Author: athiwat tripipitsiriwat

Thai Cuisine Date : Nov 2020 Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A. ห้องอาหารฟร้อนท์ รูม (Front Room) โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ (Waldorf Astoria Bangkok) พร้อมเปิดให้บริการในวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน นี้ด้วยรูปแบบอาหารไทย โดยนำเสนอเสน่ห์ของอาหารไทย 8 รสชาติผ่านอาหารจานเด่นที่ได้รับการปรุงอย่างใส่ใจ ปราณีต และพิถีพิถัน แบบตำรับ “รสมือแม่” ในห้องอาหารที่ยังคงบรรยากาศสวยงาม สว่างไสวด้วยไฟสะท้อนในคอนเซปโคมยี่เป็ง พิเศษสมชื่อวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย “พวกเรามีความเห็นร่วมกันว่า ฟร้อนท์รูม ในรูปแบบใหม่นี้เราตั้งใจให้เป็นที่รู้จักในเรื่องอาหารไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติไทยแท้ อาหารหลายจานมีรากฐานมาจากความทรงจำวัยเด็กของเชฟจากอาหารที่บ้านของพวกเขา” “พวกเราโชคดีที่ได้รู้จักกับ เชฟแอนและอาจารย์หนิง ทั้งสองท่านมีแนวคิดสอดคล้องกับ พวกเราที่ว่าอาหารไทยที่ดีที่สุดคืออาหารที่ได้รับการปรุงด้วยความใส่ใจอย่างปราณีต พิถีพิถัน โดย อาจารย์หนิงและเชฟแอนตกลงร่วมมือกับพวกเรานำประสบการณ์และความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับอาหารไทยมาร่วมเปิดห้องอาหารฟร้อนท์รูมในครั้งนี้”เชฟอเลสซานโดร ซานติ หัวหน้าเชฟใหญ่โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ กล่าว ดร. นิพัทธ์ชนก นาจพินิจ หรืออาจารย์หนิงผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและวัฒนธรรมไทย ได้นำความรู้ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากมารดา ผู้ช่วยศาสตราจารย์กอบแก้ว นาจพินิจผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย และอาหารไทยชาววัง หนึ่งในบรมครูด้านอาหารไทยที่เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับการค้นคว้าวิจัยด้านอาหารไทยที่อาจารย์หนิงได้ศึกษามาอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งรูปแบบของเมนูของห้องอาหารฟร้อนท์รูม โดยมีเชฟที่ปรึกษา เชฟแอน ศุภณัฐ คณารักษ์และทีมเชฟของห้องอาหารนำโดยเชฟบัว สโรชา รัชตะนาวิน รองหัวหน้าเชฟ ร่วมออกแบบเมนู และสูตรอาหารนำเสนอเสน่ห์ของอาหารไทย 8 รสชาติได้แก่ เผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม มัน ปร่า (ฝาด)และจืด amuse bouche: ข้าวเกรียบกุ้ยช่าย จานแรก amuse bouche เป็นแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นข้าวเกรียบผสมกับใบกุ่ยช่าย ตากแห้งถึงสองวัน แล้วค่อยนำมาทอด หลังจากนั้นนำมาเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มกุ้ยช่ายทำจากซีอิ๊วชั้นดี รสเข้มข้น ได้รสชาติของขนมกุ้ยช่ายที่คุ้นเคย ในรูปแบบใหม่ที่น่าประทับใจ…

Read More

Chef : เบิ้ม ชยวี Date : Nov 2020 Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A. เมื่อพูดถึง ร้านอาหารระดับ Fine dining ในกรุงเทพฯ ขณะนี้ Sra Bua by Kiin Kiin แห่งโรงแรมสยามเคมปินสกี้ น่าจะเป็นชื่อต้นๆ ที่ทุกคนต่างนึกถึง การันตีด้วยรางวัล michelin star 1 ดาว ตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มมีการแจกรางวัลในประเทศไทย วันนี้ kinlakestars.com ได้นำอัพเดต course menu dinner ล่าสุดของร้านคือ The Winter Journey 2020 มาให้ทุกท่านชมกันครับ ซึ่งนอกจากจะอัพเดตเมนูใหม่ๆ แล้ว ตัว course menu ของ Sra bua นั้นยังปรับเวลาให้เหมาะสม และยืดหยุ่นมากขึ้น โดยใช้เวลาทั้งคอร์สอยู่ที่ 2 ชม. ครึ่ง และ รับ last order จนถึงเวลา 21.00 น. เพื่อให้สามารถต้อนรับผู้สนใจทุกท่านได้มากขึ้นครับ The Winter Journey Dinner ตัว course menu นี้ได้ออกแบบโดยเน้นเรื่องราวในฤดูหนาว (อิงตามฤดูกาลในเวลานี้ตามประเทศต้นกำเนิดของร้าน Kiin Kiin คือที่ Copenhagen, Denmark) โดยจะเป็นเมนู fine dining อาหารไทยที่มีการผสมผสานอาหารที่มีรูปลักษณ์ และสัญลักษณ์ของหิมะ ควัน เปลวไฟ ให้ความรู้สึกอบอุ่น และอิ่มเอม ด้วยเทคนิคแบบ Molecular ตาม expertise ของเชฟ เฮนริค และ เชฟ ชยวีร์ ตัว course menu ครั้งนี้จะประกอบด้วยอาหารทั้งหมด…

Read More

Chef : Daniel Masters Date : Nov 2020 Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A. Lunch Set at Bull and Bear Waldorf Astoria โอกาสพิเศษสำหรับผู้ที่ติดใจ หรือ ยังไม่เคยมาลิ้มลองห้องอาหาร Bull & Bear ห้องอาหารประจำโรงแรมสุดหรู Waldorf Astoria Bangkok ตอนนี้ได้จัดโปรโมชั่น Lunch Set สุดคุ้มทุกวัน ทั้งวันธรรมดา และ วันหยุดสุดสัปดาห์ ให้ได้เต็มอิ่มกับ Set Menu สามคอร์สรวม Appetizer Main Course และ Dessert ทั้งหมดในของราคา Main Course จานเดียว เริ่มต้นที่ 1000 บาท ++ ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกท่านไปลิ้มลอง Weekends Set Lunch ที่จะมีความพิเศษคือ เพิ่ม Option ให้เลือกเต็มอิ่มเพิ่มเติมกับ Seafood On Ice และ Wood Fire Grilled Carnivore Tasting Plate จานรวมเนื้อ 4 ชนิดให้ได้ลิ้มลองกันเต็มที่กับ Wood Grill Aroma อันเป็นเอกลักษณ์ของ Bull & Bear The Afternoon Vibe of Bull & Bear ตัวห้องอาหาร Bull &…

