Author: Kittin Assavavichai

นครราชสีมา, อุบลราชธานี, อุดรธานี และ ขอนแก่น ได้รับคัดเลือกเป็น 4 เมืองตัวแทนภาคอีสาน ที่คู่มือมิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ปี 2566 จะเข้าดำเนินการสำรวจ คัดเลือก และจัดอันดับร้านอาหาร ‘มิชลิน ไกด์’ และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมแถลงข่าวการขยายขอบเขตคัดสรรร้านอาหารเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือ “ภาคอีสาน” ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดของไทยครอบคลุม 20 จังหวัด โดยคู่มือมิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นฉบับที่ 6 ของไทยและมีกำหนดเผยแพร่ปลายปี 2565 นี้ ได้เลือก นครราชสีมา, อุบลราชธานี, อุดรธานี และ ขอนแก่น เป็น 4 เมืองตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะสะท้อนอัตลักษณ์อาหารอีสานที่โดดเด่นและมีรสชาติจัดจ้าน ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่หลากหลาย อาหารอีสานมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากอาณาจักรสุโขทัยและอาณาจักรเขมรโบราณ รวมทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว เวียดนาม กัมพูชา และจีน  ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือประกอบด้วยทุ่งหญ้าและผืนป่าบนที่ราบสูงและเทือกเขาซึ่งเหมาะกับการทำปศุสัตว์ นอกจากนี้ภาคอีสานยังเป็นแหล่งปลูกข้าวคุณภาพสูง ทั้งข้าวหอมมะลิที่โด่งดังไปทั่วโลกและข้าวเหนียว  อาหารอีสานส่วนใหญ่จะไม่ใช้อาหารทะเลเป็นวัตถุดิบเนื่องจากพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ไม่ติดกับทะเลหรือมหาสมุทร แต่เนื่องจากภูมิภาคนี้มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน โดยเฉพาะแม่น้ำแม่โขง จึงมีปลาน้ำจืดจำนวนมากให้เลือกใช้เป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร เกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก เปิดเผยว่า ผู้ตรวจสอบของมิชลินประทับใจในอาหารอีสานที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นและรสชาติจัดจ้าน ซึ่งแม้จะใช้วิธีการประกอบอาหารที่เรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็นการต้ม, ย่าง, นึ่ง หรือตุ๋นด้วยไฟอ่อน (Slow Cooking) แต่กลับให้รสชาติที่ลึกซึ้งและซับซ้อน ทั้งยังมีเทคนิคการถนอมอาหารที่ถือเป็นจุดเด่นของอาหารอีสานและแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาพื้นบ้านในการหมักดองปลาและผักตามฤดูกาลให้สามารถเก็บไว้ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารได้นานขึ้น โดยมีเครื่องปรุงรสพื้นฐานในครัวอีสานอย่าง “ปลาร้า” ที่ทำจากการนำปลาในท้องถิ่นมาหมักกับเกลือและข้าว เป็นวัตถุดิบยอดนิยมที่ใช้ใส่ในอาหารและน้ำจิ้มต่างๆ แทบทุกจาน ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติมาตั้งแต่ปี 2555 “นอกจากอาหารที่โดดเด่นและมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจแล้ว ปัจจุบันยังมีเชฟชาวอีสานจำนวนมากที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านอาหารจากร้านอาหารชื่อดังในต่างประเทศ กลับมาเปิดร้านอาหารของตนเองที่บ้านเกิด เชฟเหล่านี้ไม่เพียงมีบทบาทสำคัญในการยกระดับอาหารอีสานโดยเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมาปรุงอย่างพิถีพิถันด้วยทักษะที่ตนเองสั่งสมมานาน แต่ยังช่วยกำหนดมาตรฐานใหม่ให้อาหารท้องถิ่นมีคุณภาพสูงมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยจะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวที่ต้องการลิ้มรสอาหารพื้นบ้าน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจชุมชนและธุรกิจร้านอาหารภายในท้องถิ่น” มร.ปูลเล็นเนค กล่าว นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน…

