Kinandleisure
    Facebook Twitter Instagram
    Trending
    • [News] บุรพา อีสเทิร์น ไทย ควีซีน แอนด์ บาร์ บาย ศรีตราด ขึ้นรถไฟแห่งรสชาติ สู่ดินแดนมหัศจรรย์แห่งตะวันออก Burapa ’s Eastern Thai Cuisine and Bars
    • [Review] ขนมไหว้พระจันทร์ในตำนานกลับมาแล้ว! “Moonlit Masquerade” จาก The Peninsula Bangkok ปี 2025
    • [General] ส้มตำมาจากไหน? ไขปริศนาอาหารไทยจากพริกและมะละกอข้ามทวีป
    • [News] เฉลิมฉลองเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ ที่โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ 2568 Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok 2025
    • [News] แบรนด์ SIRIVANNAVARI ร่วมกับ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok เผยโฉมชุดน้ำชายามบ่ายคอลเลคชั่นล่าสุด ‘Atelier Tea Reverie’
    • [News] “Meijiang” ชวนสัมผัสประสบการณ์ติ่มซำสไตล์กวางตุ้งสุดประณีต ริมแม่น้ำเจ้าพระยา The Peninsula Bangkok
    • [Review] สัมผัสเสน่ห์อาหารดินแดนฟ้าจรดทรายน่าตราตรึง กับรสชาติและสีสันแดนโมร็อกโก กับ “Taste of Morocco” @ Vertigo Banyan Tree Bangkok
    • [News] สัมผัสรสชาติแห่งตำนานจีนและมองโกเลียได้ไม่จำกัดทุกคืนวันศุกร์ ที่ ห้องอาหาร Savio Chatrium Grand Bangkok
    Facebook Twitter Instagram
    Kinandleisure
    • Kin Reviews
      • Top Restaurant
      • French Cuisine
      • European Cuisine
      • German Cuisine
      • Italian Cuisine
      • Japanese Cuisine
      • Thai Cuisine
      • International Cuisine
      • Spanish Cuisine
      • tea lounge/Café & bakery
      • Chinese Cuisine
      • American Cuisine
      • Bar Drinks
      • Steak House
      • Vietnamese Cuisine
      • Korean Cuisine
      • Indian Cuisine
      • latin American
      • Steak House
    • K healthy
      • Kin Healthy
      • Healthy Living
    • Kin Articles
      • Kin General
      • Kin Cooking
      • Kin Seasonal
    • Kin Channel
    • Promo & Event
      • Kin Promo
      • Kin News
      • LifeStyle Promo & Event
    • K Travel&LifeStyle
      • Trip Review
      • Hotel Review
      • Spa & beauty
      • K Fashion
      • K Fit
      • Our Team เบื้องหลัง โฉมหน้าผู้สร้างเนื้อหา กิน ดื่ม เที่ยว โดยทีมงานคุณภาพ
    • K Living & Design
    Kinandleisure
    Home»K healthy»Kin Healthy»ดื่มแล้วหน้าแดง อันตรายกว่าที่คิด! ดื่มแอลกอฮอล์แล้วหน้าแดงคืออะไร? ไขข้อข้องใจกันเถอะ
    Kin Healthy

    ดื่มแล้วหน้าแดง อันตรายกว่าที่คิด! ดื่มแอลกอฮอล์แล้วหน้าแดงคืออะไร? ไขข้อข้องใจกันเถอะ

    Kittin AssavavichaiBy Kittin AssavavichaiAugust 5, 2017No Comments2 Mins Read

    ท่านอาจารย์ดอกเตอร์ฟิลิพ เจ. บรูคส์ และคณะ แห่งสถาบันการเสพติดแอลกอฮอล์และแอลกอฮอลิซึมแห่งชาติ สหรัฐฯ

    คนบางคนมักจะมีอาการหน้าแดง (flushing) เวลาดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ) ซึ่งบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ ใจสั่น ใจเต้นแรงร่วมด้วย

    …

    อาการดังกล่าวเป็นผลจากลักษณะพันธุกรรม (สืบต่อจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย) ของการขาดเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่ใช้ในการทำลายแอลกอฮอล์ที่ชื่อ ‘ALDH2’

    ผลของการขาดเอนไซม์หรือน้ำย่อย ‘ALDH2’ จะทำให้เกิดการคั่งของสารพิษที่ชื่อ “อะเซทาลดีไฮด์ (acetaldehyde)”

    เรียกชื่อแปลกๆ แบบนี้คงจะไม่เป็นที่รู้จักกัน แต่ถ้าพูดถึงสารเคมีที่เป็นเครือญาติ หรือพี่ๆ น้องๆ ของอะเซทาลดีไฮด์ คือ “ฟอร์มาลดีไฮด์ (formaldehyde)” หรือยาดองศพแล้ว พวกเราคงจะรู้จักกันดี

