วันนี้ Kinlakestars.com เราจะพามาชิมไวท์อัลบาทรัฟเฟิล หรือ white alba truffle ซึ่งเป็นเห็ดชนิดหนึ่งที่ทุกคนอาจจะเคยได้ยินสรรพนามว่ายกย่องเป็น Queen of Food (ถ้ายกให้ Cavierเป็น King นะครับ) ในภาษาอิตาลี ถึงกับเรียกว่า Trifola d’Alba Madonna แปลว่า Truffle of White mother ปกติแล้วเห็ดชนิดนี้จะขึ้นที่ อิตาลีภาคเหนือ เมืองที่มีชื่อที่สุดคือ เมือง อัลบา (Alba) ครับ
การจะเก็บเกี่ยวเห็ดชนิดนี้จะได้แค่เพียงไม่กี่เดือนต่อปีเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะเก็บเกี่ยวกันช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงถึงต้นฤดูหนาวครับ ซึ่งเราก็จะลิ้มลองกันช่วงปลายปีพอดี และความพิเศษอีกอย่างของ ไวท์อัลบาทรัฟเฟิล คือ เห็ดชนิดนี้นั้นแพร่พันธุ์ในธรรมชาติเท่านั้น แปลว่าต้องเก็บเองครับ หรือในยุโรปเค้าอาจจะให้หมูป่า หรือสุนัขที่สอนให้ดมกลิ่นเห็ดเดินตามหาครับ ซึ่งต่างจากทรัฟเฟิลชนิดอื่นที่ปลูกได้นะครับ ฟังแล้วอยากเริ่มลองกันเลย
ในส่วนของรสชาตินั้น เห็ดชนิดนี้แทบจะไม่มีรสชาติเลย แต่จุดเด่นของเค้าคือ กลิ่นครับ กลิ่นจะหอมนุ่มมากเลย ถ้าใครเคยทาน มากาฮอง(Macaron) ร้าน Pierre Hermé รสทรัฟเฟิลจะรู้ว่ากลิ่นหอมขนาดไหนแต่ว่าอันนั้นเค้าผสมจากนํ้ามันทรัฟเฟิลครับ แต่วันนี้เราจะมาชิม ทรัฟเฟิลกันจริงจังเลยครับ
วันนี้ห้องอาหารอิตาเลียน บิสก็อตติ ที่โรงแรมอนันตราสยาม กรุงเทพ จัดช่วงเทศกาลเห็ดทรัฟเฟิลขาวจากเมืองอัลบา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นปีหน้า ซึ่งเมนูที่มาประกอบกับเห็ดนั้น เชฟชาวอิตาเลียนของเรา คุณดาเนียลเล เบ็ททินี (Daniele Bettini) จะเป็นผู้รังสรรค์ด้วยความประณีต และรับรองความอร่อยได้เลยครับ
เห็ดทรัฟเฟิล (Truffle) เป็นเห็ดที่เจริญเติบโตอยู่ใต้ดินเท่านั้น และต้องใช้หมูหรือสุนัขเป็นผู้ขุด มีลักษณะเนื้อแน่น สีอาจต่างกันบ้างแล้วแต่พันธุ์ของเห็ด ซึ่งสีที่มีราคาแพงที่สุดคือทรัฟเฟิลขาวพบในแคว้นพีดมอนต์ ทางตอนเหนือของอิตาลี กล่าวกันว่าเป็น “ราชาเห็ด” มีรสจัด และมีกลิ่นฉุนหอมเฉพาะตัว ราคาแพงมาก และเก็บรักษาได้ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ ที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ได้สั่งนำเข้ามานี้เอง
ระหว่างรอเชฟเตรียมอาหารนั้นเราก็นั่งจิบโปรเซคโครอไปก่อนนะครับ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นมื้อที่ดี และในครั้งนี้คือ mionetto
เริ่มกันได้
