Author: Kittin Assavavichai

Israeli-Thai Fusion Dinner เป็นมื้ออาหารที่ใช้วัตถุดิบจากอิสราเอลมาปรุงเป็นสองรูปแบบ เป็นอย่างไรค่อยๆอ่านค่อยๆชมกันเลยครับแต่บอกเลยว่าน่าสนใจมาก ในครั้งนี้ Kinlakestars.com ได้รับเชิญให้ร่วมโต๊ะทานอาหารที่บ้านของ Dr. Meir Shlomo เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยโดยเชฟดังของทั้งสองประเทศคือ เชฟ Bar Cooper ที่เชิญมาโดยทางสถานทูตเชิญมาจากประเทศอิสราเอล ที่จะนำวัตถุดิบมาปรุงเป็น อาหารอิสราเอล และเชฟหมึกแดง ผู้มีชื่อเสียงในวงการอาหารที่จะมาปรุงเป็น อาหารไทย เมื่อปรุงแล้วจะเสิร์ฟเคียงคู่กัน เทียบกันจานต่อจานจากวัตถุดิบเดียวกัน แต่ละจานจะแปลก จะสร้างสรรค์อย่างไรไปชมกันเลยครับ Dr. Meir Shlomo แเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ละภริยา, คุณ Smadar พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอก กฤติน สำหรับ อาหารอิสราเอล หลายคนอาจคิดว่าคืออาหารตะวันออกกลาง และมันก็มีส่วนถูกในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะอาหารอิสราเอลมีความคล้ายคลึงกับอาหารตะวันออกกลาง (Middle Eastern) แต่ในหลายๆจานก็จะมีส่วนผสมที่ต่างกันออกไป จากที่เชฟ Cooper เล่าให้ฟัง อาหารอิสราเอลได้รับอิทธิพลมาจากหลายประเทศ ทั้ง Morrocan, European, Russian, Persian, และ Mediterranean ก็ด้านทำเลที่ตั้งเอง จึงส่งผลทั้งในส่วนของวัตถุดิบและกรรมวิธีการปรุง รวมถึงวัฒนธรรมที่รับมา Kosher food คืออะไร? หลากหลายศาสนา หลากหลายภูมิภาคย่อมมีความเชื่อและข้อบังคับของอาหารต่างๆกันออกไป อาทิ ชาวอิสลามไม่กินหมู ผู้นับถือพระแม่กวนอิมไม่กินเนื้อวัว เป็นต้น ชาวยิวเองก็มีหลักการเกี่ยวกับข้อบังคับด้านการกินอาหารนั้นเอง ซึ่งชาวยิวเรียกว่า Kosher food โดยข้อบังคับคร่าวๆก็มีดังนี้ ห้ามกินเนื้อหมูเช่นเดียวกับอิสลาม โดยจากการค้นคว้าจากบันทึกประวัติศาสตร์หลายส่วนได้พบว่าในอดีตภูมิภาคเขตนั้นเคยเกิดโรคระบาดจากหมูห้ามกินเนื้อสัตว์ พร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม ชีส โยเกิร์ท หมายถึง กินในมื้อเดียวกันไม่ได้ และควรจะต้องเว้นระยะเวลาการกินแต่ละอย่างให้ห่างกันหลายชั่วโมง ซึ่งพบจากบันทึกประวัติศาสตร์เช่นเดียวกันกับข้อก่อนหน้านี้ว่า ในอดีตการกินเช่นนั้นทำให้เกิดอาการท้องร่วง จนอาจเป็นที่มาของข้อบังคับนี้ต่อมาห้ามกินอาหารทะเลมีเปลือกทั้งหลาย เช่น กั้ง แมงดาทะเล หอย กุ้ง ปู เนื้อปลา กินได้เฉพาะปลาที่มีเกล็ดและครีบ เพราะฉะนั้นปลาไม่มีเกล็ดอย่างปลาไหล กินไม่ได้ไข่ กินได้ถ้าในไข่แดงไม่มีจุดเลือดสีแดงติดอยู่ ซึ่งกฎและข้อบังคับต่างๆนี้ก็จึงทำให้เกิดร้านอาหารเฉพาะ ไม่ต่างจากในโลกอิสลามที่จะมีร้านอาหาร ฮาลาน ทางยิวเองก็มีร้าน Kosher ซึ่งจะเป็นร้านที่ ปรุงอาหารตามข้อบังคับนี้ ระเบียบการกินอาหารเหล่านี้มาก หากไม่มีป้ายแปะไว้ แสดงว่าเป็น Non-kosher ก็จะมีอาหารที่ขายตามปกติทั่วไป…

