เชฟอเมริโก้ เซสทิ นำเอาวัตถุดิบหลักอย่างล็อบสเตอร์สั่งตรงจากท้องทะเล มารังสรรค์เป็นเมนูจานโปรด 7 คอร์ส ให้บริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ในระหว่างวันที 9-21 พฤษภาคมนี้ ที่ห้องอาหาร J’AIME by Jean-Michel Lorain (แฌมบายฌอง-มิเชล โลรองต์) โดยเมนูประกอบไปด้วย -พาสต้า cappelletti สอดไส้ล็อบสเตอร์ เสิร์ฟพร้อมฟองดูว์ต้นกระเทียมปรุงรสด้วยเนยและมะนาว – ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ เสิร์ฟพร้อมผลเชสนัทและครีมกระเทียมหวาน -ล็อบสเตอร์สไลด์เสิร์ฟพร้อมยอดมะพร้าวอ่อนและมันฝรั่งหวาน ปรุงรสด้วยส้มโอและมะนาว -ล็อบสเตอร์อาสปิก )Aspic) เสิร์ฟพร้อมเจลลี่กัซปาโช (gazpacho) และก้ามล็อบสเตอร์ ราดซอสไตล์สเปน -ไข่นกกระทาเสิร์ฟพร้อมสลัดล็อบสเตอร์ ในพัฟเพรสตี้รูปเปลือกไข่ -ล็อบสเตอร์ปรุงรสสไตล์เบอร์กันดี้ เสิร์ฟพร้อมแก้มวัวตุ๋นไวน์แดง แครอทเคลือบน้ำตาลและต้นหอม หรือ ล็อบสเตอร์อบสไตล์โมรอคกัน เสิร์ฟพร้อมคีนัวและผักปรุงรสเผ็ด -สัปปะรดเชื่อมสไลด์แผ่นบาง แต่งกลิ่นด้วยเครื่องเทศ Selim ปรุงรสด้วยไวน์เบอร์กันดี้ และโฟมมะพร้าว เมนูล็อบสเตอร์ 7 คอร์ส ราคา 3,199 บาทสุทธิต่อท่าน ไม่รวมเครื่องดื่ม ห้องอาหาร J’AIME by Jean-Michel Lorain เปิดให้บริการสำหรับมื้อกลางวัน เวลา 12:00 – 14:30 น. ซันเดย์บรันซ์ เวลา 12:00 – 15:00 น. และมื้อค่ำ เวลา 18:00 – 22:00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ 02 119 4899 หรืออีเมล์ [email protected] Kin Promo & Event Kinlakestars.com —————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A B A B A B…
Author: Kittin Assavavichai
ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม นี้ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ แกรนด์ สุขุมวิท ฉลองครบรอบ 8 ปี จัดโปรโมชั่นสุดคุ้ม “บุฟเฟ่ต์ 8 บาท” เพื่อคืนกำไรให้ลูกค้าและผู้มีอุปการคุณ โดยทุก ๆ 2 ท่านที่มารับประทานอาหาร ท่านที่ 2 จ่ายเพียง 8 บาท ที่ห้องอาหาร อเทลิเย่ สำหรับบุฟเฟ่ต์มื้อเย็น ในวันพฤหัสบดี ศุกร์ และ เสาร์ (เวลา 18.00 น – 22.30 น.) และ ซันเดย์ บรั้นช์ วันอาทิตย์ (เวลา 12.00 น. – 15.00 น.) โดยมีรายละเอียดโปรโมชั่นดังนี้ บาร์บีคิว ซีฟู้ด บุฟเฟ่ต์ เปิดบริการ วันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น.– 22.30 น. ท่านแรกอิ่มอร่อย ในราคา 1,499 ++ บาท ท่านที่สอง จ่ายเพียง 8 บาท อิ่มอร่อยกับเมนู ปิ้ง-ย่าง สดใหม่ชวน รับประทาน อาทิ ปลาหมึก กุ้งลายเสือ หอยแครงหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ปลาจะละเม็ด ปลาทับทิม ปลากระพงแดง ปลาแซลมอน ตลอดจน เนื้อสัตว์ต่างๆ อาทิ เนื้อสเต๊กเซอร์ลอยน์ หรือซี่โครงหมูเกรดเอและอื่นๆอีกมากมาย ปิดท้ายด้วยของหวานนานาชนิด อาทิ เค้ก พาย ผลไม้ ขนมไทย ช็อกโกแลตฟองดูว์ และไอศกรีมผัดเทปัน บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์และอาหารทะเล เปิดบริการ วันศุกร์และเสาร์ เวลา 18.00 น.– 22.30…