เสิร์ฟจานแรกด้วยขนมปังโฮมเมดอุ่นๆ กรอบนอกนุ่มในทานคู่กับกระเทียมหอมๆย่างครับ มีให้เลือกว่าเราจะจิ้มกับนํ้ามันมะกอกหรือซอสบัลซามิคครับ
Beef tartar
หรือ ทาร์ทาร์เนื้อ ด้านบนจะโรยด้วยทรัฟเฟิลขาว และขนมปังซิอาบัตตากรอบมาทานคู่กับทาร์ทาร์ครับ
เนื้อสดๆ ที่มีรสหวานฉ่ำในตัว ปรุงและคลุกเคล้าด้วย เกลือ กระเทียม ที่ทำให้รสละมุนลงตัว แต่ไม่กลบรสของเนื้อสดคุณภาพดี กลิ่นหอมจากทรัฟเฟิลนั้นช่วยเสริม ให้จานนี้ชวนชิม ลิ้มลองตั้งแต่ยังไม่เข้าปาก
สำหรับจานนี้ผมขอเลือกไวน์แดง Merlot มาทานคู่ด้วยครับ ทางซอมเมอริเย่ ก็เลือกเป็นตัวนี้ มาให้ครับ
เป็นไวน์ของฝรั่งเศส โดย Canon-Fronsac ซึ่งเป็น พื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของ Dordogne รอบเมือง Libourne นี้เป็นสวนองุ่นของไวน์แดง จาก Bordelais Vintage ปี 2011 สีแดงเข้มแต่ใสเหมือนดังทับทิมต้องไฟ ประกอบไปด้วยองุ่นพันธุ์ Merlot ใน Bergerac อยู่เกือบครึ่งหนึ่งของไร่องุ่นเหมาะกับที่ดินให้กลิ่นที่หอม , Cabernet Sauvignon ซึ่งในโปรวองซ์นี่คือรสชาติที่ลึกซึ้งและเป็นที่รู้จักกันหลากหลาย
สำหรับกลิ่นของตัวนี้นั้น มีกลิ่น Grenadine, เชอร์รี่และ ผลไม้สุก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่น มีกลิ่นที่หอมของ Merlot และรสดีที่สุดท้ายค้างที่กระพุ้งแก้มแบบรสกานพลู Regale
Capesante arrostite หรือ หอยเชลล์ย่าง
ซึ่งนำมาพันด้วยหมูแฮมราดด้วยซอสแอสพารากัสและโรยด้วยทรัฟเฟิลขาว หน้าตาดูน่าทานมาก ส่วนรสชาติไม่แพ้กัน หอยเชลล์เนื้อแน่นมาก พอย่างออกมาแล้วไม่เกรียมจนเกินไป ราดด้วยซอสแอสพารากัสออกรสเค็มเล็กน้อย พอมีกลิ่นของทัฟเฟิลที่ละลายในปากทำให้ดึงรสของหอยเชลล์ขึ้นมาคู่กับแอสพารากัสได้เลยทีเดียว
Tagliolino al tartufo ตากลิโอลิโน อัล ตาร์ตูโฟ
คือทำจากเส้นพาสต้าตากลิโอลินี คลุกกับไข่และพาร์มาซาน ผัดเข้ากับเห็ดพอร์ซินี
Confit&charcoal Australian lamb loin
เนื้อแกะออสเตรเลียย่างถ่าน เสิร์ฟพร้อมกับพิวเร่หัวผักชีฝรั่ง (celeriac puree) ราดด้วยซอสเห็ดพอร์ซีนี จานนี้เป็น main course จานโปรดผมเลยครับ เพราะปกติผมไม่ค่อยชอบทานเนื้อแกะแต่ที่นี่นำมาย่างเตาถ่านทำให้หอมและชุ่มมาก แถมยังโรยด้วยทรัฟเฟิลอีก ทำให้หอมขึ้นไปใหญ่ จานนี้ถ้าได้มาแนะนำเลยนะครับ
จานนี้ดื่มกับไวน์แดงตัวนี้เลยครับ