Read More

โจโจ ณ เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ขอมอบประสบการณ์แห่งความอร่อยของเมนูอาหารโดยเชฟมิชลินสตาร์อย่างต่อเนื่อง พบกับเชฟแอนเรียส คามินาดา จากห้องอาหารหรูระดับมิชลินสตาร์ 3 ดาว Schloss Schauenstein และห้องอาหาร IGNIV ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับเชฟมาร์เซล สคิบบา พ่อครัวใหญ่ของร้านอาหาร IGNIV ในพระราชวัง Badrutt ตั้งอยู่บนภูเขามีชื่อเสียงตระหง่านสูงที่สุดในเซนต์มอริตซ์ (St. Moritz) เชฟแอนเดรียสจะมารังสรรค์มื้ออาหารมื้อค่ำอันน่าจดจำ ภายใต้บรรยากาศที่หรูหราในสไตล์ห้องอาหารโจโจ ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2561 พบกับเชฟแอนเดรียสและเชฟมาร์เซล จะนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารร่วมสมัย นำเสนอเมนูอาหารจากห้องอาหาร IGNIV ระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว ด้วยสามคอร์ทเมนู ประกอบด้วย 16 รายการอาหาร ในคอนเซ็ปต์ที่ฉีกกฎเกณฑ์ออกไปจากแบบดั้งเดิม (very non-traditionally) ที่ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่สดใหม่ รสชาติของวัตถุดิบแท้ และสีสันสดใสเพื่อกระตุ้นความรู้สึก การรับรสสัมผัส และสร้างความประหลาดใจ แต่ละคอร์ทเมนูจะเสิร์ฟหลากหลายรายการให้กับบรรดานักชิมได้ลิ้มลองได้ถึง 16 รายการ เฉพาะมื้อค่ำเท่านั้น “เรามีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอคอนเซ็ปต์ของห้องอาหาร IGNIV โดยการเดินทางไปยังประเทศต่างๆเพื่อให้นักชิมได้รู้จักกับแนวคิด sophisticated social experience เราตั้งใจสร้างประสบการณ์ของการพบปะสังสรรค์ ร่วมพูดคุย แบ่งปันความคิด ความทรงจำและช่วงเวลาในขณะที่ร่วมรับประทานอาหาร และเพลิดเพลินไปกับเมนูอาหารของเรา เชฟแอนเดรียสกล่าว เริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย 6 รายการ อาทิ ปลาฮามาจิแรดิชอะโวคาโด (Hamachi-Radish-Avocado) ตับเป็ดโยเกิร์ตและผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ (Duck Liver-Yoghurt-Physalis) และผักกาดหอมไข่แดงทรัฟเฟิ้ล(Lettuce-Egg Yolk-Truffle) เมนูจานหลัก 4 รายการ ด้วยส่วนผสมหลักของ ปลา ไก่ เนื้อ และ หมูสามชั้น ต่อด้วยเมนูของหวาน 6 รายการ ไข่คาราเมล …

Read More

เชฟสาวมากฝีมือสุดสร้างสรรค์ที่เต็มเปี่ยมด้วยไฟอันแรงกล้าในการปรุงอาหาร มาพร้อมกับนักสร้างสรรค์เครื่องดื่มแบบไทย ร่วมกันมาสร้างมื้อแสนสุดพิเศษ ณ ห้องอาหารไทยอันเป็นตำนานแห่งย่านราชประสงค์อย่าง Spice Market ” Chef Tam และ Thaipioka’s Spice Journey ” มื้อพิเศษเอ็กซ์คลูซีฟที่ปรุงโดย “เชฟตาม ชุดารี เทพาคำ” Top Chef Thailand คนแรกของประเทศไทย ที่แสนโด่งดัง Kinlakestars ขอบอกเลยว่าถ้าใครเป็นแฟนคลับรายการนี้และของเชฟตามจะต้องประทับใจกับฝีมือของเชฟตาม ซึ่งเป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีอายุน้อยที่สุดในรายการ ที่ใช้ความสามารถครองตำแหน่งผู้ชนะของรายการในที่สุด ในครั้งนี้เชฟตามได้นำเสนออาหารไทยในรูปแบบที่ทันสมัยแต่ปรุงด้วยวิธีและเครื่องปรุงแบบไทยแท้ จะน่าตื่นตาเพลิดลิ้นขนาดไหน ไปชมกันเลยครับ เริ่มต้นมื้ออาหารด้วย welcome drink ที่เป็นเอกลักษณ์ของห้องอาหาร นั้นคือ Princess Siam เครื่องดื่มสร้างความสดชื่น สุดแสนหอมหวานจากกุหลาบ ลิ้นจี่ และมะนาว หอม หวาน เปรี้ยวนิดๆ สดชื่นเหมือนสาวงามที่เรียบร้อย อ่อนหวาน และดูสดชื่น เรามาเริ่มต้นมื้ออันแสนวิเศษกันเลยดีกว่าคับ “เทอร์รีนลาบเป็ดและมูสตับไก่”  Duck Laab terrine chicken liver mousse, Khao Kum rice grilled flatbread  Showcasing northern spices with classical French techniques of making terrine and liver mousse. Served with Ma Kwan Jaew (a northern wild ice) and the flavours of Laab inspirad by our trips to Chiang Rei. Each e condiments for the…

