มีคำกล่าวมากมายเกี่ยวกับบ้าน บ้านคือพื้นที่แห่งชีวิต คือหัวใจและจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ดั่งพันธุ์ไม้อันอุดมสมบูรณ์ และยิ่งไปกว่านั้น บ้านคือพื้นที่แห่งการดำรงชีวิต อันเผยถึงรสนิยม.. แบรนด์ SIRIVANNAVARI นำเสนอ SIRIVANNAVARI MAISON เป็นครั้งแรกในปี 2010 เพื่อถ่ายทอดนิยามแห่งการใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะ คำว่า ‘เมซง’ (Maison) หรือ ‘บ้าน’ ในภาษาฝรั่งเศส คือ พื้นที่แห่งรสนิยมและความคิดสร้างสรรค์ของผู้เป็นเจ้าของ ที่รอเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือน ให้ได้สัมผัสกับศิลปะผ่านทุกท่วงทำนองแห่งการใช้ชีวิต ส่วน ‘Fleur’ หมายถึง ‘ดอกไม้’ ที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเรา ในปี 2024 ดอกไม้นั้นได้ผลิบานไปสู่การสร้างสรรค์คอลเลคชั่น ‘Maison des Fleurs’ จาก SIRIVANNAVARI Maison ซึ่งประกอบด้วยชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร และเครื่องหอมในบ้าน จัดทำขึ้นในแบบลิมิเต็ด เอดิชั่น รังสรรค์จากเซรามิคโบนไชน่า (Bone China) ที่มีความประณีต คุณภาพระดับพรีเมี่ยม เพื่อยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารอันหรูหราไปอีกขั้น โดยความพิเศษสุดอยู่ที่ลายพิมพ์ภาพวาดฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา องค์ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ (Creative Director) แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ซึ่งวางลายประทับอย่างวิจิตรบรรจง ลงบนชุดเครื่องใช้ ได้แก่ จานอาหาร 3 ขนาด, แก้ว mug, แก้วช็อต Espresso และแก้วชา พร้อมจานรอง นอกจากนี้มีเทียนหอมในแก้วเซรามิคและ Diffuser ในขวดแก้ว ที่ตกแต่งด้วยพู่ประดับอันงดงาม สำหรับกลิ่นหอมมี 4 กลิ่น คือ Rosé, Romantic Peach, Lavender Breeze และ Jardin Secret ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศอันหรูหราภายในบ้าน ผ่อนคลาย และหวนรำลึกถึงความทรงจำอันมีค่าในทุกช่วงจังหวะชีวิต วางจำหน่ายในกล่องหรูหรา พร้อมมอบเป็นของขวัญในทุกวาระพิเศษ หรือเติมความรื่นรมย์ให้กับโต๊ะอาหารสุดหรู และในทุกมุมของบ้าน ลวดลายบนทุกผลิตภัณฑ์ชุดพิเศษนี้ ตกแต่งด้วยลวดลายในโทนสีฟ้า ตัดกับเซรามิคโบนไชน่าสีขาวงาช้าง ประณีตเงางาม และแต้มด้วยสีทองอันเลอค่า เป็นรูปนกยูงอันสง่างาม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ดอกระฆังแห่งหุบเขา (Lily of…
Author: Kittin Assavavichai
ห้องอาหารหลิว โรงแรมคอนราด กรุงเทพ นำโดยเอ็กเซคคิวทีฟเชฟชาวฮ่องกง “แอนดี้ ฟุง” (Mr. Andy Fung) ขอเชิญทุกท่านสัมผัสบรรยากาศสุดคลาสสิกของภัตตาคารจีนกวางตุ้ง และอิ่มอร่อยกับอาหารจีนสูตรต้นตำรับที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยวัตถุดิบสุดพรีเมี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรโมชั่น “บุฟเฟ่ต์ติ่มซำมื้อกลางวัน” ที่นำเสนอความ “สด-ใหม่” แบบวันต่อวัน ซึ่งเชฟแอนดี้ได้คัดสรรติ่มซำเมนูใหม่มาให้ได้ลิ้มลองมากกว่า 32 รายการ โปรโมชั่น “All-You-Can-Eat Dim Sum Lunch” หรือบุฟเฟต์ติ่มซำมื้อกลางวัน “อร่อยไม่อั้น” ของห้องอาหารหลิว โรงแรมคอนราด กรุงเทพ เปิดให้บริการ เวลา 11.30 น. – 14.30 น. ราคาท่านละ 950++ บาท สำหรับวันจันทร์-วันศุกร์ และราคาท่านละ 1,180++ บาท สำหรับวันเสาร์และวันอาทิตย์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันธรรมดา (ท่านละ 950*++ บาท): อิ่มอร่อยไปกับติ่มซำนานาชนิดกว่า 32 รายการ และเมนูพิเศษ เช่น เกี๊ยวกุ้งทอดกรอบซอสเปรี้ยวหวาน ซุปไก่ตุ๋นเครื่องยาจีนและเห็ดหอม ปลาซาบะย่างซอสกงโปว์ โจ๊กหมูสไลด์กับไข่เยี่ยวม้า