Story : Nopmanee P.. / Photo : Pol.Capt. Kittin A
Chef : Mulako O / Cuisine type : Thai / Level : Casual Dining

วันนี้ kinandleisure.com จะพาทุกท่านนั่งเรือที่แม่น้ำเจ้าพระยา ข้ามเวลากลับไปยังบ้านโบราณที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 นั่งรับประทานข้าวแช่สูตรพิเศษของพระยา ไดนิ่ง และไปโพสท่าถ่ายรูปกัน ที่ขอบอกว่าที่นี่มีหลายมุมให้ถ่ายรูปพอสมควรเลยล่ะค่ะ

ทุกท่านที่จะมาที่นี่ต้องใช้การสัญจรทางน้ำแบบสมัยโบราณ นั่งเรือเข้ามา เนื่องจากที่นี่ทางรถเข้าไม่ถึง ซึ่งจะมีเรือของโรงแรมให้บริการ รับจากท่าพระอาทิตย์ หรือให้ไปจอดรถที่วัดราชาธิวาส แล้วโทรเรียกเรือให้รับจากท่านี้ก็ได้เช่นกัน ซึ่งเราได้เลือกอย่างหลังกัน เลยได้นั่งเรือชมท่าวาสุกรี วังบางขุนพรหม สะพานพระราม 8 ไปพลางๆก่อนที่จะถึงโรงแรม Praya Palazzo

เมื่อได้ขึ้นจากท่าน้ำแล้วเดินลอดซุ้มเหล็กดัดที่ทำเป็นชื่อโรงแรมไปสู่ลานหินขนาดกว้าง ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นสบายตา ได้ยลโฉมบ้านหลังนี้กันชัดๆ

ก่อนจะพูดถึงอาหารการกิน ยายขอเจียดเวลาพาเดินย้อนเวลากลับไปสักนิด ให้รู้จักกับบ้านหลังนี้เสียก่อน จะได้ซาบซึ้งเวลานั่งกินข้าวอยู่ใต้คานไม้ที่เคยผ่านกาลเวลามากว่าศตวรรษ

บ้านบางยี่ขัน นั้นสร้างขึ้นเมื่อ พุทธศักราช 2466 อยู่ในรัชสมัยของ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ตอนนั้นเมืองไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเก่าไปใหม่ ชนชั้นเจ้าขุนมูลนายเริ่มนิยมการสร้างเรือนในแบบตะวันตก บ้านหลังนี้เองก็เช่นกัน เขาสร้างตาม สถาปัตยกรรมแบบพาลาดิโอ ที่เน้นความสมดุล สัดส่วนเป๊ะๆ แบบคลาสสิก แต่แฝงไว้ด้วยความละมุนละไมแบบตะวันออก

เจ้าของบ้านคนแรกเป็นผู้ดีเก่าฝ่ายพลเรือน ชื่อเสียงขจรขจายตั้งแต่สมัยนั้น ยกบ้านนี้ขึ้นริมเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ตั้งชื่อว่า “บ้านบางยี่ขัน” ตามย่านถิ่นฐานอันเงียบสงบ บ้านหลังงามนี้เป็นศูนย์กลางของชีวิตครอบครัวอยู่หลายสิบปี จนเมื่อเจ้าของบ้านถึงแก่อสัญกรรม ลูกหลานจึงได้ส่งต่อบ้านให้กลายเป็นโรงเรียนอยู่ราว 30 ปีเต็ม

เมื่อกาลเวลาผ่านไป คนย้ายออก ผู้เรียนเติบโต ที่ดินนี้ก็ถูกปล่อยให้เงียบเหงา บ้านใหญ่เงียบงันอยู่นานเกือบยี่สิบปี ถูกเถาวัลย์และลมฝนกลืนกินทีละน้อย รอวันที่จะมีใครสักคนหันมาเหลียวแล

แล้วก็มีจริงๆ เจ้าค่ะ… เมื่อราวสิบกว่าปีที่ผ่านมา บ้านบางยี่ขันก็ได้เจอผู้มีใจรักในเรือนโบราณ เขาเข้ามาบูรณะด้วยความประณีต บางส่วนต้องรื้อแล้วก่อขึ้นใหม่ แต่เขาก็พยายามอย่างยิ่งให้บ้านกลับมามีหน้าตาใกล้เคียงกับเดิมที่สุด ไม่ลืมรายละเอียดเล็กๆ ที่คนโบราณเขาใส่ใจ ตั้งแต่คิ้วบัวกรอบประตู ยันลายลูกกรงระเบียง

