30/6/15 หลายคนอาจยังไม่ทราบถึงพิษภัยของมันแกวแก่ ล่าสุดทางกรมวิทย์ได้ออกเตือนห้ามกิน “เมล็ดมันแกวแก่” เพราะมีสารพิษโรทีโนน มีฤทธิ์ฆ่าแมลง เป็นพิษต่อคนและสัตว์ ชี้กินเข้าไปแล้วทำให้ระบบทางเดินอาหารระคายเคือง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ถ้าได้รับพิษมากอาจส่งผลระบบทางเดินหายใจ ช็อก ถึงขั้น ป่วยหนักและเสียชีวิตไปเลย นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางกรมวิทย์ฯ พบการรายงานเสียชีวิตจากการกินเมล็ดมันแกวหลายราย ล่าสุด พบผู้ป่วย 1 ราย ที่ จ.ศรีสะเกษ มีอาการป่วยจาการกินเมล็ดมันแกวต้มสุกแล้วมีอาการคล้ายได้รับสารพิษอย่างรุนแรงและเสียชีวิตในเวลาต่อมาอย่างรวดเร็ว โดยทาง รพ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ได้ทำการส่งตัวอย่างเมล็ดมันแกวมายังศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี และส่งต่อมาตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการศูนย์พิษวิทยา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทย์ฯ จากตรวจวิเคราะห์พบสารโรทีโนน ที่มีฤทธิ์เป็นสารเคมีในระดับที่สามารถกำจัดแมลงได้ โดยปริมาณ 132-1,500 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และซึ่งรุนแรงในระดับขนาดที่สามารถทำให้หนูตายได้ด้วย “จริงๆ แล้วเมล็ดมันแกวสามารถกินได้ แต่ต้องเป็นฝักและเมล็ดอ่อน ซึ่งในภาคอีสานนิยมนำมากินเป็นผักสดกับส้มตำ ส่วนฝักและเมล็ดแก่จะเป็นพิษ มีสารที่มีฤทธิ์เป็นสารกำจัดแมลง ซึ่งสารโรทีโนนเป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในเมล็ดมันแกวอยู่แล้ว ร่วมกับ อีโรโซน และโดลินีโอน ทั้งนี้ พิษของโรทีโนนทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง และถ้าได้รับพิษปริมาณมาก อาการจะรุนแรงขึ้น มีผลต่อระบบการหายใจ คือ หยุดหายใจ ชัก และอาจถึงแก่ชีวิต” อธิบดีกรมวิทย์ฯ กล่าว นพ.อภิชัย กล่าวต่อว่า การช่วยเหลือผู้ที่เกิดอาการพิษจากการกินเมล็ดมันแกว ต้องทำให้อาเจียนออกมาเร็วที่สุดเพื่อกำจัดเศษพืชที่มีพิษในกระเพาะอาหาร และให้ดื่มนม ไข่ขาว เพื่อลดการดูดซึมของสารพิษ และนำส่งโรงพยาบาลในทันที แพทย์จะรักษาแบบประคับประคองอาการ เพราะไม่มียารักษา เช่น ใส่เครื่องช่วยหายใจหากหยุดหายใจ ให้น้ำเกลือและยาตามความเหมาะสม เป็นต้น โดยพิษจะค่อยๆ ถูกขับออกทางปัสสาวะ ส่วนการป้องกันที่ดีที่สุดคือ ไม่นำเมล็ดแก่ของมันแกวมากิน และควรรู้เกี่ยวกับลักษณะทั่วไปของมันแกว รวมทั้งอันตรายที่เกิดจากการกินเมล็ดมันแกว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันและรักษาพิษเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ทั้งนี้ มันแกวนั้นเป็นพืชที่มีหัวใต้ดิน ในประเทศไทย ชื่อเรียกต่างกันไปตามภูมิภาค เช่น มันละแวก มันลาว มันเพา หัวแปะกัว…
Author: Kittin Assavavichai
29/6/15 เมืองเซาเปาลู ประเทศบราซิลประกาศออกกฎหมายแบนเมนู’ฟัวกราส์’ หรือ “ตับห่าน”อาหารจานหรูของเหล่าเศรษฐี ชี้เป็นการทรมานสัตว์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 26 มิ.ย.) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เซาเปาลู เมืองที่ใหญ่ที่สุดของบราซิล ออกกฎหมายห้ามซื้อขาย “ฟัวกราส์” หรือ “ตับห่าน” โดย มร.ลาเอร์โช เบนโก สมาชิกสภาเมืองผู้ยื่นเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ ชี้แจงว่า เนื่องจากฟัวกราส์เป็นอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งขั้นตอนเพื่อให้ได้มา ยังเป็นการทรมานสัตว์อีกด้วย กฎหมายฉบับนี้ จะให้เวลาผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้บริโภคในการเตรียมตัวอีก 45 วัน โดยฟัวกราส์ที่ซื้อก่อนหน้านั้นหรือซื้อจากนอกเมือง จะไม่ถูกควบคุมโดยกฎหมายนี้“ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากฟากนักอนุรักษ์ โดย มร.กีแลร์เม การ์วาโล หนึ่งในผู้อำนวยการของสมาคมมังสวิรัติบราซิล กล่าวว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ โดยหวังว่านำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกฎหมายทั่วประเทศ แต่ก็มีฝ่ายเชฟคัดค้าน มร. อเล็กซ์ อตาลา เชฟชื่อดังของร้านดีโอเอ็ม ร้านอาหารระดับโลกในเซาเปาลู ออกเสียงคัดค้านกฎหมายฉบับนี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง ทางการไม่ควรจะมาบงการว่าประชาชนควรจะกินอะไร พร้อมทั้งยังกล่าวว่าเป็นการละเมิดและริดรอนสิทธิ์ประชาชน ที่จริงแล้ว ฟัวกราส์ คือตับเป็ดหรือตับห่านที่อุดมไปด้วยไขมันสูงกว่าปกติหลายเท่า ซึ่งได้จากเป็ดหรือห่านที่ถูกบังคับให้กินอาหารเฉพาะ เพื่อให้มีไขมันจำนวนมากไปสะสมที่ตับได้แก่แป้งข้าวโพดหรือสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรชและไขมันปริมาณสูง เมื่อฟัวกราส์ถูกความร้อนจะให้ความหอมมันเป็นอย่างมากแต่นั้นก็หมายถึงโทษทางโภชณาการที่สูงมากเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดีฟัวกราส์ก็นับเป็นหนึ่งในวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับเชฟและนักชิม ซึ่งในปัจจุบันฟัวกราส์ถูกนำไปใช้ประกอบอาหารแทบทุกชนิดทั้งในอาหารไทยฟิวชั่น ซูชิ และประกอบกับอีกหลากหลายเมนู อย่างไรก็ดีทีมงานกินแหลกแจกดาวขอเตือนด้วยความหวังดีว่าอร่อยปากเราก็อย่าให้ลำบากกายแล้วกัน ^^ เรียบเรียงโดยทีมข่าวการกิน กินแหลกแจกดาว Kinlakestars.com Team ——————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A…