    พิษของอะเซทาลดีไฮด์มีความแรงน้องๆ ฟอร์มาลดีไฮด์ทีเดียว

    …

    ลักษณะพันธุกรรมหรือยีนส์บกพร่องชนิดนี้ (ALDH2 deficient) เป็นยีนส์คู่ คนที่ขาดไป 1 ยีนส์ (ดีครึ่งหนึ่ง บกพร่องครึ่งหนึ่ง) เรียกว่า “เถรท (trait = ลักษณะเฉพาะแฝง พันธุกรรมแฝง ยีนส์แฝง)” พบมากถึง 1 ใน 3 ของคนที่มีเชื้อสายเอเชียตะวันออก (ญี่ปุ่น จีน เกาหลี)

    คนที่เป็น “เถรท” หรือมียีนส์บกพร่องครึ่งหนึ่ง… ถ้าดื่มเบียร์แบบจืดจางครึ่งกระป๋องก็มากพอที่จะทำให้หน้าแดงได้แล้ว

    คนที่มียีนส์ ‘ALDH2’ บกพร่อง 2 ยีนส์ (ไม่มีพันธุกรรมดี มีแต่พันธุกรรมบกพร่อง) หรือไม่มีเอนไซม์นี้เลยจะติดเหล้าได้ยากมากๆ

    สาเหตุเนื่องจากทนพิษอะเซทาลดีไฮด์ไม่ไหว เช่น เป็นลม ปวดหัว เมาค้าง ฯลฯ แบบรุนแรงหรือเป็นทันทีที่กิน (คุณลุงผู้เขียนท่านหนึ่งมีอาการแบบนี้ คือ ดื่มนิดเดียวแล้วเป็นลมสลบไปเลย)

    …

    ปัญหาอยู่ที่พวก “เถรท (trait)” หรือพวกที่มียีนส์บกพร่องแฝงอยู่ครึ่งหนึ่ง มียีนส์ดีอยู่ครึ่งหนึ่ง พวกนี้จะทำลายพิษแอลกอฮอล์ได้ แต่ทำลายได้ช้ากว่าคนทั่วไป

    สารพิษที่คั่งทำให้หน้าแดงเวลาดื่ม ทว่า… ยังพอทนไหว ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษในระดับสูงกว่าคนอื่น

    ถ้าคนที่ขาดเอนไซม์นี้ดื่มเบียร์แบบจืดจางวันละ 2 กระป๋องเล็ก (2 ดริ๊งค์) จะมีความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารเพิ่มเป็น 6-10 เท่าของประชากรทั่วไป

    คณะวิจัยประมาณการณ์ว่า ถ้าผู้ชายญี่ปุ่นที่ดื่มหนักปานกลางขึ้นไปลดปริมาณการดื่มให้น้อยลงเป็นไม่เกิน 9 ดริ๊งค์ต่อสัปดาห์ (1 ดริ๊งค์ = เบียร์แบบจืดจาง 1 กระป๋องเล็ก = เหล้า 40 ดีกรี 25 มิลลิลิตร) จะลดความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหาร (ชนิด squamous cell cancers) ได้ 53% > [at-bristol.org.uk]

    …

    อาจารย์บรูคส์กล่าวว่า นักดื่มอายุน้อยบางคนใช้ยาแก้แพ้ช่วยลดอาการหน้าแดงในระหว่างการดื่ม เพื่อให้ดื่มได้มากขึ้น

    การทำเช่นนี้กลบเกลื่อนอาการหน้าแดงได้ชั่วคราว แต่จะทำให้เสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้นในระยะยาว

    อาจารย์ท่านแนะนำให้ตั้งคำถาม 2 ข้อกับคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ได้แก่

    (1). ตอนดื่มเบียร์แก้วแรกในชีวิต… หน้าแดง (flushing) หรือไม่

    • ถ้าหน้าแดงแสดงว่า น่าจะขาดเอนไซม์ ALDH2 และเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารเพิ่มขึ้น

    (2). เมื่อดื่มไป 1-2 ปี… ดื่มเบียร์แล้วหน้าแดงหรือไม่

    • ถ้าหน้าไม่แดง (เลิกแดง) แสดงว่า น่าจะเริ่มติดเหล้าแล้ว (tolerant = ด้าน ดื้อยา ดื้อต่อสารเคมี)

    คนที่ดื่มแล้วหน้าแดง… เสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้น ส่วนคนที่ดื่มนานจนหายแดง… แสดงว่า เริ่มติดเหล้าแล้ว เสี่ยงมะเร็งด้วย เสี่ยงโรคอื่นๆ เช่น ตับอักเสบ ตับแข็ง ตับอ่อนอักเสบ พิษสุราเรื้อรัง ฯลฯ ด้วย

    เมืองไทยเรามีสถิติมะเร็งหลอดอาหารในภาคใต้สูงกว่าภาคอื่นๆ และคนไทยที่หน้าแดงเวลาดื่มเหล้าก็มีสูงมากด้วย ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ว่า คนไทยที่มีพันธุกรรมบกพร่องแบบนี้น่าจะมีมากพอๆ กับชาวเอเชียตะวันออกไกล (ญี่ปุ่น จีน เกาหลี)

    …

    กล่าวกันว่า ฝรั่ง (ชาวตะวันตก) มีแนวโน้มจะมีพันธุกรรมบกพร่องแบบนี้ต่ำกว่าคนเอเชีย ทำให้ฝรั่งทนต่อสารพิษชนิดนี้ได้มากกว่าคนเอเชียโดยเฉลี่ย

    ข่าวดีคือ สมาคมมะเร็งวิทยาอเมริกา [ ACS ]  แนะนำวิธีลดเสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารที่สำคัญได้แก่

    • (1). ไม่สุบบุหรี่
    • (2). ไม่ดื่มแอลกอฮอล์หนัก (ถ้าดื่มแล้วหน้าแดง… ดื่มน้อยก็เสี่ยง)
    • (3). ระวังอย่าให้น้ำหนักเกินหรืออ้วน… ถ้าอ้วนไปแล้วก็ขอให้รักษาน้ำหนักให้คงที่หรือลดลง
    • (4). กินผักผลไม้ทั้งผล (ไม่ใช่น้ำผลไม้) หลายๆ สี ให้มากพอทุกวัน
    • (5). อย่าดื่มเครื่องดื่มร้อนจัด (เช่น ชา กาแฟ ฯลฯ)
    • (6). ถ้าทำงานซักรีกประเภท “ซักแห้ง” ควรลดการใช้สารเคมีเท่าที่จะทำได้ หรือจัดให้ที่ทำงานมีการระบายอากาศที่ดี และล้างมือด้วยสบู่ก่อนกินอาหาร-ดื่มน้ำทุกครั้ง

    อาการหน้าแดงจากการดื่มแอลกอฮอล์ เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งที่หลอดอาหารอย่างไร?

     

    คนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายคนมีอาการหน้าแดง นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะสภาพทางด้านพันธุกรรมที่อาจทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้น ต่อการเป็นมะเร็งที่หลอดอาหารด้วย

    คนที่ดื่มเหล้าหลายคนมีอาการหน้าแดง โดยเฉพาะคนในเอเชียตะวันออก อย่างคนจีน คนญี่ปุ่น และคนเกาหลี ที่ดื่มสุรา ราว 34 % จะมีอาการหน้าแดง หลายคนดื่มสุราเพียงเล็กน้อยก็เกิดอาการแล้ว และนอกจากจะหน้าแดงคอแดงแล้ว บางคนยังแดงไปทั่วทั้งตัวด้วย คนที่มีอาการแบบนี้ อาจรู้สึกวิงเวียน คลื่นไส้ รู้สึกร้อนวูบวาบ หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่ทัน และปวดศีรษะ

    นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า สาเหตุ คือ ความแตกต่างทางพันธุกรรม เพราะคนที่มีอาการนั้นมี gene หรือเชื้อพันธุ์ตัวหนึ่งคือ ALDH2 บกพร่อง ซึ่งทำให้ร่างกายของคนเหล่านั้นรับหรือมีปฏิกริยาต่อแอลกอฮอล์ต่างไปจากคนอื่น นักวิจัยเตือนว่า ผลกระทบเรื่องนี้ อาจเป็นอันตรายมากไปกว่าเพียงแค่หน้าแดง เพราะมีความเกี่ยวเนื่องกับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง หลอดอาหารด้วย ยิ่งดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์มากเท่าใด ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น อย่างในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ นักวิจัยพบว่า คนที่มีจีนหรือเชื้อพันธ์ ALDH2 บกพร่องที่ดื่มจัด มีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งหลอดอาหารมากกว่าคนอื่นราว 6 – 10 เท่า

    มะเร็งหลอดอาหารเป็นเนื้อร้าย ที่เป็นอันตรายทำให้คนเสียชีวิตมากชนิดหนึ่ง แต่อาจบำบัดรักษาได้หากตรวจพบแต่เนิ่นๆ แต่หากเนื้อร้ายขยายตัวแล้ว โอกาสมีชีวิตรอดจะลดลงอย่างมาก นักวิจัยประมาณว่า คนที่มีจีนหรือเชื้อพันธ์ ALDH2 บกพร่องนั้น มีอยู่ราว 550 ล้านคน หรือราว 8 % ของประชากรโลก

