“ข้าวแช่เจ้าพระยา” สำรับฤดูร้อนที่สะท้อนชีวิตริมน้ำ อย่างวิจิตรและละเมียดละไม





ห้องอาหารไทยดั้งเดิมริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ ยังคงยืนหยัดในฐานะจุดหมายปลายทางของผู้หลงใหลรสมือชาววังและเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมไทยอย่างแท้จริง

ปีนี้ เพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูร้อนอย่างสง่างาม ทางห้องอาหารได้เชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์ “ข้าวแช่เจ้าพระยา”

สำรับอาหารชาววังระดับพรีเมียมที่ถูกบรรจงรังสรรค์ขึ้นใหม่ในรูปแบบที่ทั้งสง่างามและเปี่ยมด้วยความหมาย

ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม 2568 นี้ แขกผู้มาเยือนจะได้ลิ้มลองข้าวแช่หอมเย็นชื่นใจ เสิร์ฟคู่เครื่องเคียงโบราณมากกว่า 20 ชนิด ทุกรายการล้วนผ่านการคัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยม และกรรมวิธีอันพิถีพิถันไม่ต่างจากตำรับในราชสำนักโบราณ

ไม่ว่าจะเป็นลูกกะปิทอด หอมแดงยัดไส้ ปลาช่อนแห้งฝอย หรือไชโป๊วหวาน ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีการเตรียมอย่างประณีตหลายขั้นตอน เพื่อให้ได้ทั้งรสชาติ ลักษณะเนื้อสัมผัส และกลิ่นหอมสมบูรณ์แบบ

ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ คือการจัดวางสำรับอาหารที่ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการเสิร์ฟ หากแต่เป็นการเล่าเรื่องราวผ่าน “ตู้กับข้าว” และ “เรือไม้” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์วิถีชีวิตไทยริมน้ำในอดีต ทุกองค์ประกอบ

ตั้งแต่ภาชนะไม้สลักลวดลาย ไปจนถึงการเลือกใช้เครื่องถ้วยเบญจรงค์และผ้ารองสำรับลายไทยโบราณ ล้วนสะท้อนความตั้งใจในการสืบทอดมรดกวัฒนธรรมด้วยหัวใจอันลึกซึ้ง

“ข้าวแช่เจ้าพระยา” ชุดนี้ จึงมิใช่เพียงอาหาร หากเป็นงานศิลปะที่เชื้อเชิญให้ผู้ลิ้มลองได้ดื่มด่ำกับรสสัมผัสเย็นฉ่ำ เคล้าเสียงสายน้ำเจ้าพระยา และย้อนเวลาสัมผัสชีวิตเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยรสนิยมของชาวสยามในอดีตได้อย่างเต็มเปี่ยม

ฤดูร้อนปีนี้ หากปรารถนาจะมองหาอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ทั้งปลุกเร้าทุกประสาทสัมผัส และมอบความสุขใจอย่างลึกซึ้ง “ข้าวแช่เจ้าพระยา” จากห้องอาหารริมเจ้าพระยาแห่งนี้ คือหนึ่งในสำรับที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เปิดสำรับด้วยของว่างโบราณ
ม้าฮ่อในแสงเงาร่วมสมัย: เมื่อวรรณศิลป์แห่งรสชาติคืนชีวิตบนจาน
หากอาหารคือภาษาหนึ่งของวัฒนธรรม ม้าฮ่อคงเปรียบได้กับกลอนบทหนึ่งของชาววัง ที่มิได้เพียงให้ความอิ่มเอมแก่ร่างกาย หากแต่กระตุ้นต่อมความทรงจำ ความละเมียดละไม และความสัมพันธ์ระหว่างคนกับแผ่นดิน—ผ่านรสชาติที่ซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายด้วยคำสามัญธรรมดา