และพุดดิ้งมะม่วงนมสด วันหยุดสุดสัปดาห์และวันนักขัตฤกษ์ (ท่านละ 1,180*++ บาท): ลิ้มลองติ่มซำนานาชนิดกว่า 32 รายการ และเมนูพิเศษ เช่น สลัดผลไม้กับหอยเชลล์ทอดเกล็ดขนมปัง ซุปซี่โครงหมูกระเทียมดำกับหัวไชเท้า เป็ดปักกิ่งและเป๋าฮื้อน้ำมันหอย ปลาหิมะนึ่งวุ้นเส้นเห็ดรวมกับซอสบ๊วย โจ๊กไก่ไข่เค็ม และสาคูฟักทองกะทิและส้มโอ เมนูติ่มซำรายการใหม่ที่เชฟแอนดี้ได้เพิ่มเติมเข้ามาให้ทุกท่านได้ลองลิ้มชิมรส ได้แก่ เกี๊ยวเห็ดเจซอสทัฟเฟิล ขนมจีบกุ้งหอยเชลล์และวาซาบิมายองเนส ซี่โครงหมูกระเทียมดำกับหัวไชเท้า เกี๊ยวหมูคุโรบุตะนึ่งเนื้อปู ซอสเห็ดทรัฟเฟิล กุ้งทอดกรอบซอสมัสตาร์ดมายองเนส ซาลาเปาเห็ดรวมมิตร ก้ามปูยัดไส้กุ้งนึ่งซอสพริกแกงแดง ขนมจีบกุ้งไข่ปลาแซลมอน พายเป็ดเห็ดหอม ลูกชิ้นกุ้งทอดกรอบสอดไส้ชีส ทาร์ตไข่ครีม ขนมงาดำม้วน ซาลาเปาหมูแดงอบกรอบ ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง เป็ดปักกิ่งม้วนโรล และเป๋าฮื้อน้ำมันหอย เป็นต้น สำหรับท่านที่มีข้อจำกัดในการรับประทานอาหารสไตล์บุฟเฟต์ ห้องอาหารหลิว โรงแรมคอนราด กรุงเทพ มีบริการอาหารแบบ…
ALE HOUSE โรงแรมใหม่ในเครือมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ที่หลายคนตั้งตารอ ภูมิใจประกาศเปิดตัวผับเอลสุดทันสมัย พื้นที่พบปะสังสรรค์ที่มีชีวิตชีวา และสปอร์ตบาร์ที่มีชีวิตชีวา เพื่อเฉลิมฉลองจิตวิญญาณของกรุงเทพฯ โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นฉากหลังการสร้างมาตรฐานใหม่ในประสบการณ์สปอร์ตบาร์ ALE HOUSE นำเสนอโอเอซิสที่ทันสมัยและเต็มไปด้วยแสงสว่างพร้อมที่นั่งที่สะดวกสบายซึ่งจัดวางอย่างมีกลยุทธ์เพื่อจับภาพวิวแม่น้ำที่น่าหลงใหลและสร้างบรรยากาศที่น่าดึงดูดสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬา พื้นที่ในร่มและกลางแจ้งได้รับการออกแบบเพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับทุกคน โดยผสมผสานความตื่นเต้นของกีฬาเข้ากับบรรยากาศที่อบอุ่น Flavourful Journeys: ALE HOUSE มุ่งมั่นที่จะนำเสนอการเดินทางของรสชาติที่น่าสนใจผ่านการเลือกเครื่องดื่มที่หลากหลายและพิเศษเฉพาะ ตั้งแต่คราฟต์เบียร์ไปจนถึงเบียร์ค็อกเทลสุดสร้างสรรค์ G&T ที่สดชื่น และเบียร์แคลอรี่ต่ำที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ALE HOUSE นำเสนอความเป็นเลิศด้านอาหารและเครื่องดื่ม การจิบแต่ละครั้งเป็นการเชิดชูอิทธิพลด้านอาหารอันเข้มข้นของกรุงเทพฯ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับทั้งนักเลงและนักผจญภัยด้วยเบียร์ที่มีให้เลือกมากกว่า 35 ชนิด ALE HOUSE นำเสนอเบียร์ยอดนิยมตลอดกาลสำหรับแฟนกีฬาและผู้ชื่นชอบกีฬา รับรองว่าเบียร์จะถูกใจทุกรสนิยม ไฮไลท์ได้แก่คราฟต์เบียร์ท้องถิ่นที่ไม่อาจต้านทานได้ เช่น ขุนแผนลิ้นจี่เพลเอล และ The Brewing Project Whale Pale Ale ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารที่สั่งสมมายาวนานกว่าสองทศวรรษ เชฟ Matthias Mittnacht ได้รังสรรค์ผ้าผืนที่วิจิตรงดงามเพื่อมอบความสุขยามค่ำคืนที่ ALE HOUSE ดื่มด่ำไปกับศิลปะการทำอาหารในขณะที่เชฟ Matthias นำเสนอผลงานสร้างสรรค์อันโดดเด่น เช่น ฮอทดอกสายอั่วที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไทยอันน่าจดจำ และพายแก้มเนื้อเบียร์สูตรเฉพาะที่รับประกันว่าจะเสิร์ฟภายใน 15 นาที ไม่เช่นนั้นเบียร์จะหมดบ้าน! เฉลิมฉลองจิตวิญญาณและทัศนียภาพอันงดงามของกรุงเทพฯ ฉากหลังเจ้าพระยา: ด้วยแรงบันดาลใจจากเมืองกรุงเทพฯ อันคึกคัก ALE HOUSE ภูมิใจนำเสนอผ้าผืนหนาที่มีอิทธิพลด้านอาหารซึ่งสะท้อนถึงความมีชีวิตชีวาของเมือง ALE HOUSE ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มอบทิวทัศน์อันน่าทึ่งที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มโดยรวม สถานที่ริมแม่น้ำมีบรรยากาศอันเงียบสงบและงดงาม เชิญชวนให้แขกมาผ่อนคลายและดื่มด่ำกับความงามของแม่น้ำอันเป็นเอกลักษณ์ของกรุงเทพฯ ในขณะที่เพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่ ALE HOUSEALE HOUSE ที่มิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์ Tap House ที่ทันสมัย เครื่องดื่มรสชาติดี พื้นที่ทางสังคมที่มีส่วนร่วม และความบันเทิงด้านกีฬาที่มีชีวิตชีวาสำรองที่นั่งและสอบถามข้อมูล โทร +66 2442 2000 ไลน์ @bangkok.hilton.com หรืออีเมล [email protected] Kin News Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์…
โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ก้าวสู่ความสำเร็จครบรอบ 12ปีแห่งการคัดสรรประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ในโอกาสสำคัญนี้โรงแรมฯขอขอบคุณอย่างสูงสำหรับความไว้วางใจที่มั่นคงจากทุกท่าน ความทุ่มเทของทีมงานอันยอดเยี่ยมและความไว้วางใจจากพันธมิตรอันทรงเกียรติตลอด 12 ปีที่ผ่านมาโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ คอยส่งมอบการบริการแบบญี่ปุ่นอันแท้จริงหรือที่เรียกว่าโอโมเตนาชิ (Omotenashi) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการต้นรับแบบฉบับของญี่ปุ่นปรัชญานี้สะท้อนผ่านความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของโรงแรมฯ ที่จะมอบการบริการเหนือความคาดหวังให้แก่ทุกท่านการบริการของเราเปรียบเสมือนศิลปะรูปแบบหนึ่งที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถันและตอบสนองทุกความต้องการของแขกทุกท่านเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญนี้ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯขอเสนอแพ็คเกจฉลองครบรอบสุกเอ็กซ์คลูซีฟที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการเข้าพักของคุณ อาทิ แพ็คเกจห้องพัก “BeyondLuxe” มอบประสบการณ์สุดหรูหราที่ไม่เหมือนใครด้วยการเข้าพัก 1 คืนในห้อง Imperial Suiteอันหรูหราพร้อมตื่นตากับทัศนียภาพเมืองอันงดงามผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารส่วนตัว Park Ventures Ecoplex, 57 Wireless Road, Bangkok 10330 ThailandT. +66 (0) 2687 9000 F. +66 (0) 2687 9001 E. [email protected] facebook.com/theokuraprestigebangkok เหมาะสำหรับการพักผ่อน พร้อมลิ้มรสประสบการณ์การรับประทานอาหารในห้องสวีทสุดพิเศษ 6คอร์สที่รังสรรค์โดยเชฟเจอราร์ด วิลลาเรท ฮอร์คาโญ (Gerard Villaret Horcajo)จากห้องอาหารระดับหนึ่งดาวมิชลิน ห้องอาหารเอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลออีกทั้งยังสัมผัสประสบการณ์ผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำร้อนสไตล์ญี่ปุ่นภาบยในห้องพักสวมชุดยูกาตะส่วนตัวและเพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษของคลับเลานจ์ ประสบการณ์สุดพิเศษนี้ราคาเริ่มต้นที่ 120,000++ บาทต่อคืนสำหรับ 2 ท่าน สามารถจองได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึงวันที่ 23 มิถุนายน 2567 โดยสามารถเข้าพักได้ระหว่างวันที่ 7พฤษภาคม ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567สร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่น่าจดจำของคุณด้วยการเข้าพัก 1 คืนในห้อง Imperial Suiteห้องพักที่ดีที่สุดและหรูหราที่สุดของโรงแรมฯ ด้วยแพ็คเกจห้องพัก “Luxurious Bespoke” พร้อมรับเครดิตมูลค่า 72,000บาท สามารถนำไปใช้สำหรับลิ้มลองอาหารที่รังสรรค์อย่างประณีตจากห้องอาหารของโรงแรมไปจนถึงการปรนเปรอตัวเองด้วยทรีทเมนต์สปาเพื่อการฟื้นฟู พร้อมผ่อนคลายกับคลับเลาน์จดื่มด่ำกับเครื่องดื่มรสเลิศและชมวิวเมืองกรุงเทพฯ อันสวยงาม แพ็คเกจห้องพัก “Luxurious Bespoke”…
โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ เชิญชวนคุณมาเปิดประสบการณ์สุดพิเศษในเดือนพฤษภาคมที่จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม ทั้งดื่มด่ำไปกับค็อกเทลสูตรลับโดยบาร์เทนเดอร์จากนครดูไบ ยกระดับมื้อดินเนอร์สุดหรูด้วยเมนูอาหารสไตล์ละตินอเมริกา ลิ้มลองหอยนางรมระดับพรีเมียมจากห้องอาหารไบยุน และ เพลิดเพลินไปกับเมนูใหม่เลิศรสจากห้องอาหารร่มไทร บาร์เทนเดอร์รับเชิญ จากนครดูไบ ‘คุณ แซมมี่’ (Samy Rathnayake) วันที่ 16 พฤษภาคมนี้ พบกับบาร์เทนเดอร์ชื่อดัง ‘คุณ แซมมี่’ ผู้จัดการบาร์จากร้านโคย่า ดูไบ เจ้าของรางวัลสุดยอดบาร์เทนเดอร์ผู้สั่งสมประสบการณ์กว่า 17 ปี ในการรังสรรค์เครื่องดื่มค็อกเทลด้วยเทคนิคล้ำสมัย สอดแทรกเรื่องราวสุดพิเศษไว้ในทุกๆเมนูที่จะพาคุณเพลิดเพลินเสมือนกำลังท่องราตรี ณ นครดูไบ เตรียมยกระดับค่ำคืนสุดพิเศษไปกับค็อกเทลสูตรลับเฉพาะที่ข้ามน่านฟ้ามาเสิร์ฟถึงมูนบาร์ ณ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ มูนบาร์ ชั้น 61 วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เวลา 18.00 – 22.00น. ยกระดับมื้อดินเนอร์สุดประทับใจไปกับเมนูอาหารสไตล์ละตินอเมริกา ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ ทู ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสประสบการณ์รับประทานอาหารสไตล์ละตินอเมริกาและเครื่องดื่มสุดพิเศษท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติก โดยทุกเมนูนั้นได้สอดแทรกแรงบันดาลใจจากอาหารคิวบาจานเด็ด อาทิเช่น Ropa Vieja เมนูเนื้อตุ๋นอันเลื่องชื่อ Ensalada de Frijoles Negros y Mango เมนูสลัดจานพิเศษที่ผสมผสานถั่วดำและมะม่วงสุกเข้าด้วยกันอย่างลงตัวอุดมไปด้วยโภชนาการ และ Flan พุดดิ้งคัสตาร์ดคาราเมลสุดคลาสสิค พิเศษยิ่งกว่านั้น ดื่มด่ำไปกับโชว์ดนตรีสดสไตล์ละตินอเมริกาในทุกค่ำคืนวันศุกร์ที่จะยกระดับมื้อดินเนอร์ของทุกท่านและสร้างความประทับใจอย่างไม่รู้ลืม ห้องอาหารเวอร์ทิโก้ ทู ชั้น 60 ให้บริการตลอดเดือนพฤษภาคม 2567 เวลา 17.00 – 01.00 น. ดนตรีสด ทุกคืนวันศุกร์ เวลา 19.00 – 22.00น. หอยนางรมสุดพรีเมียม ส่งตรงจากท้องทะเล สู่ ห้องอาหารไบยุน ในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ ขอเชิญทุกท่านเพลิดเพลินไปกับเมนูชั้นเลิศรังสรรค์จากวัตถุดิบพรีเมียมจากท้องทะเล หอยนางรมฟิน ดิแคลร์ หวานฉ่ำจากฝรั่งเศส และหอยนางรมมิยางิ ตัวใหญ่เต็มคำส่งตรงจากญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟหลากหลายเมนู อาทิเช่น หอยนางรมทอดกรอบรับประทานคู่กับไข่ปลาคาเวียร์ชั้นดี หอยนางรมตุ๋นรสกลมกล่อม และหอยนางรมสดเนื้อแน่นแนมด้วยเครื่องเคียงหลากหลาย ร่วมยกระดับมื้ออาหารอันโอชะนำเสนอโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญประจำห้องอาหารไบยุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง วันที่ 30 มิถุนายนนี้ ห้องอาหารไบยุน ชั้น 59 วันที่ 1…
