Author: Kittin Assavavichai

ห้องอาหารคิซาระ ห้องอาหารญี่ปุ่นชื่อดังของโรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ ขอเสนอโปรโมชั่นเทปปันยากิสุดคุ้ม ส่วนลด 50% สำหรับคนที่ 2  เพียงแจ้งรหัสส่วนลด “50%OffOn2” เมื่อใช้โปรโมชั่นนี้กับเซ็ตเมนูคิซาระ เทปันยากิ มื้อกลางวัน  KiSara Teppanyaki Lunch Set และเมนูคิซาระเทปันยาไคเซกิมื้อเย็น KiSara Teppan Kaiseki Dinner โดยส่วนลด 50% ที่สามารถใช้ได้กับท่านที่ 2 จะใช้ได้กับเซ็ทเมนูเดียวกัน หรือเซ็ทเมนูที่ถูกกว่า ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://conradbangkok.shop/kisara/ สำหรัเมนูมื้อกลางวัน KiSara Teppanyaki Lunch Set ประกอบด้วยเซ็ตเมนูหลายหลาย เช่น เนื้อสันในนิวซีแลนด์ เนื้อสันในวากิว A4 หรือเนื้อสันนอก ปลาแซลมอน หอยเชลล์ หอยนางรม ไก่ และสันนอกหมูคุโรบุตะ ในราคาเริ่มต้นที่ 800 บาท เซ็ทเมนูนี้จะเสิร์ฟพร้อมสลัด ข้าวผัดกระเทียม ซุปมิโซะ ผักดอง และผลไม้ตามฤดูกาล สำหรับช่วงดินเนอร์ KiSara Teppan Kaiseki Dinner จะมีหลากหลายคอร์สเมนู เช่น สลัดแซลมอนกับโฟมซุปโบนิโตและน้ำสลัดยูสุ นอกจากนี้ยังมีแซลมอนย่างเทอริยากิ ไก่เทอริยากิพร้อมอาหารทานเล่นต่างๆ รวมถึง ซาซิมิ อาหารจานหลักสามารถเลือกทานได้ระหว่าง ซูชิ ชิราชิด้ง อูนาด้ง และ เทนด้ง ผลไม้ตามฤดูกาล เสิร์ฟพร้อม มาการองราสเบอร์รี่ มูสช็อกโกแลตมัทฉะ หรือไอศกรีมมัทฉะ โดยเซ็ทเมนูนี้จะมีราคาเริ่มต้นที่ 2,188 บาท++ อิ่มอร่อยไปกับเมนูเทปปันยากิของห้องอาหารคิซาระ ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ห้องอาหารคิซาระ เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.30 น. – 14.30 น. สำหรับมื้อกลางวัน และ 18.00 น. – 22.00 น.…

Read More

Busted! (บัส-เต็ท) ร้านอาหารที่ออกแบบสไตล์ฟู้ดบัสแห่งแรกในกรุงเทพฯ โดยรถบัสนี้จอดอยู่ที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ แลนด์มาร์กสำหรับคนรักกีฬาและความบันเทิงครบวงจร ร้านอาหารแบบสแตนด์อโลนแห่งนี้นำเสนอการผสมผสานระหว่างบาร์บีคิวสไตล์อเมริกัน และอาหารไทยยอดนิยม ในภูมิทัศน์ร่มรื่น เหมาะกับคนรักสัตว์เลี้ยง และเหมาะสำหรับครอบครัวมาใช้ช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน Busted! ฟู้ดบัสที่ ‘จอด’ อยู่ใน ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ พร้อมแล้วที่จะมาสร้างความตื่นเต้น และชวนเพลิดเพลินไปกับดนตรีตลอดทั้งวัน และวิวเขียวขจีของมินิกอล์ฟ พื้นที่ที่ต้อนรับสัตว์เลี้ยงแห่งนี้ ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังย่างบาร์บีคิวในสวนหลังบ้าน และเป็นอีกหนึ่งในจุดถ่ายรูปลงอินสตาแกรมเก๋ๆ ที่ ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ไม่ว่าคุณจะต้องการดื่มไวน์สักแก้ว หรือชื่นชมความร่มรื่น พร้อมรับประทานอาหารรสเลิศที่ Busted! นับเป็นจุดลับของนักชิมที่ทุกคนต้องห้ามพลาด! อาหารเสิร์ฟที่ Busted! เป็นการผสมผสานระหว่างบาร์บีคิวสไตล์อเมริกันดั้งเดิม และอาหารไทยที่มีรสชาติจัดจ้าน พร้อมด้วยกลิ่นสมุนไพร กลิ่นหอมรมควัน ความเปรี้ยวหวานกำลังดี อีกทั้งเตรียมตื่นตากับเมนูใหม่ ได้แก่ เมี่ยงคำหมูรมควัน หมูแดดเดียว ปลาหมึกผัดพริกมะนาว และต้มแซ่บหมู และที่พลาดไม่ได้คือ อาหารจานโปรดตลอดกาลของฟู้ดบัส Busted! ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัว และเพื่อนฝูง อันได้แก่ ซี่โครงหมูบาร์บีคิวรมควันที่หอมกรุ่นจากไม้มะม่วงและไม้ลิ้นจี่ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว และอาหารทะเลรสเผ็ดร้อน รวมถึง โทมาฮอว์ค ออน ไฟร์ อีกด้วย  แดเนียล บูเฮอร์ เอ็กเซกคลูทีฟเชฟ และผู้จัดการความยั่งยืนด้านอาหารของ ท็อปกอล์ฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “Busted! เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่เราอยากให้คนไทยได้ลิ้มลอง เนื่องจากแนวคิดการทำฟู้ดบัสเป็นเรื่องใหม่ในกรุงเทพฯ เราได้ตั้งใจคัดวัถุดิบที่ยอดเยี่ยม เพื่อคิดค้นเมนูใหม่ที่ Busted! โดยเน้นการรมควันและเทคนิคการทำบาร์บีคิวที่เราถนัด เราอยากให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับอาหารและบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม ในการจิบค็อกเทล ไวน์ หรือเบียร์กับเพื่อนๆ และครอบครัวของคุณ”Busted! ได้รับแรงบันดาลใจ โดยออกแบบจากบริษัทรถโดยสารแห่งแรกในประเทศไทย และยังเป็นแบบจำลองที่สร้างขึ้นเพื่อให้เหมาะกับแนวคิดของร้านอาหารฟู้ดบัส ซึ่งมีที่นั่งทั้งโซนกลางแจ้ง และในร่ม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ มู้ดแอนด์โทนของรถบัสยังมีความทันสมัย ตกแต่งแบบมีสไตล์ ซึ่งสามารถมองเห็นเชฟได้ และเชฟก็สามารถพูดคุยกับลูกค้าได้เช่นกัน เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรกับครอบครัว พบกับร้าน Busted! ได้ที่ท็อปกอล์ฟ เมกาซิตี้ ชั้น 1 ใกล้กับ The Puttyard เปิดให้บริการ…