Read More

Story : Dr. Athiwat T. Photo : Pol.Capt. Kittin A. สวัสดีครับ วันนี้ kinlakestars.com จะพาทุกท่านมาอัพเดตคอร์สใหม่ของร้านอาหารที่เรียกได้ว่าได้มิชลินสตาร์ทันทีที่เปิด ดีงามแบบไม่ต้องพิสูจน์อะไรกันนานมากมาย นั่นคือ Saawaan นั่นเองครับ คอร์สของวันนี้เป็นคอร์สเซตที่สามของร้านครับ ยังคงคอนเซปแบ่งเมนูเพื่อแสดงเทคนิคต่าง ๆ ของเชฟในการทำอาหารแต่ละจาน เช่น การทำอาหารประเภท ดิบ จิ้ม หมัก หรือต้ม ครับ รวมเป็นอาหารคอร์ส 9 คอร์ส พร้อมอาหารเคียง ยังไม่รวมส่วนที่ใช้ clear palate, amuse bouche ครับ แม้จะเป็นร้านที่ฝังตัวอยู่ในอาคารพาณิชย์ แต่ทว่าทางร้านก็สามารถเนรมิตพื้นที่ที่มีทั้งขนาดและรูปทรงอย่างจำกัดออกมาได้อย่างงดงาม ตามชื่อร้าน สวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายบนผนังฝั่งนึงที่เป็นสีดำและมีลวดลายเมฆที่ทำจากโลหะ หรืออีกฝั่งที่มีลวดลายดอกไม้ขาวบนพื้นสีชมพูพีช ครัวที่เป็นครัวเปิด ทุกท่านสามารถเห็นเชฟทั้งทำ ทั้งจัดจานได้ทุกขั้นตอน Location ตัวร้าน Saawaan แห่งนี้ ตั้งอยู่ในซอยสวนพลูครับ ร้านเป็นแบบตึกแถว แต่ตกแต่งแบบเรียบหรู โดยยังคงบรรยากาศที่นั่งสบายเป็นมิตร สามารถแต่งตัวสบายๆ มาได้เลย ไม่ต้องเตรียมตัวมาก ในตัวร้านมีรายละเอียดการตกแต่งที่น่าสนใจ ทำได้สวยงาม เช่น ส่วนของครัวที่ตั้งไว้ใต้บันได ก็สามารถทำให้ดูมีระดับได้ นอกจากนั้นการเล่นแสงเงาของร้านที่ทำให้ร้านสวยมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีการใส่ใจในเรื่องเสียงนั่นคือตัวร้านมีการบุผนังเป็นตัวซับเสียง ช่วยลดเสียงก้องเสียงสะท้อน ถึงแม้ร้านจะเล็กทำให้อรรถรสของการชิมอาหารนั้นไม่เสียไปอย่างแน่นอน The Course คอร์สนี้เป็นอาหารคอร์สที่สามของ Sawaan ครับ ซึ่งยังคงคอนเซป showcase อาหารแต่ละจานด้วยวิธีการปรุงอาหารแต่ละอย่างครับ Amuse bouche เสิร์ฟมาสามคำครับ ซึ่งเชฟจะแนะนำให้ลองตามลำดับดังนี้ครับโจ๊ก หมูย่าง ไข่นกกระทา ตัวข้าวลื่นคอ เข้ากับหมูย่าง แต่ที่น่าแปลกใจคือ ไข่ที่ยังดูดิบสีเหลืองสวย แต่ไม่มีกลิ่นคาวเลย บ่งบอกถึงคุณภาพชั้นสูงของวัตถุดิบ กุ้งแพ ข้าวแครกเกอร์ ผงน้ำส้มสายชู มะกรูด เสิร์ฟบนใบตอง ได้รสชาติและกลิ่นของกุ้งที่เราชื่นชอบเต็มคำดีครับ สัปปะรดสวี เตรียมโดยใช้ถุงสูญญากาศสองคืนหรือคือทำซูวี บ่งบอกถึงความขี้เล่นของเชฟครับ ออกมาได้เนื้อบางใส ท๊อปด้วยปลาแห้งแผ่น ซอสพริก…

Read More

Loukjaan By Saneh Jaan Sindhorn Kempinski Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A. “ลูกจันทร์” ร้านอาหารไทยที่ได้รับ DNA จากร้านแม่ ระดับมิชลินสตาร์ คือ สเน่ห์จันทน์ กลายมาเป็น ลูกจันทน์ ที่ยังคงรสชาติอันเข้มข้น และเป็นที่เลื่องลือ มาในบรรยากาศของโรงแรมหรูแห่งใหม่ Kempinski Sindhorn ซึ่งบอกได้เลยว่าราคานั้นพิเศษ จนเรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุดเวลานี้ ด้วยราคาอาหารเริ่มต้นเพียง 180 บาท ต่อจาน และข้าวสวยหอมมะลิ จานละ 30 บาท ! ตัวร้านตั้งที่ชั้นล็อบบี้ของโรงแรมตกแต่งแบบ modern luxury ทุกท่านจะต้องประทับใจตั้งแต่แว่บแรกที่เดินเข้ามา ด้วยโครงสร้างอาคารที่โอ่โถง ผนังคอนกรีตขนาดมหึมาที่บิดตัวโค้งประดุจประตุทะลุมิติเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง ลูกจันทน์ โดยเสน่ห์จันทน์ ตั้งอยู่ภายในห้องอาหารเฟลอริช (Flourish) ห้องอาหารที่บริการอาหารตลอดทั้งวัน บริเวณชั้นล็อบบี้ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โรงแรมหรูแห่งใหม่ ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบายจากผ่านทางเดินเชื่อมท่ามกลางสวนสวยจากโครงการ เวลา (Velaa) บูติกไลฟ์สไตล์มอลล์ที่มีทางเดินเข้าสู่โรงแรมฯ ได้โดยตรง วิวสวนของเคมปินสกี้สินธรเป็นอีกทัศนียภาพที่พลาดไม่ได้เลย เป็นป่าร้อนชื้นขนาดเล็กที่มีความสมบูรณ์มากในใจกลางกรุงเทพ พร้อมด้วยการบริการชั้นเลิศจากพนักงาน นอกจากการตกแต่งที่สวยงามของทั้งภายในอาคาร และ ภายนอกอาคาร รวมไปถึงสวนที่สวยงามแล้ว ภายในห้องอาหารยังมีครัวเปิดที่สวยงามและน่าสนใจ ท่านสามารถชมการปรุงอาหารของเชฟได้ในขณะที่เชฟทำอาหาร ครัวเปิดที่ดูสวยงามเป็นระเบียบนี้มีระบบดูดควันที่ดีมาก แม้จะปรุงอาหารไทย ไฟแรงขนาดไหน กลิ่นอาหารก็ไม่หลุดออกมาสร้างความรบกวนแก่แขกที่มานั่งรับประทานกันเลย เชฟพิไลพร คำหนัก เชฟชาวเชียงใหม่เป็นผู้ควบคุมดูแลทีมครัว เธอเคยเป็นส่วนหนึ่งของทีมเปิดร้านอาหารเสน่ห์จันทร์ และได้นำความรู้และประสบการณ์มากมายมาใช้ในการรังสรรค์อาหารไทย เชฟพิไลพรมีความชำนาญทั้งอาหารไทยและอาหารตะวันตก และยังเชี่ยวชาญในการปรุงอาหารแบบง่าย ๆ จากวัตถุดิบธรรมชาติด้วยความรักในการปรุงอาหารและความมั่นใจในคุณภาพและวัตถุดิบอย่างแท้จริง  ลูกจันทน์ โดยเสน่ห์จันทน์ พร้อมเสิร์ฟอาหารไทยต้นตำรับด้วยสูตรอาหารที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ที่ยังคงรักษาดีเอ็นเอการปรุงอาหารไทยต้นตำรับจากร้าน เสน่ห์จันทน์ ไว้อย่างครบถ้วน พร้อมด้วยวัตถุดิบคุณภาพดีจากเกษตรกรท้องถิ่นทั่วประเทศไทย เพื่อเป็นการรักษาและคงไว้ซึ่งอาหารไทยต้นตำรับ ลูกจันทน์ โดยเสน่ห์จันทน์ พร้อมนำเสนอเมนูที่หารับประทานได้ยากหรือสูตรอาหารที่อาจถูกหลงลืมไปแล้วเพื่ออนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลัง และนำกลับไปสู่แก่นแท้ของความพิถีพิถันในการปรุงอาหารไทยแบบดั้งเดิม ทำให้มาได้ทั้งวันสบาย ๆ หรือ แม้แต่ฉลองโอกาสพิเศษ…

Read More

Sunday Brunch Buffet Date : Oct 2020 Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A. In Briefสุดยอด Sunday Brunch ที่ Highlight นอกจากจะเป็นวัถตุดิบสุดพรีเมี่ยม และ Ala Carte Menu เช่น Beef Wellington อร่อยและหากินได้ยาก พร้อมช่วงนี้ยังมีร้านอาหาร Street Food Michelin Star มาให้ลิ้มลองถึงที่ในราคาสุดคุ้มเริ่มต้นเพียง 2200++ บาท Kinlakestars Anantara Sunday Brunch สุดยอด Sunday brunch ที่จะรวมทุก ร้านอาหารประจำโรงแรมอนันตราสยาม ซึ่งล้วนแต่เป็นตำนานพร้อมใจกัน มาออกร้านเพื่อให้ทุกท่านลิ้มลองสุดยอดอาหารแบบสุดคุ้ม ในช่วงเวลาสุดพิเศษ มื้อสายวันอาทิตย์ กับครอบครัวและคนพิเศษแบบไม่จำกัดจำนวน โดยลูกค้าที่มาจะสามารถเลือกนั่งได้หลายโซน ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียบหรู ส่วนตัวที่ Madison แบบผสมผสนานความเป็นไทยที่ The Spice Market หรือ นั่งชิว ชมบ่อปลาคาร์ป พร้อมดนตรีสดแบบใกล้ชิดที่ AQUA ทำให้บรรยากาศการกิน Sunday Brunch ของโรงแรมอนันตราสยามแห่งนี้ สามารถกลับมากินซ้ำ ๆ และเพลิดเพลินได้อย่างไม่รู้เบื่อ วันนี้เราจะพาทุกท่านมาชมกับอัพเดตเมนูของ Sunday Brunch ในตำนานกันครับ โดยอัพเดทหลักครั้งนี้จะเป็นในส่วนของ event เมนูพิเศษที่จะรวบรวมอาหาร street food มาสลับเวียนกันให้ได้ลองถึงที่ และไลน์บุฟเฟ่ต์ที่จัดใหม่เพื่อรองรับนโยบาย social distancing เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ COVID-19 ครับ สำหรับสถานที่วันนี้ เราเลือกมานั่งแบบเงียบสงบ ผ่อนคลายใน Madison , Luxury Steakhouse สุดคลาสสิคและสวยงามครับ Beverages ขอเริ่มจากเครื่องดื่มครับ…

Read More

หลังจากแนะนำการออกแบบเพื่อความยั่งยืนของ Soneva Kiri ซึ่งเป็น Ep.1 ของเรา Soneva kiri กับ Sustainable design ความ Luxury ที่มาพร้อมกับความรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม นิยามแห่งการพักผ่อนโดยสมบูรณ์แบบ <คลิกที่นี่เพื่ออ่านต่อ> Soneva Ep.2 ที่พาไปลองชมทรีทเมนต์จากเมนูสปาของ Six Senses เพื่อเริ่มต้นการเดินทางทางประสาทสัมผัสโดยไม่ต้องออกจาก Soneva Kiri สปาที่ผุดขึ้นมาจากผืนทะเลและรายล้อมด้วยป่าชายทะเล <คลิกที่นี่เพื่ออ่านต่อ> และEp.3 Private Plane & Private Airport เครื่องบินส่วนตัว สู่เกาะสวรรค์ รีสอร์ตสุดหรู Soneva Kiri ประสบการณ์เดินทางแสนส่วนตัวสุดพิเศษไม่เหมือนใครไม่เหมือนใคร <คลิกที่นี่เพื่ออ่านต่อ> ในครั้งนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับการกินแบบลอยฟ้ากลางอากาศที่ไม่เหมือนใคร ! ความพิเศษอันหนึ่งทีพลาดไม่ได้ของ Soneva นั่นคือ Treepod dining แห่งแรกของเอเชีย ประสบการณ์การรับประทานอาหารสุดพิเศษที่จะได้ ทำให้ผู้มาเยี่ยมเยียนได้สัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติ ห้อมล้อมไปด้วยแมกไม้แบบ 360 องศา ตัว Treepod dining นี้จะตั้งอยู่ในโซนเฉพาะของ Soneva ซึ่งจัด มุมพิเศษให้ ผู้ที่เลือก experience มาโดยเฉพาะเลยครับ จุดที่ตั้งของ Treepod อยู่ในป่าริมทะเล ป่านี้ทอดตัวไปตามทางลาดลักษณะเนินเขา การจะเข้าไปถึงในจุดที่ตั้งเราจะต้องเดินเข้าจากห้องอาหารหลักของทางรีสอร์ทและเดินไปตามทางเดินไม้ที่วางตัวยาวคดเคี้ยวไปมา เดินขึ้นๆลงๆลัดเลาะไปในป่าที่เกาะตัวขนานไปกับทะเล ท่านจะรู้สึกประดุจผจญภัยในป่าที่ยอดไม้สูงเสียดฟ้าสุดสายตา มีแสงรำไรลอดลงมาจากด้านบนและแสงจากฝั่งชายทะเล ช่วงเวลาจะจัดไว้สองรอบคือ Breakfast และ Afternoon tea โดยความเห็นส่วนตัวคิดว่ามุมนี้เหมาะมากๆ สำหรับช่วงเช้า เพราะจะไม่ร้อน ทำให้สามารถมองออกไปดูทะเลและเส้นขอบฟ้าได้อย่างเต็มที่ โดยไม่แสบตา ซึ่งแน่นอนว่าด้วย availability ที่จำกัดทำให้ต้องจองกันหน่อยครับ เราแนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนจะเข้าพัก การจองก็สามารถแจ้งความต้องการได้โดยตรงกับ Mr. Friday ครับ ซึ่ง Mr. Friday ก็จะนำเมนูมาให้เราเลือกติ๊กไว้ก่อนเพื่อเตรียมการครับ ซึ่งจะให้เลือกเป็นหมวดหมู่ โดยเครื่องดื่มจะสามารถเลือกได้ 1 เมนูต่อหมวดหมู่ต่อคนครับ สำหรับการกินอาหารของ treepot กระเช้าไม้จะจอดอยู่ที่ฐานไม้ตรงพื้น เมื่อแขกทุกท่านเข้าไปนั่งเรียบร้อย พนักงานจะใช้สลิงค์ยกตัวกระเช้าขึ้นไปเรื่อยๆ Hot beverage เป็นกลุ่มชา และ กาแฟ…