Read More

  สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ขอเชิญทุกท่านมาพบกับ อาหารไทยรสจัดจ้านด้วยฝีมือเชฟชื่อดังอย่างเชฟชุมพล แจ้งไพร ที่โด่งดังจากรายการเชฟกระทะเหล็ก ด้วยแนวคิดของเชฟชุมพล ที่ต้องการจะตอบสนองกับ การเป็นเชฟท้องถิ่นในเขตชุมชนนั่นเองดังนั้นชุมพลจึงเลือกใช้และเฟ้นหาวัตถุดิบที่ดีเยี่ยมที่สุดของตามแต่ละท้องถิ่นจากทั่วทั้งประเทศไทยมารังสรรค์ปรุงและสร้างเป็นอาหารจานเด็ดด้วยกรรมวิธีการปรุงที่ดีเยี่ยม เพื่อให้ได้อาหารไทยรสจัดจ้านสำหรับแขกทุกท่านที่ได้มาลิ้มลอง สำหรับฤดูฝนนี้เป็นหนึ่งในฤดูที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ฤดูหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและปริมาณน้ำฝนที่ชุ่มฉ่ำ จากอิทธิพลของลมมรสุมจึงทำให้พืชผักต่างๆเจริญเติบโตงอกงามมากมาย อีกทั้งยังมีวัตถุดิบต่างๆที่ค่อนข้างได้ผลดีในช่วงฤดูนี้ไม่ว่าจะเป็นกบ หรือสมุนไพรหลายๆชนิด ในครั้งนี้ Kinlakestars.com จะพาทุกท่านไปพบกับ ชุดอาหารเย็นซึ่งโดยปกติของทางร้านอาหารนั้นจะแบ่งชุดอาหารเป็นทั้งหมด 3 ระดับคือ ชุดเอก ชุดโท และชุดตรี ซึ่งในแต่ละชุดนั้นมีแนวคิดที่แตกต่างกันไป โดยชุดเอกนั้นจะเป็นชุดที่ใกล้เคียงและได้รับอิทธิพลจากอาหารชั้นสูงมีความเป็นอาหารชาววัง ในส่วนของชุดโทนั้นก็จะมีความผสมผสานและเรียบง่ายขึ้น และในส่วนของชุดตรีนั้นจะเน้นหนักไปทางอาหาร แบบชาวบ้านและชุมชน ‘ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว’ นิยามความอุดมสมบูรณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทยในฐานะอาณาจักรแห่งอาหาร ท่ามกลางความปราณีต วิจิตรบรรจง ศิลปะและวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นผ่านรสชาติอาหารไทยแต่ละคำ โดยในวันนี้เราจะพาทุกท่านเน้นย้ำเน้นหนักไปดูในส่วนของอาหารชุดเอกซึ่งเป็นอาหารที่มีความพิถีพิถัน และมีรสที่เบาละมุนมากกว่าอีก 2 ชุด แต่อย่างไรก็ดีในคอลัมน์นี้เราก็ยังมีรูปภาพมาฝากกันจากสำรับอาหารชุดโทและชุดตรีด้วยรูปแบบของร้านอาหารนี้เป็นอาคารที่ดัดแปลงจากบ้านเก่า มีรูปแบบอาคารที่โมเดิร์นทันสมัยเรียบหรู ซึ่งเน้นความสูงของกระจกและผนังสีขาวเป็นหลัก มีการออกแบบในรูปแบบ re construction เมื่อท่านเดินจากลานจอดรถที่อยู่ด้านหน้าของร้านอาหาร ผ่านเข้าประตูร้านจะเป็นทางเดินยาวเหยียดตรงไปจนถึงจุดพักคอย เพดานจะค่อยๆลากจากระดับสูงนำไปสู่ระดับต่ำ บริเวณเพดานนั้นจะตกแต่งประดับประดาด้วย