เชิญคุณร่วมเปิดประสบการณ์อาหารจีนกวางตุ้งที่เปี่ยมด้วยศิลปะแห่งการปรุงอย่างประณีต ณ ห้องอาหาร “เหม่ยเจียง” ที่โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ท่ามกลางบรรยากาศสงบร่มรื่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะทั้งสำหรับการพักผ่อนยามเที่ยงในวันธรรมดา หรือพบปะสังสรรค์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ดื่มด่ำกับรสชาติแบบดั้งเดิมของติ่มซำที่ปรุงสดใหม่ทุกจาน อาทิ ขนมจีบเป๋าฮื้อ หมู และกุ้ง, เกี๊ยวนึ่งไส้หอยเชลล์และผักโขม, ขนมผักกาดทอดพร้อมกุ้งซากุระ และปิดท้ายอย่างสดชื่นด้วยพุดดิ้งมะม่วงแช่เย็นสูตรเฉพาะ ห้องอาหารเหม่ยเจียงเปิดให้บริการสองรูปแบบ เพื่อเติมเต็มมื้อกลางวันของคุณให้พิเศษยิ่งกว่าเดิม: ชุดมื้อกลางวันติ่มซำ (Weekday Dim Sum Set Lunch) วันจันทร์–ศุกร์ เวลา 11:30 – 14:30 น. สัมผัสความอร่อยในสไตล์กวางตุ้งผ่านชุดมื้อกลางวันแสนประณีตที่คัดสรรเมนูยอดนิยม เช่น ขนมจีบเป๋าฮื้อ เกี๊ยวไส้หอยเชลล์ และขนมผักกาดกุ้งซากุระ ราคา: 888++ บาท ต่อท่าน บุฟเฟ่ต์ติ่มซำแบบไม่อั้น (Weekend All You Can Eat Dim Sum) วันเสาร์–อาทิตย์ เวลา 11:30 – 14:30 น. อิ่มไม่อั้นกับติ่มซำปรุงสดใหม่แบบ à la minute ทั้งเมนูนึ่ง ทอด และอบ พร้อมรายการเพิ่มเติมจากเมนู à la carte ให้คุณเลือกสรรอย่างจุใจ ท่ามกลางบรรยากาศริมแม่น้ำที่หรูหรา ราคา: 1,288++ บาท ต่อท่าน สถานที่โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ333 ถนนเจริญนคร แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ 10600 โทรศัพท์: +66 2 020 2888อีเมล: [email protected] Kin News Kinandleisure.com Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม…
Author: Kittin Assavavichai
“ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ” (Chatrium Grand Bangkok) โรงแรมระดับลักซัวรี่ใจกลางย่านสยาม พร้อมต้อนรับเข้าสู่บรรยากาศแห่งความสุข กับบุฟเฟ่ต์อาหารจีนสุดพรีเมียม “ไดนัสตี้ ไนท์ส” (Dynasty Nights) ที่จะนำพาคุณลิ้มรสผ่านรสชาติอันประณีต ระหว่างวัฒนธรรมจีนและมองโกเลีย และอีกหลายหลายเมนู บุฟเฟต์อาหารค่ำสุดหรูที่ผสมผสานความอร่อยสูตรต้นตำรับอย่างลงตัว รังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างความประทับใจ พร้อมให้บริการทุกคืนวันศุกร์ ณ ห้องอาหารซาวิโอ โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ ต้อนรับคอนเซ็ปต์บุฟเฟต์ ค่ำคืนวันศุกร์รูปแบบใหม่ ที่พร้อมเชิญชวนทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน ร่วมดื่มด่ำในวันสุดพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรสชาติอาหารจีนดั้งเดิม กับเมนูที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันให้ทุกท่านพบกับประสบการณ์รับประทานอาหารที่คุณจะประทับใจ เริ่มต้นค่ำคืนด้วยเมนูที่มีหลากหลาย อาทิ สลัดหอยเป๋าฮือ เนื้อวัวมองโกเลียย่าง ไก่แช่เหล้า และ แมงกระพรุนน้ำมันงาที่กลมกล่อม รวมไปถึงหูหมูแก้วนุ่มละมุน เป็ดย่างและหมูแดงรสชาติเข้มข้น และติ่มซำ กว่า 15 รายการ อาทิ ขนมจีบลาวา ฮะเก๋า ขนมจีบกุ้ง-หมู-ไส้ผักรวม ซาลาเปา หมั่นโถ่ ฯลฯ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่คุณไม่ควรพลาดบนไลฟ์สเตชั่น เปิดโอกาสให้คุณได้สร้างสรรค์มิกซ์แอนด์แมท กับเมนู มองโกเลียนกริลล์ในแบบของตัวเอง หรือจะเป็นเส้นหมี่ผัดสดใหม่จากเชฟผู้มากฝีมือ สามารถเลือกเนื้อสัตว์ หรืออาหารทะเล คุณภาพพรีเมียม พร้อมจับคู่ซอสและผักต่างๆ ได้ตามใจคุณ พร้อมเลือกอิ่มอร่อยไปกับเมนูคาวหวานที่มีให้เลือกอีกมากมาย อิ่มได้ไม่อั้นมากกว่า 50 เมนู อาทิ ฮะเก๋าล็อบสเตอร์ ผัดเป๋าฮื้อ ปลากระพงนิ่งมะนาว ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีสเตชั่นอาหารให้คุณเลือกตามได้เพิ่มเติมตามความชอบอีกด้วยอาทิ ซีฟู้ดออนไอซ์ เป็ดปักกิ่ง หมูกรอบ เนื้อวัวสไลซ์ผัดบร็อคโคลี่กรอบสไตล์จีนแท้ หมูกรอบเต้าหู้มาโป เนื้อมองโกเลียผัด ซุปพระกระโดดกำแพง ทุกเมนูล้วนรังสรรค์เพื่อความสมบูรณ์แบบในค่ำคืนพิเศษของทุกท่าน ปิดท้ายมื้ออาหารสุดหรูด้วยของหวานแบบจีน ที่จะขนขบวนความอร่อยมาให้คุณลิ้มลอง อาทิ ขนมงาทอดไส้ถั่วแดง พุดดิ้งนม พุทราทอด พบกับ ไดนัสตี้ ไนท์ส ที่จะมอบค่ำคืนสุดพิเศษที่ผสานความสง่างามและความอบอุ่นไว้ด้วยกัน ทุกคำที่ลิ้มลองคือเรื่องราวที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน ให้คุณสัมผัสถึงการผสมผสานของวัฒนธรรม รสชาติ และการต้อนรับอย่างอบอุ่น ราคาเพียง 1,499 บาทต่อท่าน รวมเครื่องดื่มฟรีโฟลว์ ทุกคืนวันศุกร์ เวลา 18.00-22.00 น. ที่ ห้องอาหารซาวิโอ โรงแรม…
พบกับสี่รสชาติพิเศษ ที่ผสานวัฒนธรรมล้ำค่ากับความคิดสร้างสรรค์ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ได้อย่างกลมกล่อมร – กรกฎาคม 2568) – Mott 32 กรุงเทพฯ ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นกวางตุ้งในโรงแรม The Standard, Bangkok Mahanakhon ขอแนะนำคอลเลกชันขนมไหว้พระจันทร์สุดพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตโดยใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ ผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Mott 32 ได้อย่างลงตัว โดยขนมไหว้พระจันทร์ในปีนี้ประกอบด้วยสามรสชาติสูตรต้นตำรับและอีกหนึ่งรสชาตืใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปีนี้ เริ่มต้นด้วย ขนมไหว้พระจันทร์รสมะม่วงมะพร้าวอัลมอนด์ (Mango & Coconut Almond) ที่ได้แรงบันดาลใจจากเมนูของหวานยอดนิยมอย่าง “มะม่วงมะพร้าวม้วน” ของทางร้าน ให้รสชาติสดชื่นตัดกับความหวานได้อย่างกลมกล่อม ด้วยวัตุดิบจากมะม่วงฉ่ำ มะพร้าวเนียน และอัลมอนด์หอมมัน ให้ความหอมหวานในสไตล์โมเดิร์นที่เป็นเอกลักษณ์ของ Mott 32 ขนมไหว้พระจันทร์รสหอมหมื่นลี้เก๋ากี้ (Osmanthus & Goji Berry) ที่มีกลิ่นหอมละมุน ให้ความรู้สึกละเมียดละไม โดยมีวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นที่นิยมในอาหารและสมุนไพรจีนมาผสมผสานกันอย่างลงตัว ตามมาด้วยขนมไหว้พระจันทร์รสพุทราจีนไข่เค็ม (Jujube) ที่ใช้พุทราแดงซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสิริมงคล ความอุดมสมบูรณ์ และความมั่งคั่ง เป็นวัตถุดิบหลักที่ให้รสชาติหวานละมุนจากธรรมชาติ เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามแก่ทั้งผู้ให้และผู้รับ สำหรับไฮไลท์สำคัญในปีนี้ พบกับขนมไหว้พระจันทร์รสชาติใหม่ล่าสุดอย่างรสทุเรียนและไข่แดงเค็ม (Durian with Salted Egg Yolk) เป็นการผสมผสานของวัตถุดิบชั้นเลิศอย่างทุเรียนหมอนทองรสชาติเยี่ยมจากจันทบุรี และไข่เค็ม รสชาติเข้มข้น หอมละมุน ให้ความสมดุลทั้งรสเค็มและหวาน สมกับเป็นราชาแห่งผลไม้แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เป็นอย่างดี สามารถสั่งซื้อขนมไหว้พระจันทร์ได้ตั้งแต่วันนี้ และเริ่มรับของได้ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม ถึง 6 ตุลาคม 2568 ที่ร้าน Mott 32 กรุงเทพฯ ชั้น 2 ของโรงแรม The Standard, Bangkok Mahanakhon ในราคาชิ้นละ 350 บาทสุทธิ และเซตกล่องของขวัญ 4 ชิ้น ราคา 1,588 บาทสุทธิ (ราคาพิเศษ Early Bird เพียง 1,288 บาทสุทธิ…
เทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสืบสานประเพณีแห่งความผูกพันและการมอบของขวัญอันเป็นสิริมงคล ด้วยขนมไหว้พระจันทร์สูตรคลาสสิกที่บรรจงรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน นำเสนอไส้คัสตาร์ดไข่แดงสูตรดั้งเดิมของโรงแรมซึ่งเป็นที่ชื่นชอบมาอย่างยาวนาน คู่กับ 3 รสชาติใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับปีนี้ พร้อมกล่องขนมไหว้พระจันทร์ลิมิเต็ดเอดิชันดีไซน์พิเศษ โดยฝีมือศิลปินไทยชื่อดัง ปอม ชาน – ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง เป็นเวลากว่า 35 ปีที่เชฟมิชลินสตาร์ของห้องอาหาร Spring Moon โรงแรมเพนนินซูลาฮ่องกงได้รังสรรค์ขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่แดงอันวิจิตรสำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ ขนมเหล่านี้มีต้นกำเนิดที่ โรงแรมเพนนินซูลาฮ่องกง ในปี พ.ศ. 2529 โดยผสมผสานประเพณีตะวันออกกับความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารแบบตะวันตก สูตรขนมไหว้พระจันทร์ของโรงแรมเพนนินซูลานี้ถูกส่งต่อไปยังเชฟห้องอาหารจีนของโรงแรมเพนนินซูลาทั่วโลกจากรุ่นสู่รุ่น รวมถึงที่โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่แดงที่เป็นที่ปรารถนานี้มีไส้ครีมเนียนนุ่มอยู่ภายในแป้งกรอบสีทอง นอกจากขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่แดงในตำนานแล้ว ปีนี้ทางโรงแรมได้นำเสนอรสชาติใหม่สามรสชาติที่รังสรรค์จากส่วนผสมและวัตถุดิบที่ดีที่สุด ได้แก่ ชาอู่หลงหอมหมื่นลี้ เมล็ดบัวเนื้อนุ่ม และทุเรียนเนื้อเนียน ขนมไหว้พระจันทร์ทุกชิ้น จากโรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ผลิตขึ้นด้วยมือในครัวของ ห้องอาหารเหม่ยเจียง ขนมไหว้พระจันทร์ทุกชิ้นประทับลาย ‘ปลามังกร’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของห้องอาหารเหม่ยเจียง ห้องอาหารจีนของโรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ โดยใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ รวมถึงนมและเนยครีมเข้มข้น ผลลัพธ์ที่ได้คือขนมไหว้พระจันทร์รสชาติละมุนอันเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับรับประทานกับครอบครัวที่บ้าน หรือมอบเป็นของขวัญในช่วงเทศกาล ขนมไหว้พระจันทร์บรรจุในแพ็กเกจสวยงามและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในกล่องแปดเหลี่ยมสีแดงและสีเขียวคลาสสิกที่ประดับด้วยลวดลายดอกบัวสวยงาม มีให้เลือกทั้งแบบใส้คัสตาร์ดไข่แดงล้วน หรือกล่องรวมรสชาติพิเศษ 4 รส ต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยงานศิลปะเหนือจินตนาการกับกล่องขนมไหว้พระจันทร์รุ่นพิเศษ ลิมิเต็ดเอดิชัน “Moonlit Masquerade” โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ ขอแนะนำ “Moonlit Masquerade” กล่องขนมไหว้พระจันทร์รุ่นพิเศษ ลิมิเต็ดเอดิชันที่โดดเด่นด้วยงานออกแบบโดย ปอม ชาน ศิลปินชาวไทยผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ด้วยสไตล์การวาดภาพที่เป็นเอกลักษณ์ เธอเคยร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกมาแล้วมากมาย อาทิ Marc Jacobs, Kiehl’s, Nike, Adidas, Sony, BMW, MTV และ The New York Times และเธอยังเป็นหนึ่งในศิลปินเพียง 15 คนทั่วโลกที่ได้รับเลือกให้ออกแบบโปสเตอร์สำหรับงานประกาศรางวัลออสการ์ในปี 2015 กล่องขนมไหว้พระจันทร์รุ่นพิเศษนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหล่าสัตว์ในตำนาน ไม่ว่าจะเป็น กระต่ายหยก จิ้งจอกคิทสึเนะ นกฮูกแห่งอธีนา หมาป่าแห่งนอร์ส คางคกจันทรา…
โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ พร้อมกับโรงแรมในเครือเคมปินสกี้ทั่วโลก ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 15 ปี ของ Lady in Red และ Gentleman in Red สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษที่ถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นด้านการบริการสุดเอ็กคูลซีฟของแบรนด์เคมปินสกี้ ที่พร้อมให้การดูแลเอาใจใส่แขกทุกท่านที่มาเยือนในทุกรายละเอียด Lady in Red และ Gentleman in Red เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) เปรียบเสมือนทูตแห่งการต้อนรับในเครื่องแต่งกายสีแดงอันโดดเด่นมีสไตล์ พร้อมที่จะให้บริการแขกผู้มาเยือนโรงแรมในเครือเคมปินสกี้ทุกท่านด้วยความอบอุ่นและมิตรไมตรีอันดีเยี่ยม ด้วยความรอบรู้ในรายละเอียดต่างๆ ของโรงแรม และข้อมูลด้านวัฒนธรรมต่างๆ ของภูมิภาค ผนวกกับบุคลิกภาพที่อันแสนมีเสน่ห์ ทำให้ Lady in Red และ Gentleman in Red รับหน้าที่เป็นทั้งเจ้าหน้าที่ต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือน เป็นทั้งผู้ที่คอยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในกับแขกทุกท่าน เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ด้านบริการเฉพาะบุคคลให้เหมาะกับแขกแต่ละท่าน โดยการบริการของ Lady in Red และ Gentleman in Red จะเป็นสิ่งที่สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของแต่ละโรงแรม ผ่านทางวัฒนธรรมและวิถีชิวิตของผู้คนในแต่ละท้องถิ่น ภายใต้มาตรฐานการบริการของโรงแรมเครือเคมปินสกี้ สำหรับโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ความงดงามของชุดยูนิฟอร์มของ Lady in Red และ Gentleman in Red ได้รับการออกแบบอย่างประณีต พิถีพิถัน รวมถึงสไตล์การตัดเย็บแบบยุโรปที่ประยุกต์ให้เข้ากับกลิ่นอายความเป็นไทยได้อย่างกลมกลืน แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานด้านวัฒนธรรมดั้งเดิมกับความร่วมสมัยไว้ได้อย่างลงตัว และอีกสิ่งหนึ่งซึ่งถือเป็นหัวใจหลักที่สร้างความประทับใจให้กับแขกทุกท่าน นั่นก็คือ Lady in Red และ Gentleman in Red บุคลากรผู้สวมใส่ชุดยูนิฟอร์มสีแดงเหล่านี้ ผู้ที่คอยให้การต้อนรับแขกทุกท่านด้วยความอบอุ่น ใส่ใจในทุกรายละเอียด และสร้างสรรค์ช่วงเวลาอันแสนประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงวันสุดท้ายของการเข้าพัก เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี ของ Lady in Red และ Gentleman in Red นี้ โรงแรมสินธร…
ชุดน้ำชายามบ่ายสุดประณีตรังสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองฤดูร้อนอันสดใสของประเทศญี่ปุ่นและความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของทุ่งดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่ง ห้องอาหารอัพ แอนด์ อะบัฟ ณ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ มอบประสบการณ์อันรื่นรมย์ กับ “Sense of Lavender Afternoon Tea” พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ราคา 2,200++ บาท ต่อเซ็ต สำหรับ 2 ท่าน แรงบันดาลใจอันงดงามนี้ได้มาจากฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่น ฤดูกาลที่เปี่ยมด้วยความงามอันน่าตื่นตากับทุ่งลาเวนเดอร์อันเลื่องชื่อ ณ เมืองฮอกไกโด ที่บานสะพรั่งเป็นสีม่วงอร่ามตาและส่งกลิ่นหอมอันชวนฝัน ฤดูร้อนอันอุดมสมบูรณ์นี้ยังมอบวัตถุดิบชั้นเลิศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติ ทีมเชฟได้รังสรรค์ชุดน้ำชายามบ่ายนี้ขึ้นอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสถึงกลิ่นอายของฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ “Sense of Lavender Afternoon Tea” ชุดน้ำชายามบ่ายอันประณีตหวานละมุนนี้ถูกจัดเสิร์ฟบนชั้นวางสีขาวที่ดูราวกับงานศิลปะ ทุกเมนูได้รับการรังสรรค์ขึ้นเพื่อมอบรสสัมผัสที่สดชื่นและมีชีวิตชีวา สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของฤดูกาลได้อย่างไร้ที่ติ ด้วยโทนสีม่วงอ่อนละมุนตาผสมผสานกับสีขาวนวล และแต่งแต้มด้วยสีสันสดใสจากผลไม้ ทำให้ชุดน้ำชายามบ่ายชุดนี้ชวนให้นึกถึงทุ่งลาเวนเดอร์อันเป็นแรงบันดาลใจได้อย่างลงตัว ค้นพบประสบการณ์เมนูอาหารคาวสุดพิถีพิถัน ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และรสชาติที่แสนลงตัว พบกับไฮไลต์อย่าง ‘Chicken with prune and cherry’ เนื้อไก่นุ่มละมุนลิ้น ‘Beetroot with lychee and honey cream’ รสสัมผัสสดชื่นเข้ากันอย่างลงตัว ‘Spicy Chicken’ ไก่รสจัดจ้านที่ตัดด้วยเจลเลมอน และ ‘Wild Forest mushroom’ เห็ดป่ากับพาเมซานชีสเติมแต่งด้วยผงสีม่วง เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับยามบ่ายของคุณด้วยหลากหลายเมนูของหวานที่รังสรรค์ขึ้นอย่างบรรจง ดุจดั่งอัญมณีล้ำค่าแห่งฤดูร้อน สัมผัสความงดงามในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ทาร์ตทรงกลมละมุนละไมประดับประดาด้วยดอกไม้สีฟ้าครามดุจไพลิน ขนมอบรูปทรงวิจิตรบรรจงที่เปล่งประกายด้วยทองบริสุทธิ์พร้อมรายละเอียดสีม่วงละมุนตา และขนมหวานเนื้อเนียนนุ่มละมุนละไมที่จัดวางอย่างประณีตในถ้วยช็อกโกแลต ให้คุณได้ลิ้มลองความอร่อยในทุกสัมผัส เพลิดเพลินและดื่มด่ำไปกับขนมหวานเลิศรสที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ‘Hokkaido Milk with blueberry’ นมสด ฮอกไกโดกับบลูเบอร์รี่รสอมเปรี้ยว ‘Organic Thai Vanilla’ มอบความหอมหวานตามธรรมชาติอันน่ารื่นรมย์ พบกับการผสมผสานที่น่าสนใจกับ ‘Thai milk tea’…
โซเนวา (Soneva) ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเวิร์กช้อปดูแลสุขภาพกับเทศกาล SOUL Festival ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 13 ตุลาคม 2568 ที่ โซเนวา ฟูชิ (Soneva Fushi) รีสอร์ตหรูที่ตั้งอยู่ในบา อะทอล เขตสงวนชีวมณฑลของยูเนสโก้ (UNESCO) ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่เกาะที่ใหญ่และเงียบสงบที่สุดของมัลดีฟส์ เทศกาลนี้ จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 5 วัน ภายใต้บรรยากาศของรีสอร์ท สุดลักซ์ชูรีริมชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ผู้เข้าร่วมจะได้ดื่มด่ำกับการดูแลสุขภาวะ ภูมิปัญญาแห่งการเยียวยา และสายสัมพันธ์ของผู้คน ที่เชื่อมชุมชนระดับโลกของผู้แสวงหา ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนวหน้าจากทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน เทศกาล SOUL Festival ประจำปี 2568 ประกอบด้วยกลุ่มวิทยากร ซึ่งเป็นผู้นำทางความคิดและผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติที่สร้างแรงบันดาลใจมากมาย ได้แก่ ลุค เมลิสเซ่ (Luuk Melisse) และ กาเบรียล ออลเซฟสกี้ (Gabriel Olszewski) ผู้ก่อตั้ง Sanctum ซึ่งกลับมาอีกครั้ง พร้อมกิจกรรมยามเช้าที่เต็มไปด้วยพลังเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ รวมถึงเพกีน โครว์ลีย์ (Peigín Crowley) ผู้ก่อตั้ง Ground Wellbeing และผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดด้วยสัญชาตญาณ, ทิม เกรย์ (Tim Gray) ไบโอแฮ็กเกอร์ชั้นนำของยุโรปและผู้นำทางความคิดระดับโลกด้านสุขภาพและอายุที่ยืนยาว, นาตาลี ชิลเลิร์ต (Nathalie Schyllert) ซีอีโอของ Bodyism ที่มาร่วมเสนอแนวทางเพื่อสุขภาพกายและใจแบบองค์รวม พร้อมฟรีด้า เรดแนปป์ (Frida Redknapp) ผู้สนับสนุนแนวคิดด้านสุขภาวะและผู้ร่วมสร้างสรรค์ที่ Bodyism, ดร. ทิม โกลูเกอ (Dr. Timm Golüke) แพทย์ผิวหนังชื่อดังและผู้บุกเบิกการดูแลสุขภาพผิวเพื่อชะลอวัย และโรสส์ กาเบอร์ (Roses Gabor) นักดนตรีและนักบำบัดด้วยเสียงที่มีชื่อเสียงในการมอบประสบการณ์เยียวยาอย่างลึกซึ้ง รายชื่อวิทยากรยังรวมถึง เคิร์สเตน คิง (Kirsten King) จาก…
ในโอกาสที่ คีรี ไพรเวท รีเซิร์ฟ (Kiri Private Reserve) กำลังเตรียมหยุดให้บริการเพื่อปรับโครงสร้างใหม่ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เราขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์อันหายากเพื่อเป็นการส่งท้าย กับแพ็คเกจสุดพิเศษ ‘Timeless Elegance Retreat for Thai Residents’ ในราคาเริ่มต้นที่ 76,000 บาทสำหรับการเข้าพัก 2 คืนสำหรับ 2 ท่าน แพ็คเกจนี้รวมอาหารเช้าและอาหารเย็น ทรีตเมนต์สปา 60 นาที และการใช้บริการที่ห้องอาหารลอยฟ้า (TreePod Experience) 30 นาที สามารถสำรองห้องพักและเข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 โอกาสสุดท้ายที่ทุกท่านจะได้พักผ่อนท่ามกลางความเงียบสงบเหนือกาลเวลาของรีสอร์ต โดยมีฉากหลังอันเขียวชอุ่มของต้นไม้ และวิวทะเลแบบพาโนรามาของเกาะกูด คีรี ไพรเวท รีเซิร์ฟ ตั้งอยู่บนเกาะกูด เป็นสถานที่พักผ่อนระดับลักซ์ชูรีอันเงียบสงบ ผ่านการออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืน มาพร้อมวิลล่าขนาดใหญ่ มีพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้ง สระว่ายน้ำส่วนตัว และทิวทัศน์อันสวยงามของทะเลอ่าวไทย ผู้เข้าพักสามารถผ่อนคลายไปกับทรีตเมนต์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ รับประทานอาหารใต้แสงดาวจากวัตถุดิบออร์แกนิกแบบ Farm To Table สำรวจสิ่งมีชีวิตทางทะเลอันอุดมสมบูรณ์ หรือผจญภัยไปน้ำตกลับที่ซ่อนอยู่บนเกาะ ทุกประสบการณ์ผ่านการคัดสรรมาแล้วเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ ความเงียบสงบ และเพื่อการผ่อนคลายอย่างเต็มอิ่ม ราคาในแพ็คเกจนี้คิดเป็นเงินบาท รวมค่าบริการและภาษีแล้ว โดยวิลล่าแบบ 1 ห้องนอนสามารถเข้าพักได้ 2 ท่าน และใช้ได้เฉพาะชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น (ต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือใบอนุญาตทำงานเมื่อสำรองห้องพักและเช็คอิน) โดยข้อเสนอนี้ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นได้ สำหรับผู้ที่เคยมีความทรงจำที่ดีกับ คีรี ไพรเวท รีเซิร์ฟ นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะได้บอกลาเป็นการชั่วคราว จนกว่าการปรับโครงสร้างจะเสร็จสิ้น และกลับมาให้บริการใหม่ได้อีกครั้ง อย่าพลาดข้อเสนอและราคาสุดพิเศษในครั้งนี้ เพราะ คีรี ไพรเวท รีเซิร์ฟ จะเป็นจุดหมายปลายทางในฝันที่จะอยู่ในหัวใจของท่านเสมอ สำหรับการสำรองห้องพัก กรุณาติดต่อที่ โทร. 082 208 8888 และอีเมล [email protected] Kinandleisure.com Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ…
ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ ทู เชิญทุกท่านสัมผัสมนต์เสน่ห์ของอาหารโมร็อกโก กับดินเนอร์สุดพิเศษ โดย เชฟโมฮาเหม็ด เบลโลเต้ (Chef Mohamed Bellote) เชฟผู้เชี่ยวชาญในการประกอบอาหารโมร็อกโก ประจำโรงแรมอังสนา เฮอริเทจ คอลเลคชั่น ณ มาราเกช ริยาด ประเทศโมร็อกโก (Angsana Heritage Collection, Marrakech Riads) ที่จะมารังสรรค์ความอร่อยตำรับดั้งเดิมจากแอฟริกาเหนือให้คุณได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เชฟโมฮัมเหม็ดเติบโตในครอบครัวชาวอมาซิก ชนพื้นเมืองประเทศโมร็อกโก มีความมุ่งมั่นในการสืบสานและยกระดับมรดกทางอาหารของชาวโมร็อกโกให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล เขาได้รับการยอมรับอย่างสูงในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในประเทศซาอุดีอาระเบีย ในฐานะทูตวัฒนธรรมอาหารโมร็อกโก ด้วยศิลปะการปรุงอาหารที่ได้รับฉายาว่า “เชฟมือทอง” ซึ่งผสานความดั้งเดิมเข้ากับความประณีตได้อย่างวิจิตรบรรจง โดยมีการถ่ายทอดเรื่องราวของโมร็อกโกผ่านอาหารทุกจานอย่างสร้างสรรค์ ลิ้มลองรสชาติอาหารโมร็อกโกสูตรต้นตำรับก่อนใคร กับเมนู 5 คอร์ส ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันผ่านเทคนิคการปรุงรสต่างๆ โดยเน้นความร่วมสมัยที่ไม่ละทิ้งกลิ่นอายดั้งเดิม เริ่มต้นดินเนอร์สุดพิเศษด้วย เมนูมารัคชี่ ฮาริรา (Marrakchi Harira) ซุปสมุนไพรกลิ่นหอมเข้มข้นที่ชาวโมร็อกโกนิยมรับประทานในช่วงรอมฎอน เสิร์ฟพร้อมเนยหมักแบบดั้งเดิม (Smen) และอินทผาลัมเมดจูล (Medjool) รสหวานละมุน เติมเต็มรสชาติอย่างกลมกล่อม ตามด้วย สลัดโมร็อกโกโฮมเมด (Moroccan Homemade Mixed Salad) ที่คัดสรรผักตามฤดูกาล เช่น แครอท มะเขือม่วง ซูกินี มะเขือเทศ และฟักทอง ปรุงรสด้วยสมุนไพรของท้องถิ่น เพื่อชูรสชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ ลิ้มลอง พาสทิลาไก่ (Free-Range Chicken Pastilla) พายโมร็อกโกคลาสสิกที่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นไก่เนื้อนุ่ม อัลมอนด์อบ กัมอารบิก และหญ้าฝรั่นแท้ ห่อด้วยแป้งบางกรอบอบจนเหลืองทอง ตามด้วยจานหลักสุดคลาสสิกอย่าง คูสคูสโมร็อกโกสูตรต้นตำรับ (Authentic Moroccan Couscous) ซึ่งสามารถจัดเสิร์ฟได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เนื้อลูกวัวนุ่มละมุน อาหารทะเลสด หรือ ผักนานาชนิดตามฤดูกาล จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปปรุงรสแบบโมร็อกโกและเครื่องเคียงดั้งเดิม เพิ่มรสสัมผัสความกลมกล่อมอย่างลงตัว ด้วย เมนูทาจีนเนื้อลูกวัวตุ๋นผลไม้แห้ง (Veal Tagine with Dried Fruits) หอมละมุนด้วยแอปริคอต พรุน อัลมอนด์ และหญ้าฝรั่น ทั้งนี้เชฟยังนำเสนอ เมนูทาจีนปลาเฮก (Fish Tagine) ซึ่งเนื้อปลานั้นได้ผ่านการหมักในซอสเชอร์มูล่า (Chermoula) ตุ๋นรวมกับผักหลากชนิดชูรสชาติอันกลมกล่อม ปิดท้ายมื้อค่ำอย่างประทับใจด้วย เมนู Milk Pastilla หรือ Jawhara ขนมหวานที่ทำจากแป้งบางกรอบ เสิร์ฟคู่กับครีมนมกลิ่นดอกส้ม เพิ่มความสดชื่นกับเมนูส้มสดโรยอบเชย ราดซอสโป๊ยกั๊กหอมเย็น (Fresh Oranges with Cinnamon) นอกจากนี้เชฟยังรังสรรค์คุกกี้สไตล์โมร็อกโก (Ghriba และ Fekkas) ซึ่งนำเสิร์ฟพร้อมชามิ้นท์หอมสดชื่นเพื่อเติมเต็มประสบการณ์อย่างสมบูรณ์แบบ ขอเชิญทุกท่านร่วมเปิดประสบการณ์อาหารโมร็อกโกสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ระหว่างวันที่ 14 – 25 กรกฎาคม 2568 ณ ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ ทู กับเมนู 5 คอร์ส ที่สะท้อนวัฒนธรรมและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ รังสรรค์โดยเชฟโมฮาเหม็ด เบลโลเต้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารโมร็อกโกโดยเฉพาะ ในราคาสุดคุ้มเพียง 1,999 บาทสุทธิต่อท่าน เท่านั้น ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. +66 (0) 2679-1200 หรืออีเมล์ [email protected]…