♠♠♠ รีวิว Top 15 สถานที่ จิบชา กินขนม และของว่าง Afternoon Tea ประจำปี 2016 ในกรุงเทพฯ ♠♠♠ ” สำหรับการจิบชาในปัจจุบันนั้นนับว่าเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเดิมในอดีตสำหรับประเทศเรา นับว่าเป็นเทรนและเป็นกิจกรรมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สถานที่ร้าน ห้องอาหารต่างๆจึงมีทั้งการเปิดตัวเพิ่ม รวมถึงพัฒนาและแข่งขันกันมากขึ้น และในวันนี้กินแหลกแจกดาว – KinlakeStars.com จะขอนำเสนอรวมรีวิว สถานที่จิบชา พร้อมขนม ของว่างคาวหวาน และสถานที่อันน่านั่ง ที่ทางเราคัดมาให้แล้ว ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วกรุงเทพฯ มีทั้งร้านในโรงแรม ร้านในห้าง และร้านเดี่ยวๆที่เปิดแยกบนที่ตัวเอง โดยมีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไปในแต่ละด้าน ตามหัวข้อที่เราแบ่งไว้ จะมีที่ไหน และแต่ละที่น่าไปลองขนาดไหน มาดูกันเลยครับ ” ω ที่จิบชาเด็ดริมแม่น้ำ ω ♥ Authors’ Lounge, Mandarin Oriental Bangkok ♥ สุดยอดแห่งประสบการณ์จิบชายามบ่าย ในอาคาร สไตล์เฟรนช์โคโลเนียล 140 ปี อันสวย สง่า หรูหรา นั่งสบาย กับชาชั้นเลิศจาก Mariage Freres และขนมของว่างที่อร่อยไม่รู้ลืม พร้อมเสียง เปียโน ไวโอลิน และกีต้าร์ แล้วแต่วัน ชุด Afternoon tea (1450++ บาทต่อคน) ที่จะมารีวิวนี้ เราจะสามารถเลือกชนิดของชาได้ 1 อย่างและ มีของว่าง 2 แบบคือแบบไทย หรือแบบตะวันตก ซึ่งจะสามารถเติมได้ตลอด แต่ไม่สามารถเปลี่ยนชนิดของชาได้ แต่จะสั่งมาชุดเดียวและนำมาแชร์กันก็ได้แต่จะไม่สามารถเติมขนมได้ อ่านต่อที่>>>> ♥ The Lobby, Shangri-la Bangkok ♥ สุนทรียภาพแห่งการจิบชายามบ่าย จิบชา พร้อมขนมชั้นเลิศในกรงนกสีทอง ตามชื่อชุดชา ” บุหรงในกรงทอง ” ที่ล้อมรอบไปด้วยทัศนียภาพแม่น้ำเจ้าพระยา และขับกล่อมด้วยเสียงพิณบรรเลงสดจาก มิส หวาง ศิลปินชาวไต้หวัน อีกทั้งเครื่องดื่มที่ สวยงาม อร่อย สดชื่น และแปลกตา อย่าง ” Blue Paradise” “Golden Birdcage” ในส่วนของ Afternoon…
ตลอดเดือน พฤษถาคมนี้ อิ่มอร่อยแบบไม่อั้นกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน จันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 11.30น. – 14.30น. ราคาเพียง 499บาทเท่านั้น! รวมน้ำเปล่า ชา กาแฟ และซอฟดริ๊ง (จากราคาปกติ 705บาท) ดื่มด่ำไปกับวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในย่านอโศกที่ห้องอาหารเมดินี่ ชั้น 35 เต็มอิ่มตลอด 3 ชั่วโมงกับอิตาเลี่ยนบุฟเฟต์และอาหารนานาชนิดที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีโดยเชฟมากความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นพาสต้าและพิซซ่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Best