เดอะคอร์ทยาร์ด นำเสนอบุฟเฟ่ต์อาลาคาร์ท ‘วีคเอนด์ โรสท์ (Weekend Roast)’ ที่เชฟเลือกสรรเฉพาะเนื้อสัตว์เกรดพรีเมี่ยมหลากหลายชนิดให้คุณและครอบครัวได้ใช้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ไปกับการรับประทานอาหารร่วมกัน พิเศษ! เฉพาะช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคมนี้ ‘วีคเอนด์ โรสท์’ จะมีบริการในวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคมด้วย เพิ่มเติมจากวันเสาร์และวันอาทิตย์ เริ่มต้นมื้อของคุณด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง สลัดหน่อไม้ฝรั่งย่างราดน้ำสลัดมะนาว และซีซาร์สลัดคลุกกุ้งย่างอันดามัน และอื่นๆอีกมากมาย ตัวเลือกเนื้อสัตว์สำหรับบาร์บีคิวหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เนื้อไก่ซัมบัล (Sambal Chicken) หมักด้วยเครื่องเทศจากอินโดนีเซียผสมผสานได้อย่างลงตัว เนื้อแกะซอลต์บุชม้วน (Salt Bush Lamb Saddle Roll), เนื้อวัวออร์แกนิค ที่เสิร์ฟพร้อมตัวเลือกซอสมากมาย ได้แก่ ซอสน้ำผึ้งคอนยัคมัสตาร์ด (Honey-cognac Grain Mustard) ซอสพริกไทยดำสไตล์สิงคโปร์ (Singapore Black Pepper Sauce) ซอสแบร์เนส (Signature Soy Bearnaise) และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีปลาเผาเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด และเครื่องเคียงอีกมากมาย เช่น ข้าวบาร์เลย์ผัดสไตล์อิตาเลียน, มักกะโรนีอบชีสโรยหน้าด้วยเมนไทโกะ และผักรวมย่าง เป็นต้น เพลิดเพลินอย่างต่อเนื่องกับเมนูขนมหวานซิกเนเจอร์อย่าง ‘ฮ่องกง วาฟเฟิล (Hong Kong Waffle)’ ที่เสิร์ฟพร้อมเบอร์รี่สด ราดด้วยเมเปิ้ลไซรัปวิปครีม ไอศครีมโฮมเมด และทาร์ตถั่วคาราเมล ‘วีคเอนด์ โรสท์’ ราคา 1,450++ บาท/ท่าน ให้บริการตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคมนี้ ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 12.00 น. – 15.00 น. ที่เดอะคอร์ทยาร์ด (คุณสามารถเลือกรับประทานในส่วนด้านในของร้านได้) *วีคเอนด์ โรสท์เปิดให้บริการพิเศษในวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2559 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. – 15.00 น. ที่เดอะคอร์ทยาร์ด kin Promo KinlakeStars.com…
Author: Kittin Assavavichai