Read More

ใครที่กำลังมองหาร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพชั้นยอด รวมถึงรสชาติอาหารที่เมื่อได้ลิ้มลองแล้วมีความสุขในทุกคำที่รับประทาน และมาพร้อมกับราคาที่สมเหตุสมผล “ลา บาเช่” กริลล์เฮ้าส์แอนด์ไวน์บาร์ (La Brace Grill House & Wine Bar) มีระดับเปิดใหม่ที่ เอิร์ธเอกมัย (Earth Ekamai) ไลฟ์สไตล์มอลล์ล่าสุดบนถนนเอกมัย คือ คำตอบที่เหล่ากูร์เมต์คนรักอาหารทั้งนักชิมและนักดื่มในยุคนี้ สามารถสัมผัสและเข้าถึงได้อย่างแท้จริง “La Brace” เป็นภาษาอิตาเลียน หมายถึง “ถ่านที่กำลังคุ” สื่อถึงร้านอาหารที่ให้ความสำคัญกับการย่างหรือกริลล์ด้วยเตาถ่าน ดังนั้นร้าน “ลา บาเช่” ที่ Earth Ekamai จึงเป็นกริลล์เฮ้าส์ที่ภูมิใจนำเสนออาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนรูปแบบแคชชวลไฟน์ไดนิ่ง (Casual Fine Dining) ที่เน้นการกริลล์หรือการย่างด้วยเตาถ่าน ตัวเตาได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ สะอาด ถูกสุขอนามัย ใช้ถ่านที่ผลิตจากไม้คุณภาพดีในการย่าง และมีทีมเชฟที่ชำนาญการย่าง สามารถย่างเนื้อวัวเกรดพรีเมียมจากส่วนต่างๆ ของวัวที่มีขนาดและความหนาที่แตกต่างกันให้ได้ทั้งรสชาติ ความอร่อย และความสุกตามระดับที่ต้องการ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และวิถีการรับประทานอาหารของเหล่ากูร์เมต์ยุคดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์แบบ “ลา บาเช่” ให้ความสำคัญในเรื่องวัตถุดิบคุณภาพสูงเป็นลำดับแรก อาทิ เนื้อวัวเกรดพรีเมี่ยมจากออสเตรเลียแบรนด์เก่าแก่และมีชื่อเสียงอย่าง Westholme และ Stockyards ซี่โครงแกะจากแบรนด์ Ambassador, ซีฟู้ดจากแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงทั่วโลกทั้งยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเซีย, เส้นพาสต้าจาก De Cecco แบรนด์คุณภาพอันดับ 1 ของอิตาลี, ชีสหลากหลายชนิดจาก President แบรนด์ดังของฝรั่งเศส รวมถึงวัตถุดิบอื่นๆ อาทิ ผักและผลไม้สดใหม่ ใช้หมุนเวียนตามฤดูกาลที่ดีที่สุด ทุกอย่างได้รับการคัดสรรและสั่งตรงมาจากทั่วทุกมุมโลกโดย คุณพัชรินทร์ เหมอังกูร หรือ คุณจ้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กูร์เมท์ วัน ฟู้ดส์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ในการทำอาหารระดับพรีเมี่ยมเจ้าใหญ่ของเมืองไทย และเป็นหนึ่งในหุ้นส่วน “ลา บาเช่” เมื่อมีวัตถุดิบสุดยอด ก็ต้องมีเชฟฝีมือดีที่มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำวัตถุดิบแต่ละชนิดมาปรุงเป็นเมนูอร่อยที่โชว์คุณภาพของวัตถุดิบ เรื่องนี้ คุณจ้อที่ทำงานคลุกคลีกับโรงแรมระดับ 5 ดาว และร้านอาหารประเภทไฟน์ไดนิ่งในเมืองไทยมากว่า…

Read More

Chef :   Reanu : 04 2023 Story : Pitsinee A. / Photo : Pol.Capt. Kittin A เดือนเมษายนนี้ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ขอนำเสนอ “ข้าวแช่” ณ ห้องอาหารไทยแซฟฟรอนและห้องอาหารร่มไทร เมนูคลายร้อนยอดนิยมต้อนรับเทศกาลปีใหม่ไทย ก่อนเข้าสู่เมนูข้าวแช่แสนสดชื่น มาพบกับอาหารเรียกน้ำย่อยกันก่อนค่ะ เมนูนี้ห้องอาหารจะคอมพลิเมนทารี่มาให้กับทุกโต๊ะ นั้นก็คือข้าวตังหน้าตั้ง โดยวิธีการรับประทานเราจะต้องเริ่มจากด้านขวามือก่อนแล้วไล่ไปทางซ้าย ทั้งนี้เพื่อที่เครื่องเคียงจะค่อยๆ เพิ่มความเข้มของรสชาติมากขึ้นไป ทำให้รสชาติไม่โดดกันไปมานั่นเองค่ะ มากันที่เครื่องดื่มแสนสุดชื่น มื้อนี้พระอาทิตย์ยังสดสว่างเราเลยเลือกสั่งเป็นม๊อคเทลค่ะ นั้นก็คือ สุดสวย และ เจ้าช่อมาลีค่ะ ก่อนจะเข้าสู่เมนูเข้าแช่ดิฉันสั่งของกินเล่มมา 2 จานค่ะ อร่อยทั้ง 2 จานเลยค่ะ เป็นเมนูไทยฟิวชั่นที่รูปทรงสวย นำเสนอมาน่าสนใจดี รสชาติที่ถูกปากคนไทยต่างชาติกินได้ แต่ต้องระวังอย่ากัดพริกขี้หนูสดเข้าไปนะคะ และสองเมนูที่ว่า ได้แก่ แสร้งว่า กับหลนปูนิ่มค่ะ โดยเริ่มกันที่แสร้งว่าปูค่ะ เมนูแสร้งว่าปู ต้องเกรินกันก่อนว่าเมนู แสร้งว่าเดิมนั้นเป็นเมนูตำรับเก่าที่อร่อยด้วยมันกุ้ง ปรุงอย่างไตปลา หากเอ่ยถามความหลากหลายในประเภทอาหารไทย นอกจากแกง สำหรับฉันแล้วคงนึกถึงน้ำพริก เครื่องจิ้ม ที่มีความหลากหลายเฉพาะถิ่นเอามากๆ ขนาดที่ว่า ลองเช็กลิสต์กันทั้งชีวิตก็ไม่รู้จะกินได้ครบทุกชนิดหรือเปล่า บางชนิดนี้ไม่รู้จักหรือคุ้นชื่อเลยด้วยซ้ำ ผิดกับแสร้งว่า เครื่องจิ้มที่หลายคนคุ้นชื่อดี เพราะท่องกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ในคาบเรียนภาษาไทยกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยได้กิน ‘ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวนใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ’ น้ำพริก เครื่องจิ้ม นั้นมีความหลากหลายจากวัตถุดิบเฉพาะถิ่น วิธีการปรุง ไปจนถึงการกิน เช่น เป็นน้ำพริกแห้ง น้ำพริกผัด น้ำพริกใสๆ แต่ละชนิดเหมาะกินเฉพาะกับผักสด ผักต้ม ผักลวก ผักเผา ผักทอด แนมปลาย่าง ปลาฟู ฯลฯ ความชาญฉลาดในการหาอยู่หากิน หยิบจับวัตถุดิบใกล้ตัวมาปรุงอาหารของคนสมัยก่อน จึงไม่ใช่แค่ความอิ่มท้อง แต่หมายรวมถึงการจับคู่รสให้เหมาะสม แสร้งว่าปูนี้มีการดัดแปลงใหม่ให้กินง่ายและน่าสนใจโดยนำเสนอเป็นคำเล็กๆ แบ่งใส่ในโคนจิ๋วกรอบๆ เปลี่ยนการใช้เนื้อกุ้งเป็นปู และออนท๊อปด้วยคาร์เวียร์ค่ะ มาต่อกันอีกเมนูค่ะ หลนปูที่ไม่ธรรมดา เป็นการนำเสนอหลนปูที่กินพร้อมกับโรสปอเปี๊ยะสด…

