ต้อนรับการเปลี่ยนแปลงของ Water library กับสถานที่ใหม่ และเชฟใหม่ สู่ความเป็น French Cuisine อย่างเต็มตัว แต่ยังคงกลิ่นอายทวิสเอเชียนไว้นิดๆ
แต่แรกเริ่มเดิมที่ Water Library สาขาเรือธงที่ให้บริการ Fine dning นั้นจะอยู่ที่โครงการจามจุรีแสควร์มาอย่างช้านาน ณ ปัจจุบันทางร้านได้ย้าย Water Library เรือธงที่ให้บริการ Fine dining มายังห้าง Central Embassy อย่างเต็มตัว มีการตกแต่งและ set up ร้านใหม่ให้เหมาะสมกับการให้บริการ Fine dining โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นแสงเทียน ผ้าปูโต๊ะสีขาว แจกันดอกไม้ และทีมบริการ และเชฟใหม่ที่มาเป็นวาทยากรแห่งร้านนี้นั้นบินมาตรงจากยุโรปเลยทีเดียวนั้นคือ เชฟ Oliver Drug
เชฟ Oliver Drug ถือกำเนิดและเติบโตในกรุงเวียนนา เมืองแห่งวัฒนธรรมและศิลปะของออสเตรีย ฝีมือการทำอาหารของเขาได้ถูกหล่อหลอมจากประสบการณ์ในครัวของร้านอาหารระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Vendôme ซึ่งเคยได้รับถึง 3 ดาวมิชลิน หรือ Das Loft ที่ครอง 1 ดาวมิชลินมาแล้ว แต่การเดินทางของเขาไม่หยุดแค่นั้น เชฟ Oliver ได้กลายเป็นผู้ช่วยสำคัญในการพาเชฟ Juan Amador สร้างชื่อเสียงให้กับร้าน Amador คว้ารางวัล 3 ดาวมิชลินสำเร็จ
การย้ายมาสู่ The Water Library เปรียบเสมือนการผจญภัยครั้งใหม่ในชีวิตของเชฟ Oliver เมื่อเขาถูกทาบทามให้มาดำรงตำแหน่ง Head Chef อย่างเต็มตัว หลังจากที่เขาได้มาร่วมงานอีเวนต์กับเชฟ Juan Amador ที่นี่ การผสมผสานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และประสบการณ์ที่สะสมมาตลอดชีวิต ทำให้ทุกจานอาหารของเชฟ Oliver เปรียบเสมือนการเล่าเรื่องราวอันซับซ้อนที่ร้อยเรียงขึ้นอย่างปราณีต
The Water Library นำเสนอ Tasting Menu สองแบบที่เป็นดั่งสองบทเพลงที่ต่างมีท่วงทำนองของตัวเอง Classic (4,500++) ซึ่งนำเสนอจานเด็ดจากร้านเดิมที่เปรียบเหมือนบทกวีที่คุ้นเคย และ Rainy Romance (4,900++) ผลงานการสร้างสรรค์ใหม่ของเชฟ Oliver ที่สะท้อนถึงความล้ำลึกและจินตนาการในทุกคำ
ในส่วนของเมนู À La Carte ก็มีความหลากหลายไม่แพ้กัน โดยสามารถเลือกสั่งได้ตามความชอบ การเลือกไวน์ที่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเสริมรสชาติอาหารเท่านั้น แต่เป็นการสร้างประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่สมบูรณ์แบบ ด้วยไวน์ที่ถูกคัดสรรและนำเข้าจากทั่วโลกโดยเจ้าของร้าน คุณพจน์ ลี ที่มีความหลงใหลในไวน์อย่างลึกซึ้ง
ในครั้งนี้เรามาลอง RAINY ROMANCE (4,900++) Tasting Menu กันครับ
Bread & Butter
ครัวซองของที่นี่นั้นนำเข้าจากฝรั่งเศสทั้งชิ้น ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป เป็นครัวซองชั้นเลิศเกรด AOP
Amuse Bouche
ประกอบไปด้วย
A little welcome : Purple Rain : vodka, blue curacao, cranberry, grenadine
A Little Welcome Drink: Purple Rain – Vodka, Blue Curacao, Cranberry, Grenadine