Read More

โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ นำโดย มร. เอเดรี่ยน รูดิน ผู้จัดการทั่วไปและรองประธานฝ่ายปฏิบัติการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (คนกลาง) และคณะผู้บริหารร่วมจัดงานฉลองครบรอบ 125 ปี เครือโรงแรมเคมปินสกี้ โรงแรมสุดหรูที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ภายในงานทางคณะผู้บริหารของโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ได้ร่วมฉลองโอกาสพิเศษ ท่ามกลางความสวยงามของล็อบบี้ของโรงแรมฯ ที่ได้รับรางวัล Best Hotel Lobby Interior of Thailand และ Best International Hotel Lobby Interior ปีล่าสุด ซึ่งได้ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้ไทยและดอกไม้ต่างประเทศ เพื่อสื่อถึงการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมยุโรปที่สามารถร้อยเรียงกันได้อย่างลงตัว ในงานได้รับเกียรติจากแขกคนสำคัญ เซเล็ปบริตี้ และสื่อมวลชนมากมายร่วมเป็นส่วนหนึ่งในค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองนี้ พร้อมชมการแสดงแสง สี เสียงสุดตระการตาเพื่อสื่อถึงประวัติความเป็นมา ความรุ่งเรืองและก้าวหน้าของเครือโรงแรมเคมปินสกี้ ณ บริเวณโถงด้านนอกของโรงแรม ซึ่งสูงกว่า 15 เมตร จากนั้น มร. รูดิน ได้กล่าวขอบคุณและนำแขกผู้มีเกียรติร่วมฉลองครบรอบ 125 ปี เครือโรงแรมเคมปินสกี้ทั่วโลก ต่อด้วยเสียงเพลงแจ๊สจาก Toby & Joy นักร้อง Duo Jazz เสียงทรงพลัง ปิดท้ายค่ำคืนสุดพิเศษกับ DJ Karn ที่มาสร้างสีสันความสนุกด้วยเสียงเพลงอัพบีทตลอดค่ำคืน เครือโรงแรมเคมปินสกี้ สร้างขึ้นในปี 1897 เป็นกลุ่มโรงแรมหรูที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป เครือโรงแรมเคมปินสกี้     มีความพร้อมในด้านการบริการที่สมบูรณ์แบบและการต้อนรับที่ยอดเยี่ยม ซึ่งถือเป็นมรดกล้ำค่าที่สืบทอดมาถึงปัจจุบันเครือเคมปินสกี้ประกอบด้วยโรงแรมและเรสซิเด้นท์ระดับห้าดาวจำนวน 80 แห่งใน 34 ประเทศ และยังคงมุ่งมั่นขยายธุรกิจเพิ่มเติมอีกกว่า 26 โครงการทั่วโลก โรงแรมเคมปินสกี้ในแต่ละเมืองยังคงสะท้อนให้เห็นถึงจุดเด่นและความสำเร็จในการบริหารของแบรนด์เคมปินสกี้ ที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้   เครือโรงแรมเคมปินสกี้ประกอบด้วยโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรมที่ยังคงเรื่องราวของความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โรงแรมไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา รีสอร์ทที่ครบครัน และความงามเฉพาะตัวของเคมปินสกี้เรสซิเด้นท์ การมอบการบริการที่มีคุณภาพสำหรับแขกจากเครือโรงแรมเคมปินสกี้เป็นสิ่งสำคัญที่เรามุ่งเน้นเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด  โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ถือเป็นโรงแรมเครือเคมปินสกี้แห่งที่ 2 ในประเทศไทย ตั้งอยู่ภายในโครงการสินธร วิลเลจ…

Read More

ข้าวแช่ อาหารที่มาคู่กับฤดูร้อน อันเป็นที่ได้รับความนิยมยิ่ง ให้ทั้งความดับร้อน สดชื่น และเป็นของเฉพาะฤดู แน่นอนว่าทั้งรส ทั้งกลิ่นที่หอมสดชื่น และขั้นตอนการทำที่ยากและสลับซับซ้อน อีกทั้งการเตรียมเครื่องที่วุ่นวายอยู่พอควรจึงทำให้เป็นอาหารที่ไม่ได้มีขายในทุกที่และในครั้งนี้ Kinlakestars จึงขอแนะนำข้าวแช่เด็ดจากทั่วกรุงฯ เดิมทีนั้นจากเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา กษัตริย์มอญผู้ซึ่งยังไม่มีบุตรเพื่อสืบบัลลังก์เสียที จนกระทั่งได้ทำการบนบานกับศาลเทวดาแห่งหนึ่งอันศักดิ์สิทธิ์จนสมหวัง จึงได้ทำเครื่องเซ่นไหว้มาถวาย เครื่องเซ่นเหล่านั้นก็ได้แก่ หมูเส้น ลูกกะปิ หอมยัดไส้ และไชโป๊วหวาน อันเป็นของที่เก็บได้นาน ทำแล้วเก็บใส่ไหดินเผาไว้ ทำให้เก็บได้นานไม่บูดเน่าเสีย ต่อมา ชาวมอญถือเอาข้าวแช่เป็นอาหารสำคัญในประเพณีวันสงกรานต์ ทำให้ข้าวแช่เป็นอาหารที่ชาวมอญ นิยมทำสังเวยเทวดาในตรุษสงกรานต์ และค่อยๆเผยแพร่เข้ามาในไทย ซึ่งก็เข้ามานานอยู่นานพอควร จะเห็นได้จากกลอนของกวีอย่าง สุนทรภู่ที่กล่าวถึงข้าวแช่ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ว่า ฤดูร้อน ก่อนเก่า ทำข้าวแช่ น่าชมแต่ เครื่องกับ สำรับฉัน ช่างทำเป็น ดอกจอก และดอกจันทร์ งามจนชั้น กระชายทำ เหมือนจำปา มะม่วงดิบ หยิบดู จึ่งรู้จัก ช่างน่ารัก ทำเป็น เช่นมัจฉา (ความจาก “รำพันพิลาป” ของสุนทรภู่ รัตนกวีสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์) ต่อมา ชาววังรับไปปรับปรุงเรียกว่า “ข้าวแช่เสวย” หรือ “ข้าวแช่ชาววัง” เมื่อสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี 2453 แล้ว ข้าวแช่ได้รับการเผยแพร่ไปนอกวังและเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง ข้าวแช่ในแต่ละที่ก็ได้ถูกปรับสูตรให้แปลก แตกต่างกันออกไปตามรสที่ถูกปาก ความสวยงาม ของที่หาได้ และในปีนี้มีที่ไหนที่ทาง Kinlakestars แนะนำกันบ้าง มาดูกันเลย 1. Ruen Noppagao ข้าวแช่ แสนอร่อยสุดวิจิตรจากวัตถุดิบชั้นเลิศ รังสรรค์เป็น ๔ คอร์สในเครื่องเบญจรงค์ลายนกยูง ณ ร้านอาหารเรือนนพเก้า สาทรซอย 6 ประจำปี 2565/2022 ราคา: 999++ สำหรับทานที่ร้าน และ ราคา ๑๙๙๙ บาท บาท ข้าวแช่สำรับซื้อกลับบ้าน (2 ท่าน)ระยะเวลาขาย :…

