้าไปจะส่งผลอย่างไรต่ออุ­นจิ? คลิปการ์ตูนสั้นจากทีมงานกินแหลกแจกดาวที่­จะอธิบายถึงผลจากจากแฟต่ออุนจิ ผ่านตัวละคร­ลุงกาแฟและเฮียอุนจิ (เปิดเสียงเวลารับชมเพื่อความเข้าถึง)

Read More

โดย Kin Healthy Quater by Kinlake Stars มีบความเกี่ยวกับนำ้มันมะพร้าวมากมายแต่ทว่าหลายบทความ มักจะเขียนหรือยกงานวิจัยและสรุปออกมาสุดโต่งเพื่อเชียร์ให้ซื้อนำ้มัน มะพร้าวหรือต่อต้านนำ้มันมะพร้าวอย่างเต็มที่ แต่ในบทความนี้ทีมงานกินเฮลตี้ได้ขอยกบทความวิจัยที่ผ่านการคัดกรองโดยทีม งานกินแหลกแจกดาว และขอนำเสนอในแง่มุมที่เป็นกลางและเป็นไปตามความเป็นจริงเพื่อการเลือกและ บริโภคให้ได้สุขภาพที่ดี Dr.Mary G. Enig เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องน้ำมันมะพร้าวมาก ได้สรุปว่า น้ำมันมะพร้าวเหมาะกับยุคศตวรรรษที่ 21 มีข้อดีหลากหลายน้ำมันมะพร้าวที่เรากินเป็น neutral  ไม่มีโอเมกา 6 ที่จะทำให้เกิดการอักเสบได้  น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันอิ่มตัว 92 % medium chain triglyceride ซึ่งดูดซึมได้ง่าย ทำให้ร้อนตัวได้เร็ว มีตัวยาที่ฆ่าเชื้อโรค ได้แก่  lauric acid 50%  capric acid 7 % มีคอเลสเตอรอล 0% เป็นอาหารทางการแพทย์ ไม่ได้ให้แคลอรี่อย่างเดียว แต่ฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย อีกทั้งยังทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานดีขึ้น และมีสารต้านอนุมูลอิสระ Dr. Bruce File กล่าวถึงการกลั้วกลอก ด้วยน้ำมันมะพร้าว (Oil Pulling)โดย เขากล่าวว่าe เป็นการทำ 3ก. กลิ้ง กลอก กลั้ว 3 ด. ดึง ดัน ดูด เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า สิ่งแรกที่ต้องทำคือ บ้วนปากประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อเอาแบคทีเรียในปากทิ้งไป จากนั้นนำน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ 10 ซีซี 12 ซีวี หรือ 15 ซีซี ใส่ปากแล้ว ทำการ กลิ้ง กลอก กลั้ว ดึง ดัน ดูด อยู่ประมาณ 30 นาที ปากก็จะสะอาด แล้วบ้วนทิ้งไป  การแปรงฟัน ลดอาการเหงือกอักเสบได้ 8…

Read More