ม้าฮ่อเบื้องหน้านี้ จึงมิใช่เพียงภาพถ่ายอาหาร หากเป็นร่องรอยของวาทกรรมร่วมสมัยที่เชฟผู้รังสรรค์จงใจสนทนากับอดีต กล่าวกับมรดกแห่งครัวไทยด้วยความเคารพ พร้อมทั้งกล้าหาญพอจะก้าวข้ามแบบแผนเดิมอย่างสุขุมรอบคอบ
ตัวผลไม้ สับปะรดฝานเป็นวงหนา ไม่ได้ถูกเลือกเพียงเพื่อความเปรี้ยวหวานหอมฉ่ำ หากยังเป็นผืนผ้าใบที่เปิดพื้นที่ให้กลิ่นไหม้อ่อนจากเตาย่างกลั่นกลิ่นควันไม้ให้กึกก้องอยู่เงียบ ๆ ใต้ผิวทองกรอบ เปรียบประหนึ่งบทนำที่เงียบงันแต่หนักแน่น ก่อนจะเปิดทางให้เครื่องไส้ด้านบนทำหน้าที่เป็นใจความ

ไส้ม้าฮ่อสูตรดั้งเดิมมักประกอบด้วยกุ้ง หมู และเครื่องเทศผัดจนเหนียวข้น กลมกล่อม แต่ในจานนี้ สิ่งที่เชฟนำเสนอคือการลดทอนโปรตีนจากสัตว์ลงอย่างกล้าหาญ และแทนที่ด้วยถั่วลิสงคั่วบดผัดรสเข้มข้น ผสานกลิ่นหอมของรากผักชี กระเทียม พริกไทย และน้ำตาลมะพร้าวละลาย รสสัมผัสเหนียวแน่นนั้นยังอยู่ แต่ความหมายกลับแปรเปลี่ยน กลายเป็น “ความกรุณา” ที่เสิร์ฟคู่กับรสชาติ

องค์ประกอบตกแต่ง เม็ดทับทิมแดงระยับ วอลนัตอบหอม พริกจินดาซอยบาง และชิ้นมะนาวที่สลักเสลาให้คล้ายหยาดฝน ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องประดับ หากคือบทสร้อยท้ายของบทกลอน เป็น “เสียงสะท้อน” จากองค์ประกอบหลักที่ช่วยเสริมความสมบูรณ์ทั้งรสชาติและทัศนียภาพ เป็นภาพแห่งความอ่อนโยนที่แทรกอยู่ในรสเผ็ดเปรี้ยว เป็นดุลยภาพของความขัดแย้งที่พอดี
“ม้าฮ่อ” จึงไม่ใช่แค่อาหารว่าง หากคือวรรณกรรมที่กินได้ เป็นศิลปะที่เล่าเรื่องผ่านกลิ่น รส และผิวสัมผัส เป็นบทพิสูจน์ว่ามรดกไทยมิได้แช่แข็งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ หากดำรงอยู่ในมือของคนที่เข้าใจ และกล้าที่จะเดินต่ออย่างอ่อนน้อมแต่มั่นคง
ส้มฉุนลิ้นจี่โรยหอมแดงทอด

วัตถุดิบ: ลิ้นจี่สด, น้ำอบดอกไม้, น้ำตาลกรวด, มะม่วงดิบ, หอมแดง, น้ำแข็งบด
กรรมวิธี:
นำลิ้นจี่สดปอกเปลือก นำไปลอยในน้ำอบดอกไม้ที่ทำจากกลิ่นมะลิ กระดังงา และกุหลาบ เติมด้วยน้ำตาลกรวดพอหวานเย็น โรยหน้าด้วยหอมแดงทอดกรอบเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมเค็ม ๆ มัน ๆ ตัดรสหวาน
ประวัติ: ตำรับของหวานโบราณที่นิยมในฤดูร้อน เพื่อช่วยขับร้อน ถอนพิษไข้ ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ไฮไลท์: ข้าวแช่สองสี
ข้าวสุรินทร์และข้าวอัญชัน

วัตถุดิบ: ข้าวหอมสุรินทร์ปลอดสารพิษ, ดอกอัญชัน, น้ำอบดอกไม้ 3 รอบ
กรรมวิธี:
เลือกใช้ข้าวสุรินทร์เมล็ดยาว พักข้าวหุงสุกแล้วนวดข้าวในน้ำเย็นเปลี่ยนหลายครั้งจนได้ข้าวเมล็ดใสกรอบบาง จากนั้นแช่ในน้ำอบหอมด้วยกลิ่นมะลิ กระดังงา และกุหลาบที่ลอยดอกไม้จริงทุกวัน เปลี่ยนน้ำทุก 8 ชั่วโมงเพื่อความหอมบริสุทธิ์ ดอกอัญชันบดให้ได้สีครามสวย แยกไว้เป็นอีกชั้นหนึ่ง