    Philip Brooks นักวิจัยสถาบันโรคพิษสุราเรื้อรัง National Institute on Alcohol Abuse and Alcoholism ในสหรัฐกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญ ที่จะต้องให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความเกี่ยวโยงระหว่างอาการหน้าแดง เมื่อดื่มสุรากับการเป็นมะเร็งหลอดอาหาร นอกจากนั้น นักวิจัยเตือนว่าการสูบบุหรี่และดื่มสุราด้วย ก็มีความเสี่ยงมากขึ้น ต่อการเป็นมะเร็งหลอดอาหารเช่นกัน

     

     

     

    Share this:

    • Click to share on Facebook (Opens in new window) Facebook
    • Click to share on X (Opens in new window) X
    • Click to share on Threads (Opens in new window) Threads
    ดื่ม หน้าแดง อันตราย เมา
    Previous Article500 บาท กินไม่อั้นลิ้มรสชาติบุฟเฟ่ต์ไทยสตรีทฟู้ด @ Cafe 9 Centara Watergate Pavillion
    Next Article เปิดตำรับขนมไหว้พระจันทร์ 4 รสชาติยอดนิยมในรูปแบบกล่องโคมไฟสีแดงทอง เหมาะกับการเป็นของขวัญเลิศหรูสุดพิเศษ @JW Marriott Bangkok 2017

    Related Posts

    แต่งผนังภายในอย่างไรให้ปลอดโรค ดูแลง่าย คงทน สวยงาม สบายกระเป๋า?

    November 22, 2020

    “หญ้าฝรั่น” หรือ Saffron สุดยอดเครื่องเทศแพงที่สุดในโลก ทำไมถึงแพง ประโยชน์เยอะแค่ไหน ไปดูกัน

    May 10, 2020

    หน้าหนาวก็ท้องเสียได้กับ ไวรัสโรต้า ที่มาพร้อมลมหนาว กินอย่างไรให้ปลอดภัยจากโรต้า และอาการอะไรที่บ่งบอกว่าคุณเป็น!

    November 29, 2018

    Comments are closed.

    • Recent Posts
    • POPULAR

    [News] บุรพา อีสเทิร์น ไทย ควีซีน แอนด์ บาร์ บาย ศรีตราด ขึ้นรถไฟแห่งรสชาติ สู่ดินแดนมหัศจรรย์แห่งตะวันออก Burapa ’s Eastern Thai Cuisine and Bars

    July 31, 2025

    [Review] ขนมไหว้พระจันทร์ในตำนานกลับมาแล้ว! “Moonlit Masquerade” จาก The Peninsula Bangkok ปี 2025

    July 30, 2025

    [General] ส้มตำมาจากไหน? ไขปริศนาอาหารไทยจากพริกและมะละกอข้ามทวีป

    July 30, 2025

    [News] เฉลิมฉลองเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ ที่โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ 2568 Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok 2025

    July 30, 2025

    [News] แบรนด์ SIRIVANNAVARI ร่วมกับ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok เผยโฉมชุดน้ำชายามบ่ายคอลเลคชั่นล่าสุด ‘Atelier Tea Reverie’

    July 27, 2025

    [News] บุรพา อีสเทิร์น ไทย ควีซีน แอนด์ บาร์ บาย ศรีตราด ขึ้นรถไฟแห่งรสชาติ สู่ดินแดนมหัศจรรย์แห่งตะวันออก Burapa ’s Eastern Thai Cuisine and Bars

    July 31, 2025

    [Review] ขนมไหว้พระจันทร์ในตำนานกลับมาแล้ว! “Moonlit Masquerade” จาก The Peninsula Bangkok ปี 2025

    July 30, 2025

    [General] ส้มตำมาจากไหน? ไขปริศนาอาหารไทยจากพริกและมะละกอข้ามทวีป

    July 30, 2025

    [News] เฉลิมฉลองเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์ ที่โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ 2568 Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok 2025

    July 30, 2025

    [News] แบรนด์ SIRIVANNAVARI ร่วมกับ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok เผยโฉมชุดน้ำชายามบ่ายคอลเลคชั่นล่าสุด ‘Atelier Tea Reverie’

    July 27, 2025
    POPULAR

    “ฟัวกราส์” ถูกแบนแล้วในแดนแซมบ้า ห้ามซื้อห้ามขายห้ามกิน

    June 29, 2015

    เมล็ดมันแกวแก่ กินไม่ดีถึงตายไปหลายรายแล้ว!!!!

    June 30, 2015

    ภาชนะที่ทำจากโฟมใส่ของกินของต้องห้ามในนิวยอร์กตั้งแต่วันนี้!

    July 2, 2015
    @KinlakeStars
    KINLAKESTARS.COM

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

     

    Loading Comments...