ผนังและเพดานสีเข้มและลงรักเป็นลายไทยสวยสดงดงามทำให้ทุกท่านค่อยๆเปลี่ยนความรู้สึกจากความโอ่โถงไปสู่ความอบอุ่นเหมือนเดินเข้าบ้าน บริเวณด้านหน้าร้านเมื่อท่านเดินมาจนสุดทางเดินของทางเข้าร้านนั้นท่านก็จะพบกับรูปปั้นสำริดหล่อเป็นรูปครูแห่งวงการอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่เชฟชุมพลนั้นให้ความนับถือ บริเวณด้านขวามือหากถ้าท่านมองไปจะพบกับห้องเก็บไวน์ซึ่งมีไว้ให้ท่านเลือกอยู่มากมายหลากหลายชนิดพอสมควรมาทางเดินผ่านไปทางด้านซ้ายมือฉันก็จะพบกับบริเวณพื้นที่รับแขกพักคอย ซึ่งโดยปกติแล้วก็จะให้แขกทุกท่านที่มารับประทานอาหารนั้นนั่งรอตรงบริเวณนี้รวมถึงสามารถสั่งเครื่องดื่มได้สำหรับร้านอาหารนั้นก็จะมีทั้งในส่วนของที่เป็นบริเวณที่นั่งกินร่วมกับคนทั่วไปและห้องส่วนตัว ซึ่งห้องส่วนตัวนั้นจัดได้ว่าสวยงามและโต๊ะอาหารนั้นทำมาจากไม้ที่ผ่าซีกจากลำต้น ผนังด้านหนึ่งมีการตกแต่งด้วยฝาปะกนสีแดงฉานซึ่งเป็นสีแดงแบบไทย ส่วนผนังอีกด้านหนึ่งเป็นกระจกขนาดใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้สามารถมองเห็นส่วนของบ้านและอาคารหลังนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งด้วย เฟิร์นสไบนางซึ่งจะมีการเรียงตัวของใบอย่างละเอียดและทิ้งลงมา เหมือนสไบของชุดไทยนั่นเอง ย้อนกลับไปในส่วนของพื้นที่บริเวณนั่งกินข้าว แม้จะเป็นพื้นที่รวมแต่ก็มีการจัดโต๊ะและรูปแบบพื้นที่ให้ความเป็นส่วนตัวของแต่ละโต๊ะได้ดีเพราะปูพื้นที่ระยะห่างของแต่ละโต๊ะนั้นเว้นไว้มากพอสมควร เชฟเล่าให้เราฟังถึงรสชาติว่าอาหารส่วนใหญ่ในโลกมักมี 2 รสชาติหลัก คือเค็มและหวาน แต่อาหารไทยทะลุขีดจำกัด เพราะใน 1 เมนูมีถึง 3 รสชาติด้วยกัน เช่น ภาคเหนือ เมื่ออดีตประเทศจีนเข้ามามีบทบาท ผสมผสานกับอินเดียมุสลิม บวกกับชนเผ่าพื้นบ้าน จึงเกิดรสชาติอาหารที่นำด้วยรสเค็ม ตามด้วยรสหวาน และรสมันเป็นสุดท้าย ส่วนภาคอีสานรสชาติอาหารจะนำด้วยรสเผ็ด ตามด้วยรสเค็มและรสเปรี้ยว ซึ่งแตกต่างจากภาคกลางที่เชฟเรียกว่าเป็นศูนย์รวมอาหารรสชาติกลมกล่อมที่มี 4-5 รสชาติหลัก (เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด มัน) แถมยังเป็นอาหารภาคแรกที่ออกสู่สายตาของชาวต่างชาติอีกด้วย แต่สำหรับคนรักอาหารรสชาติเข้มข้นจัดจ้านเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศแล้วล่ะก็ต้องมาทางภาคใต้ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวจีนฮกเกี้ยนและมลายู ผสมผสานกับคนภาคใต้พื้นบ้าน รสชาติอาหารส่วนใหญ่จึงมีรสเผ็ด เค็ม เปรี้ยว และมัน (เป็นหลัก)…

