Story : Nutthawat J. / Photo : Pol.Capt. Kittin A

“Do Androids Dream of Electric Sheep?” – Philip K. Dick

สวัสดีผู้อ่านสายชิมและผู้ชื่นชอบในการรับประทานอาหารเลิศรสทุกท่าน วันนี้พวกเราทีมงาน Kinandleisure ก็มีร้านอาหารลับๆ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ มาเอาใจนักสำรวจแห่งวัฒนธรรมอาหารทุกท่านอีกเช่นเคย


โดยในค่ำคืนนี้เราจะพาท่านไปสัมผัสกับอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารแถบเมดิเตอร์เรเนียน ควบคู่ไปกับการใช้วัตถุดิบต่าง ๆ จากท้องถิ่น ที่ร่วมกันสร้างสรรค์อาหารสุดเลิศรสให้ประจักษ์แก่สายตาและชิวหาของทุกท่าน


โดยวันนี้เราจะพาทุกท่านขึ้นลิฟต์เหล็กสุดคลาสสิค ขึ้นสสู่ชั้นสี่ของอาคาร The Warehouse กลางตลาดน้อย เพื่อเปิดประตูสู่ร้านอาหาร “Electric Sheep” ห้องแลบอาหารลูกผสมที่จุดประกายให้เราตั้งคำถามว่า มนุษย์จะฝันถึงอาหารที่ยั่งยืนได้จริงหรือไม่? โดยจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปรับชมกันเลยครับ


Location


เมื่อเท้าสัมผัสพื้นคอนกรีตดิบ ๆ และแสงนีออนสีอ่อนและแสงนีออนที่สะท้อนอยู่เหนือศรีษะ คุณจะรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในฉากในหนังเรื่อง Blade Runner สไตล์แนวไซเบอร์พังก์ที่ให้ความสวยงามแบบมีสไตล์และแปลกตา จนแวบแรกแทบจะไม่เชื่อว่าร้านนี้นั้นขายอาหาร ตามด้วยห้องเก็บของหมัก ที่เก็บกักสุดยอดวัตถุดิบที่ทางร้านทำการหมักขึ้นเองอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด ตลอดจนถึงได้พบกับสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ที่ปลูกเองบนดาดฟ้าชั้นลอยลอย
เกิดเป็นบรรยากาศที่น่าอัศจรรย์ ว่าเรากำลังเข้าสู่ห้องอาหารสไตล์แลปกลางเมือง ที่ให้ทั้งบรรยากาศใหม่ๆ ในวงการไฟน์ไดนิ่ง และสร้างโรแมนติกและเป็นกันเองได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งนี้ ท่านสามารถเดินทางมาถึงตึกได้อย่างสะดวกด้วยรถยนต์ สามารถจอดรถยนต์บริเวณข้างทาง หรือตรงไปอีกนิด จะเจอจุดจอดรถแบบเสียค่าบริการ ทำให้การเดินทางมาเยือนร้านอาหารลับ ๆ ที่น่าพิศวงนี้ทำได้โดยสะดวก


Nature – Culture – Future

สองเชฟคู่หู Amerigo Tito Sesti และ Yoan Martin (อดีตหัวเรือใหญ่ของร้าน J’aime Bangkok ซึ่งเป็นร้านอาหาร
ระดับมิชลิน) ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่ต้องการให้เกิดขยะอาหารขึ้นจากการทำอาหารใด ๆ จึงเป็นเหตุให้นำมาสู่การคิดค้นเมนูอาหารสไตล์ “ยั่งยืน” ผ่านเมนูสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นไทยร้อยเปอร์เซ็นต์

โดยส่วนที่เป็นรสชาติลับที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านอาหาร ทางพนักงานผู้เชี่ยวชาญจะทำทั้งการ หมัก ดอง วัตถุดิบต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งของหมักดองจะทำให้เกิดรสชาติใหม่ที่หาลิ้มลองที่ใดได้ยากยิ่ง อีกทั้งยังใช้วัตถุดิบ ตั้งแต่หัวจรดปลายหาง ก่อนส่งเศษที่เหลือลงเครื่องทำปุ๋ยหมัก เพื่อไปเป็นปุ๋ยสำหรับบำรุงสมุนไพรที่ปลูกในบริเวณร้านต่อไป ซึ่งผลลัพธ์ของกระบวนการแบบนี้จะทำให้ได้ทั้งรสชาติที่มีเอกลักษณ์ แฝงไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และที่สำคัญคือให้ความเคารพต่อวัตถุดิบ