Read More

Staycation Bangkok Marriott Hotel The Surawongse Story : Dr. Athiwat T. /Photo : Pol.Capt. Kittin A. หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าย่านเมืองเก่าอย่างสุรวงศ์ มีโรงแรมระดับห้าดาวที่อันแน่นไปด้วยคุณภาพ ทั้งบรรยากาศ ห้องพัก สปา และ อาหาร นั่นก็คือ Bangkok Marriott Hotel The Surawongse ซึ่งวันนี้เราจะขอแนะนำโปรแกรม Staycation ของโรงแรมให้ทุกท่านได้ลองพิจารณาครับ โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ โรงแรมดีไซน์เก๋ที่มีแรงบันดาลใจมาจากศิลปะช่างสิบหมู่ เหมาะแก่การสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ เช็คอินถ่ายรูปสวยฟินไปกับสระว่ายน้ำลอยฟ้า พร้อมวิวกรุงเทพแบบ 180 องศา ทุกท่านสามารถอิ่มอร่อยกับอาหารไทยรสจัดจากพระยา คิทเช่น หรืออาหารจีนจากเย่า เรสเตอรองท์ แล้วปิดท้ายวันที่เย่า รูฟท็อป บาร์ บาร์เก๋สไตล์เซี่ยงไฮ้พร้อมวิวระยิบระยับของกรุงเทพยามค่ำคืน Bangkok Marriott Hotel: The Surawongse ตัวโรงแรมตั้งอยู่บนถนนสุรวงศ์ใจกลางย่านเมืองเก่าแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เป็นแอเรียที่ใกล้กับสาทร สีลม สยาม แต่ยังคงไว้ซึ่งความเงียบสงบ เหมาะแก่การเดินเล่นชิว ๆ ในวันสบาย ๆ ครับ ตัวโรงแรมชั้นล่างจะล้อมด้วยกำแพงสูงทำให้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงชัดเจนเมื่อเดินเข้ามาครับ เป็นความผ่อนคลายและเงียบสงบ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม ซึ่งจะถูกใช้ในทุกจุดของโรงแรม ชั้นล่างสุดของโรงแรมมี Lobby 2 ฝั่ง โดยฝั่งที่ให้แขก check-in จะอยู่ฝั่งที่ติดกับถนนใหญ่ ด้านซ้ายมือหากหันเข้าโรงแรมคือเคาท์เตอร์เช็คอิน ตรงกลางเป็นพื่นที่นั่งพักคอย และด้านขวาเป็นร้ายขายของที่ระลึก ส่วนล็อบบี้ก็ทำได้หรูหราครับ ซึ่งสีของโรงแรมนี่จะเน้นการตกแต่งแบบเรียบ โมเดิร์น โทนเทาดำ แต่ชูรายละเอียดของศิลปะไทยช่างสิบหมู่ ซ่อนไว้ในส่วนต่าง ๆ ของโรงแรม ส่วน Lobby อีกฝั่งเป็นร้านเบเกอร์รี่ที่สามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มได้ พร้อมกับนั่งเล่นนั่งทำงานไปด้วย ซึ่งยังเป็นจุดที่เชื่อมไปยังอาคารสำหรับจัดเลี้ยง ซึ่งเมื่อเชคอินและฝากกระเป๋าแล้ว ก็สามารถไปนั่งชมวิว และ พักผ่อนก่อนมื้ออาหารเย็นได้ที่ M…

