Story : Dr.Athiwat T. / Photo : Pol.Capt. Kittin A

เมื่อเราเริ่มมองหา “คุณค่า” มากกว่าความหวือหวา บางครั้งเราก็ต้องการช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารที่ไม่ได้เป็นเพียงการทานเพื่ออิ่มท้อง แต่มันคือการเสพงานศิลปะ การซึมซับบรรยากาศ และการให้รางวัลกับชีวิตที่ วันนี้ ผมและ ทีม KinandLeisure อยากพาคุณหลีกหนีความวุ่นวายของมหานคร ขึ้นลิฟต์แก้วสู่ชั้น 36 ของโรงแรม Chatrium Hotel Riverside Bangkok เพื่อพบกับหมุดหมายใหม่ของวงการอาหารจีนกวางตุ้งร่วมสมัย ณ Silver Waves by Boon

Interior Design: เมื่อเกลียวคลื่นพบกับแม่น้ำเจ้าพระยา

ทันทีที่ก้าวเข้ามา สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาไม่ใช่เพียงวิวด้านนอก แต่คือความแยบยลของ Interior Design ที่สอดรับกับชื่อร้าน “Silver Waves” ได้อย่างหมดจด ผู้ออกแบบได้ตีความคำว่า “สายน้ำ” ใหม่ โดยไม่ได้ใช้น้ำจริงๆ แต่ใช้เส้นสายทางสถาปัตยกรรมภายในสร้างความรู้สึกเคลื่อนไหว (Kinetic Energy)

หากคุณลองสังเกตฝ้าเพดานและการตกแต่งผนัง จะเห็นการใช้เส้นโค้งที่ซ้อนทับกันเป็นจังหวะ เลียนแบบ “ระลอกคลื่น” (Ripple Effect) ยามต้องแสงจันทร์ ตั้งแต่ประตูทางเข้าร้านที่เป็นจุดที่ดูน่าตื่นตา และเหมาะกับการถ่ายรูปลง Instagram ซัก 1 ภาพ เป็นการปักหมุดเช็คอิน เมื่อเข้ามาในตัวร้าน จะพบกับบรรยากาศร้านอาหารแบบอบอุ่นเหมือนนั่งกินในบ้านหรู พร้อมงานออกแบบที่เน้นเส้นโค้ง

ที่ดีไซน์มาเพื่อช่วยปรับจูนอารมณ์ให้สงบและลื่นไหลไปกับบรรยากาศ โดยมีฉากหลังเป็น “Panoramic Riverview” ของโค้งน้ำเจ้าพระยาที่ทอดตัวยาวสุดสายตา เรียกได้ห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาและ Icon Siam ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่น่าจะให้ภาพที่ประทับใจโดยเฉพาะในคืนที่มีพลุและการแสดงแสงสีเสียงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณรอบ ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

Chef Ho Chee Boon: ปรมาจารย์ผู้ปรุงรสด้วยจิตวิญญาณ

ความงามของสถานที่ถูกเติมเต็มด้วยจิตวิญญาณแห่งรสชาติจากฝีมือ Chef Ho Chee Boon เชฟระดับตำนานผู้เคยพาห้องอาหาร Hakkasan ทั่วโลกคว้าดาวมิชลินมาแล้ว ปรัชญาของเชฟ Ho คือ “Modern Cantonese” ที่เคารพวัตถุดิบอย่างสูงสุด โดยเน้นการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น (Locally sourced) มายกระดับ ผสานเทคนิคดั้งเดิมเข้ากับการนำเสนอแบบสากล ทุกจานจึงเปรียบเสมือนงานประติมากรรมที่ทานได้

ปฐมบทแห่งรสสัมผัส: ศิลปะแห่งติ่มซำ (The Dim Sum Journey)
การเดินทางของลิ้นเริ่มต้นด้วย Silver Waves Steamed Dim Sum Platter ชุดนึ่งที่เชฟแนะนำให้ไล่เรียงรสชาติจากสีอ่อนไปเข้ม เพื่อให้ต่อมรับรสทำงานอย่างเป็นลำดับ โดยติ่มซำแต่ละซิ้นเชฟได้บรรจงปรุงรสย่างพิถีพิถันและต้องการให้ทุกท่านได้ลิ้มลองโดยไม่ต้องจิ้มกับซอสใด ๆ เพิ่ม