Gimmicks


บรรยากาศร้านทำให้รู้สึกว้าวยังไม่พอ ทางร้านยังได้สร้างกิมมิกน่าสนใจในการทำเป็นเมนูให้ทางพวกเราผู้รับประทานได้เลือก “วัตถุดิบอาหาร” ที่จะลงจานของท่านด้วยตนเอง โดยนำเสนอผ่านกล้องของเล่นสำหรับใส่แผ่นฟิลม์ ที่ประกอบด้วยรูปวัตถุดิบต่าง ๆ ที่พร้อมให้เราลองหยิบและเลือกสรร โดยเมื่อเราเลือกหยิบอะไรมาแล้ว เชฟก็พร้อมที่จะสร้างสรรค์เมนูต่างๆ ด้วยวัตถุดิบที่เราเลือกไว้ได้ทันที

หรือถ้าหากเราคิดไม่ออกว่ามื้อจะกินอะไร ก็สามารถที่จะเลือกฝากท้องไว้กับเชฟผ่าน คอร์ส Chef’s Cuts โดยขอให้เชฟเตรียมอาหารเมนูต่าง ๆ ที่น่าสนใจไว้แทนก็ได้เช่นกัน โดยขอบอกว่าชอบมากๆ กับกิมมิกแบบนี้ ไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อน

นอกจากนี้ เนื่องด้วยบรรยากาศร้านแนวไซเบอร์พังก์ ทางร้านก็ได้จัดให้มีโซนบาร์ สำหรับการทำคอกเทล มอกเทล และเครื่องดื่มต่าง ๆ โดยใช้วัตถุดิบของทางร้านและเทคนิคการผสมเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ

ทำให้เครื่องดื่มทุกแก้ว อาหารทุกจาน ต่างได้รับ “สัมผัสพิเศษ” ที่พวกเราหาไม่ได้จากร้านอาหารใด ๆ ซึ่งมื้อนี้ขอบอกเลยว่า พวกเราประทับใจกันอย่างมาก โดยเมนูต่าง ๆ จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ

Menu “Chef’s Cuts” (1,650 บาท) 9 คอร์ส

ไลน์อาหารหลักของค่ำคืนนี้คือ Chef’s Cuts ชุดคอร์สชิม 9 จาน ที่ค่อย ๆ ขับเน้นรสชาติจากท้องทะเลไทยไปสู่ผืนดินและกลับมาจบด้วยความสดชื่นของผลไม้จากของหวานรสเลิศ

Bread

เริ่มต้นจากขนมปังที่ทางร้านทำเอง หมักเอง อบเอง ทำทุกอย่างแทบจะด้วยตนเองตั้งแต่ผสมแป้งยันเสิร์ฟบนจาน โดยมีความแตกต่างที่ชัดเจนจากขนมปังที่พบเห็นด้วยทั่วไป โดยขนมปังสูตรของร้านมีความนุ่ม เหนียว และหอมมากเป็นพิเศษ ในขณะที่มีรสชาติออกหวานกลมกล่อม เป็นของเรียกน้ำย่อยก่อนมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี

Fried Soft Shell Crab Aglio-Olio (320 บาท 2 ชิ้น)

– ปูนิ่มจากสุราษธานี ใส่ซอสหมักที่ทำจากซอสพริกสด ราดน้ำมันกระเทียมหอมพริกสดด้านบน ได้ความกรอบแบบเต็มๆ พร้อมรสเผ็ดและเปรี้ยวอ่อนๆ จากซอสทำให้รู้สึกนัว ทานได้เรื่อย ๆ ไม่ขาด
Caesar Bite

เป็นซีซาร์สลัดแบบดัดแปลง ครบ จบในคำเดียว โดยห่อทุกอย่างไว้บนในผักกรอบๆ พร้อมซอสยองเนสสูตรพิเศษที่ใส่เบคอนกรอบกับต้นหอมจนได้กลิ่น แล้วโรยกุ้งแห้งให้รสเค็มหวานทะเลแบบไทย ๆ กินง่ายและสนุกเหมือนหยิบป๊อปคอร์น แต่ยังคงจิตวิญญาณซีซาร์สลัดและวัตถุดิบหลักอย่างครบถ้วน

Baby Octopus Tiele, Bussaba Wine (240 บาท)

หมึกสายตุ๋นในซอสสตูว์มะเขือเทศ ราดไวน์บุษบากลิ่นหอมดอกไม้และโรย gramoletta จากเปลือกเลมอน กระเทียม และพาสลีย์เพิ่มความสดซ่าและขมปลายอย่างมีชั้นเชิง ซึ่งทั้งหมดรวมกันในหนึ่งคำให้รสเข้มละมุนและกลิ่นสดชัดพร้อมรสชาติจากปลาหมึกที่นัวเป็นอย่างยิ่ง

