Author: Kittin Assavavichai

2/7/15 เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าภาชนะที่ทำจากโฟมนั้นเมื่อนำมาใส่อาหารใส่ของกิน ย่อมไม่ดีต่อสุขภาพ ทั้งอันตรายจากสารก่อมะเร็งและอื่นๆ อีกทั้งยังไม่ดีต่อ สิ่งแวดล้อมการย่อยสลายที่ยาก ภาชนะที่ทำจากโฟมเป็นของต้องห้ามใน หลายประเทศและหลายเมืองแล้วและล่าสุด นิวยอร์กก็เป็นอีกเมืองที่ออกกฎหมายให้ภาชนะที่ทำจากโฟมสำหรับใส่ของกินเป็นของต้องห้าม เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน เป็นวันสุดท้ายที่ชาวนครนิวยอร์กได้กินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มจากภาชนะที่ทำจากโฟม เพราะในวันนี้ กฎหมายท้องถิ่นที่ห้ามการใช้ภาชนะสไตโรโฟมใส่ของกินได้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายอย่างเป็นทางการแล้ว  นับจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร หรือร้านแผงลอย ไปจนถึงรถขายอาหารที่เป็นที่นิยมอย่างมากในนิวยอร์ก ห้ามใช้และครอบครองภาชนะโฟมได้อีกต่อไป แม้แต่การขายภาชนะโฟมก็จะถือว่าผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน โดยกฎหมายนี้มีขึ้นเพื่อกำจัดโฟมที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ ซึ่งในแต่ละปีนครนิวยอร์กมีขยะประเภทนี้มากถึง 28,500 ตัน และร้อยละ 90 ของโฟมที่ทิ้งลงถังขยะ มาจากแก้วน้ำหรือภาชนะใส่ของกิน รัฐบาลท้องถิ่นนครนิวยอร์ที่นำโดย มร.บลูมเบริคได้ผ่านกฎหมายแบนการใช้ภาชนะโฟมตั้งแต่ปลายปี 2013 โดยมีข้อแม้ว่าจะแบนก็ต่อเมื่อสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีทางรีไซเคิลโฟมเหล่านี้ได้ ซึ่งหน่วยงานด้านสุขอนามัยชุมชนของนิวยอร์กมีเวลาพิสูจน์ 1 ปี ว่าโฟมสามารถรีไซเคิลได้หรือไม่ โดยเมื่อสิ้นปี 2014 ก็ได้มีการยืนยันว่าไม่มีทางที่ภาชนะโฟมจะถูกรีไซเคิลด้วยวิธีใดๆได้ กฎหมายดังกล่าวจึงบังคับใช้อย่างสมบูรณ์และทางการในวันนี้ นครนิวยอร์กเองไม่ใช่ที่แรกที่ห้ามการใช้โฟม เพราะก่อนหน้านี้ ในเมืองใหญ่ๆหลางเมืองเช่น ซานฟรานซิสโก ซีแอทเทิล และมินเนอาโพลิส ก็แบนการใช้ภาชนะโฟมใส่อาหารแล้วเช่นกัน โดยหวังว่าการแบนอย่างถาวร จะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการผลิตภาชนะอื่นขึ้นมาทดแทนอย่างจริงจัง ทำให้ภาชนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมราคาถูกลง และใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นในที่สุด ในปัจจุบันมีวัสดุทางเลือกเกิดขึ้นมากมายที่ใช้แทนโฟมได้ไม่ว่าจะเป็น กล่องกระดาษ แผ่นมันสัมปหรังแทนโฟม หรือวัสดุย่อยสลายได้อื่นๆ ในญึปุ่นซึ่งในประเทศไทยเรี่ปุ่นเองได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องภาชนะ ทั้งสวยงามและหลากหลาย มีกล่องไม้สน กล่องพลาสติกย่อย สลายง่าย ฯลฯ ในไทยเราเองก็มีวัสดุย่อยสลายได้แต่เดิมใช่กระบอก ไม้ไผ่ทำข้าวหลาม หรือการใช้ใบตองห่อขนมซึ่ง กินแหลกแจกดาวคิดว่าถ้าไทยเราเองออกกฎหมายแบนกล่องโฟม  จะทำให้เกิดการพัฒนา ภาชนะสำหรับอาหารการกินทดแทนได้ดีขึ้น ดีต่อคุณภาพชีวิตผู้คน สุขภาพและสิ่งแวดล้อมด้วย Kin News Kinlakestars.com Team ——————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A…