จนที่สุด บ้านหลังนี้ก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้งในนาม Praya Palazzo กลายเป็นโรงแรมบูติกริมน้ำ ที่มีเสน่ห์เงียบงาม เหมือนหญิงงามในวังเก่าที่เพิ่งเผยโฉมให้ผู้คนได้เห็น

และไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวหรอกนะเจ้าคะ… ในปี พ.ศ. 2554 โรงแรมแห่งนี้ยังได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น เป็นเครื่องยืนยันว่าความรักและความตั้งใจที่เขาใส่ลงไปในแต่ละตารางนิ้วนั้น ไม่ได้สูญเปล่าเลย

เอาล่ะ เรากลับมาสู่เป้าหมายหลักของวันนี้กันดีกว่าค่ะ ที่ชั้นล่างของบ้านสีงาช้างตัดด้วยขาวนี้ เดินผ่านโถงทางเดินที่ปูด้วยกระเบื้องซีเมนต์ลายโบราณ เป็นห้องอาหาร พระยา ไดนิ่ง ก้าวข้ามประตูไปจะพบกับโถงทางเดินอีกชั้นหนึ่ง ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้โบราณ ซุ้มประตูฉลุลายสีน้ำตาลเข้ม จัดวางกันอยู่อย่างเป็นจังหวะและมีความสมมาตรอยู่ในตัว บนพื้นไม้กระดานสีน้ำตาลเข้มเช่นกัน

ก้าวผ่านซุ้มประตูเข้าไปนั้นเป็นห้องหลัก ภายใต้แสงโคมอัจกลับนั้นส่องให้เห็นโต๊ะกลมขนาดใหญ่กลางห้อง และเหล่าโต๊ะทานข้าวไม้สำหรับ 2-4 ท่านกระจายตัวกันอยู่ทั่วห้อง โดยมีฉากหลังเป็นผนังห้องสีแดงโบราณ

ชุดข้าวแช่สูตรพิเศษของพระยา ไดนิ่ง เสิร์ฟมาในชุดถ้วยถ้วยกระเบื้องเคลือบลายไทยสีทองบนพื้นขาว

ก่อนจะไปถึงข้าวแช่ ขอชิม แตงโมปลาแห้ง กันเสียหน่อย เพราะของว่างจานนี้นับว่าเป็นของโบราณที่คนรุ่นใหม่อาจจะมองข้าม แต่ถ้าได้ลองแล้วจะรู้ว่ามีดีมากกว่าความหอม
ของที่นี่เขาทำปลาแห้งได้ดีจริงๆ ใช้ ปลาช่อนตัวโตๆ เนื้อแน่น เอาไปย่างไฟให้หอม เสร็จแล้วถึงนำมาทุบ มาตำ จนเป็น ผุยผงเนื้อละเอียดแทบจะเบาเหมือนฝุ่นไหมทอง กลิ่นปลาแห้งของเขานี่สิเข้าจมูกนัก แค่เอาช้อนแตะ ก็ได้กลิ่นหอมฉุย ลอยขึ้นมาเลยทีเดียว

เขาเอาผงปลานั้นมาโรยบน แตงโมเนื้อแดงฉ่ำๆ หั่นเป็นชิ้นเล็กสี่เหลี่ยมลูกเต๋าพอเหมาะพอดี ไม่บางไม่หนาเกินไป แตงโมเย็นกำลังดี เคี้ยวแล้วชุ่มคอ รสหวานธรรมชาติ ตัดกับกลิ่นเค็มหอมของปลาแห้งที่คลุกมากับน้ำตาลนิด เกลือหน่อย คลุกจนแห้งพอดี ไม่มันเยิ้มอย่างบางที่

ชอบที่เขาเสิร์ฟมาใน จานกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินอมฟ้า ตัดกับสีแดงสดของแตงโมและผงปลาแห้งสีทองๆ เป็นจานที่แค่เห็นก็ชื่นใจเหมือนได้หวนไปบ้านคุณย่าเมื่อสมัยยังเด็กๆ ที่อากาศร้อนๆ แล้วมีคุณย่าหั่นแตงโมเย็นๆ มาเสิร์ฟพร้อมปลาแห้งตำใหม่ๆ นี่แหละเธอเอ๊ย ของว่างฤดูร้อนแท้ๆ ของไทยเรา