ในบรรยากาศฝนพรำของคอนเซ็ปต์ Rainy Romance การเดินทางแห่งรสชาติเริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มต้อนรับที่เรียกว่า Purple Rain ค็อกเทลที่ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนความงามและความลึกลับของฤดูกาลนี้
Purple Rain ถูกเสิร์ฟในแก้วที่ทำให้คุณรู้สึกราวกับได้ก้าวเข้าไปในค่ำคืนที่ฝนตกหนัก ท้องฟ้าสีครามเข้มที่ส่องแสงวาบวับจากการผสมผสานของ Blue Curacao และ Grenadine ทำให้เครื่องดื่มนี้ดูมีชีวิตชีวา เปรียบเสมือนหยดน้ำที่สะท้อนแสงไฟจากหน้าต่างยามค่ำคืน
เมื่อจิบเข้าไป Vodka ให้ความรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อยที่คล้ายกับการหลบใต้ร่มในวันที่ฝนตกหนัก ตามด้วยความสดชื่นและเปรี้ยวอมหวานจาก Cranberry ที่ช่วยกระตุ้นให้คุณตื่นตัว รสชาติของ Blue Curacao ที่หวานสดชื่นผสานกับ Grenadine ที่ให้ความนุ่มนวลทำให้รสชาติของเครื่องดื่มนี้เปรียบเสมือนความสุขที่มาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำของฝน
Purple Rain ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มที่ต้อนรับคุณเข้าสู่มื้ออาหาร แต่ยังเป็นเหมือนการเกริ่นนำที่จะพาคุณผ่านสายฝนและลมเย็นแห่งราตรีไปสู่ประสบการณ์ที่อบอุ่นและลึกซึ้งจากเมนูต่อ ๆ ไป เป็นการเริ่มต้นที่อ่อนโยนและงดงาม เหมือนกับฝนที่เริ่มตกเบา ๆ แต่ชุ่มฉ่ำไปด้วยความสุขและความทรงจำ
Carabineros Ceviche : cucumber, avocado, cilantro
Carabineros Ceviche แตงกวา อะโวคาโด ผักชี
กุ้งแดง Carabinero จากชายฝั่งสเปน ได้ถูกนำมาเป็นตัวเอกของจานนี้ โดยผ่านการหมักในน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ผิวมะนาว และเกลือทะเล รสสัมผัสของกุ้งที่แน่นและสดชื่น ผสมผสานกับซอส Ceviche ที่เชฟ Oliver ปรับแต่งให้ทันสมัยและมีมิติ รสเปรี้ยวจากแตงกวาดองและมะเขือเทศเขียวให้ความสดใสเหมือนการเริ่มต้นของวันใหม่ คาเวียร์นิ้วมะนาวที่เปรียบเสมือนดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับในท้องฟ้ายามค่ำคืน ผสมผสานกับอโวคาโดครีมที่เนียนนุ่ม และอโวคาโดย่างที่เพิ่มความเข้มข้น ทั้งหมดนี้ถูกเสริมด้วยน้ำมันผักชีที่เพิ่มความสดชื่นและหอมกรุ่น
Deconstructed Onion Soup : scallop, onion soup sago, epoisses cheese foam
เมนูนี้คือการนำซุปหัวหอมที่เราอาจคุ้นเคยกันดีมาเปลี่ยนโฉมใหม่ในรูปแบบที่ล้ำสมัยและซับซ้อนกว่าเดิม เริ่มจากหอยเชลล์ที่ถูกย่างจนมีผิวนอกกรอบเล็กน้อย แต่ยังคงความนุ่มละมุนด้านใน เมื่อสัมผัสกับลิ้นจะรู้สึกถึงความหวานธรรมชาติของหอยเชลล์ที่เปรียบเสมือนหยดน้ำหวานแห่งท้องทะเลที่กำลังจะละลายไปในปาก
ซุปหัวหอมที่ถูกแยกส่วนและนำมาปรับแต่งใหม่ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของเม็ดสาคู หรือคาร์เวียร์นั้นเอง หัวหอมซึ่งให้เนื้อสัมผัสหนึบ ๆ ที่น่าสนใจ เป็นการผสมผสานรสชาติและความรู้สึกที่หลากหลายในการรับประทาน สายลมแห่งรสชาติยังคงพัดผ่านด้วยโฟมชีส Epoisses ที่นุ่มละมุนและเข้มข้น เปรียบเสมือนก้อนเมฆที่ลอยละล่องในยามเย็น รสชาติของชีสโฟมนี้มีกลิ่นหอมละมุนของนมผสมกับความเค็มและความเข้มข้นที่ทำให้จานนี้เป็นมากกว่าซุปหัวหอมธรรมดา