🔪 กลยุทธ์การไล่ระดับรสชาติ (Flavor Progression Strategy)
การเสิร์ฟติ่มซำตามลำดับ “สีอ่อนไปเข้ม (ขาว, เขียว, เหลือง, ดำ)” คือการออกแบบประสบการณ์ที่ชาญฉลาด:

เริ่มต้นด้วย “สีขาว” (ฮะเก๋า): รสชาติบริสุทธิ์และสดชื่นจากกุ้งและหน่อไม้ฝรั่ง เพื่อกระตุ้นต่อมรับรสด้วยความหวานธรรมชาติและกลิ่นอายทะเลอ่อน ๆ

ฮะเก๋ากุ้ง ชิ้นสีขาวใสที่จีบอย่างประณีต (ภาพซ้ายล่าง) เป็นดัชนีชี้วัดชั้นดีของความสามารถของเชฟติ่มซำ “แป้งบางใสลายจีบถี่” บ่งชี้ถึงการใช้แป้งมันสำปะหลัง (Tapioca Starch) และแป้งข้าวเจ้าในสัดส่วนที่ลงตัว ซึ่งต้องนวดและนึ่งด้วยความชำนาญเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ “นุ่มหนึบ (Chewy yet Tender)” แต่ยังคงความโปร่งใสจน “เห็นเงาสีส้มระเรื่อของเนื้อกุ้งด้านใน” แป้งที่สมบูรณ์แบบควรจะยึดเกาะไอน้ำทะเลอ่อน ๆ ไว้ได้ ความหวานกรอบของ กุ้งสดเต็มคำ ผสานกับความกรอบของ หน่อไม้ฝรั่ง เป็นการปรับสมดุลและเพิ่มมิติของเนื้อสัมผัสให้ซับซ้อนกว่าฮะเก๋าแบบดั้งเดิมที่มักใช้หน่อไม้หรือแห้ว
พัฒนาไปสู่ “สีเขียว” (ขนมจีบปู): เพิ่มความซับซ้อนด้วยอูมามิจากปูและไก่ พร้อมกลิ่นหอมของเก๋ากี้

ขนมจีบปู ชิ้นสีเขียวสด แสดงถึงความโดดเด่นทางสุนทรียศาสตร์ การผสมผสานระหว่าง เนื้อปูและไก่ ทำให้ได้รสอูมามิที่เข้มข้นแต่ไม่หนักจนเกินไป เก๋ากี้ (Goji Berry) ที่ท็อปด้านบนไม่เพียงเพิ่มสีแดงที่ตัดกับสีเขียวได้อย่างสวยงาม แต่ยังเติมมิติ “หวานหอม” และเน้นย้ำถึงการใส่ใจใน “สรรพคุณทางยา” ตามหลักอาหารจีน “แป้งสีเขียวสดดุจหยก” น่าจะมาจากผักใบเขียว (เช่น ผักโขม หรือน้ำผัก) เพื่อเพิ่มสีสันและกลิ่นอายธรรมชาติ แป้งถูกม้วนเป็นทรงกระบอกที่เปิดด้านบนให้เห็นไส้
สู่ “สีเหลือง” (พาร์มาแฮม): เข้าสู่จุดสูงสุดของความเข้มข้นทางรสชาติ ด้วยความเค็มและไขมันที่จัดจ้านของพาร์มาแฮม ซึ่งถูกลดทอนด้วยความหวานกรอบของผัก 🇮🇹 ติ่มซำอิตาเลียนพาร์มาแฮม (Italian Parma Ham): ความกล้าหาญทางฟิวชั่น

ติ่มซำอิตาเลียนพาร์มาแฮม ชิ้นสีเหลืองทอง คือตัวแทนของการผสานวัฒนธรรมที่กล้าหาญ รสชาติ เค็มมันอันเป็นเอกลักษณ์ ของแฮมที่ผ่านการบ่ม ถูกนำมาห่อหุ้มร่วมกับผักที่มีความกรอบและรสหวานธรรมชาติ เช่น แครอท, มันแกว, และข้าวโพด การทำเช่นนี้ทำให้เกิดความสมดุลที่ลงตัว: ความเค็มที่เข้มข้นถูกตัดด้วยความหวานกรอบ (Sweet-Crisp Counterbalance) ของผัก ทำให้รสชาติไม่หนักจนเกินไป และยังคงความสดชื่น นี่คือการ “ตีความ” ติ่มซำด้วยวัตถุดิบตะวันตกชั้นสูงอย่าง พาร์มาแฮม (Parma Ham)
ปิดท้ายด้วย “สีดำ” (สาหร่ายห่อกุ้งและปลากะพง): การปิดจบด้วยรสชาติที่ “หนักแน่นและกลมกล่อม” ที่สุด ซึ่งเป็นบทสรุปของประสบการณ์ สาหร่ายห่อกุ้งและปลากะพง (Seaweed Rolled): บทสรุปของรสชาติ

ติ่มซำชิ้นสุดท้าย (ตามลำดับการรับประทาน) คือ สาหร่ายห่อกุ้งและปลากะพง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “ชิ้นที่ปิดจบจานนี้ได้ดี” เนื้อปลากะพงและหมึกกระดอง ในชุดนี้ให้ความเข้มข้นของอูมามิจากทะเล (Deep Seafood Umami) ที่โดดเด่นกว่ากุ้งในฮะเก๋า ต่อมาคือแป้งผสมสาหร่าย (Seaweed) ที่ใช้ห่อหุ้ม มีหน้าที่เพิ่มมิติของกลิ่นหอมทะเลที่เข้มข้น และเนื้อสัมผัสที่นุ่มเหนียว (Tender Texture) การวาง ขิงและต้นหอมซอย ด้านบนอย่างประณีต ทำหน้าที่เป็นเครื่องเทศและสมุนไพรที่ช่วย “ตัดเลี่ยน” และเพิ่มความสดชื่นให้กับคำที่หนักแน่นนี้ได้อย่างมีชั้นเชิง
⚖️ ความสมบูรณ์แบบที่ไม่ต้องการซอส
จุดที่น่าชื่นชมที่สุดคือการที่เชฟสามารถทำติ่มซำชุดนี้ออกมาได้อย่าง “สมบูรณ์โดยที่ไม่ต้องใช้ซอสเพิ่มรสชาติใด ๆ เลย”
- นี่คือการประกาศถึง ความมั่นใจในรสชาติหลัก (Confidence in Core Flavor) ของไส้แต่ละชนิด
- รสชาติที่ซับซ้อนของแต่ละคำถูกสร้างขึ้นจากภายใน (Intrinsic Flavor) ผ่านการหมัก, การเลือกวัตถุดิบ (เช่น พาร์มาแฮม หรือกุ้งสด), และการผสมผสานเครื่องเทศในไส้เอง ซึ่งทำให้ผู้รับประทานได้รับรสชาติที่แท้จริงตามที่เชฟตั้งใจไว้โดยไม่ถูกซอสภายนอกบดบัง
การจัดลำดับการรับประทานที่เข้มงวดนี้ ยกระดับติ่มซำชุดนี้ให้เป็น “ชุดชิมรส (Tasting Set)” ที่มีการจัดเรียงอย่างมีกลยุทธ์ ไม่ใช่เพียงแค่การรวมติ่มซำหลายชิ้นเข้าไว้ด้วยกันเท่านั้น


ต่อด้วยความสนุกของ Texture ในชุด Silver Waves Fried Dim Sum Platter ความกรอบที่มาพร้อมความหรูหรา:
เป็ดย่างพริกไทยดำ (Pumpkin Roasted Duck): แป้งปั้นรูปทรงฟักทองสวยงาม สอดไส้เป็ดย่างรสเข้มข้น หอมกลิ่นพริกไทยดำที่เผ็ดร้อนปลายลิ้น

พัฟข้าวแดงไส้ฟัวกราส์ (Foie Gras Red Rice Puff): แป้งข้าวแดงสีสวยให้สัมผัสกรอบเบา เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาดกับความมันเนยอันหรูหราของตับห่านภายใน

พัฟเนื้อวากิวทรัฟเฟิล (Wagyu with Truffle Puff): ทันทีที่กัด กลิ่นหอมของเห็ดทรัฟเฟิลจะฟุ้งกระจายในปาก ผสานกับความชุ่มฉ่ำของเนื้อวากิว

ความวิจิตรที่รังสรรค์แยกจาน (The Masterpieces)
นอกจากชุดรวมแล้ว ยังมีเมนูที่เชฟรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษที่ผมไม่อยากให้คุณพลาด:








เกี๊ยวกุ้งแม่น้ำซูกินี (Zucchini River Prawn Dumpling): ความหวานกรอบของกุ้งแม่น้ำตัวโตผสานกับความสดชื่นของซูกินี เป็นจานที่เน้นรสชาติธรรมชาติ เป็นจานที่อร่อยเรียบง่าย
ลูกชิ้นกุ้งลิ้นจี่ (Lychee Lobster Ball): ชิ้นนี้จัดเป็นงาน Visual Art ที่ชวนให้หลงกล รูปลักษณ์ภายนอกทำเลียนแบบผลลิ้นจี่สีแดงสด แต่เนื้อในคือความหวานฉ่ำของเนื้อล็อบสเตอร์ ความหวานหอมของเนื้อกุ้งตัดกับรสหวานแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะของลิ้นจี่ยิ่งเพิ่มความสดชื่น
ซาลาเปาไส้ไหลไข่เค็ม (Salted Egg Yolk Golden Bun): แป้งนุ่มฟู ด้านบนมีสีทอง เน้นความมั่นคงมั่งคั่ง เมื่อบิออกลาวาไข่เค็มสีทองจะไหลเยิ้ม รสหวานมันเค็มกำลังดี ไม่หวานแหลมบาดคอ
ขนมผักกาด (Signature Turnip Cake): เมนูวัดฝีมือที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม อัดแน่นด้วยกุ้งแห้ง เนื้อกุ้งสด กังป๋วย และแฮมยูนาน ผัดจนแห้งได้กลิ่นกระทะ (Wok Hei) รสกลมกล่อมเค็มหวานลงตัว
และยังมีเมนูเรียกน้ำย่อยจานเดี่ยวที่สะท้อนถึงรากเหง้าอย่างชัดเจน:
ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้งกรอบ (Crispy Prawn Cheung Fun) – ศิลปะแห่งความคอนทราสต์ของเนื้อสัมผัส
เมนู ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้งกรอบ (Crispy Prawn Cheung Fun) นี้เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการเล่นกับ ความคอนทราสต์ของเนื้อสัมผัส (Textural Contrast) ซึ่งเป็นหลักการสำคัญที่ยกระดับอาหารกวางตุ้งให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น

องค์ประกอบที่ท้าทายที่สุดคือการทำ แป้งห่อบางนุ่มลื่น ในสไตล์กวางตุ้งขนานแท้ ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญในการนึ่งเพื่อให้ได้แผ่นแป้งที่บางเฉียบจนเกือบจะละลายในปาก แป้งชั้นนอกนี้ทำหน้าที่โอบอุ้มไส้ที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ โดยเป็นการห่อหุ้ม ปอเปี๊ยะทอดกรอบที่ซ่อนกุ้งทั้งตัวไว้ภายใน ซึ่งแสดงถึงความซับซ้อนในการสร้างสรรค์

ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์สัมผัสแบบสามมิติอันเป็นเลิศ: “นุ่ม-กรอบ-เด้ง” ในคำเดียว ความ “นุ่ม” มาจากแป้งชั้นนอก ความ “กรอบ” มาจากชั้นปอเปี๊ยะทอดที่อยู่ตรงกลาง และความ “เด้ง” มาจากกุ้งทั้งตัวที่ซ่อนอยู่ภายใน การที่ทั้งสามสัมผัสนี้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนถือเป็นความสำเร็จทางเทคนิคอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ แป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดในภาพมีสีชมพูแดงสด ซึ่งบ่งบอกถึงการใช้สีธรรมชาติ เช่น ข้าวหมักแดง (Red Yeast Rice) เพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดทางสายตา และอาจเพิ่มมิติของกลิ่นอายที่ซับซ้อนกว่าการใช้แป้งสีขาวเพียงอย่างเดียว จานนี้จึงเป็นตัวแทนของอาหารกวางตุ้งที่ผสมผสานความประณีตดั้งเดิมเข้ากับการนำเสนอและมิติของเนื้อสัมผัสที่ร่วมสมัยได้อย่างยอดเยี่ยม

เกี๊ยวปักกิ่ง (Beijing Dumpling): แป้งเกี๊ยวทำมือห่อไส้กุ้ยช่ายกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ทีเด็ดอยู่ที่ซอสสูตรพิเศษจากเชฟที่มีรสเปรี้ยวเค็มกลมกล่อม ช่วยชูรสชาติได้อย่างดีเยี่ยม

อาหารจานหลัก: เมื่อตะวันออกพบตะวันตก (The Main Act)
Roasted Duck Truffle (เป็ดย่างทรัฟเฟิล)