Pasta and Pizza in Town ที่มีให้เลือกมากกว่า 30 ชนิด รวมทั้ง carving station, cold cut, pork tenderloin, lasagna, potato gratin, cold soup, อาหารไทย และอื่นๆอีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮน์ไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือ Parmigiano-Reggiano หรือ king of cheese อิมพอร์ตโดยตรงจากอิตาลี่ เอาใจคนรักชีสโดยเฉพาะ เพิ่มรสชาติเข้มข้นในจานพาสต้าของคุณ ปิดท้ายมื้อกลางวันด้วย ไอศครีม,ช็อกโกแลตฟองดูว์ , panna cotta, tiramisu, เค๊ก, มูสและของหวานอีกมากมาย Kin promo & Event KinlakeStars.com ——————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A…
ซูชิอร่อยสุโก้ยที่เดอะรูฟ แกสโตร ตลอดเดือนพฤษภาคมนี้ เดอะรูฟ แกสโตร ชั้น 25 สยาม แอ็ท สยาม ดีไซน์ โฮเต็ล กรุงเทพ นอกจากอาหารชั้นเลิศในสไตล์กัสโตร กรูเม่ต์และวิวแบบพาโนรามาอันสวยงามของเมืองเก่าและเมืองใหม่แล้ว หากอยากมานั่งชิลแบบเพลินๆ กับเครื่องดื่มแก้วโปรด และไม่อยากทานอาหารหนักท้องจนเกินไป ที่เดอะรูฟมีบริการเมนูซูชิให้ทานแบบเบาๆ ได้แก่ ถั่วแระญี่ปุ่น (100 บาท), ซาชิมิรวม 3 อย่าง (980 บาท) หรือซาชิมิรวม 5 อย่าง (1,500 บาท) ประเภทนิงิริซูชิหน้าต่างๆ 5 ชิ้น (700 บาท) และ 10 ชิ้น (1,250 บาท) รวมทั้งซาชิมิ และซูชิโรลหน้าต่างๆ รวมกว่า 20 เมนูที่ล้วนคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ทุกวัน และราคาคุ้มค่าแน่นอน สำรองที่นั่งล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติมที่ 0 2217 3000 หรืออีเมล [email protected] Sensational Sushi This May, chill-out and enjoy a sensational Japanese meal experience at Siam@Siam Design Hotel B angkok’s The Roof Gastro. Our creative chefs have put their heads together to prepare for you the Sushi Menu that reflects the best of the Japanese culinary tradition. The delicacy…
ห้องอาหาร เอเลเมนท์ (Elements) โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) ขอเชิญท่านมาลิ้มรสเมนูอาหารพิเศษที่ปรุงจากหน่อไม้ฝรั่งขาว (White Asparagus) ซึ่งถือเป็นราชินีหน่อไม้เป็นผักที่มีประโยชน์และมีรสอร่อย ให้บริการระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2559 เท่านั้น หน่อไม้ฝรั่งขาว เป็นพืชพื้นเมืองแถบยุโรปและแอฟริกา มีสารอาหารและประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก อาทิ ช่วยลดกรดในลำไส้ ช่วยขับปัสสาวะ บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดชื่น อุดมไปด้วยไฟเบอร์ กรดโฟลิค แคลเซี่ยม ธาตุเหล็ก วิตามินเค และประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย เชฟ แอนโทนี ชอลท์ไมเยอร์ (Antony Scholtmeyer) หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ (Executive Chef) ประจำโรงแรมฯ ได้นำหน่อไม้ฝรั่งขาว มารังสรรค์เป็นเมนูอาหารฝรั่งเศสที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่น (French Cuisine with Japanese Influences) ให้ได้ลิ้มรสกันตลอดช่วงฤดูกาลที่หน่อไม้ฝรั่งขาวมีคุณภาพและรสชาติที่ดีที่สุดในรอบปี เมนูอาทิ ซุปข้นหน่อไม้ฝรั่งขาวและตับห่านโรยด้วยผงชาเขียวหอมอร่อยกลมกล่อมเข้ากันเป็นอย่างดี (Soup of White Asparagus with Foie Gras Royale and Matcha) หน่อไม้ฝรั่งขาวนึ่งทานคู่กับซอสส้มยุซุ สาหร่ายญี่ปุ่น ซอสเห็ดชิเมะจิ และโรยด้วยมิซูบะหรือผักชีญี่ปุ่นสด (Steamed White Asparagus with Yuzu Beurre Blanc, Toasted Nori, Shimeji Puree and Mitsuba) หรือเนื้อลูกวัวย่างเสิร์ฟพร้อมหน่อไม้ฝรั่งขาว เห็ดโมเรล แก่นตะวัน หอมแดงและงาบด (Roast Dutch Veal, White Asparagus, Morels, Jerusalem เมนูอาหารพิเศษที่ปรุงจากหน่อไม้ฝรั่งขาว ราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท ให้บริการระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2559 เท่านั้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มไวน์คู่กับอาหาร ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องดื่มของโรงแรมฯ แนะนำสปาร์คกลิ้งไวน์จากออสเตรีย (Austrian Grüner Veltliner) เป็นเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มรสชาติอาหารเมนูพิเศษจากหน่อไม้ฝรั่งขาว ให้บริการ แก้วละ 400 บาท และขวดละ 1,900 บาท ห้องอาหาร…
ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน เชิญคนรักสุขภาพมาอร่อยกับเนื้อออร์แกนิกและซีฟู้ดที่กริลล์บนหินร้อนที่เดอะรู๊ฟ แกสโตร ชั้น 25 สยาม แอ็ท สยาม ดีไซน์ โฮเต็ล กรุงเทพ การรับประทานอาหารที่กริลล์บนหินร้อนจะไม่ใช้น้ำมัน เพราะหินร้อนเป็น Volcano Stone หินคืนสภาพหลังการระเบิดของภูเขาไฟลาวา ซึ่งสามารถเก็บความร้อนและปรุงอาหารได้นานถึง 20 นาที ด้วยอุณหภูมิความร้อนในหินสูงกว่า 400 องศาเซลเซียส จึงสามารถย่างได้ทั้งเนื้อต่างๆ และซีฟู้ดได้สุกพร้อมทานทันที ยิ่งได้เนื้อแบบออร์แกนิกจากผลิตภัณฑ์ S-Pure ของเบทาโกร ทั้งเนื้ออกไก่ (399 บาท/240กรัม) และเนื้อหมูสันใน(499 บาท/240กรัม) รวมทั้งเนื้อวัวออร์แกนิกชั้นดีนำเข้าจากนิวซีแลนด์ (999 บาท/240กรัม) และแซลมอนจากนอร์เวย์(699 บาท/240กรัม) อีกทั้งซีฟู้ดสดจากทะเลจ.ประจวบคีรีขันธ์ รับรองว่ามื้อนี้ทั้งอร่อยและได้สุขภาพและดื่มด่ำกับไวน์ชั้นเยี่ยมในบรรยากาศอันสวยงามยามค่ำคืน เปิดให้บริการทุกวัน 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน สอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งที่ 0 2217 3000 หรือ [email protected] Kinlakestars.com Team ——————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A A B A B A…