ห้องอาหารนิมิตและรูฟท็อป บาร์ พร้อมนำเสนอเมนูอาหารทะเลประจำฤดูกาล ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพคัดสรร ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ถึง 15 พฤษภาคม 2567 ลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติและเนื้อสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ของหอยนางรมสุราษฎร์ธานี คาเวียร์จากโครงการหลวง และสาหร่ายพวงองุ่นในเมนูอาหารพิเศษรังสรรค์โดยทีมเชฟมากความสามารถประจำห้องอาหาร ทุกวัน เวลา 17.00 น. ถึง เวลา 23.00 น. ห้องอาหารนิมิตตั้งอยู่บนชั้น 27 ของโรงแรม 137 พิลลาร์ สวีท แอนด์ เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพฯ ใจกลางย่านพร้อมพงษ์ เขตธุรกิจและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของกรุงเทพฯ เรามีความภูมิใจในการนำเสนอวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพดีจากผู้ผลิตภายในประเทศ ด้วยการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและรสชาติดั้งเดิมอย่างลงตัว ทีมเชฟของเรารังสรรอาหารทุกจานโดยมุ่งเน้นการนำเสนอเอกลักษณ์ของอาหารไทย เมนูอาหารทะเลประจำฤดูกาล ประกอบไปด้วยตัวเลือกหลากหลายทั้งอาหารคาวและขนมหวาน เมนูไฮไลท์ คือ “กระทงทองแดงคาเวียร์” นำเสนอรสชาติคาเวียร์สีดำจากโครงการหลวงกับหอยเชลล์ในกระทงทองแดงกรอบได้อย่างลงตัว เมนู “หอยอบมะพร้าว” ที่เชฟของเราได้นำหอยนางรมสุราษฎร์ธานีมาอบกับมะพร้าวฝอยและครีมซอสต้มข่า มอบรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร อีกหนึ่งเมนูที่ให้คุณค่าทางสารอาหารพร้อมรสชาติจัดจ้านคือ “ยำสาหร่ายกุ้งแม่น้ำ” ยำรสชาติเปรี้ยวเผ็ดเข้ากันได้ดีกับสาหร่ายพวงองุ่นเสิร์ฟพร้อมกุ้งแม่น้ำย่าง อาหารจานนี้เต็มไปด้วยวิตามิน สารอาหารและไฟเบอร์ เมนูอาหารทะเลประจำฤดูกาลนี้ถูกรังสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบรสสัมผัสที่น่าจดจำและเพื่อนำเสนอวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยอันอุดมสมบูรณ์ “เรามีความยินดีในการนำเสนอเมนูอาหารทะเลประจำฤดูกาลจากแหล่งวัตถุดิบคุณภาพดี แต่ละเมนูที่ทีมของเรารังสรรขึ้นมาเพื่อนำเสนอวัตถุดิบท้องถิ่นและรสสัมผัสเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย พร้อมมุ่งเน้นการดำเนินกิจการแบบยั่งยืนโดยสนับสนุนผู้ผลิตภายในประเทศ” – เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ กรวิชญ์ รุ่งฉัตร กล่าว ห้องอาหารนิมิต และรูฟท็อป บาร์ เชิญชวนทุกท่านดื่มด่ำกับประสบการณ์รับประทานอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมที่ผสมผสานความทันสมัยสำหรับมื้ออาหารอันน่าจดจำ ลิ้งค์โปรโมชั่นเมนูอาหารทะเลประจำฤดูกาล : https://137pillarshotels.com/th/bangkok/seasonal/seasonal-oceanic-delights สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ โทร 02 079 7000 หรือติดต่อ LINE Official Account (@137pillarshotels) Kin News Kinandleisure.com Kinandleisure.com กินแอนเลเชอร์ สื่ออาหารและการท่องเที่ยว ที่นำเสนอเกี่ยวกับ อาหาร และ การกินดื่ม รวมถึงการท่องเที่ยวและที่พัก ทั้งในส่วนของ รีวิว อาหาร สถานที่ กิน ดื่ม เที่ยว พัก ผ่อนคลาย ในทุกประเภทหมวดหมู่ โปรโมชั่น ส่วนลด เมนูใหม่ กิจกรรมพิเศษ ที่เกี่ยวกับการ…
ข้าวแช่ อาหารที่มาคู่กับฤดูร้อน อันเป็นที่ได้รับความนิยมยิ่ง ให้ทั้งความดับร้อน สดชื่น และเป็นของเฉพาะฤดู แน่นอนว่าทั้งรส ทั้งกลิ่นที่หอมสดชื่น และขั้นตอนการทำที่ยากและสลับซับซ้อน อีกทั้งการเตรียมเครื่องที่วุ่นวายอยู่พอควรจึงทำให้เป็นอาหารที่ไม่ได้มีขายในทุกที่และในครั้งนี้ KinAndLeisure จึงขอแนะนำข้าวแช่เด็ดจากทั่วกรุงฯ เดิมทีนั้นจากเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา กษัตริย์มอญผู้ซึ่งยังไม่มีบุตรเพื่อสืบบัลลังก์เสียที จนกระทั่งได้ทำการบนบานกับศาลเทวดาแห่งหนึ่งอันศักดิ์สิทธิ์จนสมหวัง จึงได้ทำเครื่องเซ่นไหว้มาถวาย เครื่องเซ่นเหล่านั้นก็ได้แก่ หมูเส้น ลูกกะปิ หอมยัดไส้ และไชโป๊วหวาน อันเป็นของที่เก็บได้นาน ทำแล้วเก็บใส่ไหดินเผาไว้ ทำให้เก็บได้นานไม่บูดเน่าเสีย ต่อมา ชาวมอญถือเอาข้าวแช่เป็นอาหารสำคัญในประเพณีวันสงกรานต์ ทำให้ข้าวแช่เป็นอาหารที่ชาวมอญ นิยมทำสังเวยเทวดาในตรุษสงกรานต์ และค่อยๆเผยแพร่เข้ามาในไทย ซึ่งก็เข้ามานานอยู่นานพอควร จะเห็นได้จากกลอนของกวีอย่าง สุนทรภู่ที่กล่าวถึงข้าวแช่ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ว่า ฤดูร้อน ก่อนเก่า ทำข้าวแช่ น่าชมแต่ เครื่องกับ สำรับฉัน ช่างทำเป็น ดอกจอก และดอกจันทร์ งามจนชั้น กระชายทำ เหมือนจำปา มะม่วงดิบ หยิบดู จึ่งรู้จัก ช่างน่ารัก ทำเป็น เช่นมัจฉา (ความจาก “รำพันพิลาป” ของสุนทรภู่ รัตนกวีสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์) ต่อมาข้าว่ถูกถ่ายทอดต่อๆมาพร้อมการดัดแปลงเพิ่มความวิจิตรและปรับรสให้ถูกปากตามแต่ละวัง ตำหนักจะนิยม 1. มารีกีมาร์ โรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Center กินข้าวข้าวแช่ตำหรับครึ่งกรุงเทพฯครึ่งเมืองเพชรฯ ข้าวแช่ตำรับ ‘มารี กีมาร์’ ๒๕๖๗ พร้อมชมวิวกรุงเทพฯจากชั้น 28 รังสรรค์ขึ้นมาใหม่จาก ‘เชฟปิ๊ก ณ มารีกีมาร์ โรงแรม Wyndham Bangkok Queen Convention Center มารี กีมาร์ ขอแนะนำเมนูต้อนรับฤดูร้อนกับข้าวแช่ตำรับ ‘มารี กีมาร์’ ๒๕๖๗ รังสรรค์โดย ‘เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์’ ที่จะนำพาทุกท่านได้สัมผัสรสชาติอันปราณีต และสัมผัสความดั้งเดิมของอาหารไทยโบราณที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น <อ่านต่อคลิกที่นี้> 2. Saffron, Banyan…
ต้อนรับการเวียนมาถึงของฤดูร้อนตามแบบขนบฉบับชาววังด้วยวัฒนธรรมความอร่อยอันทรงคุณค่าผ่านสำรับข้าวแช่โบราณ พร้อมเครื่องเคียงกว่า 10 ชนิด ณ ห้องอาหารแบงค็อก เบกกิ้ง คอมพานี (บีบีโค) โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ “เชฟพลอย พรทิชา จันทร์สว่าง” แม่ครัวอาหารไทยประจำห้องอาหารแบงค็อก เบกกิ้ง คอมพานี (บีบีโค) เผยเสน่ห์ปลายจวักผ่านความละเมียดละไมและบรรจงลงมือทำสำรับข้าวแช่เองทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การหุงข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิหุ้งให้เรียงเม็ดสวย มีทั้งสีขาวและสีฟ้า โดยสีฟ้าเกิดจากสีธรรชาติจากดอกอัญชัญ พร้อมอบควันเทียนลอยในน้ำดอกไม้ ได้แก่ดอกมะลิและกุหลาบมอญ และปรุงสำรับเครื่องเคียงให้กลมกล่อมจากวัตถุดิบชั้นดีอันหลากหลายครบครันถึง 10 ชนิด ได้แก่ พริกหยวกยัดไส้หมูสับและกุ้ง เคล้าหมู กุ้ง กระเทียมพริกไทยให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ทอดจนสุก ใส่หมูกุ้งที่ทอดลงในพริกหยวกที่คว้านไส้ออก นึ่งในลังถึงน้ำเดือด พอเย็นบีบน้ำออกให้หมด ใช้มือชุบไข่แล้วโรยขวางไปมาในกระทะที่ใส่น้ำมันพอลื่นและใช้ไฟอ่อน สุกแล้วลอกออกเป็นชิ้นๆ ห่อพริกให้รอบ ลูกกะปิ เป็นเมนูเครื่องเคียงที่ชูโรงในชุดข้าวแช่เลยทีเดียว ดูแบบนี้นั้นมีส่วนประกอบมากมาย ลูกกะปิทอดประกอบไปด้วย กระเทียม ข่า ตะไคร้ รากผักชี ผิวมะกรูด กะปิเกรดคัดพิเศษอย่างดี เนื้อปลาไปยี หอมแดง ปลายี่สนผัดหวาน กินกระชายคู่กับปลายี่สนหวาน ปลายี่สนมีอีกชื่อว่าปลากระเบนค้างคาว เพราะนอกจากรสชาติที่เข้ากันยังให้สรรพคุณทำให้รู้สึกเย็นสบายจากภายในสู่ภายนอกการทำนั้นก็นำเนื้อปลากระเบนค้างคาวมา ทุบ ฉีกให้เป็นฝอย และผัดกับน้ำตาลให้ได้ที่” รสชาติก็ออกหวานตามปกติ เนื้อล้วนดีทานง่ายไม่เหนี่ยวไปกินกระชายคู่กับปลากระเบนค้างคาวผัดหวาน ลูกไข่เค็มทอด เนื้อฝอย หมูฝอย สำหรับหมูเส้นและเนื้อเส้นคือการนำเนื้อหมูและเนื้อวัวมาทุบและฉีกเป็นเส้น นำไปผัดกับน้ำตาลรสชาติออกหวานทั้งคู่ ยีออกมาได้เป็นฝอยละเอียดดี แต่เหนี่ยวไปเล็กน้อย เวลาเคี้ยวจะยากเหน่อยหากลดความเหนียวได้จะดีกว่านี้ทีเดียวเลย ปลาสลิดเคลือบหวาน หอมแดงยัดไส้ ไก่บดปลาเค็ม