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura prestige Bangkok) ขอเชิญทุกท่านร่วมอิ่มอร่อยกับอาหารหลากหลายรายการต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส จาก ห้องอาหารยามาซาโตะ (Yamazato) ห้องอาหารอัพแอนด์อะบัฟ (Up & Above) และ ห้องอาหารเอเลเมนท์ (Elements) เพลิดเพลินกับชุดน้ำชายามบ่ายสำหรับเทศกาลแห่งความสุขที่ อัพแอนด์อะบัฟ บาร์ ( Up & Above Bar) และสามารถเลือกซื้อของขวัญของฝากได้ที่ร้านขนมลา พาทิสเซอร์รี (La Pâtisserie) ห้องอาหาร ยามาซาโตะ (Yamazato) เชฟชิเงรุ ฮางิวาระ(Shigeru Hagiwara) หัวหน้าพ่อครัวชาวญี่ปุ่นประจำห้องอาหารยามาซาโตะ (Master Chef) ได้รังสรรค์เมนูพิเศษ เพื่อให้บริการในวันคริสต์มาสอีฟ 24 ธันวาคม 2559 และวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม 2559 โดยเชฟได้จัดเป็นอาหารชุดมื้อกลางวัน และมื้อค่ำ อาหารทุกชนิดไม่เพียงแต่ได้รับการปรุงอย่างพิถีพิถันเท่านั้นหากแต่ยังถูกตกแต่งให้งดงามและมีสีสันน่ารับประทานตามแบบฉบับของอาหารญี่ปุ่น เมนูอาหารชุดมื้อกลางวัน ราคาท่านละ 1,300++ บาท ประกอบไปด้วย อาหารเรียกน้ำย่อย กุ้ง หอยเชลล์และเห็ดไมทะเกะย่าง ซุปซีฟู้ด ปลาดิบชั้นดี 3 ชนิด (ปลาทูน่า, ปลาหางเหลือง และกุ้งหวาน) ปลาหิมะย่างราดด้วยซอสรสเผ็ดสูตรพิเศษ หมูสามชั้นตุ๋นกับซอสส้มยูซุและพริกไทย เทมปุระรวม ข้าวญี่ปุ่นหน้าปลาทรายแดงทะเล ฟองเต้าหู้ และสาหร่าย ซุปมิโซะ ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวาน โรลเค้ก และสตรอว์เบอร์รี่ราดครีมชาเขียว ส่วนมื้อค่ำเป็นอาหารชุดพิเศษให้บริการแบบ “ไคเซกิ” ตามแบบราชสำนักญี่ปุ่น ราคาท่านละ 3,500++ บาท ประกอบไปด้วยอาหารญี่ปุ่นรสชาติต้นตำรับทั้งหมด 7 รายการ อาทิ ซุปเต้าหู้ไข่ใส่กุ้งและเห็ดชิเมะจิ ปลาดิบชั้นดี 4 ชนิด (โทโร่, กุ้งหวาน, หอยแคลงญี่ปุ่น และ ปลาหางเหลือง)…
วันนี้ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปพบกับ Rooftop ที่หนึ่ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งใน rooftop ที่น่าสนใจ สำหรับการสัมผัสบรรยากาศดีๆมองดูพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์และเรื่องราวที่จะทำให้คุณชอบ ที่ The Speakeasy, Hotel Muse Bangkok สำหรับห้องอาหาร The Speakeasy นั้น อยู่บนชั้นที่ 24 และ 25 ของ Hotel Muse ชื่อดัง บางคนอาจจะมาเคยฟัง opera ที่ห้องอาหารMedici ชั้นล่าง แต่คราวนี้ เราจะขอพาขึ้นไปชั้นบนสุดของที่นี่กัน ถ้าคุณกำลังมองหาสถานที่สำหรับ นั่งจิบcocktail ตอนหัวคํ่าหร้อมกับดูแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า กับคนรู้ใจ บรรยากาศสุดโรแมนติกในบรรยากาศของยุค 1920 คงต้องไม่พลาด ที่นี่ เราขอพาทุกท่านไปพบกับห้องแรกกันก่อนเลย นั่นคือห้องซิกการ์รูม เป็นห้องที่สร้างขึ้นตามแนวคิดอเมริกันยุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หรือเป็นยุคโพรฮิบิท กล่าวเรียกเช่นนี้เพราะในยุคนั้น สุราเป็นสิ่งผิดกฎหมาย การดื่มจึงเป็นสิ่งที่ต้องหลบซ่อน ด้านหน้าห้องตกแต่งเหมือนร้านเสื้อที่มีสูทแขวนอยู่มากมาย ดั่งห้องเสื้อในยุคนั้น และเมื่อถัดเข้ามาก็จะเป็นห้องสำหรับสูบซิกการ์จริงๆ ตกแต่งด้วยไม้ ห้องดูเคร่งขรึม มีทางออกเป็นเทอเรสให้ออกไปข้างนอกได้อีกด้วย. ในส่วนที่ต่อเติมใหม่จะเป็นส่วนเรือนกระจก ซึ่งเดิมเป็น out door แต่ปัจจุบันได้เพิ่มห้องกระจกครอบทับไปทำให้พื้นที่ใช้งานส่วนนี้เป็นอีกหนึ่งมุมแนะนำเลยทีเดียว และในส่วนด้านหน้าจะเป็นบาร์ที่มองเห็นทัศนียภาพกรุงเทพฯไม่สูงไม่ตำ่จากย่านถนนหลังสวน สามรถนั่งชมวิวและชมการชง ผสม เครื่องดื่มได้อย่างเพลิดเพลิน ถัดมาก้าวขึ้นสู่ด้านบนก็จะพบกับ Roof Top ชั้นบนสุด โดยทางเข้าก็ยังเป็นประตูบานเลื่อนดูหลบซ่อนตามแนวคิดอเมริกันยุคโพฮิบิทนั้นเอง เดินขึ้นไปจะพบกับภาพเพ้นท์ที่เป็นเอกลักษณ์ และเมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุดก็จะพบกับส่วนของ Roof Top ซึ่ง Roof Top ที่นี้สามารถนั่งได้แม้ไนยามฝนตกเพราะหลังคาสามารถปรับกางเปิด-ปิด ได้ o นอกจากนี้ยังมีห้องส่วนตัวถึงสามห้องอยู่ในอาคารเล็กๆ เป็นโดม สามโดม โดยแต่ละโดมจะตกแต่งและมีชื่อต่างๆกันออกไปเช่น hello, hola และ Moniga นั้นเอง ทัศนียภาพก็สวยงามน่าชมใช้ได้ทีเดียว ซึ่งคุณสามารถเดินชมได้โดยรอบๆ อาหารที่นี่นั้นก็เป็นอีกหนึ่ง comfort food ตือ ทานง่ายๆ รสชาติกลางๆ ทานกันได้ทุกคน สำหรับจานแรกนั้นคือ Goat…
เข้าสู่หน้าหนาว อากาศดีๆมากินบาร์บีคิวริมสระน้ำ ชิวๆ กินดื่มไม่อั้น กับวิวกลางเมืองกันไหม? ATTENTION at 7th Floor of Double Tree ! ALL BBQ LOVERS! MOSAIC IS HOSTING A BBQ PROMOTION COME & ENJOY แพ็กเกจสุดคุ้ม เต็มที่กับอาหารและเครื่องดื่ม 2 ชั่วโมง ในราคาเพียง 790 บาท ถ้วน ต่อท่าน และหากยังจุใจไม่พอ ก็สามารถต่อเวลาเพิ่มได้อีก 1 ชั่วโมง ในราคาเพียง 210 บาท ต่อท่าน อากาศดีๆ เย็นสบายๆ เป็นหนึ่งในโอกาสที่ดีที่น่าชวนเพื่อนๆมาสังสรรค์ หรือคนรู้ใจ มากินดื่ม ดื่มด่ำกับอาหาร BBQ อย่างเต็มอิ่มไม่อั้น และเครื่องดื่มจัดเต็ม ตั้งแต่เข้ามาในโรงแรมก็จะพบถึงดีไซน์และการออกแบบที่อบอุ่นและแปลกตา เมื่อขึ้นมาถึงชั้น7 ก็จะพบกับการตกแต่งด้วย กระเบื้องโมเสก สมกับชื่อ โมเสกบาร์ โดยส่วนนี้เป็นส่วนเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ โมเสกเมื่อมองไกลๆ จะเห็นเป็นรูปดาราสาวชื่อดัง มาริลีน มอนโรว์ และเก๋ไก๋ด้วยดีไซน์ตั้งแต่กระเบื้องพื้นไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ทุกๆชิ้น สำหรับในเซ็ทนี้ เพียงราคาเดียว เพื่อนๆจะได้พบกับ อาหารปิ้งย่างโดยเชฟประจำโมเสกบาร์ แห่งโรงแรม Double Tree by Hilton มาปิ้งย่างให้ทุกท่านได้เต็มอิ่ม ด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย กินง่าย และน่าจะถูกปากกับคนทุกวัย ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น ไก่ย่าง หมูย่าง ไส้กรอกปิ้งนานาชนิด เฟร้นฟราย กุ้งย่าง ขนมปังปิ้ง สลัดผัก ไส้กรอกกกับเบียร์เย็นๆช่างเหมาะกับวิว บรรยากาศ และอากาศเสียนี่กระไร แกล้มกับ เฟรนฟราย ซอสมะเขือเทศ หรือ ไก่ย่างหนังกรอบเกรียมกับเนื้อนุ่มมัน ข้างในยังฉ่ำ กับไวน์แดง โปรนี้คุ้มและเหมาะจริงๆ สำหรับคอดื่ม และอาหารแกล้มให้กินยังแสนจะหลากหลาย ปิ้งให้สดๆร้อนๆสั่งได้ตลอดเติมได้ตลอด ห้องอาหาร MOSAIC ตั้งอยู่บริเวณชั้น 7 โรงแรมดับเบิ้ลทรี บาย ฮิลตัน…
นวดลูกประคบกับสมุนไพรสูตรเฉพาะ สุนทรีย์แห่งความผ่อนคลายชายทะเล Indigo Program ราวินทรา โรงแรมริมทะเลย่านนาจอมเทียนที่เหมาะแก่การมาผ่อนคลาย ด้วยสระน้ำเกลือขนาดใหญ่ การตกแต่งสไตล์รีสอร์ต และหน้าหาดที่กว้าง ห้องอาหารที่นี่แม้จะไม่ได้โด่งดังแต่ก็สามารถสร้างมื้อพิเศษแห่งความประทับใจให้คุณได้ ด้วยแพคเกจ ดินเนอร์ริมทะเล อ่านรีวิวแพคเกจริมทะเล >>> นอกจากในส่วนของที่พักและห้องอาหาร อีกสวนที่ไม่ควรมองข้ามของที่นี่ นั้นคือส่วนของสปา สำหรับสปาที่นี่มีหมอนวดและสูตรสมุนไพรเฉพาะตัว โปรแกรมที่หลากหลาย กับห้องและสถานที่ที่ได้มาตรฐาน เมื่อเข้ามาถึงสปา หลังจากที่เราเลือกโปรแกรมการนวดและผ่อนคลายแล้ว เราจะได้รับการต้อนรับด้วย น้ำกระเจี้ยบ และ ผ้าร้อนกลิ่นหอมตะไคร้อุ่นๆ จากนั้น พนักงานจะนำอ่างน้ำอุ่นมาล้างเท้าให้ โดยน้ำในอ่างที่ใช้ล้างเท้านั้น จะเป็นน้ำนมสด กับสมุนไพรอันมากมาย หลากหลาย ได้แก่ ตะไคร้ มะกรูด ซึ่งนอกจากจะทำให้ผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวพรรณ ให้ผ่องใส สำหรับโปรแกรมที่ทาง kinlakestars.com จะมานำเสนอในวันนี้ นั้นคือ “indigo” ซึ่งเป็นโปรแกรม นวดโดยลูกประคบที่ผสมผสานสมุนไพรที่มากกว่าลูกประคบทั่วไปถึง 4 ตัว อันได้แก่ ลาเวนเดอร์ อบเชย โรสแมรี่ และหญ้าฝรั้น ซึ่งเพิ่มความผ่อนคลายมากกว่าลูกประคบทั่วไปอย่างเหนือระดับ หลังจากเข้าสู่ห้องนวดที่แบ่งเป็นห้องอย่างเป็นสัดเป็นส่วน ก็สามารถเข้าไป อาบน้ำ และเปลี่ยนชุดในห้องน้ำส่วนตัวในห้องนวดได้ และเมื่อเปลี่ยนชุดก็มานอนรอบนเตียงและสามารถเรียกพนักงานนวด เข้ามานวดได้เลย สำหรับการนวด พนักงานจะนำลูกประคบกดลงไปตามจุดต่างๆพร้อมกับการนวดควบคู่กับน้ำมันนวดอโรม่า ซึ่งจะรู้สึกผ่อนคลายกว่าการนวดอโรม่าทั่วไป ด้วยความร้อนจากลูกประคบที่จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึง และ เมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี พนักงานจะนำลูกประคบไปคอยอุ่นให้ร้อนตลอดเวลา โดยจะเริ่มนวดไปตั้งแต่ เท้า ขา ไล่ขึ้นมา เริ่มจากนอนควำ่ และจึงพลิกตัวนอนหงาน นวดไล่ไปตามขา แขน ไหล่ บ่า และคอ สำหรับการนวดนั้นจะเป็นการนวดน้ำมัน สลับไปกับ การประคบด้วยลูกประคบสมุนไพรสูตรเฉพาะ “Indigo” สำหรับราคาของโปรแกรมนวด ลูกประคบอินดิโก้นี้ จะใช้เวลานวดทั้งหมด 90 นาที ราคา 2,000 บาท หลังจากนวดเสร็จแล้ว เมื่อออกมาจากห้องนวดเป็นอันเรียบร้อย พนักงานก็จะเตรีบมน้ำขิงร้อนๆ อุ่นๆ หอมๆ แสนผ่อนคลาย พร้อมกับคุกกี้ ในแต่ละส่วนของสปายังมีห้องอีกหลายรูปแบบ ซึ่งในแต่ละห้องนวดจะมีห้องน้ำส่วนตัวในห้อง ห้องอาบน้ำเองก็มีหลากหลายแบบ…
เพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดระหว่างเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ที่คุณจะได้ลิ้มรสชาติสุดเลิศของเห็ดที่ราคาแพงราวกับทองคำ “เห็ดทรัฟเฟิลขาว” จากเมืองอัลบ้า หรือ เมืองแห่งทรัฟเฟิลขาว ประเทศอิตาลี ณ ห้องอาหารบิสก็อตติ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 11 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2559 เห็ดทรัฟเฟิล (Truffle) เป็นเห็ดที่เจริญเติบโตอยู่ใต้ดินเท่านั้น และต้องใช้หมูหรือสุนัขเป็นผู้ขุด มีลักษณะเนื้อแน่น สีอาจต่างกันบ้างแล้วแต่พันธุ์ของเห็ด ซึ่งสีที่มีราคาแพงที่สุดคือทรัฟเฟิลขาวพบในแคว้นพีดมอนต์ ทางตอนเหนือของอิตาลี กล่าวกันว่าเป็น “ราชาเห็ด” มีรสจัด และมีกลิ่นฉุนหอมเฉพาะตัว ราคาแพงมาก และเก็บรักษาได้ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ ที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ได้สั่งนำเข้ามานี้เอง เชฟชาวอิตาเลียน ดาเนียเล เบ็ททินี (Daniele Bettini) เตรียมเมนูปรุงอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟคู่กับไวน์ชั้นดีจากอิตาลี เมนูแนะนำ อาทิ แฮมห่อหอยเชลล์อบเนยโกโก้ ราดซอสหน่อไม้ฝรั่ง ทานกับเห็ดทรัฟเฟิลขาว, เนื้อทาร์ทาร์เสิร์ฟพร้อมกับไข่นกกระทาและเห็ดทรัฟเฟิลขาว, โฮมเมดพาสต้าแท็กไลโอลินีผัดกับเห็ดพอร์ชินีและหน่อไม้ฝรั่ง โรยด้วยเห็ดทรัฟเฟิลขาว, ปลาแฮลิบัตย่างทานคู่กับถั่วลันเตาบดและโรยด้วยเห็ดทรัฟเฟิลขาว, เนื้อสะโพกแกะออสเตรเลียย่าง ทานกับเห็ดพอร์ชินี ซอสเซลเลอรี และเห็ดทรัฟเฟิลขาว ฯลฯ เซ็ตเมนู 4 คอร์ส ราคา 3,600 บาท++ (ราคาดังกล่าวไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าบริการ) หรือเลือกทานแบบตามสั่งก็ได้ ห้องอาหารอิตาเลียน บิสก็อตติ (ชั้น 1 โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ – ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ราชดำริ) เปิดบริการทุกวัน มื้อกลางวัน เวลา 11:30 – 14:30 น. และมื้อค่ำเวลา 18:00 – 22:30 น. สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่ง โทร. 0 2126 8866 หรืออีเมล…