Read More

เทศกาลอาหารคลายร้อนรับซัมเมอร์กลับมาเยือนอีกครั้ง จิม ทอมป์สัน เปิดตัวเมนูเอ็กซ์คลูซีฟในตำนาน “ข้าวแช่ จิม ทอมป์สัน” ชวนทุกคนมาเปิดประสบการณ์การลิ้มรสสำรับของหวานชาววังอันเปี่ยมเรื่องราว พร้อมดื่มด่ำความหอมเย็นสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่เสิร์ฟในชุดสำรับทองเหลืองตามวิถีไทยโบราณ ชุดข้าวแช่ จิม ทอมป์สัน ประกอบด้วยข้าวแช่ลอยในน้ำดอกมะลิหอมละมุน พร้อมเครื่องเคียง 7 ชนิดที่รังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบชั้นเลิศและเทคนิคการปรุงอย่างประณีตบรรจงอันเป็นสูตรเฉพาะของจิม ทอมป์สัน เมนูพิเศษประจำฤดูร้อน “ข้าวแช่ จิม ทอมป์สัน” พร้อมเสิร์ฟที่ JT Café ที่เดียวเท่านั้น จิม ทอมป์สัน ขอเชิญชวนสาวกข้าวแช่ ตลอดจนเหล่านักชิม และผู้หลงใหลเสน่ห์ของอาหารไทยโบราณอันเป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรม มาสัมผัสความสดชื่นหอมอบอวลของข้าวแช่ลอยน้ำมะลิ เคียงคู่มากับเครื่องเคียง 7 ชนิดที่มาเติมเต็มรสชาติและสัมผัสที่หลากหลายลงตัว ทุกองค์ประกอบของข้าวแช่ จิม ทอมป์สัน รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันจากวัตถุดิบออร์แกนิกระดับพรีเมียม ภายใต้การปรุงรสที่ประณีตบรรจงในทุกขั้นตอน ชุด “ข้าวแช่ จิม ทอมป์สัน” มีให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 9 พฤษภาคม 2566 ในจำนวนจำกัดเพียงวันละ 30 ชุด ข้าวแช่ เป็นสำรับคลายร้อนของชาวไทยมาแต่โบราณ นับเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเอกลักษณ์สำคัญของข้าวแช่อยู่ที่รสสัมผัส กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนการเป็นตัวช่วยคลายร้อนในวันที่แสนอบอ้าวของคนไทยสมัยก่อน แต่เดิมแล้ว ข้าวแช่ เข้ามาในสยามผ่านชาวมอญ โดยข้าวแช่ เป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญที่ประกอบด้วยข้าวหอมมะลิหุงสุกอบน้ำดอกไม้ และรับประทานคู่กับเครื่องเคียงอาหารคาวต่าง ๆ โดยเมนูดังกล่าวเริ่มเป็นที่แพร่หลายในจังหวัดเพชรบุรี เมื่อเจ้าจอมผู้มีเชื้อสายมอญอย่าง เจ้าจอมมารดาซ่อนกลิ่น ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ถ่ายทอดการทำข้าวแช่ให้แก่บ่าวไพร่ในครัว สำรับดังกล่าวจึงกลายเป็นอาหารทรงโปรดในรัชกาลที่ 4 และเป็นที่นิยมในราชสำนักในเวลาต่อมา ชุดข้าวแช่ จิม ทอมป์สัน นำเสนอข้าวอบควันเทียนและน้ำลอยดอกมะลิ ใช้ข้าวออร์แกนิกจากฟาร์มไร่ทองจ. เชียงราย นำไปนึ่งจนสุกพอดี พร้อมอบควันเทียนและดอกมะลิให้หอมฟุ้ง ข้าวแช่เสิร์ฟคู่กับชุดเครื่องเคียง 7 ชนิด ได้แก่ ลูกกะปิชุบไข่ทอด ใช้กะปิรสเลิศจากคลองโคน จ. สมุทรสงคราม หอมแดงยัดไส้ปลาช่อนผัดหวาน คัดหอมแดงโทนและคว้านเนื้อในออก ยัดไส้ปลาช่อนตากแห้งผัดหัวหอมสุกจนหวานหอม และนำไปชุบแป้งทอดเพื่อสร้างสัมผัสที่กรอบนอกละมุนใน ไชโป๊วผัดหวาน เลือกใช้ไชโป๊วจาก จ. ราชบุรี นำไปผัดกับกระเทียมและน้ำตาลทรายจนขึ้นเงา ปลายี่สนผัดหวาน ใช้ปลายี่สนจาก จ. ปราณบุรี ที่มีรสหวานตัดเค็มลงตัวและหอมกลิ่นหอมเจียว ลูกปลาเค็ม นำไก่ Free Range ผสมปลาอินทรีย์เค็มคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วนำไปชุบไข่ทอด พริกแห้งยัดไส้ปลาช่อน พริกแห้งผ่ายัดไส้เนื้อปลาช่อนผัดหวานแล้วนำไปชุบแป้งทอด พริกหยวกยัดไส้ คัดพริกหยวกขนาดพอดี ผ่ากลางและยัดไส้เนื้อกุ้งผสมไก่ทอดแพไข่อย่างประณีต เพื่อสร้างสัมผัสที่กรอบฟูสวยงามน่ารับประทาน ชุดข้าวแช่ และสำรับเครื่องเคียง 7 ชนิด เสิร์ฟพร้อมกับผักผลไม้สดคัดพิเศษ ทั้งมะม่วงดิบ กระชาย แตงกวา และต้นหอม พร้อมตบท้ายมื้ออร่อยด้วยเมนูของหวานขึ้นชื่อของไทยอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง คัดมะม่วงน้ำดอกไม้สุกหอมหวานและข้าวเหนียวมูลสูตรลับเฉพาะของจิม ทอมป์สัน ชุดข้าวแช่ จิม ทอมป์สัน ราคา 792 บาท พร้อมเสิร์ฟ ที่ JT Café ณJim Thompson Art Center ชั้น 2 ซอยเกษมสันต์ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 9 พฤษภาคม 2566 ในจำนวนจำกัดเพียง 30 ชุดต่อวัน การรังสรรค์เมนูสุดพิเศษเพื่อต้อนรับฤดูร้อนตามวิถีไทยนับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของจิม ทอมป์สัน ในการนำเสนออาหารไทยรสชาติดั้งเดิม พร้อมเสริมสร้างคุณค่าด้วยการใช้วัตถุดิบออร์แกนิกระดับพรีเมียม เพื่อให้คนไทยและชาวต่างชาติได้มาสัมผัสและลิ้มรส “ข้าวแช่” ตัวช่วยคลายร้อนแสนอร่อยที่ชูวัฒนธรรมและวิถีการกินแบบไทยโบราณ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งจอง ชุดข้าวแช่ จิม ทอมป์สัน ล่วงหน้าได้ที่ โทร 06-5717-3395…

Read More

เดือนเมษายนนี้ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ ขอนำเสนอ “ข้าวแช่” ณ ห้องอาหารไทยแซฟฟรอนและห้องอาหารร่มไทร เมนูคลายร้อนยอดนิยมต้อนรับเทศกาลปีใหม่ไทย สัมผัสรสชาติหวานหอมเย็นชื่นใจของข้าวแช่ต้นตำหรับที่ครบเครื่องอรรถรสทั้งคาวหวาน รังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดยเชฟเรณู หอมสมบัติ หัวหน้าเชฟอาหารไทย ได้จัดเตรียมนำข้าวมาแช่ในน้ำอบควันเทียนลอยดอกมะลิหอมละมุน เสิร์ฟพร้อมสารพันเครื่องเคียง เช่น ลูกกะปิทอด หอมแดงยัดไส้เนื้อปู พริกหยวกยัดไส้กุ้ง ปลายี่สนผัดหวานแนมด้วยผักสดแกะสลักสุดประณีต ปิดท้ายความอร่อยอย่างลงตัว ด้วยเมนูของหวาน อาทิ มะยงชิดลอยแก้ว ที่คัดสรรมะยงชิดคุณภาพจากจังหวัดนครนายก รสชาติหวานอมเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ หรือไอศกรีมเมี่ยงคำ หวามหอมกลมกล่อมช่วยบรรเทาร้อนได้เป็นอย่างดี  ข้าวแช่ พร้อมเสิร์ฟแล้วตั้งแต่วันที่ 1-30 เมษายน 2566 สำหรับรับประทานที่ห้องอาหาร ในราคาชุดละ 650 บาท หรือแบบสั่งกลับบ้านในรูปแบบตระกร้าสวยงามชุดละ 1,200 บาท ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ 02 679 1200

Read More

ด้วยอากาศที่แสนจะร้อนชื้นอบอ้าวในช่วงฤดูร้อนของภูมิภาคอุษาคเนย์ ครั้นจะกินอะไรร้อนๆเข้าไปอีกอย่างแกงร้อนๆคงจะยิ่งเป็นการเพิ่มความทรมานให้แก่กายและใจ เมนูอาหารคาวเย็นๆที่กินกันเป็นมื้อได้อย่างข้าวแช่ที่ทั้งเย็น หอมสดชื่น จึงเป็นเมนูยอดนิยมในปัจจุบันที่แม้คนรุ่นใหม่ก็ยังถวิลหากินและให้ความสนใจ โดยในปีนี้เริ่มพ้นจากวิกฤติโควิตอย่างเป็นทางการ เราจึงเริ่มออกตระเวณกินข้าวแช่เด่นๆมาหลากหลายที่ โดยในปีนี้เราขอแนะนำข้าวแช่ทั้งหมด 5 ที่ที่เราได้ไปชิมมาและอยากแนะนำบอกต่อ จะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลยครับ 1. “ข้าวแช่ตำรับชาววัง” เมนูแห่งฤดูร้อนและปีใหม่อุษาคเนย์ ที่สุดแห่งความประณีตบรรจงในการคัดสรรวัตถุดิบผ่านฝีมือ เชฟวิชิต มุกุระ เชฟอาหารไทยชื่อดัง ที่ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของรอยัล โอชา ประจำปี 2566 Royal osha Bangkok ปีนี้ รอยัล โอชา (Royal Osha) ร้านอาหารไฟน์ ไดนิ่งสุดหรู ที่ได้รับการแนะนำจากมิชลินไกด์ถึง 5 ปีซ้อน ขอนำเสนอความละเมียดละไมของเมนู “ข้าวแช่ตำรับชาววัง” เมนูที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาในช่วงคิมหันต์ฤดู ที่สุดแห่งความประณีตบรรจงในการคัดสรรวัตถุดิบผ่านฝีมือ เชฟวิชิต มุกุระ เชฟอาหารไทยชื่อดังเจ้าของมิชลินสตาร์ ที่ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของรอยัล โอชา อิ่มเอมไปกับเครื่องเคียง รังสรรค์จากวัตถุดิบชั้นเลิศทั้ง 7 อย่างตามตำรับชาววัง ได้แก่ ลูกกะปิ, หอมแดงสอดไส้หน้าปลาแห้ง, พริกหยวกสอดไส้หมูสับกับกุ้ง, ไข่แดงเค็มชุบแป้งทอด, หมูฝอยผัดน้ำพริกมะขาม, ปลายี่สนผัดหวาน และ หัวไชโป๊วผัดหวาน พร้อมกับเครื่องเคียง ผักแกะสลักสุดประณีตอย่าง กระชายแกะสลักดอกจำปี ต้นหอมม้วน มะม่วงเปรี้ยว และแตงกวาแกะสลัก อ่านต่อคลิกที่นี่>>> https://www.kinandleisure.com/review-2566-royal-osha-bangkok-khaochae/ 2. คลายร้อนกับ “ข้าวแช่ตำรับเรือนนพเก้า” ในชุดจานเบญจรงค์ลายนกยูงโดยช่างเขียนชั้นบรมครู ที่ประกอบไปด้วย 4 คอร์ส ณ เรือนนพเก้า Ruennoppagao 2566/2023 ข้าวแช่ตำรับเรือนนพเก้ามีการปรับเปลี่ยนหลายๆสูตรที่ดีเข้าด้วยกันจนลงตัว ทำให้ถูกปากผู้ใหญ่ แต่คนรุ่นใหม่ก็สามารถเข้าถึงและรู้สึกรื่นรมณ์เวลากินค่ะ โดยสูตรข้าวแช่และเครื่องเคียงนี้ต้องชื่นชมเชฟปิ๊กเจ้าของรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันทำอาหารที่มีจิตวิญญาณความเป็นพ่อครัวอาหารไทยอย่างแรงกล้า อ่านต่อคลิกที่นี่>>> https://www.kinandleisure.com/review-khaochae-ruennoppagao-2566-2023/ https://www.kinandleisure.com/review-khaochae-ruennoppagao-2566-2023/ 3. ข้าวแช่เมนูคลายร้อนที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ไทย ณ ห้องอาหาร Saffron, Banyan Tree Bangkok สัมผัสรสชาติหวานหอมเย็นชื่นใจของข้าวแช่ต้นตำหรับที่ครบเครื่องอรรถรสทั้งคาวหวาน รังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดยเชฟเรณู หอมสมบัติ หัวหน้าเชฟอาหารไทย ได้จัดเตรียมนำข้าวมาแช่ในน้ำอบควันเทียนลอยดอกมะลิหอมละมุน เสิร์ฟพร้อมสารพันเครื่องเคียง เช่น ลูกกะปิทอด หอมแดงยัดไส้เนื้อปู พริกหยวกยัดไส้กุ้ง ปลายี่สนผัดหวานแนมด้วยผักสดแกะสลักสุดประณีต ปิดท้ายความอร่อยอย่างลงตัว ด้วยเมนูของหวาน อาทิ มะยงชิดลอยแก้ว ที่คัดสรรมะยงชิดคุณภาพจากจังหวัดนครนายก รสชาติหวานอมเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ หรือไอศกรีมเมี่ยงคำ หวามหอมกลมกล่อมช่วยบรรเทาร้อนได้เป็นอย่างดี อ่านต่อคลิกที่นี่>>> https://www.kinandleisure.com/promo-khaochae-2023-saffron-banyan-tree-bangkok/ https://www.kinandleisure.com/promo-khaochae-2023-saffron-banyan-tree-bangkok/ 4. ดับกระหายคลายร้อน พร้อมสัมผัสเอกลักษณ์สำรับอาหารไทย กับชุดข้าวแช่ จิม ทอมป์สัน @ JT…

Read More

ลา บอตเตก้า La bottega มีความยินดีที่จะประกาศ การแต่งตั้ง มาร์โก อเวซานี เป็นหัวหน้าเชฟคนใหม่เกิดและเติบโตในเมืองเวโรนาทางตอนเหนือ ทางตะวันออกของอิตาลี เชฟ Marco จะนำของเขาความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารและความรู้ของวัตถุดิบจากอิตาลีและท้องถิ่นของเราครัว. “เราตื่นเต้นมากที่มีเชฟ Marco อยู่บนเรือเก่าแก่ลำน้อยของพวกเรา ” says Partner Luca Appino พื้นหลังการทำอาหารที่น่าประทับใจ “ฉันมั่นใจแขกของเราจะรักเขาและสิ่งที่เขานำมาที่โต๊ะ”ความหลงใหลในอาหารของ Marco นำเขาไปสู่ส่วนต่างๆ ของโลก จากบ้านของเขาในอิตาลี เขาเดินทางไปสกอตแลนด์ กัมพูชา อาบูดาบี และสุดท้ายคือแผ่นดินไทย เขามีโอกาสเข้าร่วมทีมที่มีพรสวรรค์ เช่น หนึ่งในสามมิชลินสตาร์ของร้านอาหาร Roberto ในดูไบในปี 2558, J’Aime by Jean Michel Lorain ระดับมิชลินสตาร์ในกรุงเทพฯ, Four Seasons Resort ในเชียงใหม่ในปี 2560, Ori ental Residence และมิชลินสตาร์ Savelberg ในกรุงเทพฯ ความสนใจในอุตสาหกรรมนี้เกิดจากพ่อของเขาและร้านอาหารที่ Marco เติบโตมา “พ่อของฉันสอนฉันถึงความสำคัญของคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ก่อนที่มันจะกลายเป็นกระแส” มาร์โกอธิบาย “เขาเคยไปหาผู้ผลิตทุกรายเป็นการส่วนตัว แม้แต่รายที่ไม่รู้จักมากที่สุด เพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าของเขา เขาเคารพผู้ผลิตแต่ละรายและบทบาทของพวกเขาที่มีต่อธุรกิจร้านอาหาร” หลังจากการสลับฉากสั้น ๆ Marco เข้าร่วมร้านอาหารของครอบครัวใหม่ในพื้นที่ Valpolicella ได้ระยะหนึ่งแล้วออกเดินทาง 100 วันในเอเชียที่ซึ่งเขาตกหลุมรักดินแดนและอาหาร การเดินทางนั้นไม่เคยสิ้นสุดและดำเนินต่อไปเป็นเวลาแปดปี “ฉันรอคอยบทนี้ในอาชีพของฉัน” เชฟมาร์โกกล่าวเสริม “ฉันดีใจที่ทักษะของฉันจะเป็นนำไปใช้ในสถานประกอบการรับประทานอาหารดังกล่าว ฉันยินดีที่จะสานต่อเส้นทางการทำอาหารที่เริ่มต้นโดย Andrea (อดีตหัวหน้าเชฟของ La Bottega) และ ข้าตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้พบกับเจ้าพวกแขกของ Bottega และช่วยทำอาหารสัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนานอย่างแท้จริง สร้างความน่าเชื่อถือความสัมพันธ์”.

Read More

โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เชิญคุณมาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของ “ข้าวแช่” สำรับไทยคลายร้อนที่จะปรุงขึ้นเพียงปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ​ณ ห้องอาหารเฟลอริช ชั้นล็อบบี้ “ข้าวแช่” นับเป็นหนึ่งในสำรับของว่างไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องความปราณีตและความพิถีพิถันในการปรุง เชฟชัชษร ประทุมมา หัวหน้าเชฟครัวไทย ได้บรรจงรังสรรค์เมนูข้าวแช่ โดย​คัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศมาปรุงเป็นข้าวแช่พร้อมเครื่องเคียงตำรับชาววัง เริ่มตั้งแต่การคัดสรรข้าวหอมมะลิคุณภาพดี นำมาหุงด้วยกรรมวิธีพิเศษจนได้ข้าวที่เรียงเม็ดสวย จากนั้นนำไปอบควันเทียนเพิ่มความหอมละมุน พร้อมเตรียมน้ำสำหรับข้าวแช่ สูตรดั้งเดิมจะใช้น้ำฝน ปัจจุบัน​นั้นอาจใช้เป็นน้ำปะปานำมาทิ้งข้ามคืนเพื่อให้กลิ่นคลอรีนระเหย จากนั้นนำดอกไม้หอมต่างๆ ล้างให้สะอาดและใส่ลงในน้ำที่เตรียมไว้ ทำให้ได้กลิ่น​ความหอมเย็นของดอกไม้ไทย สำหรับน้ำข้าวแช่ของโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ นั้น เชฟชัชษรคัดเลือกดอกมะลิที่ปลูกแบบธรรมชาติ และเลือกเก็บ ในช่วงเวลาเช้ามืดเท่านั้น เพื่อที่จะได้เฉพาะดอกมะลิตูม และพร้อมที่จะบานส่งกลิ่นหอมในตอนที่นำมาลอยในน้ำข้าวแช่ หัวใจสำคัญ​ของข้าวแช่ได้แก่เครื่องเคียงเลิศรส ซึ่งเชฟชัชษรได้เตรียมไว้ให้คุณได้ลิ้มลองถึง 6 เมนู ไม่ว่าจะเป็น ลูกกะปิ – ที่เลือกกะปิอย่างดีจากคลองโคลนมาย่างให้หอม ก่อนโขลกกับเนื้อปลาดุกย่าง ผัดกับกระชาย, ตะไคร้ และข่า จนได้ที่พร้อมปรุงรสให้กลมกล่อม แล้วจึงปั้นเป็นก้อนกลมพอดีคำ นำมาชุบไข่ทอดจนเป็นสีเหลืองทอง ทานคู่กับกระชายเพิ่มความอร่อย หอมแดงไส้ปลายี่สนผัดหวาน – ใช้หอมแดงโทนลูกใหญ่ คว้านเนื้อในออกและสอดไส้ ปลา​ยี่สนผัดหวาน เข้าไปแทนที่ จากนั้นนำหอมแดงสอดไส้ลงชุบแป้งลงทอดจนกรอบเหลือง เคล็ดลับการปรุงไส้ปลา​ยี่สนผัดหวาน นำปลายี่สนไปต้มจนสุกและนำมาลอกหนัง แกะก้างออก นำเฉพาะส่วนเนื้อปลาเผัดกับน้ำตาลโตนด และน้ำมันหอมเจียวจนได้รสหวานหอม หมูฝอยหรือเมื้อฝอย – นำหมูหรือเนื้อแดดเดียวมานึ่งแล้วฉีกเป็นเส้น จากนั้นทอดแล้วผัดเคลือบน้ำตาล โรยด้วยหอมเจียวเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม พริกหยวกสอดไส้ – ใช้พริกหยวกเม็ดใหญ่ กรีดตรงกลางเพื่อนำเมล็ดออก สอดไส้ด้วยเนื้อหมูบดผสมเนื้อกุ้งสับ ที่ปรุงรสด้วยรากผักชี กระเทียม และพริกไทย แล้วนำทอดและห่อด้วยแพไข่ทอดสีเหลืองสวย หัวไชโป๊วผัดหวาน – ที่ทางเชฟเลือกใช้หัวไชโป๊วชั้นดีจากจังหวัดราชบุรีมาผัดกับน้ำตาลโตนดและน้ำมันหอมเจียวจนแห้งเข้าเนื้อ เป็นเส้นใสมันวาว หวานกลมกล่อม ผักแนม – ที่มีทั้งกระชายสด มะม่วงดิบ และผักสดอื่นๆ เป็นตัวช่วยชูให้รสเครื่องเคียงโดดเด่นอีกด้วย สัมผัสความอร่อยของ “ข้าวแช่” ตำรับชาววัง ที่พร้อมเสิร์ฟให้​ทุกท่านได้อิ่มเอมทุกวัน ณ ห้องอาหารเฟลอริช ชั้นล็อบบี้ โรงแรมสินธรเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 เมษายนนี้ ตั้งแต่เวลา 12:00 – 15:00 น. ในราคาชุดละ 990++ บาทต่อ 1 ท่าน หรือสั่งเป็นสำรับกลับบ้าน ในราคาชุดละ 1,290++ บาท สอบถามข้อมูล​เพิ่มเติม​และสำรองที่นั่งได้ที่​โทร. +66 02 095 9999 หรือเยี่ยมชมเว็ปไซต์ชองโรงแรมได้ที่ www.kempinski.com/en/bangkok/sindhorn-hotel/ Kin…

Read More

เชิญคุณมาจิบน้ำชายามบ่ายต้อนรับฤดูร้อน The Verdant Afternoon Tea – New Collection ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราโอ่โถงของล็อบบี้ ที่ได้รับรางวัล Best Hotel Lobby Interior of Thailand and Best International Hotel Lobby Interior จาก International Property Awards ชุดน้ำชายามบ่ายต้อนรับฤดูร้อน The Verdant Afternoon Tea – New Collection ได้รับแรงบันดาลใจจาก  Sustainability Concept  ที่ทางโรงแรมมุ่งมั่นที่จะช่วยอนุรักษ์โลกและรักษาด้วยการนำวัสดุเหลือใช้อย่าง  ใยมะพร้าวและแกลบข้าว มาสร้างสรรค์เป็นชุดชายามบ่ายดีไซน์เก๋ ประดับด้วยต้นไม้ขนาดพอเหมาะที่ได้มาจากรากของต้นสารภี ซึ่งถือเป็นไม้มงคลของไทยและเพิ่มความตระการตาด้วยดรายไอซ์บริเวณฐานของชุดชา ลิ้มลองรสชาติอันละเมียดของเมนูชุดชายามบ่ายไม่ว่าจะเป็น ชุด ClassisAfternoon Teaสำหรับผู้ที่ชอบความเรียบหรูอร่อยในสไตล์ต้นตำรับ หรือจะเป็นชุดGuilt Free Afternoon Tea สำหรับผู้ที่ห่วงใยสุขภาพ ทุกชุดเสิร์ฟคู่กับชาระดับพรีเมี่ยมหลากหลายชนิดให้คุณได้เลือกตามความชอบ รวมทั้งชาสมุนไพรออร์แกนิก ชงโดยทีมาสเตอร์ หรือพนักงานผู้เชี่ยวชาญด้านชาของโรงแรมฯ ที่จัดเตรียมมาเสิร์ฟให้คุณได้ผ่อนคลาย พบกับชุดน้ำชายาม The Verdant Afternoon Tea – New Collection ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อคลายร้อน เติมเย็นฉ่ำก่อนจิบชาด้วย เวอร์จิ้น พินาคาลาด้า เกล็ดน้ำแข็งสีขาวละมุ่นที่ผสมผสานความสดชื่นของ น้ำมะพร้าว น้ำสัปปะรด และน้ำมะนาว เสิร์ฟในดาร์กช็อกโกแลตที่ถูกดีไซน์ให้ดูละม้ายกะลามะพร้าวขนาดกระทัดรัด อร่อยกับสโคนสูตรพิเศษทั้งคลาสสิคสโคนและสโคนช็อกโกแลต เสิร์ฟพร้อมแยมสตรอเบอร์รี่ ค็อตเต็ทครีมชีส และเลม่อนเคิร์ด กรุ่นกลิ่นความหอมหวานกับเมนูของว่างยามบ่าย ไม่ว่าจะเป็น แซลม่อนรมควันสไลด์ – แซลม่อนทาร์ท่าร์เสิร์ฟคู่กับครีมชีสและไข่ปลาแซลม่อน, แซนวิชสลัดเนื้อปูและสตรอเบอร์รี่ – ที่นำขนมปังอบกรอบเสิร์ฟคู่กับสลัดเนื้อปูคลุกเคล้าซอสบาซามิคและสตรอเบอร์รี่สด, ทาร์ตทูน่า – ที่ทาร์ตทูน่าหอมกรุ่น ท็อปปิ้งด้วยแตงกวาและไข่ปลาคาร์เวียร์, ฟัวกราพาร์เฟ่ต์ – ที่เสิร์ฟฟัวกราเทอรีนโรยด้วยเมล็ดโกโก้บดผสมอัลม่อนด์บนแป้งแคร็กเกอร์อบ, ปิดท้ายเมนูของคาวด้วย พาร์ม่าแฮมและไก่ผงกะหรี่ – ความอร่อยที่ลงตัวระหว่างพาร์ม่าแฮมทอดทานคู่กับเนื้อไก่ผัดผงกะหรี่ ลิ้มลองเมนูของหวานและเบเกอรี่เพื่อเพิ่มความสดชื่น ไม่ว่าจะเป็น บาคาร์ดี้โมจิโต้ –…

Read More