การจัดวางแต่ละองค์ประกอบในจานนี้เหมือนกับการเล่าเรื่องราวของการเดินทางผ่านท้องทะเลและทุ่งหญ้าแห่งฝรั่งเศส ซึ่งเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อนและความคิดสร้างสรรค์ ทุกคำที่สัมผัสเหมือนกับการเปิดหน้าหนังสือของนิทานเรื่องหนึ่งที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของรสชาติ
Patagonian Toothfish : N25 caviar, beetroot, chervil
Patagonian Toothfish : คาเวียร์ N25 บีทรูท ใบเชอร์วิล
Patagonian Toothfish ถือเป็นหนึ่งในอัญมณีแห่งท้องทะเลลึกจากแถบอเมริกาใต้ ด้วยเนื้อสัมผัสที่นุ่มแน่นดั่งกำมะหยี่ เชฟ Oliver Drug เลือกใช้ปลาชนิดนี้เป็นตัวเอกของจาน เปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามที่ถูกนำขึ้นมาจากก้นบึ้งของมหาสมุทรเพื่อเผยแสดงความงดงามให้แก่ผู้ลิ้มลอง
ในจานนี้ เชฟได้นำ Patagonian Toothfish มาปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยให้เนื้อปลายังคงความชุ่มชื่นและรสชาติของท้องทะเล จากนั้นจึงจับคู่กับ N25 Caviar ซึ่งเป็นคาเวียร์ชั้นเลิศจากประเทศจีน คาเวียร์ชนิดนี้มีความพิเศษและหายาก โดยมีรสชาติที่เค็มละมุนและมีกลิ่นหอมของทะเลที่ชัดเจน เมื่อเนื้อปลาทูธฟิชที่เนียนนุ่มสัมผัสกับคาเวียร์นี้ รสชาติของทั้งสององค์ประกอบก็จะผสานกันอย่างน่าประทับใจ ราวกับการหลอมรวมกันของสองโลกที่แตกต่างกัน
เพื่อเสริมมิติและความลึกให้กับจานนี้ เชฟ Oliver ยังได้ใช้ บีทรูท ซึ่งเป็นผักที่มีสีเข้มและรสชาติที่ลึกล้ำ บีทรูทมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความสมดุลให้กับรสเค็มของคาเวียร์ มันไม่เพียงเพิ่มความเข้มข้นในรสชาติ แต่ยังนำความหวานและความสดใสที่สะท้อนถึงธรรมชาติของดินเข้ามาสู่จานนี้ด้วย
ซอส Buerre Blanc ซึ่งเป็นซอสคลาสสิกสไตล์ฝรั่งเศส ถูกปรุงขึ้นอย่างละเมียดละไม ด้วยรสเปรี้ยวอมหวานของซอสทำให้จานนี้มีความสดใสและสร้างความสมดุลให้กับองค์ประกอบอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว นอกจากนั้น เชฟยังเพิ่มความหรูหราและมิติในจานด้วย ไข่ปลาแซลมอน ที่นุ่มละมุน เปรียบเสมือนหยดน้ำที่ส่องประกายแห่งความอุดมสมบูรณ์ เพิ่มความรู้สึกที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาเมื่อได้สัมผัส
ท้ายที่สุด น้ำมันจากใบ เชอร์วิล ที่ถูกหยดลงบนจานเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเตรียมจานนี้ มีกลิ่นหอมละมุนที่ช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์แบบในรสชาติ เหมือนกับกลิ่นหอมที่ลอยมากับลมหลังพายุฝนที่ผ่านพ้นไปแล้ว เหลือไว้แต่ความสดชื่นและความสงบที่อบอวลอยู่ในอากาศ
Patagonian Toothfish จานนี้เป็นผลงานที่สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการผสมผสานรสชาติที่แตกต่างกันให้เข้ากันได้อย่างงดงาม เป็นการเดินทางผ่านทะเลลึกที่นำเสนอความงามและความซับซ้อนของรสชาติที่น่าจดจำ
A4 Striploin : artichoke barigoule, black garlic, taliaga olive, lemon & vanilla jam
A4 Striploin อาร์ติโชกบาริกูล กระเทียมดำ มะกอกทาเลียก้า แยมเลมอนและวานิลลา
A4 Striploin วากิวจากญี่ปุ่น: Lemon & Vanilla Jam, Artichoke Barigoule, Black Garlic, Taliaga Olive, Jus
จาน A4 Striploin เป็นผลงานการรังสรรค์ที่โดดเด่นและพิถีพิถันทุกขั้นตอน เชฟ Oliver เลือกใช้วากิวระดับ A4 จากญี่ปุ่น ซึ่งมีคุณภาพสูง เนื้อวากิวนุ่มละมุนจนแทบละลายในปาก แต่ที่ทำให้จานนี้พิเศษคือการเคลือบเนื้อด้วย แยมเลมอนและวานิลลา ที่เชฟเตรียมอย่างปราณีต ความหอมหวานของวานิลลาและความเปรี้ยวสดชื่นของเลมอนซึมเข้าสู่ทุกอณูของเนื้อวากิว ความหอมนี้เปรียบได้กับกลิ่นของดอกไม้ที่บานสะพรั่งในทุ่งหญ้าของญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ผลิ ความเปรี้ยวหวานของแยมเลมอนเพิ่มมิติให้เนื้อวากิวอย่างชัดเจน ทำให้ทุกคำที่กัดเข้าไปเหมือนกับการลิ้มรสความสดชื่นของท้องฟ้าใสและแสงแดดอ่อนในยามเช้า
มันฝรั่งกงฟี ที่มาคู่กันกับเนื้อวากิวถูกเคี่ยวจนได้นุ่มละมุน จนแทบละลายในปาก มันฝรั่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องเคียง แต่กลับเสริมความหอมและรสชาติของจานนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เชฟได้โรย โรสแมรี่ บนมันฝรั่ง ซึ่งให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวของสมุนไพรและเพิ่มความซับซ้อนให้กับจานนี้ ในขณะที่ มะกอกดำ Taliaga ซึ่งมีรสชาติเข้มข้นและเค็มนิด ๆ ช่วยตัดกับความหวานของวานิลลาและเลมอน สร้างสมดุลที่ลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์
อีกหนึ่งส่วนที่ไม่อาจมองข้ามได้คือ อาร์ติโชกบาริกูล ที่ถูกเตรียมในสไตล์คลาสสิกของฝรั่งเศส อาร์ติโชกนี้ถูกต้มและหมักในไวน์ขาว น้ำมันมะกอก และสมุนไพรต่าง ๆ ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมและมีความซับซ้อนในแบบฉบับของอาหารฝรั่งเศสแท้ ๆ
ความลึกลับและซับซ้อนของจานนี้ถูกเพิ่มขึ้นด้วย ครีมกระเทียมดำ ที่มีรสชาติหวานหอมลึกซึ้ง กระเทียมดำผ่านกระบวนการหมักจนได้ความหวานธรรมชาติและรสชาติที่เข้มข้น ซึ่งเชฟนำมาผสมผสานกับเนื้อวากิวได้อย่างลงตัว ครีมนี้เพิ่มมิติที่ลึกลับให้กับจานอาหาร ทำให้ผู้ลิ้มลองรู้สึกถึงความลึกซึ้งของรสชาติที่ซ่อนอยู่ในทุกคำ
ไฮไลต์สุดท้ายที่ทำให้จานนี้เป็นที่น่าจดจำคือ ซอส Jus ที่เชฟ Oliver เตรียมจากส่วนต่าง ๆ ของหัวลูกวัว รวมถึงไขกระดูก เห็ดชิตาเกะ และเมล็ดมัสตาร์ด ซอส Jus นี้มีความเข้มข้นและกลิ่นหอมที่เปรียบเสมือนการเดินทางผ่านป่าเขาอันลึกลับในยามค่ำคืน ซึ่งเต็มไปด้วยรสชาติและกลิ่นหอมที่ยากจะลืมเลือน ซอส Jus ไม่เพียงแต่เพิ่มความเข้มข้นให้กับเนื้อวากิว แต่ยังสร้างประสบการณ์การรับประทานที่สมบูรณ์แบบ ทำให้ทุกคำที่สัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความประทับใจ
จาน A4 Striploin นี้ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอความหรูหราและความพิถีพิถันในด้านการปรุงอาหาร แต่ยังเป็นการสื่อถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความสามารถในการผสมผสานรสชาติจากทั่วทุกมุมโลกเข้าด้วยกันอย่างสมดุล นี่คือประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำและยากที่จะลืมเลือน
Pre Dessert : mandarin, pomelo, yogurt foam
Wild Honey & Pear : pear sorbet, honey foam, honeycomb, brown butter cake, honey tuile
Wild Honey & Pear เป็นของหวานที่นำเสนอความสดชื่นของธรรมชาติ ผ่านการผสมผสานของส่วนผสมที่มีความหวานละมุนและความเปรี้ยวสดใส จานนี้เริ่มต้นด้วย Pear Sorbet ซึ่งมีรสชาติของลูกแพร์ที่ชัดเจน สัมผัสที่เบาและสดชื่นของซอร์เบท์ช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้ตื่นขึ้นในทันที ความเย็นของซอร์เบท์เปรียบเสมือนการได้ลิ้มรสหยดน้ำค้างที่เกาะอยู่บนผลแพร์ที่เพิ่งเก็บจากต้นในยามเช้า
เหนือซอร์เบท์เป็น Honey Foam ที่มีความนุ่มนวล รสชาติหวานหอมของน้ำผึ้งที่มีความละเอียดอ่อนแทรกซึมในทุกคำที่สัมผัส มันเหมือนกับกลิ่นหอมของดอกไม้ในทุ่งหญ้าที่ได้รับการอบอุ่นจากแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ
ถัดมา Honeycomb ที่กรอบและหวาน เป็นจุดที่เพิ่มความกรุบกรอบให้กับจานนี้ เปรียบได้กับสัมผัสของรังผึ้งที่เต็มไปด้วยน้ำผึ้งทองคำ ซึ่งเป็นของขวัญจากธรรมชาติที่ทำให้ความหวานนี้มีความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง
Brown Butter Cake ที่นุ่มและชุ่มชื้น เป็นการผสมผสานความเข้มข้นของเนยที่ผ่านการเคี่ยวจนมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกับกลิ่นคาราเมล จานนี้มีความสมดุลของรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน ทำให้ทุกคำที่ลิ้มรสนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นและละเมียดละไม
ปิดท้ายด้วย Honey Tuile แผ่นบางกรอบที่ทำจากน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นการเพิ่มความซับซ้อนให้กับจานนี้ Tuile มีความบางกรอบเมื่อกัดเข้าไปและแตกตัวในปากทิ้งรสหวานของน้ำผึ้งไว้เบื้องหลัง ราวกับความหวานที่หลงเหลือหลังการเดินทางผ่านทุ่งดอกไม้
โดยรวมแล้ว Wild Honey & Pear ไม่เพียงแต่เป็นของหวานที่สวยงามในแง่ของการนำเสนอ แต่ยังเต็มไปด้วยรสชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นการแสดงความเคารพต่อน้ำผึ้งและลูกแพร์อย่างละเอียดอ่อน ที่นำเสนอประสบการณ์ที่หอมหวานและสดชื่นอย่างแท้จริง
Petit Four (3 pcs) selection of homemade sweet treats
ครั้งนี้เตรียมมา 3 อย่าง ประกอบไปด้วยมาการองราสเบอร์รี่ ฟรุ๊ตทาร์ด และช๊อคโกแล๊ตนามะ
Cocktail เลิศรสที่มาพร้อมกับของว่างที่ Paring คู่กันมา
Kin Review
Kinandleisure.com
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์
รูปและเนื้อหาทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของทาง Kinandleisure.com ไม่อนุญาตให้นำไปใช้จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากทางผู้บริหาร หากฝ่าฝืนผู้บริหารพร้อมดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด