หลังจากแนะนำการออกแบบเพื่อความยั่งยืนของ Soneva Kiri ซึ่งเป็น Ep.1 ของเรา Soneva kiri กับ Sustainable design ความ Luxury ที่มาพร้อมกับความรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม นิยามแห่งการพักผ่อนโดยสมบูรณ์แบบ <คลิกที่นี่เพื่ออ่านต่อ> และSoneva Ep.2 ที่พาไปลองชมทรีทเมนต์จากเมนูสปาของ Six Senses เพื่อเริ่มต้นการเดินทางทางประสาทสัมผัสโดยไม่ต้องออกจาก Soneva Kiri สปาที่ผุดขึ้นมาจากผืนทะเลและรายล้อมด้วยป่าชายทะเล <คลิกที่นี่เพื่ออ่านต่อ> ในครั้งนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับการเดินทางสู่รีสอร์ตแห่งนี้ที่ไม่เหมือนใคร ! Private Jet ที่จะนำทุกท่านสู่ Soneva kiri หนึ่งในสิ่งที่โรงแรมได้จัดไว้ให้คือ การเดินทางโดย Private plane ท่านสามารถเลือกการเดินทางไปยังรีสอร์ตได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้ Private plane ขึ้นจาก สนามบินสุวรรณภูมิ มาที่โรงแรมด้วยความรวดเร็วและสะดวกสบาย ใช่แล้วครับ “เครื่องบินส่วนตัว” หนึ่งในประสบการณ์ที่นาลองดูสักครั้ง พร้อมกับ “สนามบินส่วนตัว” ของรีสอร์ต ไม่ต้องรอเบียด ยัดเยียดแออัดกับใคร ซึ่งหาไม่ได้ในที่รีสอร์ตอื่นของประเทศสยาม สำหรับจุดเริ่มต้น เครื่องจะให้บริการจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ และบินตรงสู่เกะไม้ซี้ ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆที่ทางรีสอร์ท Soneva kiri เช่าไว้และทำเป็นสนามบินส่วนตัว แม้การเดินทางสู่รีสอร์ตแห่งนี้จะมีวิธีอื่นเช่น การนั่งรถและเรือ แต่เราขอแนะนำวิธีการใช้เครื่องบินและบินตรงเพื่อประสการณ์ที่เหนือระดับของการพักผ่อน เมื่อถึง counter check-in D24 ซึ่งจัดไว้เป็นพิเศษสำหรับ Soneva Kiri โดยเฉพาะ จะมีเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ตจัดการกระเป๋าให้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาเดินนำทางพาท่านไปพักผ่อนที่ Business Lounge ของ Bangkok Airways ท่านสามารถเพลิดเพลินกับของกินและเครื่องดื่มภายในห้องรับรอง รวมถึงบริการอื่นๆท่จัดเตรียมไว้อย่างพร้อมเพียง หลังจากพักผ่อน กินข้าวกันเป็นที่เรียบร้อยพอสมควรแล้วพนักงานจะพาไปขึ้นเครื่องบิน Private plane โดยความพิเศษอีกอย่างคือการไม่ต้องต่อแถวรอเหมือนการขึ้นเครื่องที่โดยสารโดยสายการบินพาณิชย์ทั่วไป เจ้าหน้าที่จะพาเดินขึ้นรถและรถจะขับพาทุกท่านส่งตรงถึงหน้าบันไดขึ้นเครื่อง หลังจากขึ้นเครื่องเป็นที่เรียบร้อย ท่านจะได้พบกับเบาะที่นั่งที่ให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย และอบอุ่นเหมือนห้องนั่งเล่นที่บ้าน เบาะมีลักษณะต่างไปจ่ากที่นั่งบนเครื่องบนสายการบินพาณิชย์ทั่วไป นั้นคือมีลักษณะเหมือนโซฟาหนังที่ใช้บนภาคพื้น ความหนาและความนุ่มนั่งสบายๆ สามารถปรับหมุนได้รอบ 360 องศาในกรณีที่มาเป็นหมู่คณะและต้องการสังสรรค์ คนขับเครื่องบินและผู้ช่วยจะกล่าวแนะนำตัวกับแขกอย่างสุภาพและเป็นกันเอง หลังจากเครื่องค่อยๆทะยายขึ้นฟ้าท่านก็จะได้สัมผัสกับ “So over the top” ของ…
Author: athiwat tripipitsiriwat
ตามธรรมเนียมหน้าร้อนแบบนี้ อาหารไทยที่ถูกพูดถึงและเหมาะที่จะนำมารับประทานเพื่อคลายร้อนได้ดีที่สุดก็คงจะต้องยกให้ ‘ข้าวแช่’ อาหารไทยโบราณที่มีส่วนผสมวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งต้องใช้แต่ของที่มีคุณภาพนำมาผ่านกรรมวิธีการทำอันซับซ้อนและปราณีต ออกมาเป็น ‘ข้าวแช่’Dr. Athiwat T. วันนี้ KinlakeStars.com จะพาทุกท่านไปชิมข้าวแช่จากโรงแรม 5 ดาวในราคาแสนพิเศษเพียงชุดละ 250 – ส่งตรงถึงบ้าน เมนูอาหารที่ชาวไทยในสมัยก่อนนิยมรับประทานเพื่อคลายร้อนได้ดีที่สุด คงหนีไม่พ้นเมนูข้าวแช่ ซึ่ง Banyan tree bangkok ได้เตรียมมาไว้ให้คุณได้ลิ้มลองตลอดเดือนเมษายนนี้ ท่านจะได้พบกับเมนู “ข้าวแช่ในน้ำมะลิอบควันเทียน” โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ขอเชิญคุณมาดับร้อนด้วยข้าวแช่ตำรับชาววัง ที่เชฟพิถีพิถันจัดเตรียมนำข้าวมาแช่ในน้ำอบเทียนลอยดอกมะลิหอม รับประทานพร้อมกับเครื่องเคียงต่างๆ เช่น ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน เครื่องผัดหวานต่างๆ และผักสดที่จัดเตรียมไว้อย่างสวยงาม ความกลมกล่อมลงตัวของข้าวแช่เย็นๆ รวมกับเครื่องเคียงแต่ละชนิดที่ออกรสหวาน ส่งให้ได้รสชาติที่ หวาน หอม เย็นชุ่มชื่นใจ รับประทานแล้วจะช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี พร้อมเสิร์ฟถึงบ้านคุณเพียงชุดละ 250 ระหว่างวันนี้ถึง 30 เมษายน พศ 2563 มาถึงเครื่องเคียงกันบ้างครับ ปีนี้ทางห้องอาหารมีเครื่องเคียงมาให้ 6 อย่าง แต่จะเสิร์ฟมาในพอชั่นที่กำลังพออิ่ม หมือนปีที่แล้ว ทางห้องอาหารมองว่าอยากให้ลูกค้ามีเนื้อที่ในท้องเอาไว้ชิมอาหารสุดอร่อยอย่างอื่นอีกครับ แม้ราคาจะเบาสบายกระเป๋า แต่เครื่องเคียงเขาก็ครบเครื่องนะครับ เครื่องเคียงก็มีดังนี้ครับ ไชโป้วกรอบผัดหวาน ไช้โป้วผัดจนกรุบ กรึบ หนึบ หวาน ผัดจนสีใส เข็ม พริกหยวกยัดไส้กุ้งห่อไข่ เลือกนำเอาพริกหยวกเม็ดขนาดกำลังดี ยัดไส้ด้วยหมูสับกับกุ้ง ปรุงด้วยสามเกลอ ได้แก่พริกไทย รากผักชี และเกลือ นำพริกหยวกไปนึ่งจนสุกแล้วห่อคุลมด้วยแพไข่ ปลายี่สกผัด นำปลายี่สนแห้งมาย่างไฟอ่อน แล้วนำไปโขลกจนได้เนื้อปุย ก่อนนำไปผัดกับหัวกะทิ และปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว หอมแดงยัดไส้ คว้านหอมแดงให้เป็นรู ยัดไส้ด้วยหมูหวาน ปรุงด้วยสามเกลอ ได้แก่พริกไทย รากผักชี และเกลือ นำไปชุบไข่และแป้งสาลี นำไปทอดจนได้สีเหลืองทอง รสชาติหวานเค็มกำลังดี ลูกกะปิผัดกระชายเครื่องเทศ ใช้กะปิอย่างดีจากระยอง นำไปผสมรวมกับเครื่องเทศ อาทิ กระชาย ตะไคร้ หอมแดง หัวกะทิ พริกแห้ง ปลาป่น นำไปผัดในกระทะทองเหลือง…
ข้าวแช่ อาหารที่มาคู่กับฤดูร้อน อันเป็นที่ได้รับความนิยมยิ่ง ให้ทั้งความดับร้อน สดชื่น และเป็นของเฉพาะฤดู แน่นอนว่าทั้งรส ทั้งกลิ่นที่หอมสดชื่น และขั้นตอนการทำที่ยากและสลับซับซ้อน อีกทั้งการเตรียมเครื่องที่วุ่นวายอยู่พอควรจึงทำให้เป็นอาหารที่ไม่ได้มีขายในทุกที่และในครั้งนี้ Kinlakestars จึงขอแนะนำข้าวแช่เด็ดจากทั่วกรุงฯ เดิมทีนั้นจากเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา กษัตริย์มอญผู้ซึ่งยังไม่มีบุตรเพื่อสืบบัลลังก์เสียที จนกระทั่งได้ทำการบนบานกับศาลเทวดาแห่งหนึ่งอันศักดิ์สิทธิ์จนสมหวัง จึงได้ทำเครื่องเซ่นไหว้มาถวาย เครื่องเซ่นเหล่านั้นก็ได้แก่ หมูเส้น ลูกกะปิ หอมยัดไส้ และไชโป๊วหวาน อันเป็นของที่เก็บได้นาน ทำแล้วเก็บใส่ไหดินเผาไว้ ทำให้เก็บได้นานไม่บูดเน่าเสีย ต่อมา ชาวมอญถือเอาข้าวแช่เป็นอาหารสำคัญในประเพณีวันสงกรานต์ ทำให้ข้าวแช่เป็นอาหารที่ชาวมอญ นิยมทำสังเวยเทวดาในตรุษสงกรานต์ และค่อยๆเผยแพร่เข้ามาในไทย ซึ่งก็เข้ามานานอยู่นานพอควร จะเห็นได้จากกลอนของกวีอย่าง สุนทรภู่ที่กล่าวถึงข้าวแช่ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ว่า ฤดูร้อน ก่อนเก่า ทำข้าวแช่ น่าชมแต่ เครื่องกับ สำรับฉัน ช่างทำเป็น ดอกจอก และดอกจันทร์ งามจนชั้น กระชายทำ เหมือนจำปา มะม่วงดิบ หยิบดู จึ่งรู้จัก ช่างน่ารัก ทำเป็น เช่นมัจฉา (ความจาก “รำพันพิลาป” ของสุนทรภู่ รัตนกวีสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์) ต่อมา ชาววังรับไปปรับปรุงเรียกว่า “ข้าวแช่เสวย” หรือ “ข้าวแช่ชาววัง” เมื่อสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี 2453 แล้ว ข้าวแช่ได้รับการเผยแพร่ไปนอกวังและเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง แม้ปีนี้ 2563 จะเกิดวิกฤติโรคระบาด แต่ทุกท่านยังสามารถสั่งข้าวแช่มาลิ้มรส มาชมชิมกันให้ชื่นใจได้อยู่ด้วยบริการส่งตรงถึงบ้าน ข้าวแช่ในแต่ละที่ก็ได้ถูกปรับสูตรให้แปลก แตกต่างกันออกไปตามรสที่ถูกปาก ความสวยงาม ของที่หาได้ และในปีนี้มีที่ไหนที่ทาง Kinlakestars แนะนำกันบ้าง มาดูกันเลย ข้าแช่ชาววังโรงแรมห้าดาวราคาเบาสบายสุดๆเพียง 250- จาก Banyan Tree Bangkok โดยเชฟเรณู คลิงที่นี่เพื่ออ่านรายละเอียดและภาพเต็ม > > > รีวิว ชุดข้าวแช่โรงแรมห้าดาวราคาเบาๆ ลิ้มรส “ข้าวแช่” อาหารดับร้อนของคนโบราณ ส่งตรงถึงมือคุณจาก Banyan tree Bangkok ในราคาเพียง…
ห้องอาหารเดอะ เฮาส์ ออฟ สมูท เคอร์รี่ โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ขอนำเสนอ ข้าวแช่ออร์แกนิคแช่ในน้ำเย็นลอยดอกมะลิ เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงถึง 8 อย่าง ตลอดเดือนมีนาคมและเมษายนนี้ ห้องอาหาร เดอะ เฮาส์ ออฟ สมูท เคอร์รี่ าหารไทยตำรับดั้งเดิม นำโดยหัวหน้าพ่อครัวมากความสามารถและประสบการณ์ทำอาหารไทยมากกว่า 16 ปี ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เชฟพิถีพิถันกับทุกเมนูตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบจากทั่วทุกภาคของประเทศผสานกับเครื่องเทศของไทยปรุงด้วยสูตรตำรับดั้งเดิม ได้รับความนิยมจากผู้มาเยือนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สำหรับเมนูชุดข้าวแช่นี้ เชฟเลือกใช้ข้าวออร์แกนิคที่ซื้อและส่งตรงจากเกษตรกรท้องถิ่นของไทย เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงมากกว่าใคร คือมีถึง 8 อย่าง คือลูกกะปิทอด, หอมแดงสอดไส้, พริกหยวกสอดไส้, เนื้อหรือหมูฝอยหวาน, ไชโป๊ผัดไข่, ปลาแห้งผัดหวาน, หมูเปีย และไข่วงเดือนหรือไข่แดงกับหมูสับ นอกจากนั้นในเซตข้าวแช่ ยังเสิร์ฟคุณด้วยของหวานแสนอร่อย มะปรางลอยแก้ว เป็นการปิดท้ายอีกด้วย เรามาเริ่มต้นสดชื่นๆกันด้วยแตงโมปลาแห้งกันครับ ซึ่งเมนูนี้เป็นที่ยอดนิยมของสยามในอดีต ที่นิยมกินกันช่วงฤดูร้อน ช่วยให้ดับกระหายคลายร้อน ลูกกะปิ (Shrimp Paste Balls) เชฟใช้ผิวมะกรูด กระชาย ตะไคร้ ตำโขลกด้วยกันพร้อมด้วยกะปิและเนื้อปลาช่อน เชฟเลือกใช้กะปิของระยอง โดยนำมาใส่ในใบตองแล้วนำไปผิงไฟให้หอม หอมแดงยัดไส้ (Fried Stuffed Shallots) ใช้หอมแดงลูกเล็กไม่ปอกเปลือก ด้านในยัดไส้ลูกกะปิ แล้วนำไปชุบแป้งทอดกรอบ พริกหยวกสอดไส้ (Stuffed Sweet Pepper with Pork) ด้านในเป็นไส้หมูผสมกับกุ้ง ใส่พริกไทย รากผักชี ปรุงรสชาติโดยใส่น้ำตาลนิดหน่อย เสร็จแล้วยัดเข้าไปในพริกหยวก แล้วนำไปนึ่ง ห่อด้วยไข่ชั้นนอกสุดอีกที หมูหรือเนื้อฝอย (Shredded Sweeten Pork or Beef) ทอดแต่ไม่กรอบมาก เนื้อจะเหนียวกว่า รสชาติหวานนิดๆ ไชโป๊ผัดไข่ (Fried Sweet Pickled Turnips with Eggs) ไชโป๊ผัดกับกระเทียมดอง จะได้รสชาติหอมหวานจากกระเทียมดองด้วย ไข่วงเดือน (Salted Egg…
ครั้งนี้ Kinlakestars.com ขอเชิญชวนทุกท่านมาคลายความร้อนกับเมนูข้าวแช่ เมนูดั้งเดิมที่นิยมรับประทานในช่วงฤดูร้อน ให้บริการช่วงวันที่ 1 – 30 เมษายน 2561 เท่านั้น โดยบริการส่งตรงถึงบ้านคุณในชะลอมไม้ไผ่สาน รองด้วยใบตอง สวยงามอย่างไทยแท้และรักษ์โลก ต้อนรับซัมเมอร์นี้กับ “ข้าวแช่”เมนูคลายร้อนสุดคลาสสิคของคนไทย ที่พร้อมเสิร์ฟให้คุณได้สดชื่น อร่อยคลายร้อนเพียงปีละหนึ่งครั้ง ตลอดเดือนเมษายน 2563 นี้ จากห้องอาหารศาลาไทย โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต สำหรับวิธีการทานข้าวแช่กับเครื่องเคียงนั้นเริ่มจากทานลูกกะปิเป็นชิ้นแรกก่อน เคี้ยวให้ได้ลิ้มรสชาติ ตักข้าวแช่ขึ้นทานตามพร้อมน้ำข้าวแช่สักเล็กน้อย รสชาติความเข้มข้นของเครื่องเคียงจะผสมผสานกับความเย็นของข้าวแช่ ทำให้รสชาตินุ่มนวลกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ลิ้มรสความหอม สดชื่น ที่เชฟบังอร มาลาเล็ก หัวหน้าครัวไทย พิถีพิถันนำข้าวหอมมะลิมาหุงสุกและบรรจงขัดข้าวให้ขึ้นเงา จากนั้นนำมาแช่กับน้ำลอยดอกมะลิอบควันเทียน พร้อมเครื่องเคียงถึง 9 อย่าง ลูกกะปิชุบไข่ทอด ลูกกะปิทอดนี้ ใช้กะปิมาผัดให้งวดกับกระชายบดละเอียดและเนื้อปลา ทำให้หอมกะปิแต่ก็มีกลิ่นหอมของกระชายเย็นๆ รสชาติกลมดี และนำมาชุบแป้งและไข่จึงนำไปทอด ปลาช่อนหวานแห้งผัด ปลาช่อนผัดน้ำตาล นี้นำปลาช่อนย่าง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และมาผัดให้งวดกับน้ำตาลมะพร้าว หัวไชโป๊ผัดหวาน รสชาติละมุนลิ้นจากหัวไชโป๊วดองผัดกับน้ำตาลมะพร้าว ให้ได้รสหวานเค็มแบบพอดี หัวไชโป๊ผัดไข่ รสชาติมันและหนักแน่นกว่าอันก่อนจากไข่ที่เพิ่มเข้าไป สีจะต่างกันอันก่อนที่ไม่มีไข่สีจะใส แต่มีไข่สีขพขุ่น มีเทคเจอร์ไข่ประกอบ หัวไชโป๊วดองนานน้อยกว่าตัวแรกผัดกับน้ำตาลมะพร้าว ให้ได้รสหวานเค็มแบบพอดี หมูฝอย และเนื้อฝอย เนื้อและหมูหวานฝอย ใช้เนื้อ และ หมูมาย่าง ทุบเป็นแผ่น และฉีกให้เป็นฝอย หอมยัดไส้ปลาชุบแป้งทอด ต่อมาในส่วนของหอมสอดไส้พร้อมส่วนไส้นี้ใส่ข้างในนั้นเป็นปลาสามรสซึ่งงวดนี้ได้นำไปนึ่งก่อน แต่ได้ทำการบีบไขมันออกทั้งหมดจึงเหลือแต่ในส่วนที่เป็นเนื้อจากนั้นปรุงด้วยสามเกลอซึ่งก็คือรากผักชีพริกไทยและเกลือ คลุกเข้ากับกระเทียมจึงได้รสแบบไทยๆด้วยวัตถุดิบต่างชาติ พริกหยวกสอดไส้หมูกุ้ง และไข่เค็ม พริกหยวกไส้หมูสับของที่นี่ไส้ข้างในเป็นหมูปรุงรสด้วยสามเหลอ นั้นคือ รากผักชี เกลือ และพริกไทย ผสมกับไข่แดงเค็มปั้นรวมกันและยัดไส้ สำหรับไข่ที่ใช้ห่อตัวพริกหยวกนั้นไม่ใช่ไข่ฟู แต่ใช้ตาข่ายซึ่งดัดแปลงมาจากแผ่นล่าเตียงซึ่งล่าเตียงนี้เป็นการนำไข่แดงมาทำเป็นตาข่ายนิ่มสำหรับที่ใช้ในการทำขนมไทยชนิดอื่นแทน ทุกเมนูนั้นปรุงอย่างพิถีพิถันตามตำรับไทย นอกจากนี้เชฟบังอร ยังพิถีพิถันแกะสลักผักสดไว้สำหรับทานแกล้มอย่างปราณีตงดงาม …
ปีนี้ 2020/๒๕๖๓ หน้าร้อนปีนี้จะเปลี่ยนไป และไม่เหมือนเดิมจากวิกฤติโรคระบาดใหญ่ที่อุบัติไปทั่วโลก แม้จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเรา แต่อากาศยังร้อนอยู่ในหน้าร้อน และเราก็ยังควรได้กินอะไรอร่อยๆดับร้อนในหน้าร้อนอยู่ ดังนั้น kinlakestars.com ขอนำเสนอ ข้าวแช่และอีกสารพัดเมนูรสเยี่ยมส่งตรงถึงบ้านคุณ ข้าวแช่ หนึ่งในอาหารประจำฤดูร้อนที่หลายคนต่างรอคอย รอลิ้มรส ข้าวหอมมะลิในน้ำอบใสเย็น พร้อมเครื่องเคียงรสเลิศหลากชนิด แต่ละร้านอาหารแข่งกันจัดเป็นสำรับไว้ บรรจงจัดรอไว้ให้ไปชิม ภาพเหล่านั้น อาจจะเป็นไปได้ยากในปีที่สถานการณ์ไม่ปกตินี้ แต่ Eathai ศูนย์รวมอาหารไทยชั้นเลิศ จะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังด้วยชุดข้าวแช่ชาววัง เดลิเวอรี ส่งตรงถึงบ้าน ที่จะนำรสชาติ ตำรับชาววัง และความสดชื่น มาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะอาหาร ! Eathai KHAO CHAE ปีนี้ Eathai ได้นำประสบการณ์ความสำเร็จในการจัดชุดข้าวแช่ประจำปี มาจัดเป็นสำรับเดลิเวอรีที่จะส่งให้ทุกท่านได้ลิ้มลองกัน ซึ่งวันนี้ kinlakestars.com จะขอเชิญผู้อ่านทุกท่านมา ร่วมกันเปิดสำรับไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งเมื่อมาถึงก็จะพบสำหรับข้าวแช่ครบชุดบรรจุอย่างดีมาในกล่องพิมพ์ลายประจำตัวของ Eathai ดูสะอาดสบายตา ชุดอาหารแพค และได้ใส่กล่องและแพคมาอย่างดีไม่มีทางหกเลอะเทอะ หรือทำให้อาหารเสียหายได้ สำรับข้าวแช่นี้จะประกอบด้วย เช็ตเครื่องเคียงสูตรชาววังมากันครบทั้ง ลูกกะปิทอด, ไชโป๊วหวาน, หอมแดงสอดไส้, พริกหยวกห่มสไบไข่ทอดสอดไส้หมูและกุ้ง, เนื้อหมูผัดแห้งเค็ม พร้อมผักเคียง อาทิ ต้นหอม แครอท กระชายอ่อน และมะม่วงดิบ ซึ่งเครื่องเคียงชนิดต่าง ๆ ได้ถูกปรุงรสมาอย่างดี ถ้าที่บ้านมีจานแบ่งช่อง จะช่วยให้การรับประทานข้าวแช่ได้อรรถรสมากขึ้น สำหรับการกินข้าวแช่นั้น ข้อสำคัญคือ ห้ามนำ เครื่องเคียงต่าง ๆ จุ่มลงไปในน้ำอบเพราะจะทำให้น้ำขุ่น และ รสชาติของข้าวแช่เสียไป เวลารับประทานแนะนำให้เริ่มจากลูกกะปิทอด แล้วตามน้ำข้าว แล้วจึงปิดด้วยน้ำลอยดอกไม้เย็น ๆ แล้วค่อยกินผักแทรก เพื่อล้างเพดานปากและลิ้นก่อนชิมเครื่องเคียงชนิด ๆ อื่น ซึ่งเครื่องเคียงบางชนิดอาจจะเสริมรสชาติด้วยการกินผักเคียงคู่ไปด้วย เช่น ลูกกะปิ กับ มะม่วงดิบ หรือ กระชายอ่อนกับพริกหยวกสอดไส้ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราดื่มด่ำกับข้าวแช่แล้ว เรายังมีเมนูแนะนำอีกเมนูคือ มะยงชิดลอยแก้ว ที่หอมหวานและผ่านการคว้านเม็ดออกมาอย่างดีจนได้เนื้อสวย Other Menu นอกจากนี้สำหรับสายแข็ง เราขอแนะนำให้สั่งอาหาร…
วันนี้ kinlakestars.com ขอโอกาสนำเสนอข่าวดี สำหรับผู้ที่กำลังมองหาอาหารดี ๆ สำหรับช่วงการกักตัวอยู่บ้านอันยาวนาน ด้วยเมนูสุดพิเศษ จากวัตถุดิบชั้นเลิศ และศิลปะการปรุงอาหารไทยประยุกต์ที่จะดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาได้อย่างเต็มรสชาติ จากห้องอาหารธาน (TAAN) ประจำโรงแรมบูติคสุดหรู สยามแอ็ทสยามนั่นเอง ครั้งนี้ห้องอาหารธานได้คัดเลือกเมนูสุดพิเศษ ที่ปรุงจากวัตถุดิบชั้นเลิศทั่วประเทศไทย มาจัดเป็นเมนู delivery พร้อมส่งถึงบ้าน ที่จะช่วยให้โต๊ะอาหารของ และต่อมรับรสของทุกคนได้รับการเติมเต็มอีกครั้ง ซึ่งทั้งสี่เมนูนี้เป็นระดับเมนูอาหารชูโรงของห้องอาหารธานแห่งนี้ TAAH Special Delivery Menu Tapaothong Chicken (280 บาท) Organic chicken massaman curry / Vietnamese coriander Ajard / Roti ไก่ตะเภาทอง/โรตี / มัสมั่น / อาจั๊ดผักแพ้ว เริ่มต้นจากเมนูพิเศษจากเนื้อไก่ตะเภาทอง เนื้อไก่ที่เชฟประจำร้านอาหารทั่วไทยต่างแย่งชิงกันเพื่อนำมาใช้ประกอบอาหารของตนเอง ถือเป็นวัตถุดิบขึ้นโต๊ะอาหารไทยระดับ fine dining หลายแห่ง ด้วยรสชาติของเนื้อหวานนุ่ม เนียนละเอียด มาปรุงเป็นแกงมัสมั่น ให้รับประทานคู่กับอาจั๊ด เมื่อเนื้อไก่ตะเภาะทอง คลุกเคล้าแกงมัสมั่นรสชาติร้อนแรง กับ อาจั๊ดหวานอมเปรี้ยว พร้อมแป้งโรตีหอมกรุ่น เป็นจานที่จะช่วยสลายความน่าเบื่อ และ ความจืดชืดของอาหารในช่วงเวลากักตัวได้เป็นอย่างดี ———– Phupan Black Chicken (290 บาท) Royal Project organic black chicken, crab paste, bitter beans chili dip, pickled yolk, organic jasmine ข้าวหน้าไก่ดำภูพาน ผักน้ำปู๋ยอดมะพร้าวอ่อน และ น้ำพริกสะตอสดพวงไข่อ่อน เนื้อไก่ดำรสดี เมื่อชิมครั้งแรกอาจจะรู้สึกแห้งเล็กน้อย เนื่องจากเป็นเนื้อไก่ดำออร์แกนิค แต่เนื้อไก่ดำภูพานนี้เมื่อรับประทานไปเรื่อยๆ จะรู้สึกเพลินเพลิน และไม่หนักท้อง สมศักดิ์ศรีความเป็นสายพันธุ์พระราชทานที่ได้วิจัยปรับปรุงสายพันธุ์มาอย่างดี ซึ่งถูกปรุงให้เข้ากันได้ดีกับยอดมะพร้าวอ่อนเด้งสู้ฟัน พร้อมปรุงรสชาติได้กลิ่นสมุนไพรไทยสดชื่น เต็มรสอาหาร จานนี้เสิร์ฟคู่กับข้าวหอมมะลิพันธุ์ดี พร้อมน้ำพริกทำจากวัตถุดิบพิเศษไม่เหมือนใคร หากินยากอย่างพวงไข่อ่อนทำเป็นน้ำพริกสะตอ ให้ได้รสชาติมันและหอมกลมกล่อม ———– Suratthani Blue Swimmer Crab (350 บาท) Yellow curry crab…
หากพูดถึงติ่มซำ หลายคนคงนึกถึงการกินติ่มซำกับห้องอาหารจีนสว่างๆ พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย ในช่วงกลางวันและช่วงบ่าย แต่ทว่า ใครจะคิดถึงการกินติ่มซำในบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก ภายใต้แสงจันทร์ แสงเทียน เคียงเคล้าไปด้วยเมฆสีขาว และในวันนี้ทาง กินแหลกแจกดาว – KinlakeStars.com จะพาทุกท่านมาพบกับ การกินติ่มซำ ภายใต้แสงจันทร์ แสงเทียน โอบล้อมไปด้วยเมฆขาว ตามชื่อห้องอาหาร Bai yun ซึ่งแปลว่า เมฆขาว กับทัศนียภาพกรุงเทพมหานคร อันสุดลูกหูลูกตา จรดเส้นขอบฟ้า ด้วยความสูงจากชั้นที่ 59 สำหรับห้องอาหาร ไบยุนแห่งนี้ บรรยากาศในช่วงตอนกลางวันและตอนกลางคืน ค่อนข้างจะแตกต่างกัน ให้ความรู้สึกคนละเรื่องกันเลยทีเดียว ในช่วงกลางคืนเรียกได้ว่า บรรยากาศค่อนข้างจะโรแมนติกเลยทีเดียว ด้วยการใช้โทนสีเข้ม โดยผ้าปูโต๊ะสีน้ำเงินเข้ม เก้าอี้สีดำ เพดานสีดำ พื้นสีดำ และให้แสงเป็นจุดๆ ลงตรงไปที่อาหารบนโต๊ะเป็นหลัก ทำให้แทบไม่มีแสงบาดตา หรือ ภาพสะท้อนบนกระจกและรบกวนการชมทัศนียภาพเลยทีเดียว นับว่าหาห้องอาหารจีนที่มีบรรยากาศเช่นนี้ได้ยากทีเดียว ถึงขนาดที่ว่า ผู้ร่วมโต๊ะของผู้เขียน เอ่ยปากอยากเชิญชวนคนรักมาสร้างความประทับใจเป็นมื้อพิเศษ Amuse bouce โดยก่อนจะเริ่มต้นติ่มซำ เราขอแนะนำออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อยกัน โดยในจานนี้ประกอบด้วย Baiyun cracker plain กับ Baiyun cracker พริกเกลือ สีสวยขาวอมเหลืองทอง สีไม่เข้มไม่อ่อนไป ไม่อมน้ำมัน อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เวลาก่อนเริ่มกินอาหารจีนเพื่อเปิดต่อมรับรสนั้นคือ เกียมฉ่าย โดย เกียมฉ่ายที่นี้ไม่ได้มีเพียงรสเค็มและเปรี้ยวแต่มีรสหวานให้น้ำลายสอ ต่อมาเรามาเริ่มเข้าสู่เมนูติ่มซำกันเลยครับ ฟองเต้าหู้ทอด Crisp Tofu Sheet, Seafood Combination แผ่นฟองเต้าหู้ที่ถูกทอดมากรอบๆ สอดไส้ด้วยเครื่องต่างๆ อาทิเช่น กุ้ง เห็ดหอม ซึ่งตัวไส้ก็ได้ถูกปรุงรสมาอย่างดี กุ้งหอยเชลล์เห็ดหอม ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้ง Steamed Shrimp Noodle Roll, X.O Sauce มาถึงอีกตัวที่หลายคนติดใจและเป็นที่นิยม ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง แป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดหนานุ่มเหนียวหนึบไม่ฉีกขาดง่าย ห่อกุ้งกรุบกรึบ โดยกุ้งขาวเกรดดีที่ปรุงรสได้เยี่ยมสัมผัสยอด รสชาติลงตัวกำลังดี เพิ่มความอูมามิให้กับเมนูนี้เป็นอย่างดีโดย ซอส xo เกรดดีคุณภาพสูง ก้ามปูม้าผงกะหรี่ Crab…
“เส้นทางสายไหม (The Silk Road)” เส้นทางการค้าอันโด่งดังในอดีต ได้เป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือวัฒนธรรมการกินติ่มซำ ซึ่งเริ่มแพร่หลายในฐานะอาหารว่าง ระหว่างการเดินทางที่รับประทานคู่กับน้ำชา ในยุคสมัยแห่งการเดินทาง ด้วยรสชาติที่อร่อยโดนใจรับประทานง่าย ทำให้ติ่มซำเป็นหนึ่งในอาหารจีนที่ครองใจคนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ หรือด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของชื่อ ห้องอาหารจีน “Silk Road” ณ The Athenee มีติ่มซำเซ็ตใหม่ที่ดีงาม สมชื่อสถานที่ต้นกำเนิดของติ่มซำ Silk Road ห้องอาหารจีนแห่งนี้ ตั้งอยู่บนชั้นสามของโรงแรม The Athenee Bangkok เคียงคู่กับร้านอาหารชั้นนำอีกหลายร้าน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ ร้านแห่งนี้เพิ่งได้รับการปรับปรุงตกแต่งใหม่ ในเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมาให้สวยงามและทันสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยสีดำทอง ประดับด้วยฉากกั้นลวดลายที่เพ้นดู้สีทองจากปลายพู่กันสวยงาม สไตล์ Art Deco ให้บรรยากาศเรียบหรู เหมือนอยู่ในภัตตาคารหรูใจกลางเซี่ยงไฮ้ เหมาะแก่การมาลิ้มลองอาหารมื้อพิเศษ พร้อมถ่ายรูปสวยๆ ถูกใจทุกเพศทุกวัย ซึ่งนอกจากบรรยากาศจะสวยงามแล้ว ยังมีการปรับเมนูติ่มซำครั้งใหญ่อีกด้วย วันนี้ kinlakestars.com จะขอนำทุกท่านไปพบกับเมนูติ่มซำเซ็ตใหม่ ฝีมือเชฟจีนกวางตุ้ง ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานจากโรงแรมห้าดาวทั้งจากฮ่องกง มาเก๊า มาเนรมิตติ่มซำใหม่ที่สวยงาม พร้อมคอนเซปที่เข้าใจง่ายว่า ติ่มซำของ silk road นั้นต้อง “ลูกใหญ่ ทำสดใหม่ทุกวัน และ ไม่ใช้ผงชูรส” สารพัดเครื่องเคียงเรียกน้ำย่อย แน่นอน ก่อนจะเริ่มเข้าสู่มื้ออาหาร การมีอะไรเปิดเพดานรับรสในปากเรา กระตุ้นเรียกน้ำย่อยย่อมดีแน่ และที่นี้ก็มีของเรียกน้ำย่อยเล็กน้อยที่อร่อยดีไม่ซ้ำใคร ไม่ว่าจะเป็น ถั่ววาซาบิ กระเจี๊ยบเขียว และ หัวไชเท้าทองสูตรพิเศษ Silk Road Dim Sum ฮะเก๋าคาร์เวียร์ ฮะเก๋า คือ หนึ่งในไฮไลต์ของเมนูติ่มซำของแต่ละภัตตาคาร เป็นเมนูที่ใช้บอกฝีมือของเชฟได้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอน Silk Road ไม่ทำให้เราผิดหวัง ฮะเก๋ากุ้งลูกโตแป้งบาง สีขาวนวลใส ออนท๊อปด้วยคาร์เวียร์ ตัวกุ้งนุ่มเด้งปรุงรสมาอย่างดี กินคู่กับซอสจิ๊กโฉ่ว เป็นความเพลิดเพลินอย่างที่สุด ฮะเก๋าแป้งบาง…
ใครว่าซูชิต้องสด ปลาต้องสดถึงจะอร่อย วันนี้ Kimura Don Tokyo by Sushi Kimura จะมาทำให้รู้ว่าไม่จำเป็น ร้านที่เสิร์ฟเนื้อปลาและของทะเลผ่านการบ่มหมัก โดย Father of Aged Sushi ระดับ 2 ดาวจากโตเกียว หลายครั้งการกินอาหารระดับมิชลินสตาร์ อาจจะต้องใช้การจองล่วงหน้าเป็นเดือน และอาจจะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปลองถึงต่างประเทศ ซึ่งร้าน “ซูชิ คิมูระ” ของเชฟโคจิ คิมูระ เป็นหนึ่งในจุดหมายของนักชิมทั่วโลก ร้านคิมูระด้ง (Kimura Don) แห่งนี้ เป็นร้านแห่งเดียวในโลกที่ได้นำเทคนิคการทำซูชิบ่มหมักอันเลื่องชื่อของเขามาทำเป็นเมนูพิเศษ ซึ่งตัวเชฟโคจิ คิมูระเอง เป็นเชฟผู้ได้รับขนามนามว่าเป็น “เจ้าพ่อวงการอาหารซูชิด้วยการบ่มหมัก” (Father of Aged Sushi) เพราะเขาเป็นผู้นำวงการอาหารซูชิด้วยการพยายามแสดงให้เห็นว่า ซูชิที่อร่อยไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่เน้นความสดใหม่เท่านั้น แต่ซูชิ ที่ได้รับการบ่มหมักอย่างเหมาะสมจนถึงเวลาที่พอเหมาะ พอดีจะสามารถดึงรสชาติที่สมบูรณ์แบบออกมาได้ดีกว่า จนได้รับมิชลินสตาร์สองดาวมาถึงห้าปีซ้อน ไปจนถึงรางวัลยอดเยี่ยมจากเวปไซต์ Tabelog ซึ่งเป็นเวปไซต์แนะแนวการกินดื่มของญี่ปุ่นระดับทอง และระดับเงินมาอย่างต่อเนื่อง หากใครอยากรู้ว่าการบ่มหมักซูชิมันเป็นการปรุงที่มีมาแต่ดั้งเดิมขนาดไหน อ่านได้ที่นี่ >>> (คลิก) เชฟโคจิ ได้นำซูชิหมักอันเลื่องชื่อของเข้ามาทำเป็นเมนูประเภท “ดงบูริ” หรือ ข้าวหน้าต่างสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การรับประทานข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของไทย และ สามารถบริหารจัดการในสาขาภายนอกประเทศได้โดยไม่เสียมาตรฐานของรสชาติ เชฟได้คิดค้นเมนูดงบูริโดยจับคู่ซูชิหมักของเขากับข้าวสูตรพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โอโทโระ ฮามาจิ ไข่หอยเม่น ปลาแซลมอน ปลาหมึก หอยอาซาริ ปลาไหลอานาโกะ และเครื่องเคียงสูตรพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย ร้านคิมูระด้ง ร้านคิมูระด้ง ตั้งอยู่ที่ ชั้น 4 หน้าโซน Food Passage ศูนย์การค้า สยามพารากอน ตกแต่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น แบบนั่งสบาย กินได้ในหลายโอกาส ซึ่งมีทั้งเมนูของว่างเรียกน้ำย่อย และ ตัวเอก คือ ดงบุริ นั่นเอง วันนี้…