Read More

30/6/15 หลายคนอาจยังไม่ทราบถึงพิษภัยของมันแกวแก่    ล่าสุดทางกรมวิทย์ได้ออกเตือนห้ามกิน “เมล็ดมันแกวแก่” เพราะมีสารพิษโรทีโนน มีฤทธิ์ฆ่าแมลง เป็นพิษต่อคนและสัตว์ ชี้กินเข้าไปแล้วทำให้ระบบทางเดินอาหารระคายเคือง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ถ้าได้รับพิษมากอาจส่งผลระบบทางเดินหายใจ ช็อก ถึงขั้น ป่วยหนักและเสียชีวิตไปเลย นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางกรมวิทย์ฯ พบการรายงานเสียชีวิตจากการกินเมล็ดมันแกวหลายราย ล่าสุด พบผู้ป่วย 1 ราย ที่ จ.ศรีสะเกษ มีอาการป่วยจาการกินเมล็ดมันแกวต้มสุกแล้วมีอาการคล้ายได้รับสารพิษอย่างรุนแรงและเสียชีวิตในเวลาต่อมาอย่างรวดเร็ว โดยทาง รพ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ได้ทำการส่งตัวอย่างเมล็ดมันแกวมายังศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 10 จังหวัดอุบลราชธานี และส่งต่อมาตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการศูนย์พิษวิทยา สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทย์ฯ จากตรวจวิเคราะห์พบสารโรทีโนน ที่มีฤทธิ์เป็นสารเคมีในระดับที่สามารถกำจัดแมลงได้ โดยปริมาณ 132-1,500 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และซึ่งรุนแรงในระดับขนาดที่สามารถทำให้หนูตายได้ด้วย “จริงๆ แล้วเมล็ดมันแกวสามารถกินได้ แต่ต้องเป็นฝักและเมล็ดอ่อน ซึ่งในภาคอีสานนิยมนำมากินเป็นผักสดกับส้มตำ ส่วนฝักและเมล็ดแก่จะเป็นพิษ มีสารที่มีฤทธิ์เป็นสารกำจัดแมลง ซึ่งสารโรทีโนนเป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในเมล็ดมันแกวอยู่แล้ว ร่วมกับ อีโรโซน และโดลินีโอน ทั้งนี้ พิษของโรทีโนนทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง และถ้าได้รับพิษปริมาณมาก อาการจะรุนแรงขึ้น มีผลต่อระบบการหายใจ คือ หยุดหายใจ ชัก และอาจถึงแก่ชีวิต” อธิบดีกรมวิทย์ฯ กล่าว นพ.อภิชัย กล่าวต่อว่า การช่วยเหลือผู้ที่เกิดอาการพิษจากการกินเมล็ดมันแกว ต้องทำให้อาเจียนออกมาเร็วที่สุดเพื่อกำจัดเศษพืชที่มีพิษในกระเพาะอาหาร และให้ดื่มนม ไข่ขาว เพื่อลดการดูดซึมของสารพิษ และนำส่งโรงพยาบาลในทันที แพทย์จะรักษาแบบประคับประคองอาการ เพราะไม่มียารักษา เช่น ใส่เครื่องช่วยหายใจหากหยุดหายใจ ให้น้ำเกลือและยาตามความเหมาะสม เป็นต้น โดยพิษจะค่อยๆ ถูกขับออกทางปัสสาวะ ส่วนการป้องกันที่ดีที่สุดคือ ไม่นำเมล็ดแก่ของมันแกวมากิน และควรรู้เกี่ยวกับลักษณะทั่วไปของมันแกว รวมทั้งอันตรายที่เกิดจากการกินเมล็ดมันแกว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันและรักษาพิษเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ทั้งนี้ มันแกวนั้นเป็นพืชที่มีหัวใต้ดิน ในประเทศไทย ชื่อเรียกต่างกันไปตามภูมิภาค เช่น มันละแวก มันลาว มันเพา หัวแปะกัว…