Read More

ต้อนรับเทศกาลดอกซากุระบานด้วยชุดน้ำชายามบ่าย “ซากุระ” (Sakura Afternoon Tea) อันเลื่องชื่อที่ทุกท่านรอคอย พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2565 หากพูดถึงดอกไม้ประเทศญี่ปุ่น หลายๆ คนต้องนึกถึงดอกซากุระอย่างแน่นอน ดอกไม้สีชมพูที่ทั้งสวยงามและบอบบาง ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติต่างเฝ้ารอเพื่อชื่นชมความงามของเทศกาลดอกซากุระบาน ดังนั้น ห้องอาหาร อัพ แอนด์ อะบัฟ ร่วมสร้างบรรยากาศช่วงดอกซากุระบานที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยการให้บริการชุดน้ำยามบ่าย “ซากุระ” สีชมพูสดใส และให้ทุกท่านสัมผัสบรรยากาศความหรูหราของโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (The Okura Prestige Bangkok) ชุดน้ำยามบ่าย “ซากุระ” เต็มไปด้วยรสชาติและกลิ่นหอมจากผลไม้ตามฤดูกาลและส่วนผสมที่จะทำให้คุณประหลาดใจ ไฮไลท์ของอาหารคาว คือ คริสปี้ซากุระบอลและทาร์ตชีส สำหรับไฮไลท์ขนมหวาน ชีสเค้กซากุระผสมลิ้นจี่ เค้กหยดน้ำซากุระ รับประทานคู่กับผงถั่วเหลืองและครัมเบิ้ล สตรอว์เบอร์รี่ชอร์ตเค้ก และที่พลาดไม่ได้กับมาการองพิมพ์ลายดอกซากุระไส้สตรอว์เบอร์รี่ และสโคนซากุระและยูซุ เสิร์ฟพร้อมแยมผลไม้และคลอตเต็ดครีม (Clotted Cream) ดื่มด่ำกับเทศกาลซากุระผลิบานพร้อมเพลิดเพลินกับชุดน้ำชายามบ่าย “ซากุระ” สีสันสดใส ที่ห้องอาหาร อัพ แอนด์ อะบัฟ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ให้บริการระหว่างวันที่ 1 เมษายน ถึง 30 มิถุนายน 2565 ระหว่างเวลา 14.00 น. – 17.00 น. ราคาเริ่มต้นชุดละ 1,750++ บาท ราคารวมเครื่องดื่มชาหรือกาแฟสำหรับ 2 ท่าน ห้องอาหารอัพ แอนด์ อะบัฟ ตั้งอยู่ที่ชั้น 24 โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสนใจสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ 02 687 9000 หรือ อีเมล์…