Read More

พูดถึงสุดยอดร้านอาหารจีนในประเทศไทย แน่นอนว่า Shang Palace นั้นเป็นหนึ่งในชื่อที่ต้องติดอันดับอยู่ต้นๆแน่นอน ด้วยประวัติอันแสนยาวนานและชื่อเสียงที่สะสมมา เปลี่ยนเชฟมาก็มากมาย ทว่าเชฟทุกคนที่มาล้วนถูกคัดสรรค์ว่าต้องมีฝีมืออันดีเยี่ยม ประดุจคัดพ่อครัวเข้าวังหลวงสำหรับปรุงอาหารให้จักรพรรดิ์เลยทีเดียว เชฟเชามีชื่อเสียงและประสบการณ์อันโดดเด่นในการทำอาหารจีนในประเทศจีน ฮ่องกง และญี่ปุ่นมามากกว่า 40 ปี เขาได้ตั้งใจรังสรรค์เมนูใหม่ อาหารจีนกวางตุ้งแบบดั้งเดิมรสชาติต้นตำรับโดยใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพนำเข้าจากประเทศจีนให้ทุกท่านได้อิ่มเอม  หลายคนที่อ่านมาถึงตอนนี้อาจคิดว่า ห้องนี้เปิดมานานเคยมาก็หลายคราแล้ว แต่ครั้งนี้เราจะมาพูดถึงเมนูใหม่ที่ทุกท่านมิเคยได้ลิ้มลองเพราะเชฟเชาพึ่งรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมดนั้นเอง ท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับหลากหลายเมนูใหม่เลิศรส อาทิ ซี่โครงแกะอบชานจาและซอสสับปะรด เนื้อวากิวผัดกระเทียม ปีกไก่ผัดเป๋าฮื้อและเห็ด ผัดอุด้งทะเลพริกไทยดำ และอีกมากมาย อาหารเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีรสชาติดีแต่ยังมีกลิ่นหอมเย้ายวนอีกด้วย แถมยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่เบื้องหลังอาหารแต่ละจาน ด้วยเมนูที่หลากหลายที่มีให้บริการทำให้แขกได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่ซ้ำกันและเป็นที่น่าจดจำ New Shang Palace A La Carte Menuเมนูเลิศรสใหม่ที่จะมาเสริมทัพ ร้านอาหารจีนชั้นนำอย่าง แชงพาเลซ แน่นอนว่าจะต้องไม่ธรรมดา โดยฝีมือชั้นครู ของ มร. เชา ไวแมน สืบทอดตำนานอาหารจีน จะมีอะไรกันบ้างไปชมกันเลยครับ น้ำชาโกจิเบอร์รี่ กับ ถั่วเคลือบน้ำตาล แก้วนี้เป็นหนึ่งใน welcome สุดสร้างสรรค์ที่ให้ความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้อย่างดีเยี่ยม และเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าที่ที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย โดยเฉพาะโกจิเบอร์รี่หรือเก๋ากี้ ซึ่งช่วยบำรุงสายตาเป็นอย่างดีที่มาพร้อมกับเมล็ดมะม่วงหินมะพานคั่วคลุกน้ำตาลแสนกรุบกรอบ หมูแดงเลิศรส Honey Glazed pork Char Siewเพียงคุณเห็นคุณก็จะรู้แล้วว่าอร่อยแน่ด้วยสัมผัสของแสงที่กระทบและตกลงบนผิวหมูแดง เมื่อใช้ตะเกียบคีบขึ้นมา และเข้าปาก ลิ้นสัมผัสกับตัวหมูรสชาติที่พอดิบพอดี รสฉ่ำนุ่ม แทรกมันกำลังดี เนื้อหวานน้ำผึ้ง รสเค็มแบบหอมซีอิ๊วชั้นดี ทำให้อยากอาหารมากขึ้น เป็น appetizer ชั้นเลิศ เนื้อปูยัดไส้ทอดกรอบ Deep-Fried stuffed Crab Meat in Shellเนื้อปูหิมะยัดไส้ ก่อนทำเชฟจะค่อย ๆ ปรับอุณหภูมิน้ำมันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เปลือกเป็นสีเหลืองกรอบร่วนไม่อมน้ำมัน ตัวไส้เป็นครีมเนื้อปูอัดแน่น ปลาจินดาระเจี๋ยนไข่ขาวกังป๋วย Baked Cod Fillet with Egg White and Dried Scallopปลาจินดาระ หรือ ปลาหิมะ ปรุงรสด้วยซอสไข่ขาวฟูนุ่มนวล ลื่นคอ กับ กังป๋วยหรือหอยเชลล์อบแห้ง…

Read More

               Kinlakestars.com วันนี้จะขอนำทุกท่านไปพบกับร้านอาหารสุดพิเศษ ร้านใหม่ที่เพิ่งเปิดทำการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 ที่ผ่านมาจาก Chef Dan Bark – เชฟชาวเกาหลี-อเมริกัน ที่สั่งสมประสบการณ์การทำอาหารในร้านมิชลินมาอย่างยาวนานก่อนเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งเชฟได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ไปแล้วจากความสำเร็จของ Upstairs at Mikkeller การันตีด้วยรางวัลมิชลินสตาร์ระดับหนึ่งดาว                ในปีนี้เชฟแดนได้เปิดร้านใหม่เพื่อรองรับลูกค้าที่นับวันจะมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งภายใต้สถานที่ใหม่นั่นคือ ‘Cadence’ Cadence at a Glanceร้านอาหาร Fine dining style American-progressive จากเชฟมิชลินสตาร์ Dan Bark ที่ทำให้ Upstaris at Mikkeller ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม จุดเด่นคือ Course ที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพ การปรุงและรสสัมผัสที่หลากหลายพร้อม สวยงามด้วยอุปกรณ์ชั้นเลิศ ความสนุกสนานจาก wine cocktail และ mocktail pairingราคา: 4300 บาท ++Contact: https://www.cadence-danbark.com/reservationKinlakestars Location ร้านใหม่แห่งนี้ตั้งเป็น Stand alone ในบริเวณใจกลางเมืองแต่ยังเงียบสงบใน ซอยปรีดีพนมยงค์ 25 ที่ไม่ไกลจากทองหล่อ สามารถเดินทางได้ไม่ยากโดยรถส่วนตัว ซึ่งบริเวณหน้าร้านมีที่จอดรถพอควร และ บริการ Valet คอยดูแลเรื่องที่จอดรถให้                เมื่อเข้ามาในตัวร้านก็จะพบกับร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสไตล์ Retro Glamourous เน้นสีน้ำเงินตัดกับทองแดงให้ความรู้สึกหรูหรา แต่ยังมีความสนุกสนาน ขี้เล่นและผ่อนคลาย ซึ่งโซนแรกจะเป็นโซนต้อนรับ และ บาร์ซึ่งใช้ชื่อว่า “Caper” ซึ่งสามารถมานั่งชิลกับเพื่อน ๆ หรือ สั่งอาหารแบบ a la carte มาได้เช่นกัน ตัวอย่างเมนูของ Caper Cadence ส่วน Fine dining Section จะให้บริการในส่วนเฉพาะของร้านนั่นคือ Cadence อาหารของเชฟจะเป็น Style Progressive American…

Read More