Read More

ตลอดเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนเชฟ เซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf ) หัวหน้าพ่อครัวเบเกอร์รี่ (Executive Pastry Chef) ได้นำสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของประเทศญี่ปุ่น มารังสรรค์เป็นชุดน้ำชายามบ่ายโดยเลือกใช้ส่วนผสมหลักเป็นผลไม้ที่มีสีส้มและช็อคโกแลต เพื่อให้บริการที่อัพแอนด์อะบัฟ บาร์ (Up & Above bar)ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2561 เท่านั้น ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคมของทุก ๆ ปี ต้นไม้ทั่วประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มผลัดใบและเปลี่ยนสีเป็นสีส้ม แดง และน้ำตาล สร้างสีสันอันงดงาม เชฟจึงได้นำสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมารังสรรค์ชุดน้ำชายามบ่าย ประกอบไปด้วยขนมคาวหวาน 12 ชนิด อาทิ พุดดิ้งเมลอน สคอนช็อกโกแลตและผิวเปลือกส้มอบใหม่ ช็อกโกแลตทรัฟเฟิลไส้ทับทิม เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่มไส้แยมส้มคัมควอท(Kumquat)เค้กฟักทองญี่ปุ่นแต่งด้วยเมอแรงก์ ไดฟูกุญี่ปุ่นไส้เมลอน แอปเปิลทาร์ตตาแตง มาการองพิมพ์ลายใบไม้เปลี่ยนสีไส้ทับทิม ส่วนอาหารคาว ได้แก่ ขนมปังกรอบหน้าปลาแซลมอนรมควัน ชีสริคอตต้า (Ricotta) เกรปฟรุต และอะโวคาโด้ กุ้งปรุงรสเสิร์ฟกับเยลลี่บลัดออเรนจ์ ขนมปังบริยอชไส้เนื้อเป็ดตุ๋นและส้ม และแซนวิชขนมปังไรย์ไส้ชีสบรี(Brie)ตกแต่งด้วยส้มคัมควอทเชื่อม ชุดน้ำชายามบ่ายที่แต่งแต้มสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีให้บริการคู่กับเครื่องดื่มชา หรือ กาแฟสำหรับ 2 ท่าน โดยจะเข้ากันได้ดีกับ ชา ซูร์ เลอ นีล (Thé Sur Le Nil) ชาชั้นเลิศสัญชาติฝรั่งเศส ของ มาคิยาจ แฟรส์ (Mariage Frères) เป็นชาเชียวที่หอมกรุ่นผลไม้ตระกูลซิตรัสและเครื่องเทศหรือจะเลือกรับประทานกับเครื่องดื่มอื่น ๆ อาทิ ซาโรที (Saro Tea) ชากลีบดอกบัวและสมุนไพรออแกนิค กาแฟอิลลี่ (Illy) ที่สามารถให้บริการทั้งแบบร้อนและเย็น ชุดน้ำชายามบ่ายที่แต่งแต้มสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสี มีให้บริการทุกวันที่อัพแอนด์อะบัฟ บาร์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2561 เวลา 14.00 น. ถึง…

Read More

Kinlakestars.com ขอต้อนรับเข้าสู่มื้อแคมเปญสุดพิเศษ “ITALIAN JOB VOL.1” สุดยอดมื้อสุดพิเศษที่เป็นเหมือนของขวัญแก่คออาหารอิตาเลียน ด้วยการร่วมมือระหว่าง David Tamburini แห่ง La Scala และเชฟชื่อดังจากภูเก็ต Alessandro Frau จากร้าน ACQUA ครั้งแรกกับการทำอาหารชุดจับคู่ ณ  La Scala – Italian Work ซึ่งเป็นชุดอาหารใหม่ที่มีพ่อครัวชาวอิตาเลียนชื่อดังของอิตาลี David Tamburini เป็นตัวยืน สำหรับเชฟ Alessandro Frau จาก บริษัท Acqua เป็นเชฟที่มีชื่อเสียงในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นที่นิยมของบรรดาเหล่านักชิม ได้รับการยอมรับว่าเป็นเชฟชั้นนำ และร้านของเขาก็เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภูเก็ต เดวิดและอเลสซานโดรได้มาผสมผสานกับการสร้างสรรค์อาหารอิตาเลียนแท้ๆซึ่งได้รับอิทธิพลจากประเพณีและวัฒนธรรมของประเทศอิตาลี โดยสัมผัสกับรสพื้นเมืองของซิซิลีและซาร์ดิเนีย ที่ได้รับการวิวัฒนาการด้วยการปรุงแบบสมัยใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคนิคการปรุงอาหารใหม่ส่วนผสมและงานศิลปะในปัจจุบัน โดยมื้อนี้เป็นการจัดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงมาก เต็มทุกที่นั่ง ได้จัดกันไปเมื่องมื้อค่ำเฉพาะวันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา โดยราคาที่ขายไปนั้นคือ THB 5,500 ++ ต่อท่าน (เฉพาะอาหาร)และ คนละ 6,800 ++ บาท (รวมไวน์) โดยราคานี้เป็นเงินบาทและไม่รวมค่าบริการ 10% และภาษีที่รัฐบาลกำหนดอีก 7 % และนี่คือ เมนูสำหรับ La Scala x Acqua Aperitivo 2/3 small amouse bouche มาเริ่มอุ่นเครื่องกันด้วยของเรียกน้ำย่อยชิ้นพอดีคำ ด้วยแป้งที่บางกรอบชิ้นพอดีคำจากแป้งขนมปังขาวท๊อปด้วยซาลามี่อย่างดีกับซอสรสมันๆจากกระเทียม ต่อกันด้วยจานเด็ดจาก summer menu ของทางห้องอาหาร La scala Caprese Campania buffalo mozzarella bavaroise Caprese Campania buffalo mozzarella bavaroise สวยงามเตะตาแต่แรกเห็นด้วยความน่ารัก สวยงาม เชฟทำออกมาได้คล้ายมะเขือเทศจริงมาก ทั้งขนาด สี และรูปร่าง  จริงๆแล้วมันคือบูราต้าชีส สดๆ…

Read More

Vegan Vanguards เทศกาล “เจ” ณ Haoma สำหรับวันที่ 10th และ 11th October 2018 ด้วยการสร้างสรรค์โดย (Haoma x Broccoli Revolution x Barefood Bangkok) Vanguard Vanguard ร้านอาหารชั้นนำ 2 แห่งของกรุงเทพฯ Broccoli Revolution และ Barefood Bangkok ร่วมมือกับ Haoma “table in farm” ร้านอาหารชั้นนำเช่นกัน ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ร่วมกันสร้างสรรค์อาหารสำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำวีแก้น 2 คืนเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาล “เจ” ” ใช่แล้วเรากล่าวว่าการเฉลิมฉลอง การเป็นมังสวิรัติหรือ “เจ” ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องกินอะไรที่น่าเบื่อที่บ้าน ด้วยเต้าหู้อ่อนย้วยสไตล์อาม่า อากง หรือเนื้อสัตว์ทดแทนปลอมๆ! ” เชฟกล่าว เชฟ Deepanker Khosla (Chef DK) จาก Haoma ร่วมกับ Naya Ehrlich-Adam จากการร้านปฏิวัติบร็อคโคลี่และเชฟ Edoardo Bonavolta และ Taksina Nuangsri-Anttila จาก Barefood Bangkok จะสร้างเมนูดั้งเดิมที่เน้นผลิตภัณฑ์มังสวิรัติของตัวเองและสูตรส่วนตัวซึ่งรวมเอาไว้ ผักและสมุนไพรจาก Haapas aquaponic, hydroponic และปุ๋ยหมักฟาร์ม มื้ออาหารนี้จะให้ทุกท่านได้ชิมอาหารทั้ง 7 จาน ในแต่ละจานจะเป็นอาหารที่มีมาตรฐานที่ดีและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของเทศกาล “เจ” ไม่มีเนื้อสัตว์ผลิตภัณฑ์จากนมหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์และไม่มีหัวหอมหรือกระเทียมพร้อมกับการเลือก Mocktail หรือการต้มน้ำผลไม้และผักชนิดบรอคโคลี่ที่เพิ่มเข้ามา มังสวิรัติ หรือ Vanguards ผสานกับอาหารที่มีรูปแบบที่ยั่งยืนของ Haoma  จะพิสูจน์ว่าการรับประทานอาหารมังสวิรัติในประเทศไทย สามารถเป็นประสบการณ์ที่ดีและยกระดับในสภาพแวดล้อมที่สนุกสนาน Haoma และ Vanguard ยังเชื่อว่าสิ่งสำคัญของการกิน คือการส่งเสริมการลดขยะอาหารและการซื้อสินค้าในท้องถิ่นที่มีคุณภาพเนื่องจากเป็นวิธีการในอนาคต มาดูในส่วนของอาหารกันเลย Heirloom Tomato Soup Chiang…