Read More

29/6/15 เมืองเซาเปาลู  ประเทศบราซิลประกาศออกกฎหมายแบนเมนู’ฟัวกราส์’ หรือ “ตับห่าน”อาหารจานหรูของเหล่าเศรษฐี  ชี้เป็นการทรมานสัตว์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ( 26 มิ.ย.) สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เซาเปาลู เมืองที่ใหญ่ที่สุดของบราซิล ออกกฎหมายห้ามซื้อขาย “ฟัวกราส์” หรือ “ตับห่าน” โดย มร.ลาเอร์โช เบนโก สมาชิกสภาเมืองผู้ยื่นเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ ชี้แจงว่า เนื่องจากฟัวกราส์เป็นอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งขั้นตอนเพื่อให้ได้มา ยังเป็นการทรมานสัตว์อีกด้วย กฎหมายฉบับนี้ จะให้เวลาผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้บริโภคในการเตรียมตัวอีก 45 วัน โดยฟัวกราส์ที่ซื้อก่อนหน้านั้นหรือซื้อจากนอกเมือง จะไม่ถูกควบคุมโดยกฎหมายนี้“ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากฟากนักอนุรักษ์ โดย มร.กีแลร์เม การ์วาโล หนึ่งในผู้อำนวยการของสมาคมมังสวิรัติบราซิล กล่าวว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ โดยหวังว่านำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกฎหมายทั่วประเทศ แต่ก็มีฝ่ายเชฟคัดค้าน มร. อเล็กซ์ อตาลา เชฟชื่อดังของร้านดีโอเอ็ม ร้านอาหารระดับโลกในเซาเปาลู ออกเสียงคัดค้านกฎหมายฉบับนี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม โดยกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง ทางการไม่ควรจะมาบงการว่าประชาชนควรจะกินอะไร พร้อมทั้งยังกล่าวว่าเป็นการละเมิดและริดรอนสิทธิ์ประชาชน ที่จริงแล้ว ฟัวกราส์ คือตับเป็ดหรือตับห่านที่อุดมไปด้วยไขมันสูงกว่าปกติหลายเท่า ซึ่งได้จากเป็ดหรือห่านที่ถูกบังคับให้กินอาหารเฉพาะ เพื่อให้มีไขมันจำนวนมากไปสะสมที่ตับได้แก่แป้งข้าวโพดหรือสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรชและไขมันปริมาณสูง เมื่อฟัวกราส์ถูกความร้อนจะให้ความหอมมันเป็นอย่างมากแต่นั้นก็หมายถึงโทษทางโภชณาการที่สูงมากเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดีฟัวกราส์ก็นับเป็นหนึ่งในวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับเชฟและนักชิม ซึ่งในปัจจุบันฟัวกราส์ถูกนำไปใช้ประกอบอาหารแทบทุกชนิดทั้งในอาหารไทยฟิวชั่น ซูชิ และประกอบกับอีกหลากหลายเมนู อย่างไรก็ดีทีมงานกินแหลกแจกดาวขอเตือนด้วยความหวังดีว่าอร่อยปากเราก็อย่าให้ลำบากกายแล้วกัน ^^ เรียบเรียงโดยทีมข่าวการกิน กินแหลกแจกดาว Kinlakestars.com Team ——————————————————————————————————————————————— A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A B A…

Read More