Ginger & Tiger Prawn Tartare

กุ้งลายเสือย่างจนกรอบนอกนุ่มใน ในขณะที่ซอสสีเหลืองทำเป็นซอสรูยจากมันเทศให้เนื้อเนียนหวานมัน รสชาติกรอบ หอม ได้อรรถรสของวัตถุดิบทุกอย่างแบบเต็มเปี่ยม เสิร์ฟพร้อมข้าวเกรียบกุ้งกลิ่นหอม ซึ่งสะท้อนความรักษ์โลกและการที่ทำให้ทุกชิ้นส่วนของวัตถุดิบมีค่า โดยข้าวเกรียบจะใช้ส่วนที่เหลือต่างๆ ที่ยังรับประทานได้ของกุ้ง เช่น เปลือกและหัวกุ้งเอามาบดแล้วทำเป็นข้าวเกรียบ (ซึ่งข้าวเกรียบนี้ ฟรี)

Pla-Tu Bruchetta, Smoked Fermented Chili

ขนมปังเชื้อเปรี้ยวอบกรอบโปะปลาทูไทยพร้อมคลุกซอสพริกดองรสเผ็ดหอม ก่อนคลุมช่อผักชีล้อมทั้งสดและหมักเกลือให้กลิ่นเขียวซ่านแบบสมุนไพรชายทะเลและรอยทานตะวันเพิ่มความหอมและกลิ่นโน้ตที่เป็นเอกลักษณ์ปิดท้าย หนึ่งคำได้ครบทั้งรสปลา พริกหมักรสนัว และความสดชื่นของสมุนไพร

Bonito tuna gazpacho

ทำจากชิ้นปลาโอไทยดิบที่หมักน้ำมันกระเทียมหอมกรุ่น วางในกาซปาชโชสีส้มสดจากมะเขือเทศย่างกับพริกหวาน จนได้ซุปเย็นรสหวานเปรี้ยว พอจิบแรกก็ปลุกลิ้นทันที ภายในชามยังซ่อนมะเขือพวงและมะเขือยาวหั่นเต๋าให้เคี้ยวกรุบขมปลาย ก่อนปิดท้ายด้วยใบหูเสือกลิ่นสมุนไพรเขียวสดและมะกรูดฝานเพิ่มความหอมสดชื่น ยิ่งทานยิ่งกระชุ่มกระชวย

Cavatelli A La Norma

พาสต้าแฮนด์เมดปล้องหนึบหนับคลุกซอสสตูว์มะเขือเทศย่างและมะเขือยาว ก่อนแทรกความเผ็ดลึกจากดูย่าที่ทำจาก
ไส้กรอกหมูอิตาเลียนที่ตีรวมแฮมกับพริกจนหอมมัน เมื่อตักขึ้นจะเจอริคอตต้ารมควันขูดเป็นเกล็ดหิมะขาวให้รสเค็มละมุน ส่วนด้านบนโรยโหระพาอิตาเลียนซอยเพิ่มกลิ่นเขียวสด หนึ่งคำได้ครบทั้งเปรี้ยวหวานมะเขือเทศ เผ็ดอุ่นไส้กรอก นัวชีส และสมุนไพรสดตัดเลี่ยน

Squid Roe & Mushroom ,zucchini, Macadamia Butter (400 บาท)

ไข่หมึกย่างจนผิวตึงนุ่มซึมรับกลิ่นควัน จับคู่เห็ดชิทาเกะและซูกินีคาราเมลไร้ความชื้นให้เคี้ยวหนึบ กลบด้านล่างเคลือบซอสเนยแมคคาเดเมียเข้มข้นที่มอบทั้งความหอมถั่วและความมันละลาย จบคำด้วยผักชีใบเลื่อยให้โน้ตเขียวสดตัดเลี่ยน เป็นหนึ่งในจานที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนที่สุด เป็นความรู้สึกแปลกใหม่มากจากถั่วแมคคาเดเมียที่สร้างรสชาติกลมหอมได้อย่างน่าประทับใจ

Khao Yai Chicken, Fermented Kumquat & Cured Grapes (420 บาท 2 ไม้)