กลับมาอีกครั้งกับรีวิวบุฟเฟ่ต์ Sunday Brunch กับคอนเซปที่ฉีกแนวออกไปที่คุณจะไม่เคยเจอที่ไหน ณ Millennium Hilton กับห้องอาหาร Flow ห้องอาหารบุฟเฟต์นานาชาติที่มีการตกแต่งในแนวคิดการไหลไปกับแม่นำ้เจ้าพระยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรีซึ่งสามารถเข้ามาทางถนนเจริญนครหรือลง BTS และนั่งเรือของโรงแรมจากท่าเรือตากสินมาก็ได้ครับ โดยความแปลกคือที่นี่เป็น Lazy Sunday Brunch หากคุณมากินมื้อนี้คุณจะไม่ต้องกินอะไรไปทั้งวันเลย ไม่เว่อร์แต่มันเป็นความจริง! เพราะด้วยแนวคิดวันอาทิตย์แสนชิว อาหารจะเริ่มตั้งแต่ 11.00 และจบลงที่ 16.00 โดยเริ่มต้นจาก 360 ซึ่งอยู่บนชั้น 33 ของโรงแรม (คลิกที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่) เริ่มต้น “Lazy Sunday Brunch” ที่ Three Sixty Lounge ชั้น 33 ซึ่งมีวิวแบบ Birdeye view ขนาดใหญ่ ตลอด 360 องศา สามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่องของกรุงเทพมหานครฯ รวมถึงแม่น้ำเจ้าพระยาสายใยชีวิตของเรา ได้อย่างสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ ระหว่างนั้นเรามาลองจิบน้ำ และอาหารว่าง ขณะชมวิวกันซักนิด ชีวิตคงจะรื่นรมย์ขึ้นได้อีก ซึ่งเครื่องดื่มเป็น Free Flow สั่งได้เท่าตามที่ต้องการเลยค่ะ Mocktail 1. Apple Sider เป็นน้ำแอปเปิล ผสม Ginger ale และแอปเปิลหั่นชิ้นเล็กๆขนาดพอดีๆคำมีความซ่าความหวานแอปเปิลลงตัวดีค่ะ 2. Fruitpunch เป็นน้ำมะนาว + น้ำสัปปะรด + น้ำส้ม และน้ำเชื่อมทับทิม เป็นเครื่องดื่มที่รวบรวมความเปรี้ยวกันไว้อย่างลงตัว ไม่มีอะไรโดดเด่น เปรี๊ยวจี๊ดไปกว่าใคร แต่ก็หอมหวานกันอย่างพอดี Cocktail 3. Bahama เป็นเครื่องดื่มคล้ายๆกับ Fruitpunch แต่ใส่ Spirit (เหล้ารัม) ลงไปด้วย ริเคียว (เหล้าหวาน) มีให้เลือก 2 กลิ่น คือ กลิ่นมะพร้าว กับกลิ่นกล้วย 4. Guava Fizz เป็น Spirit Gin + น้ำฝรั่ง + น้ำมะนาว + น้ำเชื่อม อร่อยดีค่ะเครื่องดื่มอื่นๆยังมีเป็น Fresh…
_____________________________ ” ข้าวแช่เป็นอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากชาวมอญ เดิมทีนั้นจากเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา กษัตริย์มอญผู้ซึ่งยังไม่มีบุตรเพื่อสืบ บัลลังก์เสียที จนกระทั่งได้ทำการบนบานกับศาลเทวดาแห่งหนึ่งอันศักดิ์สิทธิ์จนสมหวัง จึงได้ทำเรื่องเซ่นมาไหว้ถวาย เครื่องเส้นเหล่านั้นก็ได้แก่ หมูเส้น ลูกกะปิ หอมยัดไส้ และไช้โป๊วหวาน อันเป็นของที่เก็บได้นาน ทำแล้วเก็บใส่ไหดินเผาไว้ ทำให้เก็บได้นานไม่บูดเน่าเสีย ต่อมา ชาวมอญถือเอาข้าวแช่เป็นอาหารสำคัญในประเพณีวันสงกรานต์ จะต้องจัดข้าวแช่ครบชุดไปถวายพระ และถวายแด่เทพีสงกรานต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล และเมื่อชาวมอญอพยพเข้ามายังประเทศไทย ประเพณีข้าวแช่ในวันสงกรานต์จึงตามติดชาวมอญมายังประเทศไทยด้วย ทำให้ชาวไทยเริ่มรู้จักข้าวแช่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่อมาข้าวแช่เริ่มกลายมาเป็นอาหารชาววัง หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าทรงเสด็จเมืองเพชรบ่อย และได้พบกับข้าวแช่ของชาวมอญ เมื่อได้เสวยแล้วก็ทรงปิติ แต่ข้าวแช่ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็คือ ข้าวแช่เสวย อาหารชาววังที่ถูกจัดถวายให้กับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ก็ทรงโปรดเมนูข้าวแช่เสวยมาก แต่ในช่วงนั้นข้าวแช่ยังเป็นอาหารชาววังที่ชาวบ้านยังไม่รู้จักกันนัก แต่ไม่นานนักข้าวแช่ชาววังจึงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในสังคมทุกชนชั้น นี่เป็นส่วนหนึ่งจากการสัมภาษณ์จากเชฟชำนาญ เชฟผู้มากประสบการ์ณแห่งห้องอาหารทิพย์ธารา โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ และในวันนี้ทาง กินแหลกแจกดาว KinlakeStars.com จะขอนำเสนอข้าวแช่ทั้ง 9 ที่ ซึ่งมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไปจะเด็ดและแปลก ต่าง สร้างสรรค์ อร่อย สวยงามแค่ไหน มาติดตามชมกันเลย 1. ศิลาดล Sukhothai Bangkok (1,250++) KinlakeStars.com ขอแนะนำสุดยอดข้าวแช่ที่แสนวิจิตร เป็นทั้งอาหารตา อาหารจมูก อาหารปาก อาหารใจ ข้าวแช่ชาววังนั้นเริ่มเข้ามาเป็นเป็นที่รู้จักแก่ชาววังในช่วงรัชกาลที่ 4 แต่เป็นอาหารของชาวมอญมาตั้งแต่รัชกาลที่ 2 ซึ่งในชุดนี้ท่านจะได้พบกับข้าวแช่สูตรโบราณผสมผสานสไตล์ชาววัง ซึ่งหากินได้ยาก ทั้งขนมหวานในชุดได้แก่ มะกรูดลอยแก้ว อันหาทานไม่ได้ง่ายๆเป็นต้น และถ้วยที่วิจิตรที่สุดที่เคยมีมา แกะสลักจากฟักทองทั้งลูก อ่านต่อ>> 2. ทิพย์ธารา The Peninsula Bangkok (490 ++) อากาศอันร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน หากจะหาอะไรดับร้อนเสียหน่อยก็คงต้องหาสถานที่เย็นๆ และอะไรเย็นๆกินไปด้วย “ข้าวเเช่ ” อาหารประจำฤดูร้อน ที่สวยงาม หอมหวน และกินแล้วเย็นสดชื่น ส่วนที่ ” ริมน้ำ ” ก็เป็นสถานที่ที่นั่งแล้วเย็นกาย สบายใจ และจะดีแค่ไหนถ้าได้นั่งกินข้าวแช่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา…
ในปัจจุบันข้าวแช่เริ่มกลับมาได้รับความนิยม และมีการทำขาย ให้บริการแก่ท่านที่อยากลิ้มลองในหลายที่มากขึ้น ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีจุดขายและความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป สำหรับข้าวแช่ชาววังที่โอชานั้นบอกได้เลยว่าเด็ดที่กลิ่นอันหอมหวลจากน้ำอบควันเทียนที่ใช้ทั้งมะลิ กุหลาบมอญ และดอกชมนาด ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน อีกทั้งการเสิร์ฟอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะเป็นอย่างไรมาชมกันเลย