ข้าวแช่เป็นอาหารรับร้อนที่ชาวมอญนำเข้ามาสู่ไทยในสมัยอยุธยา และพัฒนาจนหรูหราสูงสุดในสมัยรัชกาลที่ 5 ในราชสำนัก และแตกออกไปหลากหลายตำหรับตามความชอบความนิยมเจ้านายแต่ละวัง อาทิ ตำหรับวังวรดิศ ตำหรับวังวรวรรณ ตำหรับวังสระปทุม เป็นต้น

เครื่องเคียงชาววังละเอียดลึก
พริกหยวกสอดไส้หมูกุ้ง

วัตถุดิบ: พริกหยวกคัดลูกอ่อน, หมูบด, กุ้งบด, รากผักชี, พริกไทย, กระเทียม
กรรมวิธี:
นำหมูและกุ้งสับปรุงรสด้วยรากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลกละเอียด แล้วยัดใส่ในพริกหยวกที่คว้านไส้ออก นำไปนึ่งแล้วจึงย่างไฟถ่านอ่อน ๆ ให้เกิดกลิ่นหอมเฉพาะตัว
พริกหยวกสอดไส้หมูกุ้งเป็นตำรับเครื่องเคียงชาววังแต่โบราณ นิยมใช้ในงานเลี้ยงสำคัญ
สไบแพร

วัตถุดิบ: หมูบด, กุ้งบด, ไข่ไก่สด, พริกไทย, น้ำปลาอย่างดี
กรรมวิธี:
ไส้หมูกุ้งผสมละเอียด ตีไข่บางเฉียบทอดเป็นแผ่นบางด้วยกระทะทองเหลือง นำไส้วางกลางแล้วม้วนให้เหมือนผ้าสไบแนบตัว กริลล์ไฟอ่อนให้กลิ่นถ่านบาง ๆ
สไบแพรเป็นอาหารหวานน้อย ห่อประณีตนิยมในโต๊ะวังหลวงสมัยรัชกาลที่ 4-5
พริกแห้งบางช้างสอดไส้ปลาแซลมอนผัด

วัตถุดิบ: พริกแห้งบางช้าง, เนื้อปลาแซลมอน, น้ำตาลโตนด, น้ำปลา, หอมแดงเจียว
กรรมวิธี:
นำพริกแห้งบางช้างซึ่งมีเนื้อหนาเงาสวย แช่น้ำให้นุ่ม แล้วยัดไส้ปลาแซลมอนบดผัดหวานแบบไทยดั้งเดิม ทอดเบา ๆ ให้กรอบนอก
พริกแห้งบางช้างสอดไส้ปลาเดิมทีใช้ปลาเนื้อขาว ปรับสูตรด้วยแซลมอนเพื่อเพิ่มความหอมมันร่วมสมัย

- ลูกกะปิปลาช่อนชุบทอด: กะปิคลองโคลนหอมกรุ่น นำมาปรุงกับเนื้อปลาช่อนนา ตีเป็นลูกกลมขนาดพอดีคำ ชุบแป้งทอดจนเหลืองทอง กรอบนอกนุ่มใน
- ปลายี่สนผัดหวานปั้นก้อน: เนื้อปลายี่สนปรุงรสหวานนวล ผัดจนเหนียวแล้วปั้นเป็นก้อนขนาดพอดี เสิร์ฟเรียบร้อยแบบราชสำนัก
- ปลาใบฉาบหวาน: ปลาใบแผ่นบางฉาบด้วยน้ำตาลโตนดแท้ เผยกลิ่นหอมและรสหวานกลมกล่อม เคี้ยวกรอบแตกละเอียดในปาก

- ปลาช่อนนาฉาบหวาน: ปลาช่อนนาผ่าชิ้นพอดี เคลือบซอสหวานจากน้ำตาลโตนดแล้วฉาบไฟ จนได้รสหวานเค็มมันในคำเดียว
- ม้าอ้วนหมูเนื้อปูก้อน: ไส้หมูสับเนื้อแน่น ผสานเนื้อปูก้อนสด รสหวานธรรมชาติ ห่ออย่างแน่นหนาก่อนนำไปทอดให้กรอบนอกนุ่มใน
- หมูเปียปลากุเลา: หมูเปียผัดกับปลากุเลาเค็มหอม เสริมรสเค็มหวานอย่างมีมิติ

- ยำมะม่วงแก้วขมิ้นเคล้ามะพร้าวคั่ว: มะม่วงแก้วสุกผสมขมิ้นสดขูดฝอย เคล้ากับมะพร้าวคั่วหอมกรุ่น ให้รสเปรี้ยวอมหวานและกลิ่นหอมคล้ายสมุนไพร
- ไชโป๊ผัดหวานด้วยน้ำตาลโตนด: ไชโป๊หวานผัดจนเหนียวด้วยน้ำตาลโตนดแท้ ได้รสหวานเค็มมันอย่างประณีต
- ปอเปี๊ยะไส้ไชโป๊หวาน: ปอเปี๊ยะบางกรอบห่อไส้ไชโป๊ผัดหวาน ตำรับราชสกุลวรวรรณ รสชาติละมุนละไม

- หมูฝอยหวานหอมเจียว: หมูฝอยเส้นบางกรอบ ราดด้วยน้ำมันหอมเจียวสดใหม่ กลิ่นหอมเย้ายวน
- เนื้อฝอยหวานลูกผักชี: เนื้อวัวฝอยหวานคลุกเคล้ากับลูกผักชีบดหยาบ ให้กลิ่นและรสแบบเครื่องเทศไทยแท้
- อัญชันสอดไส้ไก่: ดอกอัญชันสดห่อไส้ไก่บดผัดปรุงรสหอมเบา เสิร์ฟเย็นชื่นใจ

- หอมแดงสอดไส้ไก่: หอมแดงลูกเล็กสอดไส้เนื้อไก่บดผัดจนหอมหวาน เคี้ยวกรุบกรอบ
- ไข่แดงเค็มชุบทอด: ไข่แดงเค็มเต็มคำ ชุบแป้งทอดกรอบนอกเยิ้มใน ให้รสเค็มมันเข้มข้น
- กุ้งไม้ฉาบ: กุ้งแห้งตัวเล็กฉาบน้ำตาลบางๆ เคี้ยวกรอบหอมมัน

- ปลาหมึกวงฉาบเค็มพริกแห้ง: ปลาหมึกวงแห้งคลุกเค็มและพริกแห้งทอดหอมกรุ่น รสชาติจัดจ้าน
- แซลมอนผัดหวาน ตำรับเก่าของหม่อมหลวงเติบชุมสาย: เนื้อแซลมอนหั่นเต๋าผัดกับน้ำตาลโตนดตามสูตรตำรับเก่า ให้รสหวานละมุนและกลิ่นเฉพาะตัว

และสุดท้าย สำรับนี้เสิร์ฟแนบด้วย ผักสดแกะลาย นานาชนิด เช่น แตงกวา มะเขือ ขมิ้นขาว ดอกแค ทั้งหมดผ่านการแกะสลักลวดลายอย่างวิจิตร เสริมความงามและความสดกรอบสไตล์ชาววังแท้

สำรับ “ข้าวแช่สองสี” ชุดนี้จึงไม่ใช่แค่การรับประทานอาหาร หากเป็นการเดินทางผ่านรสชาติ ความทรงจำ และวัฒนธรรมที่ตกผลึกมาหลายร้อยปี และกำลังเบ่งบานอย่างละเมียดในฤดูร้อนปีนี้ ณ ริมฝั่งเจ้าพระยา
ฤดูร้อนในแก้วคริสตัล” มะม่วงแก้วขมิ้นเชอร์เบทกับน้ำปลาหวานกุ้งแห้ง — บทกวีปลายมื้ออาหารในโทนสีทอง
ในถ้วยแก้วคริสตัลที่สะท้อนแสงละมุนราวอัญมณีแห่งฤดูร้อน วางอยู่เมนูของหวานที่มิใช่เพียงบทสรุปของมื้ออาหาร หากแต่เป็นบทกวีที่ขับขานเรื่องราวของวัตถุดิบไทยอย่างแยบยล เมนูนี้คือ “มะม่วงแก้วขมิ้นเชอร์เบทน้ำปลาหวานกุ้งแห้ง” ความหาญกล้าทางรสชาติที่ไม่ลืมรากเหง้า หรูหรา เรียบง่าย และลึกซึ้งในคราวเดียวกัน

ความประทับใจเริ่มต้นตั้งแต่สัมผัสแรกของเชอร์เบทมะม่วงแก้วผสานขมิ้นสดที่ละลายบนลิ้นอย่างนุ่มนวล เปล่งกลิ่นหอมหวานชวนให้นึกถึงสวนมะม่วงกลางหน้าร้อน เนื้อมะม่วงแก้วซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเนื้อแน่นและกลิ่นเฉพาะเมื่อถูกบดเย็นและแต่งแต้มด้วยความอบอุ่นของขมิ้น กลับกลายเป็นความสดชื่นที่มีพื้นหลังของแผ่นดินอยู่ในนั้น กลิ่นดินอ่อน ๆ ของขมิ้นไม่กลบกลิ่นผลไม้ หากแต่เสริมให้ลุ่มลึกและมีชีวิตขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
ในขณะเดียวกัน น้ำปลาหวานที่ราดคลุมเบาบนผิวเชอร์เบท ก็คือบทบรรยายถึงความกลมกล่อมของวัฒนธรรมไทยที่กล้าให้รสหวานเค็มอยู่ร่วมกันอย่างสง่างาม น้ำปลาดีเคี่ยวน้ำตาลปี๊บอย่างละเมียด เคล้าเครื่องอย่างหอมแดงซอยและพริกจินดาแดงให้กลิ่นละมุน ตัดความเย็นของเชอร์เบทด้วยความอบอุ่นของน้ำปลาหวานที่ซึมซับอยู่ในเนื้อทุกคำ กุ้งแห้งโขลกหยาบโปรยอยู่ด้านบนราวฝุ่นทอง เป็นกลิ่นอายแห่งครัวไทยที่ไม่เคยจางหาย

และในตอนท้ายของคำ มะม่วงหนึบที่วางประดับเป็นเส้นยาวโค้งเคียงข้างนั้น เสมือนเครื่องประดับสุดท้ายของบทเพลง มะม่วงชิ้นนี้ผ่านการกวนและอบอย่างพิถีพิถันจนเหนียวนุ่ม ให้รสเปรี้ยวอมหวานที่เสริมให้รสชาติของทั้งถ้วยมีมิติและจังหวะ มันไม่ใช่แค่การเคี้ยว แต่คือการรำลึกถึงอดีตผ่านรูป กลิ่น และเนื้อสัมผัส
ทั้งหมดนี้เสิร์ฟมาในภาชนะคริสตัลแบบย้อนยุคที่ยกระดับเมนูพื้นบ้านให้มีรัศมีของความสง่างามดุจเครื่องประดับบนโต๊ะอาหารชั้นสูง เมนูของหวานจานนี้จึงมิใช่เพียงการปิดท้ายมื้ออาหาร หากเป็นการมอบภาพจำ ว่ารสชาติแบบไทยแท้นั้นสามารถแปรเปลี่ยนให้ร่วมสมัยได้อย่างอ่อนโยนและสง่างามเพียงใด
ดื่มด่ำกับรสชาติแห่งฤดูร้อนผ่านสำรับข้าวแช่สุดประณีต ที่รังสรรค์จากวัตถุดิบชั้นเลิศ พร้อมเสิร์ฟในบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันเงียบสงบ ณ ห้องอาหาร
เดอะ สยาม ที รูมท์ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เวลา 12:00 – 16:00 น. ราคา 999++ อีกทั้งยังสามารถสั่งกลับบ้านบรรจุในกระเป๋าสานสุดหรูในราคา 720++
ห้องอาหารเดอะ สยาม ที รูมท์ สามารถเดินทางมาถึงได้อย่างสะดวกทั้งทางบกและทางน้ำ รวมไปถึงเรือรับส่งฟรีจากท่าเรือติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสะพานตากสิน
สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาโทร. +66 (0) 2 059 5999 อีเมล [email protected] หรือจองผ่าน www.thesiamtearoom.com/specials
Kin Review
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์