ไก่ย่างหนังกรอบจากเขาใหญ่ โดยเป็นไก่บดคลุกกับใบโหระพาอิตาเลียน แซฟฟอน และนำไปย่างแบบบาบิคิว ส่วนซอสจะเคลือบส้มกู่กับองุ่นดอง ที่ให้รสหวาน–เปรี้ยว–เค็มกลมในหนึ่งคำ และวางด้านด้วยโหระพาอิตาเลียน เวลาทานทางร้านแนะนำให้ทานทุกอย่างพร้อมกัน เพื่อให้รสชาติผสมกันอย่างลงตัว

Mango Glacé – Spring Flowers (260 บาท)

ซอร์เบต์มะม่วงน้ำดอกไม้เย็นจัดละมุนลิ้นถูกอาบซอสมะม่วงข้นสีทอง ก่อนตักครีมเมอแรงก์ที่ทำจากกล้วย ไข่ น้ำผึ้งนุ่มฟู พร้อมรับสัมผัสกรุบมันจากถั่วลิสงเพิ่มความมันเข้าไปในการเคี้ยว และแต้มผงลาเวนเดอร์บดกับกลีบดอกไม้กินได้ให้โทนกลิ่นดอกไม้ หอมหวานเจือขมนิด ๆ ปลุกความสดชื่นให้กลับคืนมาอย่างเต็มเปี่ยม

Guava Vanilla and Macadamia (260 บาท)

จุดเด่นที่เป็นพื้นฐานความหอมหวานมาจากครีมวานิลลาลูกผสมที่ใช้ฝักวานิลลาเขาใหญ่ให้กลิ่นนวลละมุน ตักทับด้วยไอศกรีมฝรั่งสีอำพัน ก่อนโรยถั่วแมคคาเดเมียอบกรอบกระจายรอบขอบขนมปังกรุบละเอียดเพิ่มทั้งรสสัมผัสและความมันของถั่ว สัมผัสมีจังหวะจะโคน ด้วยรสเปรี้ยวหวานสดชื่นของฝรั่ง และความกรุบมันของแมคคาเดเมียที่เข้ากันได้เยี่ยม

Drinks
Tyrell Game (290 บาท)

มอกเทลสีสวยงามจากน้ำมะม่วงโฮมเมดและสับปะรดสุกหอม เติมเลมอนผสมน้ำผึ้งหมักให้ได้หวานเปรี้ยวสอดรับกัน แล้วตบท้ายด้วยโทนิกซ่าเบา ๆ พร้อมกลิ่นใบมะกรูดและมิ้นต์เย็นฉ่ำ หนึ่งจิบปลุกประสาทสัมผัสให้ตื่นจากภวังค์ทันที ราวกับกดสวิตช์รีเฟรชกลางค่ำคืน
Roy B Phraya Rum, Mandarin Orange, Vanilla Syrup (380 บาท)

ค็อกเทลสายรักษ์โลกที่ใช้ Phraya Rum จับคู่ส้มสกัดสดและวานิลลาไซรัปหอมละมุน รสหวานนวลตัดซิตรัสสดชื่นช่วยชูบุคลิกเหล้ารัมได้อย่างดี ตั้งชื่อตามตัวละครหนังแนวไซไฟ

โดยสรุป ร้านอาหาร Electric Sheep คือพื้นที่ที่อาหาร ศิลปะ และสิ่งแวดล้อมเชื่อมโยงกันได้อย่างเหลือเชื่อ จากพื้นที่ร้านที่ดูออกแนวเอาใจไวรุ่น ดูมีสไตล์ที่แปลกใหม่ ในขณะที่ได้ดื่มด่ำกับรสชาติเมดิเตอร์เรเนียนผ่านวัตถุดิบไทย แถมยังมีส่วนร่วมลดขยะอาหารไปพร้อมกัน ที่สำคัญ ราคาไม่สูงเกินเอื้อมเมื่อเทียบกับความซับซ้อนของคอนเซ็ปต์และฝีมือเชฟ เหมาะทั้งดินเนอร์คู่รัก งานเลี้ยงทีมครีเอทีฟ หรือแม้แต่การพาแขกต่างชาติเปิดมุมมองใหม่ของกรุงเทพฯ ก็น่าสนใจอย่างมากเช่นเดียวกันครับ โดยร้านเปิดวันอังคาร ถึงวันเสาร์ เวลา 18:30 – 24:00 น. โดยสามารถจองโต๊ะได้ผ่านเว็บไซต์ electricsheepbkk.com หรือ Line @electricsheepbkk
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์
รูปและเนื้อหาทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของทาง Kinandleisure.com ไม่อนุญาตให้นำไปใช้จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากทางผู้บริหาร หากฝ่าฝืนผู้บริหารพร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด