Author: Kittin Assavavichai

หลังจากกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องถึง 4 ปีกับ ดับเบิ้ลยู ดาส บรั้นช์ (W Does Brunch) บรั้นช์บุฟเฟ่ต์ที่ฉีกกฎและกล้าที่จะแตกต่างจากบุฟเฟ่ต์อื่นๆ ปีนี้ เดอะคิทเช่นเทเบิ้ล (The Kitchen Table) ห้องอาหารซิกเนเจอร์ของ โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ (W Bangkok) นำดับเบิ้ลยู ดาส บรั้นช์ มาแปลงโฉมให้แตกต่าง และไม่เหมือนใครยิ่งขึ้นไปอีก พร้อมเอาใจนักชิมด้วยอาหารในคอนเซปต์สตรีทฟู้ดที่ไม่ว่าใครก็จะต้องติดใจ เดอะคิทเช่นเทเบิ้ล รวบรวมอาหารรสชาติดั้งเดิมทั่วทวีปเอเชียมาให้คุณได้ลิ้มลองใน ‘ดับเบิ้ลยู ดาส บรั้นช์ – สตรีทฟู้ด (W Does Brunch – Street Food)’ ทุกวันเสาร์ที่สามของเดือน ผลัดเปลี่ยนแนวอาหารทุกๆ 3 เดือน ให้คุณเสมือนท่องไปตามสตรีทฟู้ดโลเคชั่นจากทั่วทุกมุมโลก ยังคงจัดเต็มด้วยอาหารหลากหลายเมนู ปรุงจากวัตถุดิบเกรด พรีเมี่ยม และเครื่องดื่มนานาชนิดจากมิกส์โซโลจิสต์ เมื่อพูดถึงประเทศไทย คงขาดไม่ได้กับอาหารหลากหลายที่ตั้งขายตามท้องถนนที่ไม่ว่าคนไทย หรือชาวต่างชาติต่างชื่นชอบ สำหรับเดือนมกราคม – มีนาคมนี้ ดับเบิ้ลยู ดาส บรั้นช์ – สตรีทฟู้ด นำอาหารสตรีทฟู้ดของกรุงเทพฯ มาปรุงแต่งด้วยวัตถุเกรดพรีเมี่ยม เพิ่มความพิเศษไปในความอร่อยดั้งเดิม สเตชั่นอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจากย่านสตรีทฟู้ดชื่อดังต่างๆของกรุงเทพฯ เริ่มต้นด้วย สเตชั่นเยาวราช ที่มีก๋วยจั๊บรสเด็ด, ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา และติ่มซำนานาชนิด ต่อด้วย สเตชั่นเจริญกรุง และบางรัก กับเมนูข้าวขาหมู, ข้าวหน้าเป็ด และข้าวมันไก่ สเตชั่นราชเทวี ห้ามพลาดเมนูส้มตำ และเมนูยำรสจัดจ้าน รวมถึงหมูย่าง และไก่ย่าง ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว และสเตชั่นพระนคร กับผัดไทย, ราดหน้า, แกงเขียวหวาน และมัสมั่น ที่รสชาติถึงเครื่องแกง ตำรับอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม ปิดท้ายด้วย เมนูขนมไทยนานาชนิด เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง, สาคูน้ำกระทิ และอื่นๆอีกมากมาย ‘ดับเบิ้ลยู ดาส บรั้นช์ – สตรีทฟู้ด’ มีให้เลือก 2…

Read More

การจิบชาที่ The House on Sathorn แห่ง  W Bangkok ย่าน สาทร เป็น หนึ่งใน afternoon tea ที่ขึ้นชื่อ และที่ๆผู้คนไปสั่ง ชิม สัมผัสประสบการณ์เพื่อการถ่ายรูปที่แสนเก๋ไก๋ ชิคสุดๆแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และในคอลัมน์นี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับรีวิว ชุดชา ณ เดอะเฮ้าส์ออนสาทร ชุดใหม่ล่าสุด ซึ่งจะชวนคุณหลีกหนีจากเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่งและมาผ่อนคลายไปกับชุดน้ำชายามบ่ายเมนูใหม่ล่าสุด จากเดอะคอร์ทยาร์ด เดอะเฮ้าส์ออนสาทร (The House on Sathorn) อาคารสไตล์โคโลเนียลสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2432 ที่ตั้งสง่าโดดเด่นให้เห็นความแตกต่างระหว่างความเก่าแก่และอิทธิพลของโลกปัจจุบันของอาคารโรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ (W Bangkok) ได้เป็นสถานที่แฮงค์เอ้าท์ของกรุงเทพมหานคร ที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงให้กับเหล่าเทรนด์เซ็ทเตอร์ เดอะคอร์ทยาร์ด (The Courtyard) อีกหนึ่งที่โปรดของใครหลายๆคน สวนสวยกลางบ้านที่สามารถให้คุณนั่งพักผ่อนและหลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองกรุงเทพมหานครได้ตลอดวัน พร้อมอาหารคอมฟอร์ทฟู้ดที่ทานง่ายหลากหลายเมนู และชุดน้ำชายามบ่ายให้คุณเลือกสรร ปฏิเสธไม่ได้ว่า เดอะคอร์ทยาร์ด เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับการนั่งผ่อนคลายและจิบชายามบ่ายไปพร้อมๆกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นใจกลางเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่งของกรุงเทพมหานคร ครั้งนี้ เชฟฟาทีห์ ทูทัค และทีม ได้หยิบยกเรื่องราวของเดอะเฮ้าส์ออนสาทรที่มีประวัติมายาวนานมาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ชุดน้ำชายามบ่ายเซ็ทใหม่ในชื่อ ‘เฮอร์ริเทจ อาฟเตอร์นูนที (Heritage Afternoon Tea)’ ย้อนเวลากลับไปในอดีต และดึงเอาเมนูสุดคลาสสิคสำหรับการจิบน้ำชายามบ่าย มาเป็นอาหารคาว-หวานสำหรับชุดน้ำชายามบ่าย โดยเลือกใช้วัตุดิบเกรดพรีเมี่ยม นำเสนอออกมาในรูปแบบเฉพาะตัว ให้คุณลิ้มลองไปพร้อมชาเกรดพรีเมี่ยมจาก TWG HERITAGE AFTERNOON TEA ในชุดนี้ประกอบไปด้วย เริ่มต้นชุดกันด้วย ซอร์เบทโฮมเม้ดประจำวัน – รสเบอร์รี่รวม มาต่อกันที่ส่วนของสโคน สโคน (Scone) เนื้อนุ่มไม่ร่วนเละกินเป็นสิ่งแรกในขณะยังอุ่นๆกำลังดี กินควบคู่ไปกับ มาร์มาเลด (Marmalade) – แยมชนิดต่างๆ ได้แก่ แยมมะพร้าว แยมเบอร์รี่รวม และแยมมะม่วง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็น  Homemade ทางห้องอาหารสร้างสรรค์บรรจงทำกันขึ้นมาเองจากครัว ทางเราแนะนำตัวแยมมะพร้าว ซึ่งหอมหวานมะพร้าวไม่เหมือนใคร และเข้ากันได้ดีทีเดียว นอกจากแยมก็ยังมี คล็อทเท็ดครีม (Clotted Cream) ให้เลือกป้ายเติมเพิ่มความอร่อย ส่วนของขนมคาว…

Read More

ในครั้งนี้ kinlakestars.com ขอพาทุกท่านไปลิ้มรสหนึ่งในสุดยอดเมนูยอดฮิต ณ ยามาซาโตะ นั่นก็คือ ข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่น うな重(香の物 野菜椀) (Unajyu : Rice bowl with grilled eel served with pickles and vegetables soup)   และล่าสุดห้องอาหารยามาซาโตะ (Yamazato) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักระดับโลก ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับกรุงเทพฯ หรือ MICHELIN Guide Bangkok สำหรับปลาไหลญี่ปุ่นนั้นเป็นสิ่งที่คนไทยเองก็คุ้ยเคยกันมากมาย แต่ทุกท่านรู้หรือไม่ว่าปลาไหลญี่ปุ่นมีอยู่ 2 ชนิดหลักๆ นั่นก็คือ อุนางิ (Unagi うなぎ) กับ อะนาโกะ (Anago アナゴ) อุ นางิเป็นปลาไหลน้ำจืดนิยมทำเป็นข้าวหน้าปลาไหล ส่วนอะนาโกะเป็นปลาไหลทะเลนิยมนำมาทำเป็นหน้าซูชิหรือเท็มปุระ นั้นเอง และทำไมปลาไหลญี่ปุ่นจึงมีมูลค่าสูงล่ะ? ปลาไหลย่าง อาหารเลิศรสของญี่ปุ่นที่ปรุงด้วยซอสเปรี้ยว และโรยด้วยพริกไทย ได้กลายเป็นคำถามว่า ขณะนี้สัตว์น้ำอย่างปลาไหลที่อพยพเข้ามาในน่านน้ำของแดนอาทิตย์อุทัยกำลังมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์อย่างมาก เนื่องจากความต้องการบริโภคปลาไหลญี่ปุ่น หรือชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า Anguilla japonica เพิ่มมากขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาเจ้าปลาชนิดนี้มีราคาที่สูงขึ้น แม้ปลาไหลญี่ปุ่นได้ถูกขึ้นบัญชีแดงของสหภาพเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติมาตั้งแต่ปี 2557 แต่นายคัตสึมิ สึคาโมโตะหรือดร. ปลาไหลแห่งมหาวิทยาลัยนิฮอนในญี่ปุ่น บอกว่า เขาคิดว่าสามารถเพาะเลี้ยงปลาไหลที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “อุนะงิ” ได้อย่างยั่งยืนและได้ผลประโยชน์ หลังจากที่เขาพบบริเวณที่วางไข่ของปลาไหล และช่วยให้นักวิจัยได้ศึกษาสภาวะต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเพาะเลี้ยงปลาไหล ตั้งแต่วางไข่ไปจนถึงปลาไหลโตเต็มวัย แม้การเพาะปลาไหลในปัจจุบันจะทำกันมากมาย แต่ราคาก็ยังคงสูงอยู่ดี และราคาของปลาไหลญี่ปุ่นแต่ละที่เองนั้นก็ราคาไม่เท่ากันด้วย แล้วแต่แหล่งเลี้ยง เพราะมีผลต่อรสชาติและสัมผัสของเนื้อ และในครั้งนี้เราจาพาไปพบกับชุดข้าวหน้าปลาไหลเลิศรสสุดๆแห่งยามาซาโตะนั่นเอง ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจขั้นตอนการปรุง ที่มาของรสชาติกันก่อนดีกว่าครับ ปลาไหลญี่ปุ่นย่างซอส Kabayaki คือ วิธีปรุงอาหารโดยการปรุงด้วยโชยุ สาเก น้ำตาล ฯลฯ แล้วนำไปย่าง ซึ่งนอกจากปลาไหลญี่ปุ่นแล้วก็สามารถนำปลาซัมมะและปลาซาดีน มาย่างด้วยซอสKabayakiได้เช่นกัน ตั้งแต่สมัยเอโดะ มีปลาไหลญี่ปุ่นอาศัยอยู่จำนวนมากจึงกลายเป็นอาหารท้องถิ่นที่ได้รับความนิยม…

Read More

ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศขยายระยะเวลาการเปิดให้บริการของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ไปตลอดปี 2561 โดยจะให้บริการวันสุดท้ายในวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2562 เวลา 14.00 น. เลื่อนจากกำหนดเดิมวันที่ 16 เมษายน 2561 ระบุเพื่อให้บริษัทฯ สามารถให้เวลากับการลงรายละเอียดของการออกแบบและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมได้อย่างเต็มที่ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC เปิดเผยว่า ตามที่ ดุสิตธานี อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ประกาศยุติการให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในช่วงเดือนเมษายน ปี 2561 เพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม หรือมิกซ์-ยู (Mixed-Use Development) นั้น หลังจากได้พิจารณาปัจจัยแวดล้อม และพิจารณาถึงความสำคัญในการให้เวลากับการลงรายละเอียดทั้งการออกแบบและการพัฒนาโครงการดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จึงตัดสินใจเลื่อนการปิดให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ออกไปจากกำหนดเดิม เป็นให้บริการวันสุดท้ายในวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2562 เวลา 14.00 น. ดังนั้น ในปี 2561 นี้ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะยังคงเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมโครงการนี้ เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) มูลค่า 3.67 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดของกลุ่มดุสิตธานี ที่ต้องการจะพัฒนาและยกระดับพื้นที่ย่านธุรกิจสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ให้กลายเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมที่ประกอบไปด้วย โรงแรม อาคารที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และห้างสรรพสินค้า โดยในส่วนของโรงแรม คือ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งใหม่นั่นเอง ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล วางแผนที่จะสร้างโครงการนี้ ให้มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพื่อให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ เหมือนดังเช่นที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เคยสร้างประวัติศาสตร์ไว้เมื่อ…

Read More

ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศขยายระยะเวลาการเปิดให้บริการของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ไปตลอดปี 2561 โดยจะให้บริการวันสุดท้ายในวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2562 เวลา 14.00 น. เลื่อนจากกำหนดเดิมวันที่ 16 เมษายน 2561 ระบุเพื่อให้บริษัทฯ สามารถให้เวลากับการลงรายละเอียดของการออกแบบและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมได้อย่างเต็มที่ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC เปิดเผยว่า ตามที่ ดุสิตธานี อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ประกาศยุติการให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในช่วงเดือนเมษายน ปี 2561 เพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม หรือมิกซ์-ยู (Mixed-Use Development) นั้น หลังจากได้พิจารณาปัจจัยแวดล้อม และพิจารณาถึงความสำคัญในการให้เวลากับการลงรายละเอียดทั้งการออกแบบและการพัฒนาโครงการดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จึงตัดสินใจเลื่อนการปิดให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ออกไปจากกำหนดเดิม เป็นให้บริการวันสุดท้ายในวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2562 เวลา 14.00 น. ดังนั้น ในปี 2561 นี้ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะยังคงเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมโครงการนี้ เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) มูลค่า 3.67 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดของกลุ่มดุสิตธานี ที่ต้องการจะพัฒนาและยกระดับพื้นที่ย่านธุรกิจสำคัญใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ให้กลายเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมที่ประกอบไปด้วย โรงแรม อาคารที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และห้างสรรพสินค้า โดยในส่วนของโรงแรม คือ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งใหม่นั่นเอง ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล วางแผนที่จะสร้างโครงการนี้ ให้มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพื่อให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ เหมือนดังเช่นที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เคยสร้างประวัติศาสตร์ไว้เมื่อ…

Read More

ทุกท่านคงต้องได้คุ้นเคยกับชุดชาแสนงดงามคุณภาพสูง ที่แปรเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาลของ The Okura Prestige Bangkok กันมาบ้างแล้ว แต่ในปีนี้ ทางโรงแรมได้มีแนวคิดใหม่สำหรับชุดน้ำชา นั่นคือแนวคิดดอกไม้ตามฤดูกาล ให้แขกทุกท่านได้ตื่นตา ตะลึงใจ เพลิดลิ้นเพลินใจ และในครั้งนี้ทาง kinlakestars ขอเสนอชุดน้ำชายามบ่าย “ซึบากิ” ชุดน้ำชาชุดใหม่ต้อนรับปี 2561 ที่เชฟ เซบาสเตียน  ฮูแกแวร์ฟ (Chef Sebastiaan Hoogewerf) หัวหน้าพ่อครัวขนมหวาน (Executive Pastry Chef) ได้รังสรรค์จากความงดงามของดอก “ซึบากิ” (Japanese camellias) ดอกไม้ญี่ปุ่นที่จะเบ่งบานอวดโฉมในช่วงอากาศหนาวเหน็บตลอดฤดูหนาวของประเทศญี่ปุ่น โดยชุดน้ำชายามบ่าย “ซึบากิ” จะมีให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2561 เท่านั้น ณ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) ดอกซึบากิ (Tsubaki) หรือ ดอกคามิเลีย (Camellia) ในภาษาอังกฤษ เป็นดอกไม้ที่มีความสวยงาม และ มีหลายสี หลายรูปแบบ ดอกซึบากิ เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่สมบูรณ์แบบและอ่อนโยน มีประโยคหนึ่งที่กล่าวถึงความงดงามของดอก “ซึบากิ” สีแดงว่า “คุณเปรียบดั่งเปลวไฟในใจฉัน” ซึ่งดอกซึบากิในประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มเบ่งบานอวดโฉมในช่วงฤดูหนาวจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิในประเทศญี่ปุ่น เชฟ เซบาสเตียน จึงได้นำสีสันอันสวยงามของดอก “ซึบากิ” มาเป็นแรงบันดาลใจและออกแบบชุดน้ำชาชุดพิเศษ เพื่อให้บริการในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2561 อันเป็นช่วงเวลาที่ดอก  “ซึบากิ”  นั้นเบ่งบาน โดยเรามาเริ่มกันที่อาหารคาวในชุด ได้แก่ ขนมปังกรอบหน้าปลาแซลมอนรมควันโรยชีสริคอตต้าและอะโวคาโด้   ricotta tartine, avocado smoked salmon and และ กุ้งหมักน้ำส้มกับมะเขือและเยลลี่ส้ม marinated prawns with tomato and orange jelly  ขนมปังบริยอชไส้เนื้อเป็ดตุ๋นและแครนเบอร์รี่…

Read More

กลับมาอีกครั้งกับการปรับเปลี่ยนอย่างยาวนานถึงหกเดือน กับการพลิกโฉมให้หญิงสูงวัยกลับมาสง่างามอ่อนเยาว์อีกครั้ง ร้านอาหาร La Scala การกลับมาที่น่าตื่นเต้น ซึ่งเป็นร้านอาหาร Italian Fine Dining อันขึ้นชื่อ และเป็นหนึ่งในร้านในดวงใจของใครหลายคน ลาสกาล่าเปิดประตูต้อนรับแก่สาธารณชนเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2545 ซึ่งให้บริการอาหารอิตาเลียนสไตล์คลาสสิกแก่ผู้ชื่นชอบอาหาร สำหรับการปรับปรุงใหม่นี้เราขอมุ่งเน้นและเริ่มไปที่ในส่วนของการตกแต่ง ในการออกแบบตกแต่งภายในใช้ผู้ออกแบบและแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมที่ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติ ห้องอาหารนี้ยังมีเชฟผู้มีชื่อเสียงคอยมาเยี่ยมชม ร่วมรังสรรค์อาหารให้กับนักชิมท้องถิ่นและนักชิมระดับสากล จนทำให้ ลาสกาล่าเป็นบ้านหลังที่สองของเหล่าเชฟมิชลินและคนดัง ” The Art of Dining ” ร้านอาหารตั้งแต่เปิดให้บริการมา มีแขกมากกว่า 220,000 คนจากทั่วโลกใน 15 ปีของการดำเนินงาน หนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ La Scala ที่เปิดใหม่นี้ก็คือนวัตกรรมการออกแบบตกแต่งภายในจับคู่กับอาหารอิตาเลียนแรงบันดาลใจ เชฟ David Tamburini แนะนำเมนูที่มีให้  “อาหารอิตาเลียนเลิศรส”  ภายใต้แนวคิด สูตรอิตาเลียนแบบดั้งเดิมที่มีไหวพริบสร้างสรรค์ที่ไร้คู่แข่ง การทำอาหาร ที่รวบรวมสาระสำคัญของการรับประทานอาหารอิตาเลียนร่วมสมัย การออกแบบตกแต่งภายในแตกต่างจาก La Scala ใหม่ แสงสว่างที่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมและความทันสมัยในรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ ​​La Scala ใหม่เปล่งปลั่งและหรูหรา ซึ่งสะท้อนถึง ความสำเร็จของอดีต La Scala การออกแบบวาดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจของชื่อโรงละครโอเปร่า La Scala อันยิ่งใหญ่ในมิลานซึ่งเป็นแนวคิดสำหรับ La Scala ใหม่คือ “The Great Theatre for Marvelous Moments” ซึ่งเป็นช่วงเวลาพิเศษที่จะปลดปล่อยประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสเต็มรูปแบบของอาหาร การออกแบบ ความเย้ายวนใจ และการบริการ พื้นที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นดั่งเวทีที่เพิ่มประสิทธิภาพของทีมการทำอาหาร เป็นดั่งลานแสดงของเชฟที่เปรียบให้เชฟนั้นเป็นนักแสดงนำของพวกเขา โคมระยิบระยับกระเบื้องโมเสก เติมเต็มบาร์ใหม่และห้องเก็บไวน์ขนาดใหญ่ที่นำเสนอออกมาได้เป็นอย่างดี ซึ่งครอบคลุมทั้งผนังที่เป็นหนึ่งในจุดโฟกัส เพื่อให้สอดคล้องกับรายละเอียดที่ทำให้ลาสกาล่า นั้นยิ่งดูพิเศษ เพื่อให้แน่ใจว่ารายการไวน์มีตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดจับคู่เมนูที่เสนอ ลักษณะการออกแบบที่มุ่งให้ความโดดเด่นที่สุดคือเพดานรูปไข่ตรงกลาง เค้าโครงที่สมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นดั่งโรงละครโอเปร่า La Scala กับเสาสีดำทั้ง 5 ต้นที่เชื่อมต่อกับเพดานรูปไข่ปลายเปิด พื้นที่ครัว ความคมชัดของสีดำและบรรเทาแบบดั้งเดิมบนเสาที่นำเสนอปรับ ความสมดุลของความสว่างและความสมมาตรกับภาพสีโดยรวมที่ชวนให้นึกถึงการตกแต่งภายในของโรงละคร นอกจากนี้ยังมีห้องรับประทานอาหารส่วนตัวซึ่งตั้งอยู่บริเวณรับประทานอาหารหลักโดยมีหน้าต่างโปร่งแสง ที่มีพื้นที่ที่ปิดสนิทพร้อมแสงและโปร่งสบาย ผนังสีขาวของบริเวณแผนกต้อนรับส่วนหน้าและห้องครัวพิซซ่าอยู่ใน Bianco Carrara ซึ่งเป็นหินอ่อนที่มีชื่อเสียง มาจากอิตาลี ใช้เพื่อเน้นลักษณะเส้นแนวตั้งของสถาปัตยกรรมสุโขทัยและ ออกแบบมาเพื่อให้กลมกลืนกับความแตกต่างของภาษาอิตาเลียนของ…

Read More

เฉลิมฉลองริมน้ำอย่างมีระดับ Shangri-la bangkok งานเลี้ยงกาล่ามื้อค่ำริมสระน้ำ สระน้ำริมสวนสวยของโรงแรมฯ ได้รับการตกแต่งอย่างตระการ ด้วยดวงดาวระยิบระยับเปล่งประกายสีทองและสีเงินเจิดจรัสรับงานปาร์ตี้เฉลิมฉลองปีใหม่ เริ่มต้นค่ำคืนด้วยบุฟเฟ่ต์อาหารไทยสุดอลังการ การแสดงอันน่าตื่นเต้นบนเวทีริมน้ำ จับฉลากลุ้นรางวัล ร่วมกันนับถอยหลังสู่ปีใหม่ และชมความงามของดอกไม้ไฟเหนือโค้งน้ำเจ้าพระยา ราคาท่านละ 13,650 บาทถ้วน โวลติ ต้อนรับปี 2561 อย่างมีสไตล์ที่ห้องอาหารอิตาเลียนกับเมนูเฉลิมฉลองสุดพิเษ 6 คอร์ส เมื่อใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืน พนักงานจะนำท่านไปยังริมสระน้ำเพื่อร่วมกันนับถอยหลังและชมความสวยงามของดอกไม้ไฟที่สุดแสนตราตรึงใจ ที่บริเวณเทอร์เรซของโวลติจะบริการบุฟเฟ่ต์อาหารไทยเช่นเดียวกับริมสระน้ำ ห้องอาหารโวลติ ราคาท่านละ 9,500 บาทถ้วน และ โวลติ เทอร์เรซ ราคาท่านละ 13,650 บาทถ้วน เน็กซ์ทู คาเฟ่ เฉลิมฉลองค่ำคืนสุดท้ายของปี 2560 ด้วยบุฟเฟ่ต์อาหานานาชาติชั้นเลิศ พร้อมชมความบันเทิงจากเวทีริมสระน้ำที่ถ่ายทอดมาให้ชมผ่านทางทีวีจอยักษ์ ความตระการตาของดอกไม้ไฟเหนือลำน้ำเจ้าพระยาคือไฮไลท์สำคัญของค่ำคืนสุดพิเศษนี้ เน็กซ์ทู คาเฟ่ ราคาท่านละ 6,500 บาท และเน็กซ์ทู เทอร์เรซ ราคาท่านละ 10,000 บาทถ้วน ศาลาทิพย์ ลิ้มรสชาติอันน่าพิศวงของเมนูอาหารไทยชุดพิเศษในบรรยากาศเรือนไม้สักทองหลังงาม เรือนไทนริมน้ำนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การชมดอกไม้ไฟอันน่าตื่นตาตื่นใจ ศาลาทิพย์ ราคาท่านละ 6,500 บาทถ้วน และ ศาลาทิพย์ เทอร์เรซ ราคาท่านละ 9,500 บาทถ้วน เรือฮอไรซัน มวลหมู่ดาวนับพันแข่งกันพร่างพราวส่องสว่างอยู่บนฟากฟ้า เพื่อต้อนรับการมาของวันขึ้นปีใหม่ ความสุขความรื่นรมย์ยิ่งทวีคูณเมื่อฉลองค่ำคืนสุดพิเศษนี้บนเรือฮอไรซัน เพลิดเพลินกับการแสดงสด และเต็มอิ่มกับบุฟเฟ่ต์นานาชาติชั้นยอด ราคาท่านละ 9,000 บาทถ้วน ล็อบบี้ เลาน์จ จุดที่เหมาะสำหรับการชมดอกไม้ไฟทั้งบนท้องฟ้าหรือสะท้อนเหนือผืนน้ำ พร้อมจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดที่ชงอย่างพิถีพิถันโดยฝีมือของมิกโซโลจิสต์ ราคาท่านละ 1,800 บาท รวมเครื่องดื่มมาตรฐาน 2 แก้ว ตั้งแต่เวลา 10.30 น. ถึงเที่ยงคืน บรั้นช์วันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2561 เน็กซ์ทู คาเฟ่ เติมพลังรับปีใหม่ เริ่มต้นดี…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า รื่นรมย์กับช่วงเวลาแสนผ่อนคลายกับบุฟเฟ่ต์มื้อสาย ซึ่งท่านจะได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับความสุขอย่างเต็มอิ่มพร้อมหน้าครอบครัวและมิตรสหายขณะละเลียดอาหารมื้อพิเศษที่เชฟภูมิใจนำเสนอ ราคาท่านละ…

Read More

อัพ แอนด์ อะบัฟ บาร์ (Up & Above Bar) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) ขอเสนอชุดน้ำชายามบ่าย “ซึบากิ” ชุดน้ำชาชุดใหม่ต้อนรับปี 2561 ที่เชฟ เซบาสเตียน              ฮูแกแวร์ฟ (Chef Sebastiaan Hoogewerf) หัวหน้าพ่อครัวขนมหวาน (Executive Pastry Chef) ได้รังสรรค์จากความงดงามของดอก “ซึบากิ” ดอกไม้ญี่ปุ่นที่จะเบ่งบานอวดโฉมในช่วงอากาศหนาวเหน็บตลอดฤดูหนาวของประเทศญี่ปุ่น โดยชุดน้ำชายามบ่าย “ซึบากิ” จะมีให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2561 เท่านั้น ดอกซึบากิ (Tsubaki) หรือ ดอกคามิเลีย (Camellia) ในภาษาอังกฤษ เป็นดอกไม้ที่มีความสวยงาม และ มีหลายสี หลายรูปแบบ ดอกซึบากิ เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่สมบูรณ์แบบและอ่อนโยน มีประโยคหนึ่งที่กล่าวถึงความงดงามของดอก “ซึบากิ” สีแดงว่า “คุณเปรียบดั่งเปลวไฟในใจฉัน” ดอกซึบากิในประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มเบ่งบานอวดโฉมในช่วงฤดูหนาวจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิในประเทศญี่ปุ่น เชฟ เซบาสเตียน จึงได้นำสีสันอันสวยงามของดอก “ซึบากิ” มาเป็นแรงบันดาลใจและออกแบบชุดน้ำชาชุดพิเศษ เพื่อให้บริการในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2561 โดยมีขนมหวานแนะนำ อาทิ เค้กกลิ่นชาดอกซึบากิ แยมโรลไส้ครีมรสส้มยูซุ ช็อคโกแลตทรัฟเฟิลไส้ถั่วอัลมอนด์ โมจิรสชาเขียว เค้กมองบลังค์กลิ่นชาซึบากิสอดไส้เยลลี่รสแบล็คเคอร์เเรนท์ พายรูบาร์บ สโคนสตรอว์เบอร์รี่และช็อกโกแลตขาวอบสดใหม่ทุกวัน และที่ขาดไม่ได้คือมาการองพิมพ์ลายดอก “ซึบากิ” ส่วนอาหารคาว ได้แก่ ขนมปังกรอบหน้าปลาแซลมอนรมควันโรยชีสริคอตต้าและอะโวคาโด้ ขนมปังบริยอชไส้เนื้อเป็ดตุ๋นและแครนเบอร์รี่ ขนมปังไรย์ไส้มะเขือม่วงรมควันประดับด้วยมะเขือเทศและใบโหระพา เป็นต้น ชุดน้ำชายามบ่าย “ซึบากิ” นี้ สามารถเลือกรับประทานเคียงคู่กับชามาคิยาจ แฟรส์ (Mariage Frères) ชาคุณภาพเยี่ยมสัญชาติฝรั่งเศส ชาซาโร (Saro) ชาดอกบัวเลิศรส หรือกาแฟชั้นดีหอมกรุ่น…

Read More

ท่องอารยธรรมอาหารพื้นเมืองของชาวซิซิเลียน (SICILIAN) โดยฝีมือมิชลินสตาร์เชฟ วินเซนโซ แคนดิเอโน ( CHEF VINCENZO CANDIANO)  บินตรงจากห้องอาหารระดับมิชลิน 2 ดาวในอิตาลี สู่ห้องอาหารโจโจ ในวันที่ 6 ถึง 11 ธันวาคม 2560   ในครั้งนี้ Kinlakestars.com ขอนำเสนอความยอดเยี่ยมในการปรุงอาหารของเชฟวินเซนโซ แคนดิเอโน (Vincenzo Candiano) ที่ได้รับการยกย่องและมีชื่อเสียงจาก Locanda Don Serafino ห้องอาหารอิตาเลียนหรูระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาวจากเมืองซิซิลี พร้อมรังสรรค์มื้ออาหารกลางวันและมื้อค่ำที่น่าจดจำ ภายใต้บรรยากาศที่หรูหราสไตล์ห้องอาหารโจโจ ในวันที่ 11 ถึง 16 ธันวาคม 2560 วินเซนโซ เชฟชาวซิซิเลียน เน้นคัดสรรเฉพาะวัตถุดิบท้องถิ่นและปลาจากเมดิเตอร์เรเนียน นำเสนอศิลปะการทำอาหารเชิงสร้างสรรค์ และรสชาติอันโดดเด่น สะท้อนถึงประเพณีและวัฒนธรรมของซิซิลีและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมของชาวซิซิเลียนในยุคอดีตที่เรียกว่า Hyblean Locanda Don Serafino ห้องอาหารหรูระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาวในเมืองรากูซ่า (Ragusa) เป็นเมืองในชนบทที่สง่างามและตั้งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะซิซิลี (Sicily)ได้รับยกย่องเป็นเมืองมรดกโลกด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น รวมทั้งอารยธรรมอาหารสไตล์ดั้งเดิม ผสมผสานศาสตร์การปรุงอาหารของชาวซิซิเลียนให้สอดคล้องกับวัตถุดิบท้องถิ่นถ่ายทอดผ่านเมนูของเชฟวินเซนโซ เชฟวินเซนโซและทีมพ่อครัวห้องอาหารโจโจ พร้อมรังสรรค์มื้ออาหารกลางวันและมื้อค่ำที่น่าจดจำ แต่ละเมนูมีการจับคู่ไวน์ที่ถูกเลือกและจับคู่ได้อย่างลงตัวโดยซอมเมอลิเย่ร์แห่งเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ อาหารของวินเซนโซสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวเองทั้งความอ่อนน้อมถ่อมตนและความหลงใหลในการปรุงอาหารอย่างแท้จริงเฉกเช่นเมืองรากูซ่าอันเป็นที่รักของเขา ที่สืบทอดประเพณีอันยาวนาน เป็นแหล่งกำเนิดวัตถุดิบและผลผลิตท้องถิ่น และการปรุงอาหารแบบประยุกต์ คงใช้ส่วนผสมที่เรียบง่ายแต่ครีเอทเมนูอาหารที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งทำให้เมนูอาหารสมบูรณ์แบบและเข้าถึงรสสัมผัสของเมนูอาหารพื้นเมืองได้ง่าย เชฟอธิบายอย่างถ่อมตัวว่า “ฉันชอบห้องครัวของฉันในแบบสบายๆและเรียบง่าย” แม้อาหารของเขาจะดูเรียบง่ายแต่เข้าถึงศิลปะการทำอาหารท้องถิ่นอย่างแท้จริง พบกับวินเซนโซ ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ห้องอาหารโจโจ เตรียมมอบความประทับใจของเมนูอาหารเปี่ยมด้วยรสชาติอาหารอิตาเลียนดั้งเดิมให้คุณได้ลิ้มลอง Beef tartare (Beef tartare with smoked buffalo mozzarella foam, Jerusalem artichoke and carrot chips, radish Feudo Maccari) สำหรับเมนูอุ่นเครื่องจานแรก เนื้อวัวสดที่ผ่านการทำให้ละเอียดด้วยการใช้มีดสับ ไม่ใช่การใช้เครื่องบด จึงทำให้สัมผัสนั้นมีความละเอียดต่างกันไป รสหวานจากเนื้อสดกับรสมันจากมอสซาเรล่าชีสจากนมควายเข้ากันได้ลงตัว และรสมันๆสดชื่นๆจากแก่นตะวัน ซึ่งเป็นพืชที่ให้รสคล้ายแห้วหรือมันแกวนั้นเอง มีสัมผัสกรุบกรอบจากแครอททอดกรอบ รวมๆแล้วเป็นจานที่ให้ความสดชื่น…

Read More