Read More

โกจิ คิทเช่น + บาร์ ห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติชั้นนำ โรงแรม      แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค เพิ่มความหลากหลายในมื้อบุฟเฟ่ต์สุดสัปดาห์ด้วยเมนูอาหารจากแคว้นเวเนเทียน (Venetian) เพื่อให้ทุกท่านได้มาเปิดประสบการณ์ลิ้มลองอาหารนานาชาติแปลกใหม่ได้ตลอดเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2565 ทุกท่านจะได้ลิ้มรสชาติอาหารแคว้นเวเนเทียน (Venetian) แคว้นทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามและอาหารทะเลเลิศรส เชฟได้รังสรรค์เมนูสุดพิเศษอย่างพิถีพิถันด้วยวัตถุดิบคัดสรรเกรดพรีเมี่ยม เพลิดเพลินไปกับหลากหลายเมนูไฮไลท์ อาทิเช่น สลัดชีสบูราต้ามะเขือยาวคั่วหมัก, แฮมโปรชูตโตกับมะเดื่อสดในซอสบัลซามิก และ เมนูสุดคลาสสิกอย่างรีซอตโตถั่วเขียวใส่อิตาเลียนเบคอนและชีสพาเมซาน สำหรับท่านที่ชื่นชอบเมนูซีฟู้ด พบกับหลากหลายอาหารทะเลชั้นเลิศ อาทิเช่น พาสต้าบิโกลิ (Bigoli) สดกับหอยและซอสหมึกดำ, พิซซ่าซีฟู้ดเปสคาโตเร่, โพเลนต้าย่างปลาค็อดครีม และ ปลาหมึกย่างทั้งตัวราดซอสเปรี้ยวหวาน สำหรับของหวานแขกทุกท่านสามารถเลือกทานได้หลากหลาย เช่น ทีรามิสุ ขนมแป้งทอดฟริทเทลแบบดั้งเดิมที่ทำสดใหม่ทุกวัน และเจลาโต้ ไอศกรีมอิตาเลียนแท้ๆ เสิร์ฟพร้อมกับบิสกิต อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความสดชื่นในมื้ออาหารด้วยแพ็คเกจเครื่องดื่มพิเศษ Bellini (เบลลินี) แบบไม่อั้นรวม ในราคาเพียง 990++บาทต่อท่านเท่านั้น  โปรโมชั่นอาหารอิตาเลียนจากแคว้นเวเนเทียนนี้ให้บริการเพิ่มเติมในไลน์บุฟเฟ่ต์ทุกวันศุกร์-วันอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน จนถึง 29 พฤษภาคม 2565 บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 17.30 – 22.00 น. ราคา 2,199++ ต่อท่าน บุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันวันเสาร์ เวลา 12.00 – 14.30 น. ราคา 2,199++ ต่อท่าน บุฟเฟ่ต์มื้อบรันซ์วันอาทิตย์ เวลา 12.00 – 14.30 น. ราคา 2,500++ ต่อท่าน สมาชิกแมริออท บอนวอยและคลับแมริออทรับส่วนลดตามสิทธิ์หน้าบัตร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งโทร. +66 (0) 2 059 5999 อีเมล์ [email protected] หรือติดต่อเราผ่านช่องทางเหล่านี้ เว็บไซต์ https://th.bangkokmarriottmarquis.com/…

Read More

บรรยากาศเข้าหน้าร้อนตามแบบฉบับของคนไทย อาหารอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้คงเป็นข้าวแช่ ที่เป็นอาหารรสชาติอร่อยและไว้ทานดับร้อน หลายคนคงคุ้นชื่อกับเมนูนี้ ที่ได้ความอร่อยแบบตำรับชาววังไปจนถึงอารมณ์ทางฝั่งเพชรบุรีหรือพื้นที่ใกล้เคียง วันนี้กินแหลกแจกดาวได้มีโอกาสมาสัมผัสข้าวแช่สยาม ที่สยามทีรูมใจกลางกรุงเทพฯ น้ำดื่มเริ่มต้นความสดชื่นด้วย น้ำแตงโม อิตาเลี่ยนโซดาลิ้นจี่ ความโดดเด่นภายใต้ความท้าทายจากเมนูข้าวแช่ที่ต้องทานพร้อมกับแตงโมและปลาแห้ง รังสรรค์ออกมาเป็นรูปแบบของเครื่องดื่มแตงโมและปลาแห้ง ที่มีความร่วมสมัยสดชื่นและเป็นเอกลักษณ์ด้วยการผสานน้ำแตงโมและกลิ่นของน้ำลิ้นจี่เป็นการเปิดประสาทสัมผัสและเติมความสดชื่นให้กับเมนูข้าวแช่นี้ได้เป็นอย่างดีครับ ไอศกรีมเชอร์เบตกระท้อน เปิดประสาทรสสัมผัส ด้วยกระท้อน แรงบันดาลใจจาก เชฟจากวัยเด็ก ซึ่งเชฟเล่าจากความทรงจำว่า จากการที่เปิดตู้เย็นแล้วเจอกระท้อนที่แช่อยู่ในวัยเด็กซึ่งหากตากเนื้อกระท้อนที่แช่เย็นอยู่มารับประทานจะมีความสดชื่นหวานหอมยิ่งนำมาทำเป็นในรูปไอศกรีมมีความโดดเด่นและรับประทานง่าย และเติมกลิ่นเพื่อต้อนรับสู่การรับประทานข้าวแช่ด้วยทั้งหมูฝอย หอมเจียว ส้มซ่า ซึ่งเป็นรสสัมผัสที่มีกลิ่นประสานของความเป็นของคาวเล็กๆ กับรสชาติของอาหารหวานทำให้เป็นการเปิดประสาทสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร ไม่ได้มีเพียงรสหวานเปรี้ยวเพื่อให้รู้สึกตื่นแต่เพียงเท่านั้นแต่ยังสอดแทรกรสชาติอื่นๆ อย่างละเล็กละน้อยทำให้เมนูที่เหมือนไอกครีมกระท้อนธรรมดานี้ ไม่เหมือนใครทีเดียวครับ ข้าวแช่ ตัวข้าวหลักของเมนูวันนี้เชฟเลือกที่จะใช้ข้าวหอมมะลิ จากจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีเอกลักษณ์ในความหอมอ่อนๆ มียางข้าวผสมแบบพอดี ทำให้ตัวข้าวแช่จะไม่ได้แข็งเหมือนลักษณะข้าวของที่อื่นที่จะนิยมใช้เป็นข้าวเสาไห้ แล้วนำมาแช่ในน้ำดอกไม้ ซึ่งหอมและมีลักษณะเฉพาะ และนำไปอบด้วยควันเทียนตามตำรับแบบไทยเวลาเสิร์ฟจะมีก้อนน้ำแข็งซึ่งแช่พร้อมกับดอกไม้เสิร์ฟลอยอยู่ในถ้วยอย่างดูน่าสนใจและน่ารับประทานในภาชนะออกสีทองเหลืองสวยงามดูมีความหรูหราแต่ก็ไม่ทิ้งรูปแบบความเป็นไทย ลูกกะปิ เมนูแรกที่เชฟเลือกออกมาแนะนำเลยครับซึ่งเชฟภูมิใจนำเสนอกรรมวิธีการทำ ซึ่งต้องเริ่มจากการนำปลาช่อนนา ปลาดุกนา นำมาย่างให้หอมแล้วอบแห้ง เสร็จแล้วจึงฉีกเนื้อให้เป็นฝอยนำมาป่นผัดเข้ากับกระเทียม มะกรูด กะปิคลองโคน น้ำตาลคลองโคลน ซึ่งวัตถุดิบ 2 อันหลังนี้ทางเชฟแนะนำหรือว่าเป็นการนำรสชาติและวัตถุดิบพื้นเมืองของทางราชบุรีมาใช้เพื่อให้ได้ตามรสชาติแบบตำรับของจังหวัดจริงๆ เมื่อผัดเครื่องทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วก็นำมาชุบด้วยไข่แดงเค็มแบบบางๆทอดจนได้เป็นก้อนหอมนุ่ม ไม่แข็งจนเกินไป เป็นคำแรกที่ เชฟ แนะนำให้ทานเพื่อเปิดรสสัมผัสของข้าวแช่จานนี้ครับ ปลายี่สนผัดหวาน ปลายี่สกหรือที่เรียกให้ถูกตามที่เชฟของเราแนะนำคือปลายี่สนนั้น เมนูนี้เกิดจากการนำปลายี่สนนี้  มาตากแห้ง จากนั้นเพื่อให้ได้ความนุ่งจะต้องนำมาแช่น้ำ 3 วัน เสร็จแล้วจึงนำเนื้อปลามาฉีกเป็นเส้น เพื่อให้นุ่มและสามารถนำมาผัดได้จากนั้นจึงใส่เครื่องเทศสูตรเฉพาะเคล้ากับน้ำตาลมะพร้าว แล้วนำมาปั้นเป็นรูปจานนี้จึงเป็นคำที่มีรสชาติออกหวานแต่มีกลิ่นหอมของเนื้อปลาผสมอยู่ในตัว หมูฝอย เมนูที่เข้าใจว่าจะสามารถหาซื้อได้ไม่ยากแต่ที่นี่ก็เลือกที่จะใส่ความพิถีพิถันและทำเองโดยเริ่มจากการนำเนื้อหมูย่างอย่างพอดีจนเนื้อแห้งแต่ยังคงความนุ่ม นำมาฉีกออกเป็นเส้นฝอย เสร็จแล้วนำไปคั่วทอดกับหอมแดง และน้ำตาลมะพร้าว เป็นหมูฝอยที่มีความหอมหวานเค็มมันเข้ากันอย่างพอดีและมีรสสัมผัสนุ่มเล็กๆที่เรียกว่าผมตักจนหมดภายในไม่กี่คำเลยครับ ไชโป๊วผัดหวาน คำนี้ถ้าเกิดเทียบกับเวลาทานที่อื่น ไชโป๊วจะเป็นเส้นเรียบและมีผิวออกด้านเล็กน้อย แต่สำหรับที่นี่เรียกว่าเป็นหัวไชโป๊วที่มีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยเส้นที่ตัดมาขนาดกำลังดี ผัดเข้ากับเครื่องเทศและน้ำตาลมะพร้าวหอมกำลังดีเส้นที่ออกมาดูลื่น ทานง่ายมาก และเพิ่มกลิ่นรสสัมผัสด้วยการอบควันเทียน ทำให้เป็นไชโป๊วผัดหวานที่ไม่เหมือนใครครับ พริกหยวกยัดไส้ ซึ่งตัวไส้ทำจากกุ้งหมูผัดที่นุ่มและสุกกำลังดี มีความกรุบจากเนื้อกุ้งที่ใส่มาอย่างพอเหมาะ หมักสามเกลอ รากผักชี กระเทียม พริกไทย ทำให้คำนี้ดูมีกลิ่นและรสชาติสัมผัส ส่วนตัวตอนแรกเราว่าจะได้กลิ่นเขียวของพริกหยวกนำมาหรืออาจจะเละแต่พอได้กัดเข้าไป คำนี้ออกมาเป็นคำที่รสชาติอร่อย ต้องจิ้มทานต่อกันเลยทีเดียวกับตัวพริกหยวกกลิ่นหอมละมุนไม่ฉุนและชุบทอดด้วยไข่ที่ฟูนุ่ม เข้ากันกับตัวพริกหยวกได้เป็นอย่างดี ไข่เค็มทอด เค็มอ่อนมัน หอมมันจากรสชาติของไข่เค็มจริงๆ คำนี้ทานแล้วทำให้รู้สึกรสชาติของคำอื่นๆ ดูกลมกล่อมเข้ากันมากขึ้นไปอีกครับ นึกว่าส่วนตัวเป็นคำที่รสชาติดูบางละมุนที่สุดในสำรับ ไม่ใช่โดดเค็มแบบชื่อไข่เค็มอย่างที่เราคิด เป็นคำที่สร้างรสสัมผัสที่ไม่เหมือนใครให้กับสำหรับข้าวแช่นี้ หอมแดงสอดไส้ อันนี้เป็นอีกคำที่กลัวเลยครับว่าจะทานไม่ได้เพราะกลัวเรื่องกลิ่นและรสชาติออกเผ็ดๆ…

Read More

จากภาพวาดความหมายมงคลที่ถ่ายทอดลงสู่จาน Porcelain เนื้อ New Bone China. ลวดลายในจานประกอบไปด้วยส้มจำนวน 8+8+8 = 24 ซึ่งเป็นตัวเลขมงคล อีกทั้งส้มและวิหกคู่ยังสื่อถึงความหมายมงคลด้วยเช่นกัน จานนึ้สามารถใช้แขวนโชว์บนผนัง ตั้งโชว์บนตู้ ใช้เป็นภาชนะสำหรับใส่อาหาร ผ่านการเผาที่อุณหภูมิ 1,250 องศาเซลเซียส ปราศจากสารประกอบโลหะหนัก นำไปเข้าเตาไมโครเวฟ เครื่องล้างจาน และตู้เย็นได้ ทำความสะอาดโดยใช้ฟองน้ำหรือน้ำยาล้างจาน พิถีพิถันโดยชาวลำปาง เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งดินขาวและการทำเซรามิค ร้านอาหารระดับโลกมากมายเลือกใช้จานจากลำปาง. จะนำไปใช้เองหรือเป็นของขวัญก็เหมาะสมยิ่ง. From the painting, the auspicious meaning is conveyed to the Porcelain plate made of New Bone China. The pattern in the plate consists of 8+8+8 = 24 oranges, which is an auspicious number. In addition, oranges and pairs of birds also convey auspicious meanings. This dish can be used to hang on the wall display on cabinet or used as a container for food. Through the fire at 1250 ° C, free of…

Read More

น่ารับประทานและน่าลิ้มลอง ชุดน้ำชา “ความงดงามแห่งอัญมณี” (Boutique of Jewels) พร้อมให้บริการ 6 เมษายน – 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565  137 พิลลาร์ สวีทแอนด์เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ นำเสนอประสบการณ์จิบน้ำชายามบ่ายรูปแบบใหม่ “ความงดงามแห่งอัญมณี” (Boutique of Jewels) พบกับการผสมผสานชุดน้ำชายามบ่ายและเครื่องประดับที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพลิดเพลินกับชุดน้ำชายามบ่ายแสนเลิศรสและชื่นชมผลงานชิ้นเอกที่ส่องประกายระยิบระยับในวีไอพีซาลอนของเรา ชุดน้ำชายามบ่าย “ความงดงามแห่งอัญมณี” (Boutique of Jewels) อันประณีตถูกรังสรรค์เพื่อสร้างสุนทรียะอย่างแท้จริง พร้อมให้บริการวันที่ 6 เมษายน – 31 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ที่บ้านบอร์เนียว คลับ ชั้น 26 ของโรงแรม ประสบการณ์อันดื่มด่ำที่มากกว่าการดื่มน้ำชายามบ่ายทั่วไป ชุดน้ำชายามบ่าย “ความงดงามแห่งอัญมณี” (Boutique of Jewels)นำเสนอขนมหวานและอาหารคาวหลากเมนูแสนอร่อย จัดวางอย่างสวยงามบนกำไลข้อมือและแหวน ซึ่งสามารถสวมใส่ได้จริง ผู้มาใช้บริการสามารถเพลิดเพลินกับการลองสวมใส่เครื่องประดับหลากสีสันที่กินได้เหล่านี้ ซึ่งทั้งหมดถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ดูเหมือนอัญมณีล้ำค่า อาหารคาวแสนอร่อยที่ถูกออกแบบให้เหมือนเครื่องประดับหลากสี ได้แก่ ทาร์ตอโวคาโดหอยเชลล์และคาเวียร์ ปูซัลซ่าและเจลลาตินรูบาร์บ มิลเฟยกะหล่ำดอกปลาไหลรมควันและมูสวานิลลา ชูทาฮินีมะเขือย่างและโพรซุตโต้ และทาโก้กุ้งล็อบสเตอร์กับถั่วลันเตา ของหวานที่สวมใส่ได้นั้นมีสีสันและน่ารับประทานราวกับทับทิมและอเมทิสต์ที่แวววาว ไม่ว่าจะเป็นมูสบลูเบอร์รี่โยเกิร์ต มูสครั้นช์สตรอเบอร์รี่ มูสมะพร้าวกับเยลลี่มะนาว ทาร์ตช็อกโกแลตเชอร์รี่ และชีสเค้กมะม่วงราดด้วยซอสซัลซ่ามะม่วงและซอสมะพร้าว สโคนรสธรรมดาและรสสตรอว์เบอร์รี่ เสิร์ฟพร้อมแยมลาเวนเดอร์แอปริคอทและแยมสตรอเบอร์รี่รูบาร์บ มอนซูน ชาผสมที่คัดสรรอย่างดีรวมอยู่ในชุดน้ำชา ผลิตและบรรจุในภาคเหนือของประเทศไทย แบรนด์นี้ได้รับการยกย่องอย่างสูงในด้านการปลูกชาพื้นเมืองอย่างยั่งยืน มีให้เลือกทั้งแบบร้อนและเย็น สำหรับผู้ชื่นชอบชาที่ไม่เหมือนใครสามารถเลือกชาเอ็กคลูซีฟ เบลนด์สำหรับ 137 พิลลาร์ ซึ่งเป็นการผสมรสชาติผลไม้ไทยอันเป็นเอกลักษณ์ เช่น ชาเขียวมะรุมลำไย ชาอู่หลงอัญชันมังคุด เป็นต้น ชุดน้ำชายามบ่าย “ความงดงามแห่งอัญมณี” (Boutique of Jewels) ให้บริการทุกวันตั้งแต่ 13.00 น. – 17.00 น. ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน – 30 ตุลาคม 2565 ที่บ้านบอร์เนียวคลับ ชั้น 26 ที่ 137 พิลลาร์สวีทแอนด์เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ราคาชุดละ 1,800++ บาท ต่อ 2 ท่าน; 2,200++ บาท รวมสปาร์คกลิ้งไวน์ 2 แก้ว ต่อ 2 ท่าน สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ 02 079 7000 หรือติดต่อผ่าน ไลน์ ออฟฟิเชียล  (@137pillarshotels)  Kin Promo Kinlakestars.com KinlakeStars.com กินแหลกแจกดาว สื่ออาหารและการท่องเที่ยว…

Read More

สวัสดีค่ะ อากาศร้อนๆเช่นนี้ หากได้กินอะไรที่เย็นๆสดชื่น คงจะดีไม่น้อย ข้าวแช่เป็นอีกเมนูที่เหมาะกับการกินกันในช่วงฤดูร้อนมาก โดยหากหาอ่านประวัติของข้าวแช่จะพบว่า แต่เดิมข้าวแช่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อใช้ไหว้ผีไหว้เจ้า ต่อมาได้ถูกปรับสูตรต่างๆจนเหมาะกับการกิน ให้มีหน้าตาที่สวยงาม รสชาติที่น่ากิน กลิ่นที่ชวนให้ลิ้มลอง ข้าวแช่ตำรับเรือนนพเก้ามีการปรับเปลี่ยนหลายๆสูตรที่ดีเข้าด้วยกันจนลงตัว ทำให้ถูกปากผู้ใหญ่ แต่คนรุ่นใหม่ก็สามารถเข้าถึงและรู้สึกรื่นรมณ์เวลากินค่ะ โดยสูตรข้าวแช่และเครื่องเคียงนี้ต้องชื่นชมเชฟปิ๊กเจ้าของรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันทำอาหารที่มีจิตวิญญาณความเป็นพ่อครัวอาหารไทยอย่างแรงกล้า ซึ่งปีนี้ทางเรือนนพเก้า สาทร๖ ได้รังสรรค์สุดวิจิตรบรรจงลงในภาชนะที่สุดล้ำค่าด้วย ชุดจานเบญจรงค์ลายนกยูง ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และความโชคดี โดยช่างเขียนชั้นบรมครูของการทำเครื่องเบญจรงค์จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และในปีนี้ทางร้านเรือนนพเก้าได้นำเสนอสำรับข้าวแช่ในรูปแบบที่แตกต่างจากปีอื่นเป็น ๓ แบบ ประกอบด้วย ก่อนเข้าสู่ชุดข้าวแช่ ดิฉันขอแนะนำเครื่องดื่มใหม่ของทางเรือนนพเก้าที่ทางเชฟปิ๊กได้สร้างสรรค์ขึ้นมาจากเมนูเรียกน้ำย่อยแบบไทยๆนั้นก็คือ เมี่ยงคำนั้นเอง ภายในแก้วทรงสำหรับดื่มไวน์แดงที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มเย็นๆสีเขียวอ่อน สีสดสวย และมีเมี่ยงคำหนึ่งคำเหน็บเอาไว้ตรงขอบแก้วนี้มีชื่อว่า คำหวาน เครื่องดื่มนี้ถูกสร้างสรรค์จากใบพลู และสารพัดส่วนประกอบในเมี่ยงคำ ดื่มแล้วสดชื่น เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี และวิธีรับประทานที่ถูกต้อง จะไม่ตักเครื่องเคียงใส่ลงไปในชาม เพื่อไม่ให้ข้าวแช่ขุ่นหรือเป็นมัน แต่จะตักเครื่องเคียงเข้าปากและตามด้วยข้าว ทานสะอาดหมดจดตั้งแต่เริ่มยันจบ ตามด้วยผักแก้มเสริมรสชาติให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สำรับข้าวแช่แบบต้นตำรับ สำรับข้าวแช่สำหรับฮาลาล สำรับข้าวแช่สำหรับมังสวิรัติซึ่งได้นำวัตถุดิบชั้นเลิศ รังสรรค์เป็น ๔ คอร์ส เมนูแรก แตงโมหน้าปลาแห้ง นำปลาช่อนแดดเดียวจากจังหวัดสิงห์บุรี นำมาย่างด้วยเตาถ่าน และนำมาโขลกให้ฟูหลังจากนั้นนำมาผัดให้แห้งปรุงรสด้วยน้ำตาลดอกมะพร้าวจากจังหวัดสมุทรสงคราม ดอกเกลือ หอมแดงเจียว เสิร์ฟพร้อมกับแตงโมแช่เย็น เมนูสอง กุ้งห่มสไบ นำกุ้งจากเครือข่ายประมงพื้นบ้านจากจังหวัดสุราษฏร์ธานี นำมาหมักกับรากผักชี กระเทียม พริกไทย และนำมาห่อด้วยแผ่นปอเปี๊ยะ นำมาทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มส้มซ่า ที่เป็นสูตรลับเฉพาะของร้านเรือนนพเก้า เมนูสาม ข้าวแช่ ประกอบด้วยเครื่องเคียง ๗ อย่าง ประกอบด้วย ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้ปลาแห้ง หอมแดงสอดไส้ปลาแห้ง หอมแดงเป็นหอมแดงจากจังหวัดสุรินทร์ เป็นหอมแดงที่สอดไส้ปลาแห้ง ก่อนนำมาชุบไข่และแป้งลงทอด ไข่เค็มชุบแป้งทอด ไข่เค็มชุบแป้งทอด อร่อย มันเค็มไปกับไข่แดงชั้นดีและนำมาชุบแป้งทอด พริกหยวกสอดไส้ พริกหยวกสอดไส้ ไข่ที่ห่อพริกหยวกเชฟจะทอดจนกรอบเป็นตาข่ายสวยงาม นำพริกหยวกมาคว้านเมล็ดยัดไส้หมูสับปรุงรสแล้วนำไปนึ่ง ก่อนห่อด้วยไข่ตาข่าย หมูฝอย ปลาช่อนแดดเดียวผัดหวาน หัวไชโป๊วหอมผัดน้ำมันหมู หัวไชโป๊วหอมผัดน้ำมันหมู นำหัวไชโป้วไปผัดกับน้ำตาลมะพร้าว ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ ผัดจนกระทั่งได้เส้นหัวไชโป้วที่มีความวาวใส สวยงาม กรุบกรึบ และแนมด้วยผักสด ประกอบด้วย มะม่วงเปรี้ยว…

Read More

เปิดประสบการณ์ครั้งแรก ของการจำลองบรรยากาศบีชคลับ บนรูฟท็อป ด้วยคอนเซ็ปต์ Brunchilicious @SEEN สังสรรค์บรั้นช์มื้อสายกับเมนูสุดชิค พร้อมพูลปาร์ตี้ดับร้อน ทุกวันเสาร์ ที่ห้องอาหารรูฟท็อป ซีน เรสเตอรอง แอนด์ บาร์ (SEEN Restaurant & Bar Bangkok) ชั้น 26 โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เพลิดเพลินกับบรรยากาศรูฟท็อป ดื่มด่ำกับทัศนียภาพที่สวยงามของวิวแม่น้ำเจ้าพระยา นั่งสบายริมสระน้ำอินฟินิตี้พูล พร้อมดีเจ สลับกับการแสดงดนตรีเพอร์คัชชันและแซ็กโซโฟนจังหวะสนุกสนาน พร้อมเติมเต็มความสนุกกับเมนูที่รังสรรค์โดยเชฟที่ได้รับรางวัลการันตี ให้คุณได้เพลิดเพลินกว่า 3 ชั่วโมง เริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยนานาชาติ อาทิ สะโพกไก่ทอด, หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบเครื่องเทศ ไปจนถึงซูชิและซาซิมิ ตามด้วยอาหารจานหลักที่รังสรรค์มาเป็นพิเศษ อาทิ เป็ดตุ๋นน้ำมันหนังกรอบ, หมูอบหนังกรอบซอสแอปเปิ้ล, เนื้อริบอายย่างเนยสมุนไพร และของหวานที่ไม่ควรพลาดกับมาชเมลโล่เชอรี่ยูซุ เสิร์ฟพร้อมเตาถ่านสำหรับย่าง รวมถึงเครื่องดื่มเสิร์ฟไม่จำกัดถึงบ่ายสามโมง พร้อมใช้บริการสระว่ายน้ำ ให้คุณได้สัมผัสความสดชื่นดับร้อน ได้ถึงเวลา 17.00 น. เปิดประสบการณ์กับ Brunchilicious @SEEN ที่โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ชั้น 26 ทุกวันเสาร์ เวลา 12:00 น. ถึง 17:00 น.** แพ็คเกจเริ่มตั้งแต่ราคา 2,499++ บาท ต่อท่าน (ไม่รวมเครื่องดื่ม) หรือราคา 3,499++ บาทต่อท่าน รวมเครื่องดื่มเบียร์ ไวน์ และค็อกเทลไม่จำกัด หรือเพิ่มแชมเปญ Moët & Chandon Ice Imperial Champagne ในราคา 7,999++ บาทต่อท่าน (**แพ็คเกจอาหารและเครื่องดื่ม เสิร์ฟถึง 15:00 น.) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่ง โทร. 0 2431 9492 หรือ อีเมล:[email protected]

Read More