ถัดจากแตงโมปลาแห้ง ก็ขอลอง “ลูกกะปิ” จานนี้ จานที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่คนทำต้องเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งถึงจะทำออกมาได้ดี เพราะนี่มันไม่ใช่แค่กะปิเอาไปปั้นกลมทอดเฉยๆ นะเออ
ที่นี่เขาใช้ กะปิคลองโคนแท้ๆ กลิ่นหอมแรงกำลังดี มาผสมกับ กุ้งแห้งตำละเอียด กระชายซอยบางๆ แล้วก็ตะไคร้ซอยอย่างประณีต ทั้งหมดนี้เขาไม่ได้ใส่เยอะจนกลบรสกะปิ แต่ใส่พอดีๆ ให้พอมี “กลิ่นตาทุ่ง” แบบบ้านๆ อยู่ในคำเดียว พอปั้นจนได้รูปกลมขนาดพอคำ เขาก็เอาไปชุบแป้งบางๆ เบาๆ อย่างทะนุถนอม แล้วทอดจนเป็น สีเหลืองทองผ่อง มองแล้วเหมือนทองลูกจันทร์อยู่ในชาม

พอเคี้ยวเข้าไป โอ้โฮ… รสกะปิชัดนักหนา! น่าตกใจเอามือทาบอก เพราะเดี๋ยวนี้จะหาคนกล้าใช้กะปิเพียวๆ แบบนี้ไม่ง่ายเลยนะเจ้าคะ ส่วนใหญ่เขาจะเอาไปผสมกับเนื้อปลาหรือเนื้ออื่นๆ ให้รสมันนุ่มลง แต่ที่นี่ เขารู้ว่าคนรักกะปิ ต้องได้กลิ่น ต้องได้เค็ม ต้องได้แอบเผ็ดซ่านลึกๆ จากตะไคร้กระชายที่ซุกอยู่ข้างใน ถึงจะถึงใจ

แล้วยังไม่หมดนะเจ้าคะ… เขาเอาไส้กะปินี่ไปยัดในหอมแดงอีกทีหนึ่ง โอ๊ย อยากร้องเพลงเต้นลีลาศพาชวนเชิญให้คนคิด ยัดแน่นพอดีคำ แล้วก็เอาไปอบหรืออังไฟให้หอมแห้งๆ หอมแดงหวานนิดๆ ตัดรสเค็มจัดของกะปิอย่างดีนัก

ลูกกะปิจานนี้ไม่ใช่แค่อร่อย แต่ยังแสดงให้เห็นว่าเขารู้จักวัตถุดิบดี รู้วิธีบาลานซ์รสแบบไทยๆ ไม่ได้ใส่อะไรล้นๆ แต่ละคำมีเหตุมีผลของมัน

ไข่เค็ม ปั้นเป็นลูกเล็กๆกลมๆแล้วชุบแป้งทอด ให้ความมันๆของไข่เค็มได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่

ไชโป้วผัด หั่นไชโป๊วเป็นเส้นๆแล้วนำไปผัดกับน้ำตาลมะพร้าว และน้ำตาลทรายขาวเพิ่มความเงาวาวสวยใส ผัดด้วยไฟอ่อนและอาศัยความรวดเร็วในการกวนจนได้เป็นเส้นกรึบๆ หวานๆ นี้มา


พริกหยวกยัดไส้ ด้านในเป็นหมูและกุ้งสับผสมสามเกลอ สอดไส้ในพริกหยวก ชุบไข่ทอดได้เป็นเกล็ดๆสีทอง เป็นชิ้นที่มีรสเผ็ดค่อนข้างเยอะ มาเป็นชิ้นใหญ่ให้ค่อยๆตัดแบ่งทาน

พอได้ยกชามข้าวแช่มาวางตรงหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะสูดกลิ่นหอมเสียก่อน เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะเขาใช้น้ำลอยดอกไม้แท้ๆ ที่ ผ่านการอบควันเทียนอย่างใจเย็น

เป็นน้ำที่ไม่ใช่แค่นำดอกมาลอยแล้วจบ แต่เขา “ครอบน้ำ” ด้วยควันเทียนให้กลิ่นซึมซาบเข้าไปในตัวน้ำทีละนิด ทีละชั่วโมง จนได้กลิ่นหอมที่ไม่ใช่แค่ลอยมาเฉยๆ แต่แทรกอยู่ทุกหยดอย่างนุ่มนวล ฟุ้งนักหนาแต่ไม่ฉุนเลยเจ้าค่ะ… ยืนยันได้จากปลายจมูกนี่แหละ

พอลองช้อนข้าวขึ้นมาดู ก็ต้องพยักหน้าให้เลย ข้าวที่เขาใช้เป็น ข้าวหอมมะลิเก่า หุงอย่างพอดิบพอดี ไม่แฉะ ไม่แข็ง ไม่ติดกันเป็นก้อน แต่ละเม็ดเรียงตัวอย่างสง่างาม ราวกับเพิ่งคลี่กลีบออกจากรวง

การจะได้ข้าวแบบนี้ไม่ใช่แค่ใส่น้ำแล้วหุงนะเจ้าคะ มันต้องเริ่มตั้งแต่ ล้างข้าวให้หมดเมือก หมดกลิ่นดิบ จนน้ำที่ล้างออกมาใสแจ๋ว แล้วแช่ทิ้งไว้ให้ข้าวอิ่มตัวก่อนหุง ถึงจะได้เนื้อสัมผัสแบบนี้ แล้วพอหุงเสร็จยังต้องรอให้เย็น แล้วเอาไปแช่น้ำอบดอกไม้อีกที ใครไม่เคยทำอาจนึกไม่ถึง แต่มือนี่แหละต้องนิ่ง ต้องรู้จังหวะ

ผักเคียงมีจัดมาให้ 2 ชุด อาทิ กระชาย แตงกวา มะม่วงแกะสลัก (ช่วยดับความเผ็ดดีนักแล)

และของหวานสำหรับข้าวแช่ชุดนี้เป็น ส้มฉุนลอยแก้ว หนึ่งในของหวานดับร้อนฉบับไทยโบราณแบบชาววัง มีรสหวานๆ(เปรี้ยวนิดนึง) มีเนื้อลิ้นจี่คว้าน มีความมันของถั่วลิสงคั่ว ความเผ็ดร้อนของขิงอ่อนซอย เนื้อส้มโอฉีกที่ทำตัวเป็นกลางให้หลากหลายรสชาติได้ฉายแววโดดเด่น ลอยมาในน้ำเชื่อมลอยดอกมะลิ ในถ้วยแก้วเนื้อหนาลายจีบ

ด้วยอากาศร้อนๆแบบนี้ ยังมีเหล่าน้ำปั่นที่จะเป็นตัวช่วยรีเฟรชเราได้อีกทาง ขอแนะนำ 2 แก้วนี้ค่ะ
ชื่นจิต

รักเดียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่หลากชนิดนำมาปั่นด้วยกัน แก้วนี้มีรสนวลๆจนรสเบอร์รี่ทั้งหลายค่อยๆขึ้นมาตอนท้าย เสิร์ฟมาในแก้วใสทรงสูง ท๊อปด้วยเบอร์รี่และใบมิ้นต์ตัดกับน้ำปั่นสีแดงได้เป็นอย่างดี




ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยขนม ทองเสน่หา (ที่ดิฉันก็เพิ่งเคยได้ยินขนมชื่อนี้) ปรากฏเค้าเป็นขนมอบโบราณที่หาทานยากแล้ว มีไส้ผลไม้แห้ง ทานคู่กับชาร้อน ตัวขนมหอมกลิ่นควันเทียน แป้งเนื้อละเอียดถูกบีบอัดกันจนเป็นชิ้น รสออกหวานเค็มๆ (จนแอบมีนึกถึงคุ๊กกี้สิงคโปร์แว๊บๆ) ด้านบนแวววาวด้วยสเปรย์ทองนิดๆให้ลุคที่ดูหรูหรายิ่งขึ้น
ชุดข้าวแช่สูตรพิเศษของพระยา ไดนิ่ง นี้สามารถไปทานได้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้

ในราคา 819++ บาทต่อท่าน หรือ 1,500++ บาทต่อเซ็ตสำหรับสองท่าน
(ในรีวิวนี้เป็นชุดสำหรับ 4 ท่าน)

โปรดสำรองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน (เชฟจะได้มีเวลาเตรียมใหม่ให้)

โทร 081-402-8118 หรือ 02-883-2998
Kin Review
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์