หากท่านได้เข้ามาในร้านอาหารแห่งนี้ ท่านจะสะดุดตาแปลกใจตั้งแต่แรกเข้า การนำศิลปและองค์ประกอบงานปฎิมากรรม วิจิตรศิลป์แบบไทยมาประยุกต์เข้ากับการออกแบบภายในที่นำสมัย ในพื้นที่และรูปทรงที่ชวนตื่นตา พื้นที่นั่งถูกจัดแต่งออกมาในหลายรูปแบบและมีความเป็นส่วนตัว สวยงม น่านั่ง และมีบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละส่วน ข้าวเม็ดงามความแข็งกำลังดีในน้ำลอยดอกไม้กลิ่นหอมเย็นชื่นใจพร้อมเครื่องเคียงตามตำรับดั้งเดิม อาทิ ลูกกะปิผัด หอมแดงจุกยัดไส้ ปลายี่สนผัดหวานพริกหยวกสอดไส้หุ้มไข่ หมูผัดน้ำพริกมะขาม และหัวผักกาดเค็มผัด ทั้งหมดในราคาเพียง 550 บาท ++ ต้อนรับคิมหันต์ฤดูที่เวียนมาถึงด้วยเมนูข้าวแช่ตำรับชาววังจากสูตรเฉพาะของอาจารย์ กอบแก้ว นาจพินิจ ปูชนียบุคคลด้านอาหารไทยโบราณ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดความเย็นฉ่ำอย่างละเมียดละไมลงบนจานโดยเชฟปูริดา ธีระพงษ์ *************************************************************************** ข้าวแช่ตำรับชาววัง (The Royal Recipe of Kao-Chae inspired by Professor Kobkaew Najpinij, expert in authentic Thai culinary) ด้วยรูปแบบถ้วยและภาชนะที่แปลกตาออกไป และที่ทำให้ตื่นตาประทับใจนั้นคือ ควันขาวพริ้วสะบัดจากน้ำแข็งแห้งเมื่อต้องน้ำ ทำให้เกิดภาพอันน่าประทับใจตามคลิปและรูปด้านบน น้ำอบควันเทียนของที่นี้มีกลิ่นหอมที่ชัดเจนแต่ซับซ้อนกลิ่นของควันเทียนจะลอยเด็นชัดเจน ตามด้วยกลิ่นอันนวลเนียนเบาๆของมะลิ กลิ่นหวานหอมเบาๆจากดอกชมนาดซึ่งหาได้ยากในปัจจุบันแทบจะไม่มีที่ใดใช้อบแล้ว และกุหลาบมอญที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์และชัดเจน ซึ่งรูปด้านบนเป็นดอกไม้ทั้งสามชนิดที่นำมาลอยอบในน้ำอบ นอกจากน้ำที่มีกลิ่นหอมสดชื่นแล้ว ข้าวนั้นใช้ข้าวเสาไห้เรียงเม็ดสวย ตัวข้าวเองก็มีความแข็งอยู่ในระดับกำลังดี มีความหนึบและไม่นิ่มไปแต่ก็ไม่แข็งไป ลูกกะปิผัด (Shrimps Paste Ball) กะปิชั้นเลิศคลุกเคล้าด้วยปลาช่อนย่างและสมุนไพรไทยที่คุ้นเคย อาทิ กระชาย ตะไคร้ หอมแดง ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ผัดให้สุกได้ที่ นำไปปั้น และนำไปชุบแป้งทอด เสิร์ฟเป็นลูกกลมๆ รสชาติจะออกเค็มนำ มันตาม และมีกลิ่นกระชายเบาๆพอให้สดชื่น หอมแดงจุกยัดไส้ (Stuffed Thai Shallots) เนื้อปลาช่อนย่างบดละเอียด ปรุงรสชาติด้วยน้ำตาลทรายและหอมเจียวผัด รสชาติกำลังดี พอเหมาะ ใส่ในหอมแดงชุบแป้งทอด กลิ่นหอมเย้ายวนชวนน่ารับประทาน แต่ควรรีบกินทันทีเพราะหากทิ้งไว้นานแป้งที่ชุบอาจจะเเข็งตัวไป ปลายี่สนผัดหวาน (Stir Fried Sweet Yee-Son Fish) เนื้อปลายี่สนย่างฉีกเป็นเส้น ผัดและปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลปี๊บ ตกแต่งด้วยหอมเจียว เป็นเมนูโบราณที่มีรสชาติหวานกลมกล่อม…