กินอาหารดีๆ จิบไวน์ เสียงคลื่นกระทบฝั่ง กลิ่นอายทะเล เพลินๆกับพระอาทิตย์ตกดิน ดูดาว ชมพระจันทร์ จะมีอะไรที่พิเศษไปกว่านี้ และนี่คือมื้อคำ่ที่เราจะพาทุกท่านไปเพลิดเพลินกัน ณ หาดทรายที่ทอดยาวไปตามแนวอ่าวไทย มีหาดสวยๆไม่ไกลจากกรุงเทพแต่แสนสงบอย่าง “นาจอมเทียน” ซึ่งเป็นอีกที่ ที่หลายคนอาจมองข้าม หาดแห่งนี้มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย และยังเหมาะเป็นแหล่งพักผ่อนสำหรับผู้ต้องการความสงบอีกด้วย ทุกท่านอาจได้เคยเห็นภาพ หรือคุ้นๆกับรูปแบบการดินเนอร์ริมทะเล ภายในซุ้มโปร่งๆ ผูกผ้าพริ้วๆ รายล้อมด้วยแสงเทียน บนหาดทราย มีเสียงคลื่นเป็นดนตรีบรรเลงขับกล่อม มีทะเลและท้องฟ้าเป็นฉาก และไม่น้อยที่ใฝ่ฝันอยากอยู่ในบรรยากาศเช่นนี้ ในครั้งนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับมื้ออาหารแสนพิเศษ ในราคาที่ใครก็สามารถสัมผัสได้ ! . สุดแสนผ่อนคลายและโรแมนติกกับความงามของแสงอาทิตย์สีส้ม สาดส่องไปทั่วผืนน้ำและทะเล กลิ่นอายแห่งทะเล เสียงคลื่น ที่เกลี่ยทรายให้เรียบ เป็นเหมือนดังพรมแดงที่นำทางสู่สถานที่ มื้อเย็นแสนพิเศษ ……. อาหารจานแรกเริ่มต้นด้วย Seared Tuna with Balsamic Rocket salad สลัดผักร๊อกเก็ต ที่ตัวผักสดกรอบ แม้จะมีรสขมนิดๆแต่เมื่อกินกับ ทูน่าย่าง ที่ผิวคลุกกับเกลือและพริกไทย ผิวสุกกำลังดี ตรงกลางยังฉ่ำและรักษาความสดได้ดี สีสวยงามชวนกิน กับน้ำสลัดบัลซามิค ที่มาจากการเคี่ยวให้ข้นของน้ำส้มสายชูบัลซามิค และผสมกับน้ำมันมะกอก เป็นน้ำสลัดสุดเฮลตี้ ……… บรรยากาศที่เริ่มโรแมนติกขึ้น ตะวันลาลับ พระจันทร์ขึ้นมาสาดแสงส่องอันแสนนุ่มนวล บรรยากาศหาดทรายใต้แสงจันทร์อันแสนสงบ . เมื่อตะวันลาลับ คบไฟก็ถูกจุดให้ลุกขึ้น ให้ความสว่างอย่างน่าเย้ายวน แสงเทียนที่ถูกจุดขึ้นทั้ง รอบๆ และบนโต๊ะ กับลมทะเลพี่โบกพัดให้เย็นสบาย ริ้วผ้าพริ้วไสว ดั่งนางระบำจากธรรมชาติ เรามาต่อกันด้วยซุป pumkin Soup สำหรับซุปนี้เป็นซุปฟักทองที่เบสกับครีม สีเหลืองทองชวนรับประทาน ต่อมาเข้าสู่จานหลักกันครับ สำหรับจานหลักนั้นจะเลือกได้สองอย่างนั่นคือ ปลา หรือ เนื้อ จานปลา ปลา . สำหรับจานปลา จะประกอบไปด้วย กุ้งย่าง ปลาย่าง สปีแนช และหน่อไม้ฝรั่ง กับซอสที่เผ็ดนิดๆ เหมือนผสมซอสศรีราชาลงไป ตกแต่ง จัดวางมาอย่างสวยงาม จานเนื้อ . สำหรับจานเนื้อ ใช้เนื้อวากิวจากออสเตรเลีย นำมาย่างในระดับ มีเดียมแร ผ่าออกมาจึงสีสวย ผิวด้านนอกสุกกำลังดี…
จากน้ำมันเมล็ดชาจาก “ภัทรพัฒน์” และผักปลอดสารพิษ “จันกะผัก” ผลิตผลจากการพัฒนาสินค้าคุณภาพจากชุมชน ภายใต้มูลนิธิชัยพัฒนา ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สู่อาหารชั้นเลิศ สุดยอดดินเนอร์การกุศลแห่งปี BANGKOK CHEFS CHARITY 2016 โดย บ. กูร์เมท์ วันฯ ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์อาหาร พรีเมี่ยมแนวหน้าของเมืองไทย เตรียมจัดงานใหญ่คืนกำไรสู่สังคมอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 กับการสร้างสรรค์เมนูเด็ด โดย 21 เชฟชั้นนำ จากโรงแรมห้าดาวชั้นนำ และครัวการบินไทย ในวันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี้ ณ ห้องรอยัลบอลรูม โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ไฮไลต์เด็ดปีนี้เตรียมขนวัตถุดิบนำเข้าระดับพรีเมี่ยมจากทั่วโลกมาสร้างสรรค์อาหารจานพิเศษ ผสมผสานไปกับผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดชาจาก “ภัทรพัฒน์” และผักปลอดสารพิษ “จันกะผัก” ผลิตผลจากการพัฒนาสินค้าคุณภาพจากชุมชน ภายใต้มูลนิธิชัยพัฒนา มาร่วมแจมเป็นครั้งแรก ในคอนเซ็ปต์ TASTE OF SUSTAINABILITY … สร้างสรรค์ สู่ความยั่งยืน ในค่ำคืนพิเศษ ระดมทุนหารายได้เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บรรยกาศงานโต๊ะ อาหาร 1. FIRST COURSE CANADIAN LOBSTER, WHITE ASPARAGUS BISQUE, LEMON CREME AND PISTACHIO CRANBERRY BRIOCHE 1 2. BLUESWIMMER CRAB WITH POMELO AND BLOOD ORANGE SALAD 2013 SAUVIGNON BLANC MAREA VALLE DE LEYDA, CHILE ea Tasting notes: yellow green in color. The influences of the ocean and terroir of our Mar- Bright and clean Pacific wine is de I da estate are exhibited through aromas…
Grand Hyatt Erawan Bangkok recommends your plan on Sunday at Spasso Sunday is a day of pure bliss where you will enjoy our new Italian Brunch. Prepared family style, an authentic Italian Antipasto dominates the room. The signature pizza arrives straight from wood-fired oven; don’t miss the slow-roasted lamb rack of the amazing Abruzzo style risotto. Leave some space to enjoy our irresistible Gelato selection as the finale. Sunday Brunch: 12.00pm – 3.00pm THB 1,400++ per person (Beverage Package including Sparkling wine, White and Red wine is THB 799++ as additional) For reservations, please call Spasso, Grand Hyatt…
รีวิวอาหารเทศกาลอาหารทะเลจากฮอกไกโด สำหรับรีวิววันนี้เราจะรีวิวชุดอาหารพิเศษ Hokkaido Lunch Gozen ซึ่งเป็นอาหารชุดพิเศษที่จะมีเฉพาะช่วง ระหว่างวันที่ 5 – 27 พฤศจิกายน นี้เท่านั้น ความพิเศษของอาหารชุดนี้ คือ อาหารจะปรุงจากวัตถุดิบตรงจากฮอกไกโด ที่ส่งมาสดๆจาก Tsukiji โดยอาหารจะมีทั้งหมด 3 ชุด ประกอบด้วยอาหาร 7 อย่าง ปิดท้ายด้วย ฮอกไกโดชีสเค้ก และผลไม้สด ชุดแรกประกอบด้วย หอยนางรมฮอกไกโดทอดใน น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น กับเห็ดไมตาเกะ และมะเขือม่วง หอยนางรมสดหวานมาก การทอดทำได้ดีมากหอยสามารถเก็บความหวานและสดได้ เต้าหู้เนื้อปูราดซอสถั่วเหลืองและวาซาบิโดยไม่สุกเกินไป และไม่อมน้ำมัน ที่สำคัญยังเข้ากันได้ดีกับซอสน้ำส้มสายชูที่ให้ รสเปรี้ยวอ่อนๆ ตัดกับความเค็มนิดๆของหอยชุบแป้งทอด จากนั้นก็ยังมี ซุปหอยเชลล์ ใส่ไข่ตุ๋น ที่โรยหน้าด้วย หอมละมุน รสไข่ตุ๋นกลมกล่อม ภายในมีหอยเชลล์ใหญ่ฮอกไกโด 2 ชิ้น (ให้ชิ้นใหญ่มาก) เนื้อหอยสดแน่น เป็นซุปที่ช่วยเรียกน้ำย่อยต่อจากหอยนางรมทอดได้อย่างดี จากนั้นก็มาถึงพระเอกของชุดแรกนั่น คือ ซาชิมิ ที่ตกแต่งด้วยกลีบดอกไม้ และก้านของดอกชิโซะที่ลงตัวสวยงาม ซึ่งดอกชิโชะ ก็มาจากต้นเดียวกันกับใบชิโซะ เวลาคนญี่ปุ่นกินปลาดิบจะรูดดอกชิโซะลงในซอสโชยุ ซาชิมิจะมีปลาดิบชั้นดี 3 ชนิด ได้แก่ ปลาทูน่า ปลาหางเหลือง และกุ้งหวาน ปลาทูน่าส่วนท้องหรือโอโทโร่นั้นเอง (เห็นเป็นลายหินอ่อนจริงๆ) ซึ่งมาในสภาพที่สดอ่อนนุ่มไม่ได้ฟรีสเป็นก้อนนำ้แข็งมาแบบบางที่ หวานมันอร่อยจนแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือปลา แต่นั้นหละครับนี่คือรสแห่งความมหัศจรรย์แห่งโอโทโร่ที่คุณภาพสูง หอยปีกนก และ Yellowtail ซึ่งบอกได้ว่า ปลามีความสด นุ่ม และหวานธรรมชาติ และแซลมอนคุณภาพที่มีความมันความสดอย่างน่าประทับใจ รวมถึงวิธีการหั่นที่พอดีคำและถนอมความอร่อยของปลาได้เต็มที่ มาถึงชุดที่สอง ก็มี ปลาหิมะย่างราดซอสข้าวโพด จานนี้ถือว่าเป็นจานที่อร่อยเกินคาด เนื้อปลาย่างได้กรอบนอกในขณะที่เนื้อข้างในมีความนุ่มฉ่ำหวานและมันอร่อย และเข้ากับซอสที่ทา อร่อยมาก และ ปลาซัมมะตุ๋นเห็ดชิทะเกะและหัวไชเท้าญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงเป็นผักจากฮอกไกโด รสชาติอร่อยมาก ต่อด้วยจานต้มที่มีลูกชิ้นปลาแซลมอนที่เนื้อเนียนแน่นรสหอมอ่อนๆเบาๆกลมกล่อมเข้ากันได้ดีกับซอส ต่อด้วยซุปมิโซะไข่, สาหร่าย, เต้าหู้และหอม จานนี้รสชาติสมดุลอ่อนๆเบาๆ เพื่อ เตรียมไปสู่อาหารหลัก นั่นคือ เทมปุระกุ้งและผักรวม ที่ทอดได้ดี สีของแป้งมีสีเหลือง ทองอ่อนๆ บ่งบอกถึงการใช้ไฟและนำ้มันที่ดีและพิถีพิถัน คงความสดอร่อยของวัตถุดิบ และข้าวหน้าปลาแซลมอนและไข่ปลาแซลมอน หอมมันปูและแซลมอนโรยด้วยไข่ปลาแซลมอนและสาหร่ายที่หอมอร่อย รสหวานเค็มเบาๆมันกลมกล่อม นอกจากนี้ในเซ็ทยังมีของหวานปิดท้าย อย่างฮอกไกโดชีสเค้ก ที่หอมมาก ให้กลิ่นนมและตัดรสเบาๆด้วยซอสชาเขียว ตัวชีสเค้กเองเบาๆไม่เเน่นเลี่ยนจะให้ความรู้สึกคนละแบบกับนิวยอร์คชีสเค้ก…