และไชโป๊วผัดหวาน ไชโป่วผัดหวานที่นี่มีดีที่กลิ่นไม่แรงรสชาติกำลังดีไม่แรงไม่เบาไป รสออกหวานตามสูตร ผักเคียง สำหรับกระชายจะทำออกมาให้เป็นรูปคล้ายดอกจำปี กินประกอบเคียงพร้อมๆกับเครื่องเคียงอื่นๆให้รสชาติที่เบาๆสดชื่น ทำให้ร่างกานเย็นสบายจากภายใน ส่วนมะม่วงดิบใช้มะม่วงเขียเสวยดิบแกะสลักเป็นรูปใบไม้ เป็นทั้งอาหารตาและอาหารปาก มะม่วงเขียวเสวยดิบรสมันเปรี้ยวกินแกล้มคู่กับเครื่องเคียงอื่นๆรสเลี้ยนเสริมรสและให้ประโยชน์มากมาย ทำให้สดชื่นด้วย ทุกสำรับเสิร์ฟพร้อมของว่างดับร้อนอย่างส้มฉุน ส้มฉุน เป็นอาหารว่างและของหวานชนิดหนึ่งของไทย โดยส้มฉุนแบ่งออกเป็นสองแบบ คือ ส้มฉุนแบบชาวบ้านคือการนำนำผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะม่วงหรือมะยมดิบ ไปยำกับน้ำตาล น้ำปลา และกุ้งแห้ง แต่ส้มฉุนตำรับชาววังจะเป็นของหวานโดยใช้ผลไม้หน้าร้อนรสหวานอมเปรี้ยวโดยเฉพาะลิ้นจี่ลอยในน้ำเชื่อม ของ BBCO เพิ่ทเม็ดทับทิมสด และส้ม มีลักษณะใกล้เคียงกับลอยแก้ว และมีขิงซอย โรยด้วยหอมเจียวกรอบๆ ของ…
KinAndLeisure.com ขอเชิญคุณมาคลายร้อนด้วย “ข้าวแช่” เสน่ห์ของว่างตำรับชาววัง ที่ห้องอาหารเฟลอริช ตลอดเดือนเมษายนนี้ ณ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ‘ข้าวแช่’ สำรับไทยคลายร้อน ณ ห้องอาหารเฟลอริช และ ล็อบบี้เลาจน์ เมนูขึ้นชื่อเรื่องความพิถีพิถันในการปรุงและความละเมียดในรสสัมผัส เชฟชัชษร ประทุมมา Executive Sous Chef เริ่มต้นกันด้วยเครื่องดื่มต้นรับอย่าน้ำตะไคร้ใบเตยที่ให้ความหอมสดชื่นเป็นอย่างดี และเป็นเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย ของโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ได้บรรจงรังสรรค์เมนูข้าวแช่ โดยคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศมาปรุงเป็นข้าวแช่ พร้อมเครื่องเคียงตำรับชาววัง เริ่มตั้งแต่การคัดสรรข้าวหอมมะลิคุณภาพดี นำมาหุงด้วยกรรมวิธีพิเศษจนได้ข้าวที่เรียงเม็ดสวย ขัดเพียงครั้งเดียวในน้ำเย็นทำอย่างช้าๆ จากนั้นนำไปอบควันเทียนเพิ่มความหอม ในส่วนของน้ำลอยดอกไม้สำหรับ ข้าวแช่ ทาง เชฟชัชษร จะนำน้ำมาต้มให้สุกและทิ้งข้ามคืน เพื่อให้กลิ่นคลอรีนระเหย จากนั้นนำดอกไม้หอมทั้งดอกมะลิ และกลีบกุหลาบมอญ มาล้างให้สะอาด และนำใส่ลงในน้ำที่เตรียมไว้ พร้อมอบควันเทียนให้หอมกรุ่น ทำให้สัมผัสความหอมละมุนเมื่อได้ลิ้มลอง เครื่องเคียงรสเลิศเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เชฟชัชษรได้เตรียมไว้ให้คุณได้ลิ้มลองถึง 7 เมนู ไม่ว่าจะเป็น ลูกกะปิ กะปิที่นี่จะลูกเล็กๆแต่รสเข้มและหอม เชฟเลือกกะปิอย่างดีจากคลองโคลนมาย่างให้หอม ก่อนโขลกกับเนื้อปลาดุกย่าง ผัดกับกระชาย, ตะไคร้ และข่า จนได้ที่พร้อมปรุงรสให้กลมกล่อม แล้วจึงปั้นเป็นก้อนกลมพอดีคำ นำมาชุบไข่ทอดจนเป็นสีเหลืองทอง ทานคู่กับกระชายเพิ่มความอร่อย หอมแดงไส้ ใช้หอมแดงโทนลูกใหญ่ คว้านเนื้อในออก ใช้เพียงแค่ตัวเปลือกเท่านั้นแต่ยังให้กลิ่นของหัวหอมและรสที่หวานชัดเจนและสอดไส้ปลายี่สนผัดหวานเข้าไปแทนที่ จากนั้นนำหอมแดงสอดไส้ลงชุบแป้งลงทอดจนกรอบเหลือง ปลายี่สนผัดหวาน เคล็ดลับการปรุงไส้ปลายี่สนผัดหวาน นำปลายี่สนไปต้มจนสุกและนำมาลอกหนัง แกะก้างออก นำเฉพาะส่วนเนื้อปลาผัดกับน้ำตาลโตนด และน้ำมันหอมเจียวจนได้รสหวานหอม ยำมะม่วงกุ้งเสียบ ที่ เชฟชัชษร นำมะม่วงเขียวเสวย 3 รส ผสมกับมะม่วงแรดรสเปรี้ยว คลุกเคล้าน้ำยำรสชาติจัดจ้าน เติมเต็มความอร่อยด้วยกุ้งเสียบทอดกรอบตัวโตเต็มคำ พริกหยวกสอดไส้ ใช้พริกหยวกเม็ดใหญ่ คว้านตรงกลางเพื่อนำเมล็ดออก สอดไส้ด้านในด้วยเนื้อหมูบดผสมเนื้อกุ้งสับ ที่ปรุงรสด้วยรากผักชี กระเทียม และพริกไทย แล้วห่อด้วยไข่มือเสือ ซึ่งปรุงโดยการนำไข่ไปทอดและห่อด้วยแพไข่ทอดสีเหลืองน่ากิน ไข่จะจะนุ่มแต่ฟูไม่กรอบแห้ง เมื่อกินเข้าไปพร้อมๆกันจะได้รสเปรี้ยว After taste เหมือนจะมาจากเปลือกพริก หัวไชโป๊วผัดหวาน ทางเชฟก็เลือกใช้หัวไชโป๊วชั้นดีมาผัดกับน้ำตาลมะพร้าวและน้ำมันหอมเจียว ด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลแห้งเคลือบเนื้อไชโป๊วเป็นเส้นใสมันวาว เส้นบางกินง่าย ใส่ซีอิ้วเล็กน้อยให้รสค็มตัดให้ไม่หวานจนเกินไป หวานกลมกล่อมเค็มนิดๆ หมูฝอยหรือเนื้อฝอย นำหมูหรือเนื้อแดดเดียวมานึ่งแล้วฉีกเป็นเส้น จากนั้นทอดแล้วผัดเคลือบน้ำตาล โรยด้วยหอมเจียวเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ผักแนม ที่มีทั้งกระชายสด แตงกวา ต้นรหอม มะม่วงดิบ และผักสดอื่นๆที่แกะสลักมาอย่างวิจิตรบรรจง เป็นตัวช่วยชูให้รสเครื่องเคียงโดดเด่นอีกด้วย เชฟชัชษร ประทุมมา Executive…
เดือนเมษายนนี้ Kinandleisure ขอเชิญทุกท่านเพลิดเพลินไปกับ “ข้าวแช่” ณ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ห้องอาหารไทยแซฟฟรอนและห้องอาหารร่มไทร เมนูคลายร้อนยอดนิยม ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ไทย Pitsinee A ลิ้มลองข้าวแช่สูตรต้นตำรับ รสชาติหวานหอมเย็นชื่นใจ รังสรรค์อย่างประณีตโดยเชฟเรณู หอมสมบัติ หัวหน้าเชฟอาหารไทย ผู้จัดเตรียมเมนูข้าวแช่ทุกสำรับอย่างพิถีพิถันครบเครื่องอรรถรสทั้งคาวหวาน เริ่มต้นด้วยของเรียกน้ำย่อยที่เป็นคอมพลิเมนทารี่อย่างข้าวตังและแป้งขนมเบื้อง โดยจะเสิรฟมาพร้อมกับดิ้ปปิ้ง 3 สไตล์ อย่างน้ำพริกอ่อง ที่มีความโดดเด่นด้วยมะเขือเทศและหมูสับแบบจัดเต็ม หลนที่กินกับข้าวตังหน้าตั้ง และน้ำพริกหนุ่มใหม่ๆไม่เผ็ดจนเกินไป และก็มาถึงของกินเล่นก่อนจะเข้าสู่ข้าวแช่นั่นคือ กุ่งกุ้งโสร่ง กุ้งโสร่ง เป็นเมนูดัดแปลงมาจากอาหารไทยโบราณคือ หมูโสร่ง ดั้งเดิมใช้หมูสับก่อนเปลี่ยนมาเป็นกุ้ง (เดี๋ยวนี้มีคนปรับสูตรใช้วัตถุดิบอย่างอื่นเช่น แซลมอน มาปรุง) สำหรับกุ้งโสร่งที่ Saffron เชฟใช้กุ้งขนาดพอเหมาะพอคำ มาปรุงด้วยเครื่อง กระเทียม พริกไทย ฯลฯ แล้วพันตัวกุ้งด้วยโสร่งคือ เส้นหมี่ จะพันแบบเรียงเส้นสวยๆ เป็นระเบียบ มาพร้อมกับใบพลูชุบแป้งทอดกินแนมกัน อร่อยมาก ลูกกะปิทอด ลูกกะปิรสกลมกล่อมไม่เค็มโดดนุ่มนวลด้วยเนื้อปูและกระชายบด ใช้กะปิอย่างดีจากระยอง นำไปผสมรวมกับเครื่องเทศ อาทิ กระชาย ตะไคร้ หอมแดง หัวกะทิ พริกแห้ง ปลาช่อน นำไปผัดในกระทะทองเหลือง โดยค่อยๆ ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าวจากอัมพวา และมะพร้าวคั่ว เพื่อให้ได้รสชาติที่หอมและกลมกล่อม ก่อนนำไปชุบกับไข่ ทอดจนได้สีเหลืองทองสวยงาม หอมแดงยัดไส้เนื้อปู คว้านหอมแดงให้เป็นรู ยัดไส้ด้วยเนื้อปู ปรุงด้วยสามเกลอ ได้แก่พริกไทย รากผักชี และเกลือ นำไปชุบไข่และแป้งสาลี นำไปทอดจนได้สีเหลืองทอง รสชาติหวานเค็มกำลังดี พริกหยวกยัดไส้กุ้ง เลือกนำเอาพริกหยวกเม็ดขนาดกำลังดี ยัดไส้ด้วยหมูสับกับกุ้ง ปรุงด้วยสามเกลอ ได้แก่พริกไทย รากผักชี และเกลือ นำพริกหยวกไปนึ่งจนสุกแล้วห่อคุลมด้วยแพไข่ ไช้โป้วผัดหวาน ไช้โป้วผัดจนกรุบ กรึบ หนึบ หวาน ผัดจนสีใสด้วยน้ำตาลทรายแดง รสออกหวานชัดเจน ความโดดเด่นของไช้โป้วผัดหวานที่นี่เชฟไม่ใช้ซีอิ้วเลย ใช้เพียงน้ำตาลทรายแดง ซึ่งน้ำตาลทรายแดงมีคุณสมบัติพิเศษกับไช้โป้วคือทำให้ได้สีน้ำตาลและทำให้ใสเงางามนั้นเอง โดยด้านบนจะโรยด้วยหอมเจียวกรอบๆ ปลายี่สนผัดหวาน นำปลายี่สนแห้งมาย่างไฟอ่อน แล้วนำไปโขลกจนได้เนื้อปุย ก่อนนำไปผัดกับหัวกะทิ และปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว แนมด้วยผักสดแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง หมูฝอย…