เมนู Roasted Duck Truffle ที่ถูกขนานนามว่าเป็นเมนู Signature ของเชฟ Ho เป็นการยกระดับอาหารจีนคลาสสิกอย่างเป็ดย่างให้ก้าวเข้าสู่มิติใหม่ของอาหารชั้นสูง (Fine Dining) ด้วยการผสานวัตถุดิบและเทคนิคที่สร้างสรรค์ เป็ดย่างขนาดครึ่งตัวนี้แสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของเชฟอย่างชัดเจน โดยมีหนังบางเฉียบที่มีความกรอบแบบเนื้อเป็ดอบ ซึ่งแห้งแต่ไม่แตกเป็นแผ่น ๆ เนื้อเป็ดถูกเลาะกระดูกออกหมดและจัดมาแน่น ๆ ซึ่งเป็นวิธีการนำเสนอที่เน้นความสะดวกในการรับประทานและคงความชุ่มฉ่ำของเนื้อไว้

องค์ประกอบที่เติมเต็มความหรูหราคือการท็อปด้วยเห็ด Truffle ซึ่งส่งกลิ่นหอมฟุ้งเข้ากับกลิ่นเครื่องเทศของการย่างเป็ดได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ความอัจฉริยะที่แท้จริงของจานนี้อยู่ที่ส่วนรองฐาน นั่นคือ “มันแกว” การใช้มันแกวแทนผักหรือคาร์โบไฮเดรตทั่วไปแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ชาญฉลาด เพราะความหวานกรอบและฉ่ำน้ำของมันแกวนั้นได้ดูดซับรสชาติความหอมของเป็ดและทรัฟเฟิลไว้ ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นตัวตัดความเลี่ยน และเพิ่มมิติของเนื้อสัมผัส (Texture) ที่สดชื่นให้กับจาน โดยสรุป Roasted Duck Truffle จานนี้คือการรวมกันของรสชาติเข้มข้นที่หนักแน่น เข้ากับความสดชื่นและกรุบกรอบในรูปแบบที่สมดุลและทันสมัยที่สุด
Wok-fried Phuket Lobster with Lemon Grass and Chilli Sauce

เมนู Wok-fried Phuket Lobster with Lemon Grass and Chilli Sauce จานนี้แสดงถึงความจัดจ้านและเทคนิคการผัดแบบมืออาชีพอย่างถึงที่สุด เป็นการนำวัตถุดิบคุณภาพสูงอย่าง กุ้งมังกรภูเก็ตเนื้อหวานแน่น มาผสานกับรสชาติที่เข้มข้น หอมสมุนไพรแบบไทยที่ถูกผสานเข้ากับเทคนิคและเครื่องปรุงของจีนได้อย่างมีระดับ

ความโดดเด่นของเมนูอยู่ที่เทคนิคการปรุง โดยเชฟเลือกที่จะ ผัดซอสตะไคร้พริกเผาจีนด้วยไฟแรงจนได้กลิ่นกระทะ หรือที่เรียกว่า “Wok Hei” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการปรุงอาหารจีนกวางตุ้ง/เสฉวน โดยกลิ่น Wok Hei นี้จะช่วยยกมิติความหอมให้สูงขึ้นและทำให้ซอสเคลือบเนื้อกุ้งได้อย่างสมบูรณ์ สำหรับซอสนั้น คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่าง พริกเผาจีน ที่ให้รสชาติเค็ม มัน และอูมามิที่ลุ่มลึก เข้ากับ ตะไคร้ ซึ่งเป็นสมุนไพรหลักของไทยที่มอบกลิ่นอายที่หอมสดชื่นแบบซิตรัส ผลลัพธ์ที่ได้คือรสชาติที่กลมกล่อมและซับซ้อน: รสเผ็ดร้อนหอมสมุนไพรแบบไทยผสานจีน ซึ่งไม่เพียงแต่จัดจ้าน แต่ยังมีความสดชื่นช่วยตัดความมันของน้ำมันและพริกเผา แสดงถึงการควบคุมรสชาติให้มี “ความมีระดับ” ผ่านความจัดจ้านได้อย่างลงตัว เมนูนี้จึงเป็นบทสรุปของความจัดจ้านและความชำนาญ ที่ใช้ความสดใหม่ของวัตถุดิบและเทคนิคการผัดแบบ Wok Hei เพื่อสร้างสรรค์รสชาติที่แสดงถึงความผสานอย่างกลมกลืนของสองวัฒนธรรมอาหารหลักในเอเชีย
บทสรุปหวานละมุนและพิธีกรรมแห่งชา



ปิดท้ายมื้ออาหารอย่างสมบูรณ์แบบด้วยของหวาน 3 สไตล์:
- Mango Pomelo Sago: ความสดชื่นคลาสสิกของสาคูมะม่วงสุกและส้มโอ ช่วยล้างปากได้ดีเยี่ยม
- Passion Fruit Cheese Cake: ชีสเค้กเนื้อเนียนนุ่ม ตัดด้วยความเปรี้ยวสดของเสาวรส เป็นความทันสมัยที่ลงตัว
- Traditional Teochew Pumpkin Taro Paste: ขนมโอวนีแปะก๊วยที่ใส่มาในชามรูป “น้ำเต้า” สื่อความหมายมงคล เนื้อเผือกและฟักทองกวนเนื้อเนียนละเอียด รสหวานละมุนแบบผู้ดี
ชาสูตรพิเศษของ Silver Waves – การฟื้นฟูสมดุลและความรื่นรมย์ตามหลักแพทย์แผนจีน



การเลือกเสิร์ฟชาสูตรพิเศษหลังชุดติ่มซำที่เข้มข้น ถือเป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบตามหลักการรับประทานอาหารจีน (Yum Cha) ซึ่งให้ความสำคัญกับการ ฟื้นฟูสมดุลของร่างกาย (Harmony and Balance) และการย่อยอาหาร โดยชาเหล่านี้ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวปรับสมดุล โดยไม่เพียงแต่ชะล้างไขมันและรสชาติที่ตกค้างจากการรับประทาน แต่ยังมอบสรรพคุณทางยาตามหลักแพทย์แผนจีน
ชาสูตรแรกคือ ชา Jiang ที่มีส่วนผสมของขิง, ถั่วแดง, ชะเอมเทศ, และพุทราจีน ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อ ช่วยขับลมและให้ความอบอุ่น แก่ร่างกาย โดยเฉพาะขิงที่ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องอืด ขณะที่ชะเอมเทศทำหน้าที่เชื่อมรสชาติและบำรุงม้าม ส่วนอีกตัวเลือกคือ ชาเสี่ยงสง (Siang Song) ที่ประกอบด้วยลำไย พุทราจีน และเก๋ากี้ ซึ่งเน้นการบำรุงสายตาและโลหิต มอบรสชาติที่หอมหวานชุ่มคอด้วยสรรพคุณในการบำรุงเลือดและพลังงาน จุดเด่นร่วมของชาทั้งสองสูตรคือการใช้ น้ำตาลทรายแดง ปรุงรสหวานละมุน เพื่อให้เครื่องดื่มสมุนไพรนี้สามารถดื่มได้ง่ายและช่วยให้ผู้ดื่มสูดความหอมของสมุนไพรได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นการปิดท้ายมื้ออาหารที่เน้นความรื่นรมย์และสร้างสมดุลให้กับร่างกายอย่างแท้จริง


Silver Waves by Boon จึงไม่ใช่แค่ร้านอาหารจีนบนตึกสูง แต่คือพื้นที่ที่งานสถาปัตยกรรมภายใน ทัศนียภาพ และรสชาติระดับโลก ถูกถักทอร้อยเรียงเข้าด้วยกัน หากคุณกำลังมองหาติ่มซำสูตรกวางตุ้งรสชาติอร่อย แต่มีความสวยงาม ไม่ใช่เป็นแบบแป้งห่อไส้กุ้ง ทั่ว ๆ ไป หรือฉลองมื้อพิเศษสำหรับคนสำคัญ ที่นี่เป็นหนึ่งคำตอบที่ผมอยากให้คุณมาสัมผัสด้วยตัวเองครับ
Dimsum Silver Waves by Boon Chatrium Hotel Riverside Bangkok
Kin Review
Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป อาทิ วิธีการ กินชีส และการดื่มไวน์ บทความการกินเพื่อสุขภาพ บทความการกินตามเทศกาล บทความสาธิตและสอนทำอาหาร สูตรทำอาหาร ข่าวสารในแวดวง การกิน ดื่ม คลิปและวีดิโอ เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม ท่านสามารถค้นหาร้านอาหารผ่านแถบค้นหาด้านบนสุดของเวปได้เพียงพิมพ์ชื่อร้าน หรือประเภทอาหาร และย่าน คิดถึงเรื่อง กิน ดื่ม คิดถึง Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์