โรงแรม บันยันทรี กรุงเทพ เผยโฉมประสบการณ์ล่องเรือเอ็กซ์คลูซีฟกับเรือแซฟฟรอน ครูซ ที่มาพร้อมลวดลายศิลป์ตระการตาของภาพวาดที่ได้แรงบันดาลใจจากปลากัดไทยขนาดใหญ่ข้างตัวเรือ ถ่ายทอดความสง่างามของสัตว์น้ำประจำชาติด้วยฝีแปรงอย่างประณีตงดงาม เปลี่ยนลำเรือให้กลายเป็นงานศิลป์บนสายน้ำที่สะท้อนถึงความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมไทย สัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความสง่างาม ปลากัดไทยได้รับการเชิดชูให้เป็นสัตว์น้ำประจำชาติของไทย และมีความหมายลึกซึ้งในวัฒนธรรมไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม สีสันสดใส และอุปนิสัยที่แข็งแกร่ง ปลากัดจึงปรากฏอยู่ในนิทานพื้นบ้าน วรรณกรรม และศิลปะในราชสำนักมาตลอด ในอดีตยังเคยได้รับการเลี้ยงดูในวังหลวง และเป็นส่วนหนึ่งของการละเล่นพื้นบ้าน สะท้อนถึงความงดงามควบคู่กับความกล้าแกร่ง ซึ่งเป็นคุณค่าที่อยู่ในแก่นของความเป็นไทย การนำภาพหางปลากัดที่สวยงามมาตกแต่งบนเรือที่ล่องไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา จึงถือเป็นการสดุดีและเฉลิมฉลองมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน พร้อมเชื้อเชิญแขกผู้มาเยือนซึมซับเรื่องราวแห่งวัฒนธรรมผ่านประสบการณ์ร่วมสมัย กับภาพวาดขนาดใหญ่ที่ทอดตัวไปตามลำเรือที่เปรียบเสมือนการขับขานเรื่องราวที่มีชีวิต และเคลื่อนไหวไปพร้อมกับวิวริมฝั่งแม่น้ำอันเปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์ เปิดประสบการณ์วัฒนธรรมรูปแบบใหม่ เรือแซฟฟรอน ครูซ ยังคงนำเสนอการเดินทางผ่านรสชาติและทัศนียภาพแห่งเมืองไทยอย่างละเมียดละไม บนเรือสองชั้นที่งดงาม ชั้นล่างเป็นห้องอาหารในห้องปรับอากาศให้บริการอาหารไทยแบบเซ็ทเมนูสี่คอร์ส ที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน ขณะที่ Moon Deck ชั้นดาดฟ้าของเรือเปิดรับสายลมและความสดชื่น ให้แขกผู้มีเกียรติดื่มด่ำค็อกเทลท่ามกลางแสงดาว พร้อมชมความงดงามของสถานที่สำคัญ เช่น วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และพระบรมมหาราชวัง โดยมีภาพวาดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหางปลากัดเป็นเสมือนบทนำทางสายตา สร้างบรรยากาศให้ค่ำคืนเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งวัฒนธรรม ศิลปะบนสายน้ำ การปรับโฉมเรือแซฟฟรอน ครูซในครั้งนี้โรงแรม บันยันทรี กรุงเทพ ได้แสดงถึงพันธกิจอันแน่วแน่ในการส่งเสริมและเชิดชูมรดกวัฒนธรรมไทย ผ่านการศิลปะ อาหารไทยชั้นเลิศ และประสบการณ์ร่วมสมัย ภาพวาดส่วนหางอันสง่างามของปลากัดประณีตบรรจงที่วาดด้วยมือจึงไม่ใช่เพียงแค่การตกแต่งเพื่อความสวยงาม แต่ยังเป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดผ่านผืนน้ำ สะท้อนจิตวิญญาณและเอกลักษณ์ของความเป็นไทย พร้อมเป็นบทบันทึกของความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างผู้คนกับสายน้ำเจ้าพระยา เรือแซฟฟรอน ครูซ ให้บริการทุกวัน เวลา 19.00 น. จากท่าเรือไอคอนสยามหมายเลข 2 เซ็ทอาหารไทย 4 คอร์ส ราคา 3,300 บาทต่อท่าน ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. +66 (0) 2679-1200 หรืออีเมล์ [email protected] Kinandleisure.com Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ กิน ดื่ม บทความที่เกี่ยวกับการ กินดื่ม ไม่ว่าจะเป็น บทความกินดื่มทั่วๆไป…