Read More

หาดื่มเป็นชิมเป็นแล้วคุณจะรัก Rosé Wine เพราะไวน์ไม่ได้มีแค่แดงและขาว ไวน์ดีๆอย่างไวน์สีกุหลาบ(Rose wine) คือไวน์สีชมพู อาจไม่ได้เป็นนิยมนักในหมู่คนทั่วไป ไวน์โรเซผลิตได้ 3 วิธี วิธีที่นิยมกันทั่วไป คือนำองุ่นแดงมาหมักทั้งเปลือกนาน 1-2 วัน แล้วจึงกรองเอาเปลือกออก อีกวิธีหนึ่งคือนำน้ำองุ่นชนิดสีแดงเรื่อ ๆ มาหมักทั้งเปลือก และวิธีสุดท้ายคือนำไวน์ขาว และไวน์แดงมาผสมกันเพื่อให้ได้ไวน์โรเซที่เป็นสีชมพูประเภทไม่มีฟอง นิยมใช้ดื่มก่อนอาหาร จะต้องเตรียมที่อุณหภูมิ 8-12 องศาเซลเซียส เป็นไวน์สีชมพูประเภทมีฟองก็จะต้อง เตรียมที่ 6-8  องศาเซลเซียส ในครั้งนี้ Kinlakestars.com ร่วมกับ Godfather ร้านไวน์ชั้นนำที่คอไวน์ต่างยกให้เป็นร้านไวน์คุณภาพทั้งไวน์ที่เลือกสรรมาและราคาที่จำหน่าย บอกได้เลยว่าดีงามมากเพราะที่นี่จะมีผู้เชียวชาญด้านไวน์คอยให้ความรู้และสาระต่างๆกับไวน์แก่ผู้มาเยือนทุกท่านกันอย่างเต็มอิ่มและจุใจ เรามาดู Rosé Wine ทั้งสามที่แสนจะมีเอกลักษณ์กันดีกว่า ไวน์น้ำหอมที่ผมเองปลาบปลื้มและชื่นชอบที่สุดเลยก็ว่าได้ Fragància de Marta HITE 2017 • DO PENEDÈS Fragància de Marta เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับแนวคิดและการออกแบบอันละเอียดอ่อน ผู้ผลิตขวดนั้นเป็นเจ้าเดียวกับผู้ผลิตขวดน้ำหอม สีสวยประดุจดอกกุหลาบชมพูสีจางๆ สีมีความหนักไปทางไวน์ขาว รางวัลที่ได้รับ GOLD MEDAL – GILBERT & GAILLARD INTERNATIONAL CHALLENGE 2018 GOLD MEDAL – INTERNATIONAL WINE AWARDS 2018 GOLD MEDAL – INTERNATIONAL WINE AWARDS 2017 GOLD MEDAL – CATAVINUM WORLD AWARDS 2017 GOLD MEDAL – INTERNATIONAL WINE GUIDE 2016 ไร่องุ่น: Penedès terroir พันธุ์องุ่น: Xarel.lo, Sauvignon blanc and Pinot noir. เมือง:…

Read More

โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์อันศักดิ์สิทธิ์ เชิญคุณมาลิ้มลองขนมไหว้พระจันทร์สูตรต้นตำรับแสนอร่อยหลากหลายรสชาติยอดนิยมที่เราได้คัดสรรมาอย่างดี อาทิ ไส้ทุเรียน, ไส้ทุเรียนไข่เดี่ยว, ไส้เต้าซา(ถั่วแดง), ไส้เต้าซา(ถั่วแดง)ไข่เดี่ยว, ไส้ลูกบัว, ไส้ลูกบัวไข่เดี่ยว, ไส้ช็อกโกแลต, ไส้ชาเขียวและ ไส้มะพร้าวเพื่อมอบเป็นของฝากสำหรับญาติมิตรคนสนิทและเสริมสิริมงคลในเทศกาลไหว้พระจันทร์ โดยสามารถเลือกเป็นชิ้นหรือเป็นเซ็ทได้ตามต้องการ ดังนี้ ขนมไหว้พระจันทร์ 1 ชิ้น ราคาชิ้นละ 128 บาท (สุทธิ) ขนมไหว้พระจันทร์ 4 ชิ้นพร้อมกล่อง ราคาชุดละ 788 บาท (สุทธิ) ขนมไหว้พระจันทร์พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2561 – 15 ตุลาคม 2561 (หรือจนกว่าสินค้าจะหมด) ณ ห้องอาหารจีน ไดนาสตี้ และซิงก์เบเกอรี่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ *เปิดรับสั่งจองขนมไหว้พระจันทร์ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2561 เป็นต้นไป   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ สั่งจองขนมไหว้พระจันทร์ โทร: 02 541 1234 ต่อ 4151/ Email: [email protected]     ขนมไหว้พระจันทร์, mooncake, 2018, Review mooncake centara grand 2018 KinlakeStars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ…

Read More

งานดินเนอร์สุดพิเศษ “ไทย แกสโตรโนมี ซีรีส์ 1” จัดขึ้น ณ ห้องอาหารไทยไฟน์ ได-นิ่งสุดหรูระดับมิชลินสตาร์ 1ดาว สระบัว บาย กิน กิน เป็นครั้งแรกที่รวบรวบสามสุดยอดเชฟชื่อดังแห่งวงการอาหารไทยมาร่วมรังสรรค์เมนูสุดครีเอทีฟ ที่เหล่าบรรดานักชิมทั่วประเทศไม่ควรพลาดร่วมเปิดประสบการณ์ในการรับประทานอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นจากสามเชฟผู้มีชื่อเสียง “เฮนริค อูล แอนเดอร์เซน”แห่งร้าน Kiin Kiinโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก “เชฟเอียน กิตติชัย”เชฟผู้โด่งดังแถวหน้าของประเทศไทย และเจ้าของร้านอาหารไทย อิษยา สยามมิส คลับ และ“เชฟเบิ้ม ชยวีร์ สุจริตจันทร์”หัวหน้าพ่อครัวห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการได้รับดาวมิชลิน เชฟทั้งสามท่านร่วมกันเฉพาะกิจเพื่อรังสรรค์และโชว์ทักษะฝีมือการปรุงอาหารไทยแนวใหม่ ที่ใช้เทคนิคในการทำแตกต่างออกไปตามสไตล์ของแต่ละคน โดยนำเสนออาหารทั้งหมด6เมนู ซึ่งได้ผ่านการรังสรรค์ขึ้นมาอย่างปราณีตและปรุงรสมาอย่างพิถีพิถัน พร้อมใส่ไอเดียและนวัตกรรมใหม่ๆเพิ่มเข้าไป เป็นการเปลี่ยนหน้าตาของอาหารจานนั้นๆให้แตกต่างไปจากอาหารไทยจานเดิมที่เราคุ้นเคย ช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ทุกท่านได้อิ่มอร่อยไปกับอาหารจานพิเศษที่ไม่สามารถหารับประทานที่ไหนได้ “ความพิเศษของมื้ออาหารค่ำภายในงานไทย แกสโตรโนมี ซีรีส์ 1ณ ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน นี้ เป็นการผนึกกำลังของสามเชฟผู้มากความสามารถในด้านความคิดสร้างสรรค์จากเชฟอาหารไทยชื่อดัง ที่จะร่วมนำพาทุกท่านให้ได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยของอาหารไทยในสไตล์แปลกใหม่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยนำคอนเซ็ปต์ศิลปะกึ่งการแสดงของห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน ที่เน้นย้ำถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับเชฟและทีมงานทุกคน เสมือนกับลูกค้าทุกท่านมานั่งชมโชว์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของอาหารแต่ละจาน มาดัดแปลงให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของดินเนอร์มื้อพิเศษนี้ ช่วยเปลี่ยนมื้ออาหารที่แสนธรรมดาให้เป็นอีกหนึ่งมื้อแห่งประสบการณ์ที่เหนือระดับ” กล่าวโดยมร. แอนเดรอัส แม็กนุส รองผู้จัดการใหญ่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ สำหรับเมนูที่จะใช้เสิร์ฟทั้งหมด 6 คอร์สนั้น เชฟแต่ละท่านจะใช้เทคนิคต่างๆตามสไตล์ถนัดของตนเอง นำวัตถุดิบที่หลากหลายมาผสมผสานเข้ากับรสชาติอาหารที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นไทย โดยแต่ละจานจะมีหน้าตาเแตกต่างไปจากอาหารไทยจานเดิมที่เราคุ้นเคย นอกจากนี้เชฟทุกท่านจะออกมาแสดงฝีมือการปรุงอาหารในเมนูของตนเองให้ลูกค้าทุกคนได้ร่วมรับชมอย่างเพลิดเพลินและเข้าถึงในทุกขั้นตอนความอร่อยของอาหารแต่ละจานอีกด้วย เมนูไฮไลท์เริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยแบบชาววัง“แสร้งว่าปลา”ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับเมนูยำหรือพล่า จากเชฟเบิ้มหัวหน้าพ่อครัวห้องอาหารสระบัว บาย กิน กินโดยครั้งนี้พิเศษไม่เหมือนใครในการนำปลาค็อดมาเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงแทนเนื้อสัตว์ชนิดอื่น คลุกเคล้าเข้ากับสมุนไพรไทย เสิร์ฟพร้อมหนังปลาค็อดและไข่ปลาค็อดให้รสชาติเข้ากันได้เป็นอย่างดี เมนูถัดมาเป็นอาหารจานหลักจากเชฟเอียน กิตติชัย แห่งร้านอาหารอิษยา สยามมิส คลับ“เนื้อโคขุนโพนยางคำ” ที่ใช้เนื้อไทยโกเบเกรดพรีเมี่ยมระดับ A5นำไปย่างด้วยไฟอ่อนๆ โดยมีส่วนผสมเป็นใบขี้เหล็กและพริกย่างกับมะพร้าวเผา ให้คุณได้อิ่มอร่อยกับเนื้อย่างโพนยางคำที่แสนหอม นุ่ม ละมุนลิ้น ส่งท้ายความอร่อยด้วยเมนูขนมหวานจากเชฟเฮนริค แห่งร้าน Kiin Kiinโคเปนเฮเกน ที่เขาได้หยิบเมนูขนมไทยยอดนิยมอย่าง“มะพร้าวแก้ว”มานำเสนอในรูปแบบใหม่…

Read More