Bloody Mary ค็อกเทลสูตรพิเศษที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานแห่งตระกูลเซนต์ รีจิส ตั้งแต่ปีสมัย 1934 ที่เริ่มคิดค้นขึ้น จาก แฟร์นองด์ เปอติโอต์ บาร์เทนเดอร์ ณ คิง โคล บาร์ ของ เดอะ เซนต์ รีจิส นิวยอร์ก ที่เป็นผู้คิดริเริ่มเครื่องดื่มค็อกเทลที่มีชื่อว่า เรด สแนปเปอร์ (Red Snapper) จนต่อมาได้เปลื่ยนชื่อเป็น บลัดดี้ แมรี่ และกลายเป็นหนึ่งในค็อกเทลที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเวลาต่อมา
นี่คือเครื่องดื่มที่ว่ากันว่ารักษาอาการเมาค้างได้ชะงัด บลัดดีแมรี (Bloody Mary) ทำจากวอดก้า น้ำมะเขือเทศ และเครื่องปรุงรสแรงอีกหลายอย่าง เช่น พริกชี้ฟ้าหรือพริกไทยดำ (black pepper) กับทาบาสโก และ วูสเตอร์ซอส (Worcestershire sauce)
หลายคนลือกันว่าตั้งชื่อตามพระนางเจ้าแมรีที่ 1 (1516-1588) ผู้นับถือนิกายคาทอลิกและถูกจดจำในสมญา “แมรีนองเลือด” จากการสั่งล่าผู้ที่หันไปนับถือนิกายโปรเตสแตนต์อย่างไม่ลดละ คนเกือบ 300 คนถูกจับมัดกับเสาเผาทั้งเป็น คาดว่าสีน้ำมะเขือเทศคงดูคล้ายเลือดของผู้ที่ต้องสังเวยชีวิตเพราะพระนาง แต่เครื่องดื่มชนิดนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับพระนาง
เมื่อค้นพบว่าการเรียกวอดก้าผสมน้ำมะเขือเทศว่าบลัดดีแมรีในปารีสตั้งแต่ปี 1921 จึงไม่คิดว่าชาวฝรั่งเศสจะตั้งชื่อเครื่องดื่มค็อกเทลชนิดใหม่ตามชื่อราชินี อังกฤษ อันที่จริง พนักงานประจำบาร์ชาวฝรั่งเศสทั่วๆไปไม่น่าจะรู้จักหรือสนใจ พระนางด้วยซ้ำ คนในสมัยนั้นที่น่าจะเป็นเจ้าของชื่อแมรีนี้มากกว่าคือดาราภาพยนตร์ แมรี พิกฟอร์ด (Mary Pickford, 1892-1979) เคยมีคนตั้งชื่อค็อกเทลสีแดงอีกชนิดหนึ่งตามชื่อเธอมาแล้ว
นักเขียนคอลัมน์ซุบซิบชาวนิวยอร์ก ลูเซียส บีบิ (Lucius Beebe) หนึ่งในคนแรกๆที่กล่าวถึงเครื่องดื่มชนิดนี้และคนจดจำกันได้ในปี 1939 เขาเขียนว่า “เครื่องดื่มสร้างความสดชื่นชนิดใหม่ล่าสุดฝีมือ จอร์จ เจสเซิล (George Jessel) ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของนักข่าวในเมืองนี้ ชื่อว่าบลัดดี แมรี เป็นน้ำมะเขือเทศครึ่งหนึ่ง วอดก้าอีกครึ่งหนึ่ง” เกือบ 3 ทศวรรษต่อมาในปี 1964 New Yorker ตีพิมพ์บทความที่แนะว่าบาร์เทนเดอร์ชาวฝรั่งเศสชื่อแฟร์นองด์ เปอติโอต์ (Fernand Petiot) เป็นผู้คิดค้นค็อกเทลรสร้อนแรงชนิดนี้ ซึ่งในนิตยสารฉบับดังกล่าวได้ยกถ้อยคำของเปอติโอต์มาดังนี้
“ผมเป็นคนคิดค้นบลัดดีแมรีอย่างที่รู้จักกันในปัจจุบัน เจสเซิลบอกว่าเขาเป็นคนคิด แต่ตอนที่ผมรับช่วงมันมา มันเป็นแค่วอดก้าผสมน้ำมะเขือเทศเท่านั้น ผมเติมเกลือ 4/8 ช้อนชา พริกไทยดำ 2/8 ช้อนชา พริกชี้ฟ้าป่น 2/8 ช้อนชา และวูสเตอร์ซอสอีกนิดหน่อยลงในก้นกระบอกเชกเกอร์ จากนั้นก็เติมน้ำเลมอนนิดหน่อยกับน้ำแข็งทุบ ใส่วอดก้า 2 ออนซ์และน้ำมะเขือเทศเข้มข้น 2 ออนซ์ เขย่า กรอง แล้วจึงเทใส่แล้ว เราเสิร์ฟบลัดดีแมรีวันละ 100-150 แก้วที่คิงโคลรูม (บาร์ค็อกเทลทันสมัยที่โรงแรมเซนต์เรจิส ย่านกลางเมืองแมนฮัตตัน) และในร้านอาหารอื่นๆกับตามห้องจัดเลี้ยงต่างๆ”
ข้อมูลอื่นๆก็สนับสนุนเรื่องนี้ นั่นคือบ่งชี้ว่าเปอติโอต์เป็นผู้คิดค้นบลัดดี แมรี และในเมื่อเขาทำงานที่ปารีสตอนปี 1921 และพระนางแมรีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชื่อค๊อกเทลนีร้อย่างที่หลายคนกล่าว
ปัจจุบันบลัดดี้แมร์ได้เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ด้วยรสชาติที่เผ็ดร้อนสดชื่นแปลกปากถูกใจ และมีการดัดแปลงสูตรให้เข้าและเหมาะ ถูกปากกับคนแต่ละภูมิภาค เช่นสยามแมรี่ซึ่งเป็นบลัดดี้แมรี่สูตรที่เพิ่มความเป็นไทยและเป็นซิก เนเจอร์ของโรงแรมเซนรีจิสกรุงเทพฯ ซึ่งเราจะมีรายการที่เปิดเผยถึงกรรมวิธีการทำเร็วๆนี้ทาง Kin Channel ครับ
เรียบเรียงโดยทีมงานกินแหลกแจกดาว Kinlake Stars Team