เป็นไวน์แดง Full body จากแอฟริกาใต้ ซึ่งจะแรงกว่าตัวแรกแต่เหมาะกับจานนี้มากทีเดียวเชียว kanonkop kadette cape blend 2013 กลิ่นมีความหลากหลายและซับซ้อน จะออกแนวผลไม้สีเข้ม (mulberries, blackberry and some black currant), กล้วยสุก, ชาดำ รสชาตินอกจากความเข้มยังมี mint chocolate และ fruit cake มีแทนนินที่เข้มข้น และรสค้างนานในเพดานปาก ไวน์นี้เป็นส่วนผสมขององุ่นที่หลากหลายทั้ง 53% Pinotage, 35% Cabernet Sauvignon, 7% Merlot และ 5% Cabernet Franc
Roasted halibut
ปลาฮาลิบุทอบ ด้านล่างเป็น Green pea puree หรือ พิวเร่ถั่วลันเตา สีเขียว สวยสด ชวนชิม ด้านบนเป็นโฟมทรัฟเฟิล และโรยด้วยทรัฟเฟิละครับ
Truffelia![](http://www.kinlakestars.com/wp-content/uploads/2016/12/dMG_1954-white-truffle-biscotti-anantara-siam-review.jpg)
ทัฟเฟลเลีย เป็นเค้กช็อกโกเลตครับ แต่ความพิเศษคือใช้ช็อกโกแลตเวโรน่ามาทำ ดังนั้นไม่ต้องพูดเลย รสเข้มถึงมาก ราดด้วยซอสราสเบอร์รี่และโรยด้วยทรัฟเฟิลขูดฝอยครับ
และหากท่านสนใจเมนูทั่วไปซึ่งอร่อยอยู่แล้วของห้อง Biscotti แต่อยากเพิ่ม White truffle ก็ย่อมได้ โดยราคาจะอยู่ที่ กรัมละ 460 – พนักงานจะนำไวท์ทรัฟเฟิลมาขูดใส่เพิ่มเข้าไปให้
สำหรับจานนี้เป็นจานเด็ดที่มาบิสคอสติต้องลิ้มลอง นั้นคือราวิโอรี่เนื้อนั้นเอง
แป้งราวิโอรี่สดที่ทำเอง เหนียว นุ่ม
ใส้ในเป็นเนื้อวัวที่ตุ๋นจนนิ่ม และรสเข้าเนื้อในทุกอนู
เพิ่มความสมบูรณ์แบบด้วยการโรยทรัฟเฟิลขาวชั้นเลิศจากเมืองอัลบ้าที่เพิ่มความหอม เหมือนดั่งหนุ่มหล่อ สาวสวย แต่งตัวเนี๊ยบแล้วได้น้ำหอมดีๆเพิ่มเข้าไปนั้นเอง
สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้าไปได้นะครับ ร้านอาหารบิสก็อตติ อยู่ที่โรงแรมอนันตราสยาม กรุงเทพ อยู่ใกล้กับบีทีเอสสถานีราชดำริ หรือมาทางแยกราชประสงค์ก็เดินตรงมาเรื่อยๆได้เลยครับ ในส่วนของเซตเมนูที่นำเสนอไปวันนี้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3600 บาท ซึ่งจะเสิร์ฟเป็นสี่คอร์สครับ มื้อดินเนอร์จะเริ่มตั้งแต่ 18.00-22.30 ของทุกวันครับ
ห้องอาหารอิตาเลียน บิสก็อตติ (ชั้น 1 โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ – ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ราชดำริ)
เปิดบริการทุกวัน มื้อกลางวัน เวลา 11:30 – 14:30 น. และมื้อค่ำเวลา 18:00 – 22:30 น.
สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่ง โทร. 0 2126 8866 หรืออีเมล : [email protected]
เรื่อง / ภาพ : Dr. Phudit B.
ทรัฟเฟิล, white truffle, biscotti, anantara siam, review
KinlakeStars.com